ผนึกพาร์ทเนอร์แพลตฟอร์มจองร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,400 แห่ง เจาะลูกค้านักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ตั้งเป้าขยายพันธมิตร ผู้ใช้งานโต 100% คาดปี 67 ยอดรายได้ในระบบพุ่งแตะ 1.5 พันล้าน

เมื่อปี 2566 กำลังจะสิ้นสุดลง TikTok ขอชวนทุกคนมองย้อนกลับไปถึงบทบาทสำคัญของแพลตฟอร์มในการส่งเสริมความสำเร็จของแบรนด์และสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดทั้งปี โดยแพลตฟอร์มได้พัฒนาไปสู่การเป็นเครื่องมือแบบไดนามิกที่แบรนด์ไม่เพียงแต่นำมาใช้เพื่อเล่าเรื่องราวของตนเท่านั้น แต่ยังได้พบกับความสำเร็จในแบบที่จับต้องได้ และการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปีนี้จึงถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok ในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ คอมมูนิตี้ และวัฒนธรรมที่ช่วยผลักดันประสบการณ์ที่น่าจดจำและผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่หลากหลายแบรนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ปีแห่งแคมเปญสร้างสรรค์และความเจริญทางวัฒนธรรม

ในปีที่ผ่านมา TikTok เป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่างๆ มากมาย ผ่านแคมเปญที่ช่วยสะท้อนเรื่องราวและสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ด้วยการประยุกต์ใช้พลังอันเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok แบรนด์ต่างๆ จึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวของตนเองได้อย่างน่าสนใจผ่านเทรนด์ต่างๆ กิจกรรม และการมีประสบการณ์ร่วมจากผู้ชม

สรุปภาพรวมความสำเร็จแห่งปี 2023

  • TikTok Works: TikTok Works คือ ซีรีส์ใหม่ในการสำรวจความสามารถของ TikTok ในการขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่แท้จริงให้กับแบรนด์ต่างๆ ที่ยังเป็นมากกว่าการวัดผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการใช้สื่อ รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของแพลตฟอร์มในการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลในงานวิจัยของหลากหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Kantar, Nielsen, Adjust และอื่นๆ TikTok ไม่เพียงแต่มีความเป็นเลิศในการค้นพบผลิตภัณฑ์และสร้างแบรนด์เท่านั้น แต่ยังมอบผลตอบแทนที่แท้จริงอีกด้วย TikTok Works ได้พิสูจน์แล้วว่าเงินทุกเม็ดเงินที่ใช้ไปบน TikTok นำไปสู่ผลตอบแทนในรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยมีผลตอบแทนทางโฆษณา หรือ ROAS ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลล่าร์สหรัฐ (~91 บาท) และมี ROAS มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เฉลี่ยประมาณ 1.6 เท่า ทั้งนี้ TikTok ได้ร่วมมือกับ WARC เพื่อจัดทำรายงานที่ชื่อว่า "When Entertainment Meets Effectiveness" เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทผลลัพธ์และความสำเร็จของ TikTok Works ในการผสมผสานความบันเทิงและการโฆษณาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถวัดผลได้จริง สามารถดาวน์โหลดรายงานดังกล่าวได้แล้ววันนี้ ที่นี่
  • The Next Creative Renaissance: TikTok ทราบดีว่าของความคิดสร้างสรรค์มีส่วนสำคัญถึง 50% ที่จะช่วยให้แคมเปญโฆษณาประสบความสำเร็จ TikTok จึงได้จัดทำรายงานที่ชื่อว่า 'Storytelling in the Next Creative Renaissance' ที่นำเสนอเทคนิค 3R ที่แบรนด์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายๆ ประกอบด้วย Recut, Remix และ Reimagine เพื่อเป็นโซลูชันให้แก่ธุรกิจในการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาบน TikTok ซึ่งตัวอย่างความสำเร็จเห็นได้ชัดเจนจาก Netflix ประเทศไทยที่ปรับใช้เทคนิค 3R ของ TikTok ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับซีรี่ย์เรื่อง 'Delete' โดย Netflix เริ่มต้นด้วยการทำ 'Recut' เพื่อกระตุ้นความสนใจจากผู้ชม จากนั้น 'Remix' เนื้อหาให้เข้ากับสไตล์ของ TikTok และดึงดูดผู้ใช้ด้วยเกม 'Delete or Keep' ที่มีนักแสดงจาก ซีรีส์เป็นส่วนหนึ่ง และสุดท้าย 'Reimagine' แคมเปญด้วยเทคโนโลยีของ TikTok ที่พวกเขายังได้เปิดตัว Branded Effect ที่นำไปสู่วิดีโอที่สร้างโดยผู้ใช้มากกว่า 3,000 วิดีโอ ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของแพลตฟอร์มในการเพิ่มพูนความคิดสร้างสรรค์ในการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี

