บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้จัดกิจกรรมจับรางวัลสำหรับผู้โชคดี แคมเปญ “TIP แจกจริงชิงทอง ฉลองยิ่งใหญ่ 72 รางวัล” เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 72 ปีของบริษัทฯ โดยมี ดร.พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จับรางวัล และผู้บริหารบริษัท อะมิตี้ อินชัวรันส์  โบรกเกอร์ จำกัด พร้อมด้วย เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ กรมการปกครอง ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานในการจับรางวัล  

โดยการจับรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับทองคำ 72 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท แบ่งออกเป็น

รางวัลที่ 1 ทองคำ 1 บาท จำนวน 2 รางวัล มูลค่ารวม 68,400 บาท

รางวัลที่ 2 ทองคำ 1 สลึง จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารวม 44,500 บาท

รางวัลที่ 3 ทองคำ ครึ่งสลึง จำนวน 65 รางวัล มูลค่ารวม 292,500 บาท

โดยผู้ร่วมกิจกรรมสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีผ่านทาง FACEBOOK FANPAGE ทิพยประกันภัย ในวันที่ 11 ม.ค. 2567  สำหรับผู้โชคดีต้องติดต่อกลับทาง Inbox Facebook ทิพยประกันภัย ภายใน 30 วัน หลังประกาศผล เพื่อยืนยันการรับรางวัลและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด มิเช่นนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ บริษัทฯจะทำการมอบสิทธิ์ให้ผู้โชคดีในลำดับถัดไป ทั้งนี้ผลการจับรางวัลและคำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด

ทิพยประกันภัยขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดี ทั้ง 72 ท่าน และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจร่วมกิจกรรมของเรา รอติดตามความสนุกครั้งใหม่ได้ในครั้งต่อไป

ท่ามกลางการแข่งขันของร้านค้าออนไลน์ที่ดุเดือด การชูจุดเด่นผ่านการขายสินค้าที่ดีมีคุณภาพอาจยังไม่เพียงพอที่จะสร้างยอดขายให้ร้านค้าโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากผู้ขายที่ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงแล้ว การนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ง่ายและสะดวก เพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ก็ถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับร้านค้าเป็นร้านโปรดในดวงใจของลูกค้าได้ กับ 7 เครื่องมือ ปั้นร้านธรรมดาสู่นักขายมือโปรฯ บน LINE SHOPPING

1) LINE SHOPPING LIVE
ตัวช่วยดันยอดขายด้วยการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า พูดคุยและตอบคำถามลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และสะดวกสบายด้วย LINE Ecosystem ที่เชื่อมต่อระบบการขายแบบครบวงจร ตั้งแต่การยิง Broadcast บน LINE OA ให้เข้าถึงผู้ติดตามทุกคนได้โดยไม่ปิดกั้นการมองเห็น ช่วยแจ้งเตือนให้ลูกค้าไม่พลาดทุกการไลฟ์ จนถึงระหว่างการไลฟ์ และออเดอร์จะเข้าระบบทันทีเมื่อลูกค้ากดเช็คเอาท์สินค้าในตะกร้า

นอกจากนี้ยังได้พื้นที่โปรโมตร้านฟรีบน LIVE Hall บริเวณหน้าแรกของ LINE SHOPPING เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อีกด้วย

2) เครื่องมือออกออเดอร์ผ่านแชท (Chat Invoice) 

ฟีเจอร์สำหรับผู้ขายที่ต้องการปิดการขายผ่านแชท จบการขายได้ภายในหน้าแชทเดียวไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เลือกสินค้าและจำนวนสินค้าที่ลูกค้าตัดสินใจสั่งซื้อ ก็สามารถออกใบออเดอร์ผ่านแชทได้ทันที และยังสามารถเลือกระบบขนส่งที่ลูกค้าพึงพอใจ รวมถึงการมอบส่วนลดให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินด้วย LINE POINTS และใช้คูปองส่วนลดได้เช่นกัน  

3) ป้ายกำกับ ”ร้านแนะนำ”

ป้ายกำกับ “ร้านแนะนำ” หรือ “SELECTED” เป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า โดยใช้รับรองร้านค้าที่ผ่านคุณสมบัติตามข้อกำหนดของ LINE SHOPPING อาทิ มีระบบการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย เป็นร้านที่มีตัวตนจริง และ มีการให้บริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด

