กระทรวงดีอี โดย ดีป้า และ Digital China Group พันธมิตรจากประเทศจีนร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัลรอบด้าน

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ Mr. Chen Zhenkun, Digital China Group ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล โดยมี Mr. Guo Wei, Chaiman of Digital China Group และ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) ร่วมเป็นสักขีพยานภายในงาน Data & Cloud Innovation – Digital China Bangkok Summit และขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ

ผศ.ดร.ณัฐพล เปิดเผยว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี มอบหมายให้ ดีป้า ดำเนินการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุน และการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สนองตอบแผนการดำเนินงานสำคัญของกระทรวงอย่าง The Growth Engine of Thailand

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีป้า ในนามของ กระทรวงดีอี ได้ร่วมส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อีกทั้งเดินหน้าหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนด้านดิจิทัลผ่าน Greater Bay Area (GBA) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความร่วมมือระหว่าง ดีป้า กับ Digital China Group ในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัลครั้งสำคัญ ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ของประชาชน และยกระดับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเปิดรับทุกความร่วมมือเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศให้สมบูรณ์ ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย และเสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ด้าน Mr. Guo Wei กล่าวว่า ความร่วมมือในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกในการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่าง ประเทศไทยกับ Digital China Group ซึ่งเราขอให้ความเชื่อมั่นว่า จีนพร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลรอบด้านมาร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ทั้งในด้านการขับเคลื่อนระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อเติมเต็มเข้าสู่ประเทศไทย เรามุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและ ธุรกิจในไทยสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้สามารถปรับตัวเตรียมพร้อมรองรับกระแสความเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล (Digital Transformation) ทั้งนี้ ภายใต้ความร่วมมือ Digital China Group ยินดี ที่จะมอบคำแนะนำเชิงลึก โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมขั้นสูง อาทิ ระบบคลาวด์ (Cloud) และการบูรณาการข้อมูล (Data Integration) รวมถึงการต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในด้านที่สำคัญของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง ดีป้า กับ Digital China Group จะครอบคลุมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัลรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น 1. การส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุน เพิ่มตำแหน่งงาน และผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยเติบโต 2. การส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยผ่านกิจกรรมด้าน e-Commerce, Digital Payments, Fintech และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล 3. การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 4. การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การฝึกอบรม เพื่อยกระดับทักษะดิจิทัลแรงงานไทยให้เหมาะสมกับการจ้างงาน 5. การร่วมมือสร้าง Big Data Centers รองรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลชั้นสูงและการพัฒนานวัตกรรม 6. การร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยี Cloud เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการ 7. การส่งเสริมการพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ รองรับและต่อยอดการทำธุรกรรมออนไลน์ 8. การสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาวิจัยและการใช้งาน AI เช่น Machine Learning, Natural Language Process, Robotics ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรม AI และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเท และ 9. การนำพันธมิตรด้าน AI เข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศดิจิทัลและผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโต

เมื่อเร็วๆ นี้ นายพิศาล ไทยสม ผู้อำนวยการฝ่ายกรรมสิทธิที่ดิน การทางพิเศษ  แห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานในกิจกรรมการสร้างชุมชนเครือข่ายเป็นมิตรกับทางพิเศษ และกิจกรรมการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับอัคคีภัยทางพิเศษฉลองรัช ประจำปี 2567 ณ บริเวณ ลานกีฬาชุมชนบึง พระราม 9 พัฒนา ทางพิเศษฉลองรัช

นายพิศาล ไทยสม ผู้อำนวยการฝ่ายกรรมสิทธิที่ดิน กทพ. กล่าวว่า ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการเสริมสร้างสังคมในพื้นที่รอบเขตทางพิเศษให้เกิดความเข้มแข็ง ความสามัคคี และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและชุมชนรอบเขตทางพิเศษ โรงเรียน และหน่วยงานอื่น ๆ รอบเขตทางพิเศษอย่างยั่งยืนลดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ชุมชนช่วยดูแลพื้นที่รอบเขตทางพิเศษ โดยการจัดกิจกรรมการสร้างชุมชนเครือข่ายเป็นมิตรกับทางพิเศษ และกิจกรรมการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับอัคคีภัย ทางพิเศษฉลอง ประจำปี 2567 ในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจาก ชุมชนบึงพระราม 9  ชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา  โรงเรียนเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชน บึงพระราม 9  โรงเรียนเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา สำนักงานเขตห้วยขวาง  สถานีดับเพลิงบางกะปิ และสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกซ้อมป้องกันและระงับอัคคีภัยในวันนี้ ซึ่ง กทพ. ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยในวันนี้ ได้จัดให้ความรู้วิธีการดับเพลิง การฝึกซ้อมขั้นตอนอพยพกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยฟื้นคืนชีพ (First Aid & CPR) ให้กับชาวชุมชนรอบเขตทางพิเศษ ในการป้องกันและระงับอัคคีภัยรวมถึงให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดอัคคีภัย พร้อมทั้งได้มอบมอบอุปกรณ์ถังดับเพลิงสีแดง จำนวน 10 ถัง ถังดับเพลิงสีเขียว จำนวน 5 ถัง จักรยานออกกำลังกายจำนวน 1 เครื่อง และของที่ระลึกให้กับชุมชนบึงพระราม 9 และมอบถังดับเพลิงสีเขียว จำนวน 5 ถัง อุปกรณ์กีฬา ติดตั้งชิงช้า 3 ตัว ที่สนามเด็กเล่น และของที่ระลึกให้กับชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา อีกด้วย