  • ระบบนิเวศทางธุรกิจอันรุ่งเรืองของ TikTok: คอมมูนิตี้ที่มีความหลากหลายเติบโตอย่างก้าวกระโดดขับเคลื่อนคอนเทนต์การท่องเที่ยว ความงาม และความบันเทิง ให้สูงขึ้นด้วยการรับชมคอนเทนต์นับล้านครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัตราการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง โดยพบว่า 97% ผู้ใช้ TikTok ทำการซื้อสินค้าทันทีหลังจากเห็นโฆษณาบน TikTok และที่น่าประหลาดใจคือ 77% ของการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนั้นได้รับอิทธิพลจากเนื้อหาเพื่อความบันเทิง
  • การเติบโตของ Shoppertainment: TikTok ได้ปฏิวัติประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยการผสมผสานกับความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ มอบพื้นที่ที่ทุกคนสามารถโต้ตอบกันได้อย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งผู้ใช้ไม่เพียงแค่ได้รับชมเท่านั้น แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมกับการซื้อขาย และรีวิวสินค้า โดยแฮชแท็ก #TikTokMadeMeBuyit มียอดวิว 2 พันล้านครั้งทั่วโลก ในขณะที่ #TikTokป้ายยา ในประเทศไทยมียอดวิว 6.7 พันล้านครั้ง #TikTokป้ายยา ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่สำคัญของคอนเทนต์บน TikTok ในการกำหนดพฤติกรรมการซื้อ ซึ่งมีผู้บริโภคมากกว่า 70% ตัดสินใจซื้อสินค้าจากความไว้วางใจในคอนเทนต์ที่พวกเขาดูบน TikTok
  • ความปลอดภัยของแบรนด์: TikTok ทุ่มเทในเรื่องความปลอดภัยของแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง แพลตฟอร์มได้ก่อตั้ง TikTok Brand Safety Center เพื่อนำเสนอโซลูชั่นด้านความปลอดภัยและความเหมาะสมของแบรนด์ขั้นสูงที่สร้างขึ้นสำหรับ TikTok โดยเฉพาะ โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแพลตฟอร์มในการสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับธุรกิจผ่านการใช้โซลูชันที่ทันสมัย และความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรม ซึ่งโซลูชันที่มีประสิทธิภาพนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แบรนด์สามารถควบคุมประสบการณ์การโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้มากขึ้น และยังสามารถมั่นใจได้ว่าโฆษณาของคุณจะแสดงในสภาพแวดล้อมที่เชื่อถือได้ซึ่งสอดคล้องกับคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์

  • ปริมาณคอนเทนต์ที่ทะยานสูงขึ้น: TikTok มีการลงลึกในคอนเทนต์เฉพาะทาง เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของคอนเทนต์ประเภทต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว, ความงาม, และความบันเทิง ซึ่งรวบรวมยอดการรับชมได้กว่าพันล้านครั้ง ส่งผลให้แพลตฟอร์มกลายเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์ในหมวดหมู่ดังกล่าว
  • แคมเปญที่น่าตื่นตาตื่นใจ: TikTok ได้ร่วมมือกับพันธมิตระดับแนวหน้าเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของแบรนด์ต่างๆ ผ่านการประชุมสุดยอด 'ForYou' Summit ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของการเล่าเรื่องของแบรนด์บน TikTok