4) SEND GIFT
มิติใหม่ของการส่งของขวัญ ให้ทุกโอกาสสำคัญของเพื่อนเป็นเรื่องง่ายได้บน LINE โดยลูกค้าสามารถเลือกหาของขวัญที่ถูกใจบน LINE SHOPPING พร้อมเขียนการ์ดอวยพรออนไลน์ให้เพื่อน โดยไม่ต้องรู้ที่อยู่ผู้รับก็ส่งได้ ทำให้ฟีเจอร์ SEND GIFT เป็นอีกหนึ่งอาวุธ ในการสร้างโอกาสขยายฐานลูกค้าให้ร้านค้าเติบโตได้ 2 ต่อ เพราะหากผู้รับของขวัญถูกใจสินค้า อาจเกิดการกลับมาซื้อซ้ำ และกลายเป็นลูกค้าประจำได้ในอนาคต 

5) เพิ่มทางเลือกการขนส่งด่วนทันใจกับ LINE MAN Messenger 

ล่าสุด LINE SHOPPING เพิ่มอีกทางเลือกระบบขนส่งที่จะช่วยเสริมการให้บริการของร้านค้าได้โดนใจนักช้อปได้ดีกว่าเดิม ด้วยการจับมือกับ LINE MAN Messenger นำเสนอบริการส่งของด่วนทันใจ เพียงกดสั่ง ชำระเงิน แล้วรอรับของส่งตรงจากมือผู้ขายได้เลย 

ด้วยทางเลือกการขนส่งด่วนแบบใหม่ด้วย LINE MAN Messenger ที่ระบบจะคำนวณและแสดงราคาค่าส่งสินค้าได้ทันที พร้อมแสดงสถานะการติดตามการจัดส่งให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อรับทราบ ให้สินค้าไปถึงมือผู้รับได้ทันใจ

6) อัปเกรดระบบการชำระเงินใหม่ ร้านค้าใช้ง่าย ลูกค้าจ่ายสะดวก
ให้ลูกค้าจ่ายง่ายไม่ต้องแนบสลิป ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่าน QR Payment หรือ Mobile Banking ที่รองรับทั้ง K PLUS และ SCB EASY, ช้อปก่อน จ่ายทีหลังด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต หรือ Rabbit LINE Pay แค่มีเงินใน Wallet ก็จ่ายได้เลย และสามารถสะสม LINE POINTS มาใช้เป็นส่วนลดได้ (1 พอยท์ = 1 บาท) 

7) Dashboard เจาะลึกทุกอินไซต์ ปรับแผนรู้ใจลูกค้า 

ตัวช่วยสู่การเป็นสุดยอดร้านค้าที่รู้ใจลูกค้ามากที่สุด ด้วย Dashboard เครื่องมือเจาะลึกอินไซต์ที่ช่วยให้ผู้ขายรู้จักกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นผ่านการเข้าถึงข้อมูลในหลากหลายมิติ อาทิ ความชอบและพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า ช่องทางการชำระเงิน และการเลือกใช้บริการขนส่ง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปยกระดับและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายให้มีประสิทธิภาพตรงใจลูกค้ามากขึ้น นำไปสู่โอกาสในการเติบโต

ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของอาวุธหรือเครื่องมือร้านค้าที่ LINE SHOPPING เตรียมไว้ให้นักขายได้ติดเครื่องก่อนทะยานยอดขายสู่ความสำเร็จ โดย LINE SHOPPING ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องมือให้ตอบโจทย์การขาย ใช้งานง่าย แค่สมัคร LINE Official Account ก็เริ่มเปิดร้านได้เลย ดูทริคการใช้งานเครื่องมือร้านค้ากับ LINE SHOPPING เพิ่มเติมทาง www.lineshoppingseller.com

สำหรับผู้ขาย และผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ที่สนใจสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน กับงาน LINE SHOPPING CONNECT ครบทุกเรื่องกับการขายของบน LINE ในหัวข้อ “เรียนรู้วิธีชนะใจลูกค้าด้วย Humanization” ในวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 เวลา 10:30 น. - 12:00 น. กับออนไลน์อีเวนต์โดย LINE SHOPPING ที่คัดสรรหัวข้อที่น่าสนใจ จากตัวจริงผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ 1) ครบทุกเรื่องขายออนไลน์ กับ LINE COMMERCE : ทำความรู้จักเครื่องมือจาก LINE ที่ช่วยธุรกิจได้ครบทุกขั้นตอนการขาย 2) Chat & Shop สำหรับโลกการขายยุคใหม่ : ฟีเจอร์เด็ดมัดใจลูกค้าเพื่อปิดการขายและสร้างลูกค้าประจำ 3) ธุรกิจโตไม่สิ้นสุด ด้วย Humanized Engagement : พบอาวุธเด็ดจาก LINE SHOPPING สร้างความใกล้ชิดและประสบการณ์ที่ดีให้กับร้าน 4) แผนพัฒนาเครื่องมือการขายให้ง่ายและเก่งขึ้น ด้วย LINE SHOPPING : อัปเดตเครื่องมือใหม่ในปี 2024 ที่ช่วยยกระดับธุรกิจให้โตได้อีก เข้าร่วมฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://lin.ee/bs1teuf/wcvn และติดตามรับชมไลฟ์ได้ทาง LINE Official Account: @linemyshop หรือ Facebook: LINE SHOPPING Seller ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://lineshoppingseller.com

