“พัฒนาต่อเนื่อง-สินค้าตอบโจทย์-ราคาโดนใจ” สู่การตลาดแบบ “Word of Mouth” สร้างเติบโตยั่งยืน

เปิดเส้นทางสู่ขุมทรัพย์ความสำเร็จ พิชิตยอดขายด้วยโซลูชั่นจาก LINE

แม้ว่าตลาดโมเดิร์นเทรดในปัจจุบันจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็มีผู้ประกอบการ SME จำนวนไม่น้อยที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังสามารถกวาดยอดขายได้หลัก 100 ล้านบาทต่อปี เซเว่น อีเลฟเว่นในฐานะผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกมิติ จึงได้หยิบยกส่วนหนึ่งของสินค้า SME ที่มียอดขายสุดปัง ในปี 2566 มาเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการ SME ได้ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าและการทำตลาด

Happy Chef” รสชาติเหมือนต้นตำรับ แพ็กเก็จจิ้งสะดวก

Happy Chef” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ SME ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเชื่อว่าหลายคนคงเป็นแฟนพันธุ์แท้ในหลายๆ เมนูอาหาร ที่ผลิตโดย บริษัท แฮปปี้เชฟ (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบัน Happy Chef มีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 16 รายการ สำหรับสินค้าไฮไลต์ของปีนี้เป็นเมนูอาหารเกาหลีและอาหารไทย อาทิ ไส้กรอกต๊อกบกกีชีส,ไส้กรอกต๊อกบกกีลาวาชีส, รามยอนสไปซี่โซซิจิชิคเก้น, จาจังมยอน,ไก่สะเต๊ะ, หมูคลุกฝุ่น เป็นต้น เหตุผลที่แฮปปี้เชฟได้รับความนิยม นอกจากเรื่องรสชาติที่เหมือนต้นตำรับแล้ว ยังใช้วัตถุดิบคุณภาพ รวมถึงแพ็กเก็จจิ้งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายต่อการรับประทานและดึงดูดความสนใจ เช่น ถาดทรงกระทะเกาหลี  สำหรับหมวดเส้น ถาดทรงเหลี่ยมมน เพื่อง่ายต่อการคลุกซอส และถือรับประทานง่าย ไม่ร้อนมือ ซอง Standy Pouch เหมาะสำหรับคลุกหรือเขย่าได้สะดวก ไม่หกเลอะเทอะ ถือรับประทานได้ง่าย

“เบอร์แมน/เวนเจอร์” เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์

ใครจะคิดว่าแปรงสีฟัน “เบอร์แมน” ที่ผลิตโดย บริษัท รินทร์โชคชัย จำกัด จะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย เห็นทีแรกนึกว่าแบรนด์สินค้านอก แถมเป็นไอเท็มที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มแปรงสีฟันในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ปัจจุบันมีสินค้าที่วางจำหน่ายรวม 15 รายการ แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์ คือ แบรนด์เบอร์แมนและเวนเจอร์ มีจุดเด่นอยู่ที่ขนแปรงปลายเรียวแหลม จับกระชับมือ ราคาไม่แพง และไม่จำเป็นต้องมีรุ่นสินค้าที่หลากหลาย เน้นผลิตสินค้าตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานของผู้บริโภค พร้อมกลยุทธ์การตลาดกระตุ้นยอดขายในรูปแบบแพ็ก 3 ชิ้น

 

“Handy Herb” ส่งนวัตกรรมนำสมุนไพรครองใจคนทุก Gen

นับว่า แฮนดี้เฮิร์บ เป็นหนึ่งใน SME ที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติสมุนไพรไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จนมีสินค้ายอดฮิตมากมาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่ต้องการดูแลสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ปัจจุบันแฮนดี้เฮิร์บ โดย บริษัท แซนด์-เอ็ม โกลบอล จำกัด มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อดูแลสุขภาพหลากหลายรูปแบบ ภายใต้หลากหลายซับแบรนด์ อาทิ G'nite (จีไนท์) สารสกัดจากดอกคาโมมายล์และเห็ดหลินจือในรูปแบบแคปซูล ช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ, Night Night (ไนท์ไนท์) เครื่องดื่มสมุนไพรช่วยให้หลับง่าย, Ener-G เครื่องดื่มสมุนไพรเพิ่มความสดชื่น ล่าสุด ยังกวาดกระแสตอบรับจากสินค้าใหม่ HandyHerb Functional Gummy กัมมี่ เคี้ยวสนุก ได้ประโยชน์ แถมรสชาติอร่อย อีกด้วย