TikTok Unboxed: แกะกล่องเทรนด์และข้อมูลเชิงลึก เพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ

ในปี 2566 TikTok ไม่เพียงแต่ปฏิวัติวงการช้อปปิ้งและความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และการเงินอีกด้วย โดย 'Automotive Unboxed' แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ TikTok ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการซื้อยานพาหนะ สะท้อนการเติบโตกว่า 48% ของยอดดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเกี่ยวกับยานยนต์ในประเทศไทยเมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งตอกย้ำการขยายตัวอย่างรวดเร็วของหมวดหมู่นี้ ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกที่ยังเผยให้เห็นว่าผู้ใช้ TikTok มากกว่า 40% ที่เป็นรวมไปถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับเนื้อหาเกี่ยวกับยานยนต์ ซึ่งหลายคนอาจเป็นผู้ซื้อรถยนต์รายใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากเนื้อหาของ TikTok

อิทธิพลของ TikTok แผ่ขยายไปทั่วเส้นทางของผู้บริโภค โดยผู้ใช้งาน 81% ค้นพบแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ 77% แสดงความสนใจเพิ่มขึ้นหลังจากดูคอนเทนต์เกี่ยวกับยานยนต์ และเกือบ 30% ไปเยี่ยมชมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปหลังการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์ม ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เน้นย้ำถึงผลกระทบที่สำคัญของ TikTok ต่อผู้ซื้อรถยนต์ใหม่และกระบวนการตัดสินใจของพวกเขา

ในขณะเดียวกัน 'Finance Unboxed' ได้เผยให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ TikTok ในภาคการบริการทางการเงิน โดย TikTok ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการให้คำแนะนำและคำปรึกษาข้อมูลทางการเงิน เห็นได้จากยอดการดูเนื้อหาในหมวดหมู่การเงินที่เพิ่มขึ้น 132% เมื่อเทียบเป็นรายปี ข้อมูลเชิงลึกยังแสดงให้เห็นอีกว่าผู้ใช้ TikTok 96% ดำเนินการบางอย่างหลังจากเห็นโฆษณาหรือเนื้อหาทางการเงิน ผู้ใช้ TikTok ยังมีการหาคำแนะนำด้านการเงินในเรื่องต่างๆ บนแพลตฟอร์มอย่างกระตือรือร้น ไม่ว่าจะเป็น คำแนะนำในการจัดการค่าใช้จ่าย การเพิ่มรายได้ การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการจัดการกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้ง พฤติกรรมของผู้ใช้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปริมาณการค้นหาหัวข้อทางการเงินเพิ่มขึ้นกว่า 112% ตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจอย่างมากในการหาความรู้ด้านการเงินและการตัดสินใจ

แบรนด์การเงินต่างๆ ยังได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจจากการใช้แนวทางการตลาดแบบครบวงจรและกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์บน TikTok สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่หลากหลายของ TikTok ในประเทศไทยได้อย่างลึกซึ้ง ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เป็นตัวช่วยตอกย้ำถึงบทบาทความสำคัญของ TikTok ในการกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ที่มีชีวิตชีวา ทรงความรู้ และมีส่วนร่วม

“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นกับความสำเร็จอันเหลือเชื่อในปีที่ผ่านมาอย่างมาก และมีพลังอย่างล้นเหลือในการขับเคลื่อนโมเมนตัมนี้ไปสู่ปี 2567” คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand, TikTok กล่าว "เราขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อคอมมูนิตี้ พันธมิตร และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ มาทำให้ปี 2567 สำเร็จอย่างยิ่งขึ้นด้วยกันเถอะ!"