มหาวิทยาลัยทักษิณ (TSU) มีการจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนตามความต้องการ และเพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยในปีการศึกษา 2567 นี้ มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนหลักสูตร 2 ปริญญา (Dual/Double Degree Program) ภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อเสริมสร้างทักษะและสมรรถนะของผู้เรียนให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน และตอบโจทย์สังคมโลกที่เปลี่ยนแปลง

รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิพร บุญมาก รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยทักษิณ (TSU) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดหลักสูตร 2 ปริญญา Double Degree ว่า  หลักสูตร 2 ปริญญา (Dual/Double Degree Program)  คือ หลักสูตรในสาขาวิชาต่างกันภายในมหาวิทยาลัยทักษิณที่เปิดให้ผู้เรียนศึกษาพร้อมกันสองหลักสูตร  โดยผู้เรียนจะได้รับประโยชน์จากการเรียนหลักสูตร 2 ปริญญา คือ 1. เพิ่มทักษะและสมรรถนะในการทำงานที่แตกต่างกันจากการศึกษาสองสาขาวิชาที่แตกต่างกัน 2. เพิ่มโอกาสในการทำงานที่หลากหลายจากการจบปริญญา 2 ใบ 3. ประหยัดค่าใช้จ่าย เรียนที่เดียวได้ปริญญา 2 ปริญญา ซึ่งประหยัดกว่าการเรียนแบบปกติ  และ 4. ประหยัดเวลาในการเรียน เรียนจบได้ปริญญา 2  ปริญญา ไม่ต้องเรียนทีละใบปริญญา  สำหรับโครงการหลักสูตร 2 ปริญญา ของมหาวิทยาลัยทักษิณ ประกอบด้วย 3 ประเภท ได้แก่

  1. หลักสูตรควบระดับปริญญาตรี 2 ปริญญา เป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรี 2 หลักสูตรในสาขาวิชาที่แตกต่างกันในมหาวิทยาลัยทักษิณที่เปิดให้ผู้เรียนศึกษาพร้อมกันโดยผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาทั้ง 2 หลักสูตร
  2. หลักสูตรควบปริญญาโท 2 ปริญญา เป็นหลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิตศึกษา 2 หลักสูตร ในสาขาวิชาที่แตกต่างกันในมหาวิทยาลัยทักษิณที่เปิดให้ผู้เรียนศึกษาพร้อมกันโดยผู้สำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาโทจากทั้ง 2 หลักสูตร
  3. หลักสูตรควบปริญญาตรีและปริญญาโท เป็นหลักสูตรที่ผู้เรียนในหลักสูตรปริญญาตรีศึกษาควบคู่กับหลักสูตรปริญญาโทในช่วงเวลาต่อเนื่องกันภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ ทั้งนี้ผู้สำเร็จการศึกษาตามข้อกำหนดของหลักสูตรจะได้รับปริญญาทั้ง 2 ระดับ (ระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท)

ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2567 นี้ มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดรับสมัครนิสิตใหม่เพื่อเข้าศึกษาต่อในโครงการหลักสูตร 2 ปริญญา จำนวน 5 หลักสูตร ได้แก่