 

เครื่องดื่มผง “เพรส แอนด์ เชค” Display โดดเด่น หยิบง่าย สะดวกพกพา ราคาคุ้มค่า

ต้องยอมรับว่าสีสันและแพ็กเก็จจิ้งที่โดดเด่นของ เครื่องดื่มผง “เพรส แอนด์ เชค” เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลที่สามารถผสมในเครื่องดื่มต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ โดย บริษัท เฮฟเว่น ดรอปส์ จำกัด สามารถสร้างความน่าสนใจและแรงดึงดูดให้กับผู้บริโภคได้ไม่น้อย ประกอบกับคุณสมบัติของสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เพราะมีแคลลอรี่ต่ำ ไม่ผสมน้ำตาล ไขมัน 0% ทำให้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 5 รายการ ประกอบด้วย คอลลาเจน 2000 มก.+วิตามิน เอ อี ซี, คอลลาเจน 2000 มก.+กลูต้า วิตามิน ซี, คอลลาเจน 2000 มก.+ซิงค์ วิตามิน ซี,คอลลาเจน 2000 มก.+แอลธีอะนีน วิตามิน บีรวม และแอล-คาร์นิทีน ฟูมาเรท 500 มก.

Hooray!” ชูนวัตกรรมสร้างความต่าง

Hooray! ผลิตโดย บริษัท ครอสแม็กซ์ รีเทล จำกัด เป็นที่รู้จักในฐานะผลิตภัณฑ์นมโปรตีนสูงพร้อมดื่มเจ้าแรกของประเทศที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าในกลุ่มนมโปรตีนสูงที่มียอดขายสูงสุดในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ความโดดเด่นของ Hooray! คือ การใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี Enzymatic ในการสกัดน้ำตาล Lactose ออกมา ส่งผลให้มีโปรตีนสูง 29-31 กรัมต่อขวด ล่าสุดคิดค้น Hooray! Complete Plant Protein เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มองหาสินค้ากลุ่มนมพืชโปรตีนสูง โดยโปรตีนพืชที่นำมาใช้ได้รับการรับรองจากห้องทดลองมาตรฐานระดับสากลว่าเป็น Complete Protein คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด (Histidine, Leucine, Methionine, Threonine, Valine, Isoleucine, Lysine, Phenylalanine และ Tryptophan) มีส่วนผสมของ MCT Oil ที่ได้จากการสกัดจากน้ำมันมะพร้าว  ซึ่งเป็นไขมันดี มีรสชาติอร่อย ด้วยเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง ช่วยให้ได้รสชาติที่ทานง่าย ไม่เหม็นเขียว ลื่นคอ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการบริโภคสินค้าที่ทำมาจากสัตว์ มีโปรตีนเฉลี่ยอยู่ที่ 27-30 กรัมต่อขวด

 

“ปังสยาม” ปรับตัวพร้อมพัฒนาต่อเนื่อง

แม้ตลาดเบเกอรี่จะมีการแข่งขันสูง แต่แบรนด์ “ปังสยาม” ของบริษัท สยามรุ่งเรืองฟู้ด แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด ก็ยังสามารถยืนหยัดครองใจผู้บริโภคมาได้ถึง 50 ปี เพราะเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสามารถคงไว้ซึ่งคุณภาพที่หวนให้นึกถึงวัยเด็กได้อย่างสมบูรณ์ โดยสินค้าที่ถือเป็นไฮไลท์ของปี 2566 คือ เค้กโบราณ (เค้กถ้วยหน้าแยมส้ม) เป็นการพัฒนาเค้กโบราณที่เป็นที่นิยม แต่หาทานยากผลิตเป็น mass product ปรับรสชาติให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเค้กนุ่ม ราดด้วยแยมส้มรสชาติหอมหวาน แต่งหน้าด้วยครีม ตามแบบฉบับของเค้กโบราณ, เค้กไข่นุ่มสูตรโบราณ และ เค้กชิฟฟ่อนเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นใบเตย      

 