TikTok มุ่งมั่นที่จะผลักดันความสำเร็จให้แก่ธุรกิจต่างๆ ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่แบรนด์สามารถสร้างผลกระทบและการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2024 TikTok ยังคงพร้อมที่จะเสริมพร้อมที่จะเสริมศักยภาพธุรกิจด้วยเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นนวัตกรรมที่มีความจำเป็นสำหรับการบรรลุความสำเร็จใหม่ๆ ในด้านการตลาดดิจิทัลและความสำเร็จเชิงพาณิชย์

ด้วย 2 กรมธรรม์สุดพิเศษ “ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ - ประกันภัยที่อยู่อาศัยปีใหม่สุขใจ ฝากบ้านไว้กับประกันภัย (ไมโครอินชัวรันส์)

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียน พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก ผ่านการส่งมอบโซลูชัน บริการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ (Cross-border QR payment) ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามประเทศเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัย ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าสำหรับนักเดินทางด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน KMA krungsri app เพื่อชำระเงินระหว่างประเทศไทยและเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

การประกาศความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นตามแผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรี ในการเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมและโซลูชันด้านการเงินที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าให้ใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวัน

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นวัตกรรมบริการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านคิวอาร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือการเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนรายย่อยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอื่นในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการบูรณาการทางการเงิน กรุงศรี ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอบริการทางการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการเปิดให้บริการสแกนคิวอาร์โค้ดชำระเงินระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ธปท. และธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นความภูมิใจครั้งสำคัญของกรุงศรี ที่เป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทยในการร่วมพัฒนาโครงการนี้ และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเราในการส่งมอบบริการทางการเงินที่ได้รับความไว้วางใจ และเชื่อมโยงทุกความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายของบริษัทแม่อย่าง MUFG ที่มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วเอเชียและทั่วโลก”

การสแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน KMA krungsri app เพื่อชำระเงินระหว่างประเทศไทยและฮ่องกง เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมการให้บริการทางการเงินจากกรุงศรี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลในปัจจุบัน พร้อมยกระดับประสบการณ์การทำธุรกรรมการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ลูกค้ากรุงศรีสามารถรู้อัตราแลกเปลี่ยนทันทีด้วยอัตราพิเศษกว่าการชำระด้วยบัตรเครดิต ปลดล็อกให้นักเดินทางไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจจากประเทศไทยและฮ่องกงไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมาก เพราะสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างง่ายดายผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ณ จุดรับชำระที่แสดงสัญลักษณ์ FPS QR Code (ฮ่องกง) และ Thai PromptPay QR Code (ประเทศไทย) ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ นับเป็นการสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงและประเทศไทยด้วย

กรุงศรี ให้บริการและเชื่อมโยงเครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก ให้ลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน KMA krungsri app ที่รองรับทั้งการไปสแกนคิวอาร์โค้ดที่ร้านค้าในต่างแดน หรือแสดง MyPromptQR บน KMA krungsri app ให้ร้านค้าสแกน โดยที่ผ่านมาได้เปิดให้บริการแล้วในหกประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม และในครั้งนี้ได้ขยายการให้บริการไปยังฮ่องกง

“การประกาศเปิดให้บริการในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของกรุงศรีในการสนับสนุนนโยบายภาพใหญ่ระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ทั้งยังเป็นการบรรลุเป้าหมายอีกขั้นสำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของแผนงานกลยุทธ์ธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 และเป็นการกรุยทางสู่ความท้าทายบทใหม่ที่กรุงศรีพร้อมจะส่งเสริมและขับเคลื่อนภูมิทัศน์ทางการเงินและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาคให้มีความมั่นคงและยั่งยืน” นายไพโรจน์ กล่าวปิดท้าย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คว้ารางวัลการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยม ประเภทหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2566 ในงาน Prime Minister Awards : Thailand Cybersecurity Excellence Award 2023 ตอกย้ำความสามารถในการรับมือด้านความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 ได้เข้ารับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งกรมฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับ รางวัลการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ยอดเยี่ยม ประเภทหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สร้างความภูมิใจ และเกียรติยศให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก เป็นการตอกย้ำการเป็นองค์กรภาครัฐชั้นนำที่มีความสามารถในการป้องกันรับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักและการรับรู้ถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์