  1. หลักสูตรควบระดับปริญญาตรี 2 ปริญญา หลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ โดยจัดการเรียนการสอน ณ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ วิทยาเขตสงขลา แผนการเรียน 4 ปีการศึกษา จำนวน 172 หน่วยกิต ค่าธรรมเนียมการศึกษาแบบเหมาจ่าย 16,000 บาท ต่อภาคเรียน
  2. หลักสูตรควบปริญญาตรี 2 ปริญญา หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์และการจัดการข้อมูล และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ โดยจัดการเรียนการสอน ณ คณะวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมดิจิทัล วิทยาเขตพัทลุง มีแผนการเรียน 4 ปีการศึกษา จำนวน 154 หน่วยกิต ค่าธรรมเนียมการศึกษาแบบเหมาจ่าย 16,000 บาท ต่อภาคเรียน
  3. หลักสูตรควบระดับปริญญาตรี 2 ปริญญา หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาจีน จัดการเรียนการสอน ณ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาเขตสงขลา แผนการเรียน 5 ปีการศึกษา จำนวน 216 หน่วยกิต ค่าธรรมเนียมการศึกษาแบบเหมาจ่าย 16,000 บาท ต่อภาคเรียน
  4. หลักสูตรควบระดับปริญญาตรีและปริญญาโท หลักสูตรการออกแบบบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ วิชาเอกออกแบบกราฟิก และหลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา (แผน ก แบบ ก2 แผนวิชาชีพครู) ซึ่งได้ใบประกอบวิชาชีพครู แผนการเรียน 6 ปีการศึกษา จำนวน 173 หน่วยกิต และมีปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 1 ปี โดยจัดการเรียนการสอน ณ วิทยาเขตสงขลา ค่าธรรมเนียมการศึกษาแบบเหมาจ่ายสำหรับในชั้นปีที่ 1-4 (ระดับปริญญาตรี) 17,000 บาท ต่อภาคเรียน  สำหรับในชั้นปีที่ 5-6 (ระดับปริญญาโท) 25,000 บาท ต่อภาคเรียน
  5. หลักสูตรควบระดับปริญญาโท 2 ปริญญา หลักสูตรดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดนตรีสร้างสรรค์และหลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน แผนวิชาชีพครู โดยจัดการเรียนการสอน ณ วิทยาเขตสงขลา มีแผนการเรียน 3 ปีการศึกษา จำนวน 79 หน่วยกิต ค่าธรรมเนียมการศึกษาแบบเหมาจ่าย 32,000 บาท ต่อภาคเรียน

ในยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มหาวิทยาลัยทักษิณจึงมีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่นและเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผู้เรียนมากขึ้น โดยพยายามพัฒนาหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่แตกต่างและหลากหลาย โดยผู้เรียนสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยทักษิณเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของตนเองให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานโดยมุ่งยกระดับทักษะและความสามารถของตนเองที่แตกต่างและมากกว่าบัณฑิตอื่น ๆ โดยทั่วไป ทั้งนี้ผู้สนใจที่จะสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตร 2 ปริญญา  สอบถามข้อมูลและดูรายละเอียดได้ที่ ภารกิจรับนิสิต มหาวิทยาลัยทักษิณ โทรศัพท์ 074-317608, 074-317600 ต่อ 7107, 7110, 7112 อีเมล์ : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  หรือ facebook : ภารกิจการรับนิสิต มหาวิทยาลัยทักษิณ

รพ.ธนุบุรี บำรุงเมือง ประกาศแผนธุรกิจครั้งสำคัญ พร้อมเดินหน้ากับ 7 โครงการ เพื่อรุกเข้าสู่การเป็นผู้นำตลาด Wellness และ Aesthetics ในอนาคตอันใกล้

กรุงเทพประกันชีวิต จัดงานยิ่งใหญ่แห่งปี Bangkok Life Agency Kick Off 2024  ภายใต้แนวคิด “Together Nothing is Impossible” งานรวมพลังตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินเพื่อพิชิตเป้าหมายความสำเร็จ และจุดประกายความคิดการมีส่วนร่วมในการดูแลคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการดูแลสุขภาพ โดยมีตัวแทน ผู้บริหารตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินจากทั่วประเทศร่วมงานกว่า 2,000 คน ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี  

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการจัดงาน Bangkok Life Agency Kick Off 2024  ในปีนี้ว่า เพื่อจุดประกายความคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินทุกคนได้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในปี 2567 ภายใต้แนวคิด “Together Nothing is Impossible” หรือคติการทำงาน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้  หากพวกเรามีความพยายามและมีแรงบันดาลใจที่มากพอเพื่อให้สามารถรับมือกับการแข่งขัน  นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ ด้วยความใส่ใจลูกค้า สอดรับกับแนวโน้มของธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน

นายโชนกล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาชนตระหนักเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่นับวันจะเป็นภาระมากขึ้น หากไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ดีไว้ล่วงหน้าอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็น “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และยังมีข้อมูลสำคัญที่คนไทยอีกกว่า 60% ยังไม่มีความคุ้มครองหรือหลักประกันความมั่นคงในชีวิต และไม่มีหลักประกันสุขภาพที่ดี  จึงถือเป็นหน้าที่ของธุรกิจประกันชีวิตที่ต้องมีส่วนร่วมในการวางแผนบริหารจัดการทางการเงินของสังคมที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคมไทย

“นับแต่นี้ คนในสังคมไทยต้องร่วมกันรับภาระในการดูแลและรักษาพยาบาลประชาชนกลุ่มผู้สูงวัยที่นับวันจะมีจำนวนสูงขึ้นตามกาลเวลาไปอีกหลายสิบปี ด้วยเหตุนี้ระบบประกันชีวิต ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยแนะนำการวางแผนสุขภาพ และการวางแผนเกษียณ ด้วยแบบประกันที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุด ซึ่งกรุงเทพประกันชีวิต  ได้สร้างความตระหนักแก่ตัวแทนประกันชีวิต และที่ปรึกษาทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง ให้ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติด้วยความใส่ใจ และกระตือรือร้น เพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม และเกียรติภูมิที่ตัวแทนประกันชีวิตทุกท่านจะได้รับ” นายโชนกล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิต มีนโยบายในการสร้างตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินมาอย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการมีตัวแทนประกันชีวิตใหม่เพิ่มกว่า 2,000 คน คิดเป็นอัตราขยายตัวจากปีก่อนถึง 27% โดยมีคนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่อาชีพตัวแทนประกันชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สังคมไทยเริ่มมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของอาชีพตัวแทนมากขึ้นว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีอิสรภาพ และความมั่นคงในระยะยาว  โดยกรุงเทพประกันชีวิตพร้อมที่จะสนับสนุนตัวแทนและที่ปรึกษาการเงินทุกคนให้ก้าวสู่ความสำเร็จ  ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพไปพร้อมกัน พร้อมทั้งลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือการขายที่ทันสมัย ช่วยให้การบริหารจัดการลูกค้ามีประสิทธิภาพ ง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระดับตัวแทนหรือผู้บริหารตัวแทน

“เรามีเป้าหมายอยากเห็นคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ธุรกิจประกันชีวิตจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ  เราจึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาศักยภาพตัวแทนและที่ปรึกษาการเงินให้มีความรู้ มีความใส่ใจในการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองอย่างเพียงพอต่อการเกษียณอายุ รวมทั้งประกันสุขภาพที่สอดคล้องกับรายได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี” นายโชนกล่าวในที่สุด

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) นำโดย นางสาวนิลวรรณ จีระบุญ (ขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน และนายพิธา ตัณฑ์ไพโรจน์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกรรมการเงิน รับรางวัลชนะเลิศ Winner - Outstanding Cross Border Payment Solution for Corporates จากงาน Global Transaction Banking Innovation Awards 2023 จัดโดย The Digital Banker สำหรับความสำเร็จในการพัฒนาบริการชำระเงินข้ามประเทศ ไทย-ญี่ปุ่นผ่านการสแกนคิวอาร์ด้วยโมบายแอปพลิเคชัน KMA krungsri app (QR Cross-border Outbound-Japan) ทำให้ทั้งร้านค้าและลูกค้านักท่องเที่ยวที่เดินทางไปญี่ปุ่นสามารถชำระค่าสินค้าและบริการในต่างประเทศได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเงินที่มุ่งพัฒนาเพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้ากรุงศรีง่ายขึ้นได้ในทุกๆ วัน สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน”

ชูโรงจอและเครื่องกันกระแทก 360 องศา เริ่มจำหน่าย 12 ม.ค.นี้ ในราคาเพียง 10,990 บาท

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ผนึกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจ ชักจูงการลงทุนในไทยและอาเซียน

บันทึกข้อตกลงนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ในการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการดำเนินธุรกิจใน ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายการลงทุนไปต่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น

ผู้ประกอบการที่สนใจจะลงทุนในประเทศไทย หรือผู้ประกอบการไทยที่ต้องการจะไปลงทุนในต่างประเทศ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของธุรกิจ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระดับภูมิภาคของธนาคารเพื่อเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคมอุตสาหกรรม และบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการขยายธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย  ซึ่งบีโอไอพร้อมที่จะทำงานร่วมกับธนาคารยูโอบีในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานจับคู่ธุรกิจ นิทรรศการด้านการค้าการลงทุน และงานสัมมนาเพื่อชักจูงการลงทุน

 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศเดินหน้าเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรมสำคัญ ภาพที่เห็นได้ชัดเจนคือ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - กันยายน 2566) มีจำนวน 910 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 49 คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 398,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 โดยเป็นการลงทุนจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