“การทางพิเศษฯ ได้นำทางพิเศษฉลองรัชเข้าสู่ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน ข้อกำหนดมาตรฐานของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 2015 ได้กำหนดให้การทางพิเศษฯ ทำการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับอัคคีภัยใต้ทางพิเศษ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานใกล้เคียง ในการรองรับหากเกิดอัคคีภัยใต้ทางพิเศษ หรือในชุมชนใกล้เคียง แสดงให้เห็นว่าการทางพิเศษฯ กับชุมชนรอบเขตทางพิเศษมีความร่วมมือที่ดีต่อกัน ผมหวังว่ากิจกรรม ในวันนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างการทางพิเศษฯ และชุมชนรอบเขตทางพิเศษ ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลดพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้ชุมชนช่วยกันดูแลพื้นที่รอบเขตทางพิเศษ โดยการทางพิเศษฯ ก็จะจัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ต่อไป” นายพิศาล ฯ กล่าวในท้ายที่สุด

ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พนักงานบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ใช้เวลาหลังเลิกงานทำหมวกมัดย้อม จำนวน 100 ใบ โครงการ มัดย้อมมัดใจ ส่งต่อกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ณ “ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม”

โดยมี อาจารย์สุระจิตร แก่นพิมพ์ อาจารย์ภาควิชาศิลปะการออกแบบและเทคโนโลยี พร้อมนักศึกษาสาขาจิตรกรรมชั้นปีที่ 3 จิตอาสา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เป็นวิทยากรสอนทำหมวกมัดย้อม โดยโครงการมีพนักงานเข้าร่วมจำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 50 คน ประสานความร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน STYLE Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และงานคราฟท์ แนวดีไซน์ระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เมื่อเร็วๆนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย งานพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชนนำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกิตติมศักดิ์สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า เอกอัครราชทูต และผู้แทนการค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงผู้แสดงสินค้าจากไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของงาน STYLE Bangkok โดยกล่าวว่า “STYLE Bangkok เป็นเวทีที่สำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ส่งออก  SMEs ทุกระดับ รวมถึงนักออกแบบ และผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ในการก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างแข็งแกร่ง งานนี้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อยกระดับประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการค้า สินค้าแนวดีไซน์ ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน”  

นายเศรษฐา กล่าวถึงอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่แสดงถึงศักยภาพของคนไทย ในการผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีผู้ประกอบการ SMEs อยู่ในอุตสาหกรรมถึงกว่าร้อยละ 90 ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ

นอกจากนี้ STYLE Bangkok ยังเป็นเวทีที่มุ่งส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบการและนักธุรกิจในการก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย  โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผู้ประกอบการใทยในปัจจุบันมีความตระหนักและรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญของวาระแห่งชาติที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ” 

STYLE Bangkok 2024 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสนับสนุนโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานรวม 23 องค์กร จัดระหว่างวันที่ 20 – 24 มีนาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของภูมิภาค งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม "ChicNature” เพื่อตอกย้ำศักยภาพของไทยในการผลิตสินค้ามีดีไซน์ ความชิค และมีเอกลักษณ์ในรูปแบบของตนเอง โดยมีบริษัทเข้าร่วมจัดแสดงกว่า 500 ราย ร่วม 820 คูหา และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 30,000 ราย สร้างมูลค่าการค้าทันทีและภายใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

สำหรับไฮไลต์ของงาน STYLE Bangkok 2024 ในปีนี้ คือพาวิลเลียน Chic by Nature ภายใต้โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตลอดจนส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยสู่สากล และเพื่อสืบสานพระปณิธานดังกล่าว ภายในงานได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงมหาดไทย เพื่อต่อยอดการนำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกต่อยอดสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ และฉบับที่ 2 ระหว่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับวิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู เพื่อส่งเสริมการผลิตและใช้ผ้าไทยในประเทศด้วย