ที่ผ่านมากรมฯ ให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการดิจิทัล และจะยังคงรักษามาตรฐานการทำงานพร้อมทั้งพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการจากภาครัฐ ที่มีคุณภาพ และมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการ ส่งผลให้การลงทุนและระบบเศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตและเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่นยืน

โอกาสนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ที่พิจารณาคัดเลือกและมอบรางวัลอันทรงคุณค่าให้แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมฯ ด้วยดีเสมอมา ตลอดจนประชาชนผู้ใช้บริการทุกท่านที่มั่นใจใช้บริการดิจิทัลของกรมฯ และขอให้คำมั่นว่ากรมฯ จะสร้างสรรค์นวัตกรรมการให้บริการแก่ภาคธุรกิจ และประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล และพ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ที่ให้หน่วยงานรัฐต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของหน่วยงานราชการให้ทันสมัย โดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น อธิบดีกล่าวในท้ายที่สุด

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จัดกิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก ลดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” ภายใต้โครงการ ดาวและภาคีป่าชายเลนประเทศไทย หรือ Dow & Thailand Mangrove Alliance ผนึกกำลังภาครัฐ พนักงาน และประชาชนจิตอาสา ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนจังหวัดระยองอย่างมีส่วนร่วม ช่วยลดปริมาณขยะตกค้างกว่า 2,750 กิโลกรัม สร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศป่าชายเลนและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อแก้วิกฤตโลกร้อนและลดปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน

กิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก กำจัดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” จัดขึ้นเป็นปีแรก และมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 360 คน ตลอดเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2566 รวม 5 ครั้ง โดยจิตอาสาสามารถป้องกันขยะหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม ณ ป่าชายเลนปากน้ำประแส อำเภอแกลง และป่าชายเลนบริเวณกลุ่มประมงเก้ายอด หาดแหลมเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ได้กว่า 2,750 กิโลกรัม โดยขยะที่เก็บได้โดยเฉพาะพลาสติกและวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ได้จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรืออัปไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน และขยะที่เหลือจะถูกนำไปกำจัดตามกระบวนการอย่างเหมาะสมต่อไป

นายเดชา พาณิชยพิเชฐ ผู้อำนวยการโรงงาน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow มีการปลูกป่าชายเลนทุก ๆ ปีอย่างต่อเนื่องมากว่า 15 ปี เพราะป่าชายเลนสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าบกหลายเท่า และยังเป็นปราการในการดักกรองขยะพลาสติกไม่ให้รั่วไหลลงสู่ทะเล”

“เมื่อเวลาผ่านไป ป่าชายเลนจะมีขยะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงจัดกิจกรรมเก็บขยะที่ตกค้างในป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับทั้งพนักงาน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ของ Dow น้อง ๆ นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะช่วยฟื้นฟูป่าชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์ และช่วยลดปริมาณขยะในธรรมชาติ ยังช่วยสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะนำรายได้จากการท่องเที่ยวมาสู่ชุมชนต่อไป ตอบโจทย์เป้าหมายประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” นายเดชาสรุป

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 จวบจนปัจจุบัน พนักงานดาวอาสา ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และประชาชนในจังหวัดระยองได้ร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามแนวชายฝั่งด้วยการปลูกและดูแลป่าชายเลนอย่างต่อเนื่องมาตลอด 15 ปี เพื่อเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคมที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และยังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการต้านโลกร้อนอย่างต่อเนื่องตามเป้าการทำงานด้านความยั่งยืนขององค์กร