การเติบโตของการลงทุนในประเทศไทยนี้ สอดรับกับการประกาศยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอในปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะมีการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ แล้ว ยังรวมถึงการปรับเพิ่มบทบาทของบีโอไอในการชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศเชิงรุก ผ่านการทำงานร่วมกับองค์กรพันธมิตร รวมถึงสำนักงานบีโอไอที่ตั้งอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน และอีก 3 แห่งที่จะจัดตั้งเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย นครเฉิงตู ประเทศจีน และประเทศสิงคโปร์ 

“การผนึกกำลังระหว่างบีโอไอกับธนาคารยูโอบีครั้งนี้ จะช่วยยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยส่งเสริมการลงทุน 2 ทาง ทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย และการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้ออกไปแสวงหาโอกาสและขยายตลาด

ในต่างประเทศ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจให้แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายธุรกิจเข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมระดับโลก เพื่อตอบโจทย์การเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาค” นายนฤตม์ กล่าว

 

นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม ซัพพลายเชน และแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว ด้วยเครือข่ายของธนาคารยูโอบีที่เข้มแข็งครอบคลุมทั่วภูมิภาค และยังมีหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของธนาคารทั้ง 10 แห่งทั่วเอเชีย เราพร้อมที่จะให้การสนับสนุนธุรกิจทั้งสำหรับบริษัทต่างชาติที่สนใจจะมาตั้งฐานการผลิตในไทย และช่วยเหลือบริษัทไทยที่สนใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านโดยธนาคารจะร่วมมือกับบีโอไอในการเชื่อมโยงภาคธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเพิ่มโอกาสในการค้าข้ามพรมแดนทั่วภูมิภาค”

ตั้งแต่ที่ธนาคารยูโอบีได้จัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในปี 2554 ธนาคารได้สนับสนุนธุรกิจกว่า 4,200 บริษัทในการขยายธุรกิจในภูมิภาค ซึ่งมี 370 บริษัทได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และนับตั้งแต่ปี 2562 หน่วยงานนี้ได้ช่วยให้เกิดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทย รวมมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐและการจ้างงานอีกกว่า 18,000 ตำแหน่งทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ช่วยเหลือธุรกิจไทยอีกกว่า 210 บริษัทในการออกไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ อาเซียน โดยมี สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามเป็นจุดหมายหลัก

เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) เดินหน้าลุยตลาดประกันภัยในประเทศไทย ผนึกกำลัง กลุ่มทิสโก้ ร่วมลงนามข้อตกลงพันธมิตรทางธุรกิจแบบ “Exclusive Partnership” ให้เจนเนอราลี่นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองภาระหนี้และประกันสุขภาพ ให้แก่ลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียนของกลุ่มทิสโก้

นาย อาร์ช คอลมิ (Mr. Arsh Kaumi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความร่วมมือพิเศษกับ กลุ่มทิสโก้ เพื่อส่งมอบความคุ้มครองที่คุ้มค่าให้กับลูกค้า ด้วยวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องของทั้งสองบริษัทที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จึงวางเป้าหมายในการเป็น Lifetime Partner ที่จะสร้างความมั่นคงให้กับลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีแผนความคุ้มครองที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มทิสโก้โดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าสามารถลดภาระหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และสามารถบริหารการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่ลูกค้าต้องการได้มากที่สุด

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ มุ่งมั่นที่จะขยายตลาดประกันภัยในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การปกป้องคุ้มครอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและบริหารความมั่นคงทางการเงินของลูกค้า โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองภาระหนี้และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) รวมถึงการชดเชยรายได้ในระหว่างการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นแผนคุ้มครองสุขภาพที่ช่วยดูแลลูกค้าได้อย่างรอบด้าน รวมถึงยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ครบวงจร”

“นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ครอบคลุมและตอบโจทย์แล้ว เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังคงส่งมอบบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ รวมถึงนวัตกรรมด้านการบริการผ่านแอปพลิเคชัน GEN 365 อาทิ บริการด้านสินไหมที่สะดวกและรวดเร็ว (e-claim) บริการปรึกษาแพทย์แบบออนไลน์ (Telemedicine) รวมถึงการเข้าถึงเครือข่ายสถานพยาบาล ที่มีมากกว่า 650 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าของเจนเนอราลี่สามารถเข้ารับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย”

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ (Mr. Sakchai Peechapat) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ดำเนินธุรกิจโดยมีแนวคิดสำคัญคือ การมุ่งมั่นสนับสนุนให้คนไทยมีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งประกันภัยนับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญที่ส่งเสริมด้านการวางแผนทางการเงินเช่นกัน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลุ่มทิสโก้ให้ความสำคัญกับการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ นั่นคือการให้ความสำคัญด้านธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนในฐานะผู้ให้บริการที่ดูแลความมั่นคงทางการเงินให้แก่ลูกค้า รวมถึงคัดสรรพันธมิตรร่วมธุรกิจที่มีแนวคิดสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้