“พิซซ่า อัลเฟรโด” สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นคุณภาพ ราคาคุ้มค่า

ด้วยรูปลักษณ์ รสชาติ และราคาที่เริ่มต้นเพียง 29 บาท ทำให้หลายคนไม่คิดว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ “อัลเฟรโด” จะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการ SME ในนามของ บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด สิ่งที่ทำให้ “อัลเฟรโด” ได้รับการตอบรับที่ดี คือ การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แป้งพิซซ่านุ่มไม่หนาเกินไป หน้าแน่น ราคาคุ้มค่า รสชาติของซอสในแต่ละหน้า มีเอกลักษณ์เฉพาะของอัลเฟรโด ที่ร่วมพัฒนากับเซเว่น อีเลฟเว่น จนได้ซอสที่รสชาติลงตัว ไม่ต้องบีบซอสเพิ่ม สินค้าได้รับมาตรฐาน Halal  สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดย 3 เมนูฮิตคือ ฮาวาเอี้ยน สุพรีม และค็อกเทลกุ้ง จากทั้งหมด 8 รายการ ล่าสุดได้ออกสินค้าตัวใหม่ แร็พเอ็นโรลไก่ทอด พร้อมแป้งตอร์ติญ่า นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แผ่นบาง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

ทั้งนี้ 7 แบรนด์สินค้า SME ฮอตฮิตที่นำเสนอ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินค้าที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคและส่งผลให้มียอดขายทะลุหลัก 100 ล้านบาทในปี 2566 เท่านั้น ยังมีผู้ประกอบการ SME อีกจำนวนไม่น้อยที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“เซเว่น อีเลฟเว่น” จับมือ “วี ฟาร์ม” SME ระดับประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ “3 ให้” หวังสร้างระบบ Ecosystem สำหรับ SME เต็มรูปแบบ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ประกาศดันสินค้าโอท็อป 5 ดาว จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง ก้าวสู่ Local Snack ในรูปแบบอินเตอร์ ภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า” ลุยตลาดโมเดิร์นเทรด วางจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อน SME และสินค้าไทยสู่ชาวโลก

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดเผยว่า เซเว่น อีเลฟเว่น มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ SME และชุมชน พร้อมกับสังคม ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามปณิธานองค์กร “Giving & Sharing” ผ่านกลยุทธ์ 3 ให้ ได้แก่  1.ให้ความรู้ 2.ให้ช่องทางขาย และ 3.ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อก่อให้เกิดเป็น Ecosystem สำหรับ SME ในการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนด้วยตัวเองในอนาคต

“ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนได้นั้น ระบบเศรษฐกิจชุมชน สังคม และธุรกิจ SME ซึ่งถือเป็นฐานรากสำคัญของระบบเศรษฐกิจ ต้องเข้มแข็ง และแข็งแรงเสียก่อน เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะหน่วยงานที่ร่วมทำงานกับ SME ในทุกมิติมากว่า 30 ปี เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงมีความมุ่งมั่น และตั้งใจจริงที่จะสนับสนุน ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน สังคม และธุรกิจ SME อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Ecosystem สำหรับ SME ให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ระดับชุมชน และเกษตรกร ในการช่วยสร้างความมั่นคงด้านรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการ SME เองก็จะได้วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ นำมาผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภค เมื่อสินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และตลาดจะช่วยเพิ่มขีดศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจในอนาคต” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ผลิตภัณฑ์วี ฟาร์ม (V Farm) และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบในการสร้าง Ecosystem สำหรับ SME ที่ทาง เซเว่น อีเลฟเว่น ดำเนินการผ่านกลยุทธ์ 3 ให้ ด้วยการให้องค์ความรู้ด้านการผลิตที่ได้มาตรฐานกับกลุ่มวิสาหกิจฯ  ขยายช่องทางตลาดสู่ร้านค้าโมเดิร์นเทรด  โดยยกระดับจากเดิมที่ผลิตเป็นสินค้าโอท็อป  และสร้างเครือข่ายสำคัญ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป  ภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า”

ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม” กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนมาอย่างต่อเนื่องร่วม 10 ปี ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ 3 ให้ของเซเว่น อีเลฟเว่น จึงได้ร่วมกัน ทำ MOU เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง นำผลไม้ขึ้นชื่อของ บ้านดอนทอง จ.นครปฐม อย่างกล้วยหอมทองที่คุณสมบัติเป็นเอกลักษณ์ มาแปรรูปในลักษณะของLocal Snack ภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า” 

หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าทำไมต้องเป็น “ตะกร้า” เพราะ “ตะกร้า”เป็นภาชนะที่ใช้ใส่ผลผลิตด้านการเกษตรที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทย ลักษณะการสานของตะกร้าสื่อถึงการประสานความร่วมมือของเซเว่น อีเลฟเว่น  วีฟาร์ม และวิสาหกิจชุมชน รวมถึงเกษตรกรท้องถิ่นในการทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ในระบบนิเวศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้วัตถุดิบเกษตรของไทย และผลักดันให้เป็น Local Snack เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มาตรฐานระดับโลก “สานความตั้งใจ สร้างความยั่งยืน เพื่อชุมชน และเกษตรกรไทย”

“ความร่วมมือกันระหว่าง เซเว่นฯ และบริษัทฯ ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่จะก่อให้เกิด Ecosystem สำหรับ SME เต็มรูปแบบ ผ่านการวางแผนการทำงานร่วมกันในทุกมิติ ตั้งแต่เรื่องการปลูก การผลิต การพัฒนาสินค้า โดยจะเน้นการนำนวัตกรรม การวิจัย และพัฒนามาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า และในอนาคตจะขยายขอบเขตการทำงานโดยประสานความร่วมมือเพิ่มเติมกับเครือข่ายอื่น เช่น สถาบันการศึกษา หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยีทางการเกษตร หรือ AgriTech และเทคโนโลยีทางอาหาร หรือ Food Tech เพื่อร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรจากกลุ่มวิสาหกิจฯ ควบคู่กับสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร ชุมชน และระบบนิเวศทางเศรษฐกิจของ SME ในอนาคต” นายอภิรักษ์กล่าว

“วี ฟาร์ม ตะกร้า” เป็นแบรนด์ SME ไทยที่นำผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ Local Snack ที่หลากหลาย ในเบื้องต้น วี ฟาร์ม ตะกร้า นำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มกล้วยหอมทอง และกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องซึ่งอร่อย มีประโยชน์ เป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยและต่างชาติ ได้แก่ กล้วยหอมอบเนย กล้วยหอมกรอบ จากวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง จ.นครปฐม และกล้วยน้ำว้าตากหนึบ กล้วยน้ำว้าตาก และกล้วยน้ำว้าตากอบน้ำผึ้งดอกลำไย จาก จ.พิษณุโลก โดยจะทยอยออกสู่ตลาดตามลำดับในระยะเวลาอันใกล้

นางวันดี ไพรรักษ์บุญ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง กล่าวว่า การที่ เซเว่น อีเลฟเว่น และ วี ฟาร์ม เข้ามาช่วยสนับสนุน และส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง ถือเป็นการช่วยยกระดับสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของจังหวัดนครปฐมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และยังช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกในกลุ่มฯ รวมถึงเกษตรกรในจังหวัดต่างๆ ทั้งในนครปฐม เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร และชาวบ้านที่ปลูกกล้วยหอมทองในพื้นที่ จากเดิมที่เกษตรกรขายได้เพียง 8-10 บาทต่อกิโลกรัม แต่กลุ่มวิสาหกิจรับซื้อกล้วย ปลอดสารจากกลุ่มนี้ในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกันยังรับซื้อผลผลิตเพิ่มจากเดิม 1 ตันต่อวัน เป็น 2 - 2.5 ตันต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อการแปรรูปส่งขายในโมเดิร์นเทรด

ความพิเศษที่ทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า” มีความโดดเด่นต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในตลาด คือ ทางกลุ่มฯใช้กล้วยหอมทองพันธุ์ไทยแท้ ซึ่งมีคุณลักษณะเฉพาะคือ เนื้อเนียน ละเอียด แน่น รสชาติอร่อย โดยเก็บเกี่ยวในระยะกล้วยดิบที่แก่ 80% นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด และนำไปสไลด์ด้วยใบมีดพิเศษที่ทำให้ชิ้นกล้วยมีความบาง เมื่อนำไปทอดจะทำให้ได้ชิ้นกล้วยที่กรอบเสมอกันทุกชิ้น และมีสีเหลืองสวยงาม และนำมาอบเนยให้ความหอม จนได้เป็น “กล้วยหอมอบเนย” ขณะที่กล้วยดิบที่แก่มากกว่า 80% แต่ไม่เกิน 95% จะนำมาแปรรูปเป็นกล้วยหอมกรอบ เพื่อลดการสูญเสียของกล้วยหอมทองที่นำมาแปรรูปไม่ทัน