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายปกป้อง ยินดีผล (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ ร่วมงานแถลงข่าว “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2567” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อมุ่งรณรงค์ ขับขี่ปีใหม่ ถึงที่หมายปลอดภัย มีประกันภัยคุ้มครอง ในโอกาสนี้ เอไอเอ ยังได้ร่วมออกบูธเพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนระหว่างการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล (กลาง) เลขาธิการ คปภ. และนายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. เยี่ยมชมบูธเอไอเอ ณ สำนักงาน คปภ. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ เอ ไลฟ์ มอบกรมธรรม์อุบัติเหตุประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวได้อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ให้แก่ประชาชนทั่วไป ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท เพื่อช่วยให้คนไทยอุ่นใจยิ่งขึ้นหากต้องเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี และศึกษารายละเอียดความคุ้มครองในกรมธรรม์ ผ่าน LINE Official @AIAThailand ที่ลิงก์ https://bit.ly/freepa_edm (กด LINE Rich Menu “รับฟรีประกันอุบัติเหตุ”) ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

มอบรางวัลยกย่องพันธมิตรช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับผู้ขาดโอกาส

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ส่งต่อความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจให้กับ Hattha Bank Plc. ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในเครือกรุงศรี ผลักดันโมเดล ASEAN Privileges ขยายฐานลูกค้าบัตรเดบิตด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวกสบายและปลอดภัยให้กับคนกัมพูชา พร้อมต่อยอดในเครือข่ายธุรกิจของกรุงศรีในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวอาเซียนเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีทำงานร่วมกับ Hattha Bank อย่างใกล้ชิดและเห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Hattha Bank ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในกัมพูชาให้สอดคล้องกับเทรนด์และสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุดได้เปิดตัวบัตรเดบิต Hattha Visa Debit Card  ซึ่งนอกจากกรุงศรีจะได้ส่งต่อประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจบัตรให้กับบริษัทในเครือซึ่งเป็นธุรกิจในต่างประเทศแล้ว เรายังได้ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายพันธมิตรในไทย ช่วยสร้างจุดแข็งให้กับบัตรเดบิตดังกล่าวด้วย โดยนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่ถือบัตร Hattha Visa Debit Card จะได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดต่างๆ เมื่อมาใช้จ่ายในประเทศไทย ในช่วงแรกเป็นการนำเสนอสิทธิประโยชน์สำหรับการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทย และในอนาคต กรุงศรีและ Hattha Bank มีแผนร่วมกันที่จะขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า”

“กรุงศรีได้วางกลยุทธ์ในการช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ในอาเซียน ภายใต้โครงการ ASEAN Privileges โดยต้องการขยายฐานลูกค้าธุรกิจบัตรด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับการใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยหลักล้านคน เราต้องการให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เมื่อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้รับสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ทางการเงินที่พิเศษซึ่งสนับสนุนโดยกรุงศรีและพันธมิตร เราได้เริ่มโครงการนี้กับ Hattha Bank เป็นที่แรก และมีแผนที่จะขยายโมเดลดังกล่าวไปยังเครือข่ายธุรกิจอื่นของกรุงศรีในอาเซียน ซึ่งนอกจากจะช่วยขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศแล้ว ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนให้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศไทยได้อีกด้วย”

นอกจากความสะดวกและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์บัตรแล้ว กรุงศรียังร่วมกับ Hattha Bank ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การโอนเงินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์การทำธุรกรรมโอนเงินแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยระบบที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะในเครือกรุงศรี ลูกค้าไม่ว่าที่ไทยหรือกัมพูชาสามารถทำธุรกรรมการโอนเงินออกผ่านทางโมบายแบงก์กิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว  นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Hattha Bank ยังได้เปิดตัวบริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านทาง SWIFT ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายธนาคารทั่วโลก นับเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่ที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายและความมั่นใจในการรับบริการทางการเงินให้กับประชาชนชาวกัมพูชาอีกด้วย

“ด้วยความร่วมมือในการการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท กรุงศรีเชื่อมั่นว่า Hattha Bank จะสามารถขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และพร้อมเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชาให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้าย

ปี 2023 เกิดเหตุการณ์มากมายหลายอารมณ์ในทุกมิติ ทั้งสังคม การเมือง วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ เราได้เห็นกระแสความเห็นอันหลากหลาย ล่าสุดทาง LINE TODAY จัดทำ LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2023 โพลแห่งปี เพื่อรวมแง่มุมและประเด็นฮิตให้เหล่ามหาชนออนไลน์ร่วมโหวตระหว่างวันที่ 4 - 20 ธันวาคมที่ผ่านมา พบ “ข่าวพิธาหลุดนายก” มาแรงอันดับ 1 ข่าวแห่งปี “กางเกงช้าง” รั้งที่1 ซอฟต์พาวเวอร์