โดยกลุ่มทิสโก้ ให้ความสำคัญกับการพิจารณาคัดเลือกพันธมิตรที่จะเข้ามาดูแลลูกค้าของเราอย่างมาก ต้องเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงด้านการเงิน มีความเชี่ยวชาญ และมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับมีความคุ้มค่า สำหรับ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งพันธมิตรรายสำคัญ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองภาระหนี้และผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่โดดเด่น รวมทั้งยังเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ หนึ่งในบริษัทประกันภัยระดับโลกที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 192 ปี จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก

“หลังจากนี้ กลุ่มทิสโก้ และ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จะร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีภายใต้การลงนามข้อตกลง “Exclusive Partnership” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อยกระดับการให้ความมั่นคงทางด้านการเงิน พร้อมกับการเสนอบริการที่ดีแก่กลุ่มลูกค้าสินเชื่อ ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองภาระหนี้ (Auto Loan Protection) และแผนประกันคุ้มครองสุขภาพ (Health Insurance Plan) ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับลูกค้าทิสโก้และครอบครัวโดยเฉพาะ โดยนำเสนอผ่านธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไฮเวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ และนายหน้าประกันภัย ภายใต้แบรนด์ สมหวัง เงินสั่งได้  ขณะที่ทิสโก้เองมีทีมงาน ที่พร้อมจะเป็นตัวกลางคอยให้บริการและทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิด”

ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุดหน้าอย่างก้าวกระโดด เอไอกลายเป็นเทคโนโลยีแห่งยุคที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (digital transformation) การนำเทคโนโลยีเอไอมาปรับใช้ไม่เพียงจะช่วยปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ สำหรับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจ และบุคคลทั่วไป หัวเว่ย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีเอไอที่กำลังรุ่งเรืองนี้ จึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์การพัฒนาเอไอ ที่สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ ๆ เพื่อเสริมความแกร่งให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะต่างๆ และขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจต่อไปได้ ผ่านการแบ่งปันเทคโนโลยี การผสานความร่วมมือ และการผนึกกำลังภายในระบบนิเวศ (ecosystem integration) กลยุทธ์ดังกล่าวยังมุ่งเน้นที่จะปรับภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเอไอของอาเซียน       

เดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำถึงพันธกิจของกลุ่มธุรกิจโซลูชัน ประมวลผลคลาวด์ของหัวเว่ย ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์และเอไอในประเทศไทย “ในโลกอัจฉริยะทุกวันนี้ ปรากฏการณ์ความก้าวล้ำของเทคโนโลยีเอไอ ไม่เพียงแค่เป็นที่รับรู้กันเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามมาอีกมากมาย ความสามารถของเอไอพัฒนาขึ้นจากการรับรู้และความรู้คิด ต่อยอดไปสู่การสร้างคอนเทนต์ ดังนั้น แอปพลิเคชันเอไอต่างๆ จะค่อยๆ พัฒนาต่อยอดจากแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ไปสู่แอปพลิเคชันสนับสนุน และสุดท้ายจะกลายมาเป็นแอปพลิเคชันหลักของธุรกิจ ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมธุรกิจกว่า 50% จะนำเอไอมาใช้เพื่อปลดล็อคศักยภาพและสร้างโอกาสใหม่ ตีเป็นมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญให้กับธุรกิจ หัวเว่ย จึงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังร่วมกับรัฐบาลไทยในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ประเทศไทย 4.0 เราจะนำความเชี่ยวชาญในประเทศไทย ความชำนาญในอุตสาหกรรม กลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศ และพันธกิจด้านความมั่นคงปลอดภัย มาช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้ก้าวสู่แถวหน้าของยุคปฏิวัติเอไอ เราจะเดินหน้าสำรวจยุคเอไอแห่งอนาคตไปด้วยกันพร้อมกับคนไทย วัฒนธรรมไทย และนวัตกรรม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

พร้อมกันนี้ หัวเว่ย ได้เผยกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย ดังนี้