ภายในงาน พบกับสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่มีดีไซน์และความหลากหลาย ตลอดจนสินค้างานหัตถกรรมท้องถิ่น จากผู้ส่งออกชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็น ของขวัญ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์สปา ของเล่น ฯลฯ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ งานเสวนาองค์ความรู้ด้านตลาด ตลาดออนไลน์ โอกาสทางการตลาดใหม่ๆ และเทรนด์สินค้าแฟชั่น นิทรรศการจัดแสดงผลงาน และแฟชั่นโชว์ จากโครงการพัฒนาตลาดเชิงลึกต่างๆ ของ DITP กิจกรรมจับคู่ธุรกิจเพื่อขยายเครือข่ายและเปิดโอกาสด้านความร่วมมือทางการค้า ฯลฯ

STYLE Bangkok 2024 จัดระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2567 ณ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเปิดเป็นวันเจรจารธุรกิจ ระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคม เวลา 10.00-18.00 น. และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและเลือกซื้อสินค้า ระหว่างวันที่ 23-24 มีนาคม เวลา 10.00-21.00 น. ชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com หรือ Facebook/Instagram/TikTok : Style Bangkok Fair หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

เปิดตัวพร้อมราคาโปรโมชันพิเศษเพียง 6,799 บาท* เริ่มขายแล้ววันนี้!

สัมผัสประสบการณ์การใช้งานยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ใหญ่และอึดที่สุด พร้อมขาย 21 มี.ค.นี้! ในราคาเพียง 6,499 บาท

เอาใจคอกีฬาระดับโลก โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ไว้เอนจอยทุกการช้อปปิ้ง มั่นใจกระตุ้นยอดการใช้จ่ายช่วงซัมเมอร์

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เปิด เผยว่า "ธุรกิจห้าดาว" (Five Star) สานฝันผู้ประกอบการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มุ่งสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับผู้ประกอบการ มาตลอด 40 ปี ปัจจุบันมีแฟรนไชส์กว่า 5,000 รายในประเทศไทย และอีก 3,500 รายในต่างประเทศ ตั้งเป้าปี 2567 ขยายความสำเร็จเป็น 11,500 ราย ใน 10 ประเทศ โดยมุ่งเน้นการสานต่อความสำเร็จ สร้างเถ้าแก่ที่เข้มแข็งมีคุณภาพ ส่งต่ออาหารคุณภาพปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยมีบริษัทฯ เป็น “เพื่อนแท้ทางธุรกิจ” ที่ช่วยสนับสนุนในทุกๆด้าน ช่วยสร้างโอกาสที่จับต้องได้ บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจของห้าดาวที่มีมาอย่างยาวนาน ด้วยกลยุทธ์ที่โดดเด่น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการเป็นเถ้าแก่ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง

“ตลอดการดำเนินงาน 40 ปี ธุรกิจห้าดาวมุ่งมั่นสร้างอาชีพ ให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเติบโตบนเส้นทางธุรกิจไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากระบบบริหารจัดการแบบครบวงจร ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ โดยมีบริษัทฯ เป็นทีมหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ด้วยการลงทุนที่ต่ำกว่าในอุตสาหกรรมใกล้เคียงกัน จึงลดความเสี่ยงของผู้ลงทุน ทำให้สามารถคืนทุนได้ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่แน่นอน ช่วยสร้างงานให้กับคนในชุมชน เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งมอบอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน” นายสุนทร กล่าว

ธุรกิจห้าดาว เป็นธุรกิจจุดจำหน่ายอาหารในรูปแบบแฟรนไชส์สัญชาติไทย ดำเนินการภายใต้ บริษัท ซีพีเอฟเรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ปัจจุบันธุรกิจห้าดาวมีแฟรนไชส์จำหน่ายอาหารหลากหลาย ตั้งแต่ ซุ้มไก่ย่าง-ไก่ทอดห้าดาว กระทะเหล็ก Hi Pork เป็ดเจ้าสัว ข้าวมันไก่ไห่หนาน และ STAR COFFEE และยังคงเดินหน้าพัฒนารูปแบบร้านให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ ทั้งรูปแบบ Five Star Glass House และ Five Star Shop

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการทำ Food Delivery สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่าน TrueMoney Wallet ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในยุคของสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ที่สำคัญยังมีทีมงานเข้าตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน QSC และประเมินการรักษามาตรฐานของร้านอยู่เสมอ ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นเจ้าของธุรกิจอาหารที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของสินค้า และมีความเป็นเลิศในการบริการ

ร่วมเข้าแคมป์ฝึกทักษะฟุตบอลระดับโลกที่ LFC International Academy ประเทศอังกฤษ

X

Right Click

No right click