 

  1. สังคมจับตาข่าวพิธาหลุดนายกฯ มาแรงอันดับ 1 “ข่าวแห่งปี 2023”

ยกให้เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนที่สุดของปี โหวตข่าวพิธาถือหุ้น ITV หลุดตำแหน่งนายกฯ และโดนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากชนะเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ด้วยผลโหวต 28.03% รองลงมาเป็นข่าวสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส 10.18% และอันดับสาม ข่าวเยาวชนวัย 14 กราดยิงศูนย์การค้า 10.1% 

นอกจากนี้ โพลอื่น ๆ ที่ผ่านมา ยังเผยผลสำรวจจากเหตุการณ์กราดยิงนี้ พบว่า การแจ้งเตือนฉุกเฉินที่ชัดเจน เข้าใจง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนถึง 40.77% ขณะที่มองว่า “เกม” ส่งผลร่วมกับปัจจัยอื่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ที่ 63.3%

 

  1. ปีทองวอลเลย์บอลหญิงไทย โดนใจ “ข่าวกีฬา” แห่งปี

ถือเป็นปีทองของเหล่านักตบลูกยางหญิงไทย ที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิ เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ 2023, แชมป์เอเชีย 2023 สมัยที่ 3 และเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ จนได้รับการโหวตให้เป็นที่สุดแห่งปีด้านเหตุการณ์ข่าวกีฬาถึง 29.15% รองลงมาเป็นเหตุการณ์ชวนลุ้นเพราะคะแนนคู่แข่งขึ้นผิดปกติจากระบบผิดพลาด ทำเอานักเทควันโดสาว “เทนนิส พานิภัค” เกือบชวดเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 17.48% และวิว-กุลวุฒิ แบดมินตันชายเดี่ยวที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลก 13.76%

  1. พิธา-เศรษฐา-วราวุธ “นักการเมือง” แห่งปี

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตจากผู้ใช้ LINE TODAY ขึ้นแท่นที่สุดนักการเมืองแห่งปีที่ 36.35% อันดับ 2 เศรษฐา ทวีสิน 16.5% และอันดับ 3 วราวุธ ศิลปอาชา 13.4% สอดคล้องกับผลโหวตคะแนนนิยมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่นายพิธา ได้อันดับหนึ่ง 31.73% 

ขณะที่โพลในอดีตในประเด็นคุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็พบว่า “มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์การเมือง” เป็นข้อที่ถูกโหวตมากที่สุดถึง 54.06% ตามมาด้วย “มาจากพรรคเสียงข้างมาก” 17.27%

 

  1. แฟชั่นกางเกงช้าง ที่สุดของ “ซอฟต์ พาวเวอร์” ไทย ครองใจทั้งไทยและเทศ

จากกระแสนโยบายการผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ที่เข้มข้น ทำให้กางเกงลายช้างกลายเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ไทยที่มาแรงที่สุดแห่งปี ด้วยผลโหวตกว่า 26.94% ขณะที่ข้าวเหนียวมะม่วงยังคงได้รับอิทธิพลอย่างต่อเนื่องกว่า 17.96% ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย โดยเฉพาะพระพรหมและพระแม่ลักษมีก็ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในซอฟต์ พาวเวอร์มาแรงถึง 8.84%

 