  • เอไอเพื่อประเทศไทย – ส่งเสริมการใช้งานโซลูชันเอไอของ HUAWEI CLOUD โดยผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในจัดทำกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีเอไอและคลาวด์ โดยมุ่งผลักดันการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ระบบเศรษฐกิจแบบหลากหลาย และความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลของประเทศ รวมไปถึงการวางรากฐานที่แข่งแกร่งให้กับ HUAWEI CLOUD AI ในการเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ หัวเว่ย วางแผนที่จะปลดล็อคศักยภาพเอไอด้วยระบบเอไอภาษาไทย เพื่อช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย และผลักดันการพัฒนาความสามารถมนุษย์เอไอของประเทศไทย
  • เอไอเพื่ออุตสาหกรรม – ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า กว่า 50% ของอุตสาหกรรมหลัก เช่น ภาคบริการสาธารณะ อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ภาคเกษตรกรรม ธุรกิจบริการทางด้านการเงิน จะนำเอไอมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับอุตสาหกรรม ข้อมูลจากแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเอไอของไทยจะมีมูลค่าแตะ 8 หมื่นล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2570 ดังนั้น หัวเว่ยจะใช้ HUAWEI CLOUD เป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นในภาคธุรกิจการเงินและค้าปลีก เพื่อเร่งขับเคลื่อนความเป็นดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทย และสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ให้กับประเทศชาติ
  • เอไอเพื่อระบบนิเวศ – ในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในยุคเอไอ ดังนั้น ระบบนิเวศที่เพียบพร้อมคือกุญแจสำคัญ หัวเว่ยให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์และระบบนิเวศของอุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยหัวเว่ยให้ความสนับสนุนพาร์ทเนอร์ทั่วโลกกว่า 48,000 ราย และร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางยุทธศาสตร์กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก หัวเว่ยได้จัดตั้งโครงการเพื่อพัฒนานักพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ 20,000 คนภายใน 3 ปี นอกจากนี้ หัวเว่ยจะร่วมขับเคลื่อนชุมชนนักพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศเอไอในประเทศไทยและสนับสนุนพาร์ทเนอร์และสตาร์อัพไทยในการพัฒนาแอปพลิเคชันเอไอให้ก้าวสู่ระดับภูมิภาค

มาร์ค เฉิน ประธานฝ่ายขายโซลูชันประมวลผลคลาวด์ของหัวเว่ย กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนาเอไอของหัวเว่ยว่า“ขณะที่เราเดินทางเข้าสู่ยุคแห่งการระเบิดของเทคโนโลยี เราฉลองให้กับการความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีเอไอและคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผล การแปลงข้อความเป็นเสียงพูด ไปจนถึงการรู้จำเสียงพูด ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในอนาคต กลยุทธ์ของหัวเว่ยยังมุ่งเน้นที่การลงทุนมหาศาลในด้านเทคโนโลยี การผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์วโลก และการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เฉพาะเจาะจง สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยไม่เพียงแค่มุ่งเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำยุคแต่ยังเข้ามามีส่วนร่วมกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวแพลตฟอร์มผานกู่ (Pangu AI) ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม จึงไม่เพียงช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติการแต่ยังสามารถรับมือกับความท้าทายเฉพาะตัวของแต่ละอุตสาหกรรมได้ด้วย ความเชี่ยวชาญของเรายังขยายรวมไปถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิศวกรรมซอฟท์แวร์ กระบวนการผลิต และการจัดหาโซลูชัน เป็นต้น จากประสบการณ์ที่สั่งสมจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทำให้หัวเว่ยมองเห็นศักยภาพของเอไอในการเข้ามาปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างชัดเจน”

ปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจหลายแห่งตระหนักถึงโอกาสและความสำคัญของเอไอในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึงการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ หัวเว่ยให้บริการโซลูชันแก่หน่วยงานภาครัฐกว่า 800 แห่ง ลูกค้าด้านการเงินกว่า 500 ราย และผู้ให้บริการเครือข่ายอีกกว่า 120 บริษัท ไม่เพียงเท่านั้น ในประเทศจีน กว่า 75% ของบริษัทสื่อดิจิทัลชั้นนำท็อป 50 ของประเทศ 85% ของบริษัทเกมชั้นนำ 90% ของบริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำ และอีก 90% ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ท็อป 30 ของจีนล้วนใช้บริการจากหัวเว่ย

หัวเว่ย สั่งสมประสบการณ์กว่า 24 ปีในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วของประเทศไทยเสมอมา และในยุคที่เอไอกำลังเข้ามาเปลี่ยนโลก หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยในการยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีเอไอและคลาวด์ไปด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในภูมิทัศน์เอไอโลก สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการเติบโตในประเทศไทย เพื่อคนไทย     

X

Right Click

No right click