  1. ด้อมนางงาม-การเมืองสุดคึกคัก คว้า “แฮชแท็กแห่งปี” แบบขาดลอย

นอกจากคอมมูนิตี้นางงามที่เติบโตไม่มีแผ่วในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ยังพบว่า #อิงฟ้ามหาชน ของด้อมอิงฟ้า วราหะ ยังเป็นถูกโหวตให้เป็นแฮชแท็กแห่งปีด้วยคะแนนนำโด่งถึง 43.32% จากแรงเชียร์และแรงสนับสนุนที่เหนียวแน่น ตามมาด้วยอันดับ 2 อย่าง #นายกคนที่30 ที่ 11.02% จากสถานการณ์เลือกตั้งปี 66 ที่คึกคักนานหลายเดือน ตามมาอันดับ 3 ด้วย #เลือกตั้ง66 ที่ 8.80%

 

  1. แอนโทเนียชนะใจคนไทย สวมมงเบอร์หนึ่ง “ข่าวบันเทิง” แห่งปี

สำหรับฝั่งบันเทิง “แอนโทเนีย โพซิ้ว” ผู้สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยในช่วงปลายปี สามารถคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe ชนะใจคนไทย ได้รับการโหวตให้เป็นที่หนึ่งข่าวบันเทิงแห่งปีด้วยผลโหวต 40.17% ปาดมงทุกข่าวบันเทิงขาดลอย ตามด้วยข่าวเปิดใจคุยกันของนนกุล-แอฟ ทักษอร 14.84% และข่าวต้องเต ผู้กำกับหนัง “สัปเหร่อ” ที่พาหนังไทยม้ามืดกวาดรายได้หลายร้อยล้าน ปลุกกระแสให้คนไทยกลับมาดูหนังไทยในปีที่ผ่านมา 19.34%

 

  1. พีพี-บิวกิ้นตีคู่ “ศิลปินยอดนิยม” แห่งปี

พีพี กฤษฏ์ ครองใจแฟนคลับเหนียวแน่น คว้าอันดับหนึ่งศิลปินยอดนิยมแห่งปีด้วยผลโหวต 39.81% ตามมาติดๆ ด้วย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ที่ 36.13% และวง BUS – BECAUSE OF YOU I SHINE  บอยแบนด์สุดปังจากรายการ 789 Survival 5.76% ซึ่งที่ผ่านมา พีพี ก็เคยได้รับการโหวตให้เป็นศิลปินยอดนิยมประจำเดือนกุมภาพันธ์กับผลงานเพลงลังเล ด้วยคะแนนขาดลอยเกินครึ่ง 54.37% 

 

  1. เจฟ ซาเตอร์ “ศิลปิน POPCORNER” แห่งปีครองโหวตเกือบครึ่ง

เจฟ ซาเตอร์ นักร้องหนุ่มสุดฮอต ที่เคยมาเล่าเรื่องราวและเช็กอินในรายการ “POPCORNER” บน LINE TODAY  ติดอันดับหนึ่งศิลปินสุดเลิฟที่ชาวด้อมเทคะแนนโหวตให้มากที่สุด 42.03% รองลงมาเป็น ไลแคน (LYKN) วงบอยแบนด์ T-POP หน้าใหม่มาแรง 14.02% และตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งวงบอยแบนด์ไทยสุดฮอต พร็อกซี (PROXIE) เจ้าของเพลงฮิต “คนไม่คุย” 13.67%

นอกจากนี้ ยังมีโพลในหัวข้อประเด็นต่างๆ ในสังคมที่มหาชนออนไลน์อยากส่งเสียงบอก โดยในหัวข้อปัญหาสังคมที่ควรแก้ไขด่วนที่สุด เรื่องปากท้อง–ค่าครองชีพนำมาเป็นอันดับ 1 (25.85%) ในหัวข้อสิ่งที่อยากให้หมดไปจากการเมืองไทย มหาชนทุ่มโหวตให้เรื่องคอรัปชัน (43.95%) และ ในหัวข้อค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด เป็นเรื่องค่าน้ำมัน (44.93%)


หมายเหตุ: เนื้อหาดังกล่าวเป็นการสรุปผลการโหวต LINE TODAY POLL ของผู้ใช้บนบริการ LINE TODAY ในหัวข้อต่างๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อประมวลความคิดเห็นของผู้ใช้บน LINE TODAY โดยมีผู้ใช้ร่วมโหวตรวมกว่า 129,000 คน

X

Right Click

No right click