“หลังจากที่ทาง วี ฟาร์ม เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการนำกล้วยหอมทองมาแปรรูปเป็นกล้วยหอมอบเนย และกล้วยหอมกรอบ ในรูปแบบของ Local Snack ก็มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพ มาตรฐาน และกำลังการผลิต แต่ทางวี ฟาร์ม และเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้มีความมั่นใจ จนสามารถผลิตออกมาเป็นสินค้าที่ได้คุณภาพ ตรงตามมาตรฐานของตลาด ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า กล้วยหอมทองของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง จะสามารถยกระดับสู่การเป็นสินค้าไทยในตลาดโลกในอย่างแน่นอน” นางวันดี กล่าว

การนำสินค้าเข้าตลาดโมเดิร์นเทรด อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับชุมชนทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่” ที่รวมพลังแม่บ้านในชุมชน เชื่อมโยงระบบนิเวศหรืออีโคซิสเท็มเข้ากับผู้ประกอบการและช่องทางขายอย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จนสามารถพลิกโฉมสินค้าพื้นถิ่นอย่าง “กล้วยอบ” ให้กลายเป็น “กล้วยหนึบ” สร้างรายได้กลับสู่ชุมชนปีละนับ 10 ล้าน

ป้าแดง-ทองเพียร ศรีสว่าง วัย 63 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่ เล่าว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของแม่บ้านในชุมชนเมื่อปี 2538 เพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นรายได้เสริมกับครอบครัว และค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จนสินค้าผลไม้อบของกลุ่มได้รับการยกระดับเป็นสินค้า OTOP และมีช่องทางการขายทั้งริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง และตามสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงห้างดังในกรุงเทพฯ

จุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่ม เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด-19 สินค้าของกลุ่มได้รับผลกระทบ ไม่สามารถจำหน่ายได้ ทางบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีสำนักงานหลักอยู่ที่เชียงใหม่ ได้เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มถึงความเป็นอยู่ พบว่ากลุ่มประสบปัญหาด้านช่องทางขาย ทำให้คณะผู้บริหารเข้าปรึกษากับทางเซเว่นฯ ซึ่งซันสวีท เป็นคู่ค้ากับทางเซเว่นฯ ภายใต้แบรนด์ KC อยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานทีมบริหารผลิตภัณฑ์และจัดซื้อของทางเซเว่นฯ ก็เข้ามาที่กลุ่มเพื่อดูสินค้าและเห็นโอกาสการเติบโตของกล้วยอบ

“กล้วยหนึบ” สร้างรายได้ปีละกว่า 10 ล้าน

แต่สินค้ากล้วยอบมีจำหน่ายในตลาดเป็นจำนวนมาก จึงแนะนำให้ทางกลุ่มหาวิธีการสร้างความต่างให้กับสินค้า ด้วยการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ ว่าจะทำอย่างไรให้กล้วยสามารถทานแบบอุ่นร้อนได้ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น และยังคงความหนึบไว้ได้ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจากทางเซเว่นฯและซันสวีทคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด จนได้ออกมาเป็น กล้วยหนึบ วางจำหน่ายช่วงกลางปี 2565

ป้าแดง เล่าเพิ่มเติมว่า “กล้วยหนึบ” ที่ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯผลิตมาจากกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่อง ซึ่งเป็นกล้วยสายพันธุ์ที่ปลูกมากใน จ.เชียงใหม่ เมื่อนำมาแปรรูปจะมีความเหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยทางกลุ่มจะรับซื้อกล้วยจากชุมชนในท้องถิ่นและพื้นที่ต่างๆ บนดอยของ จ.เชียงใหม่  และ จ.เชียงราย ในราคา 12-20 บาทต่อกิโลกรัม โดยทางกลุ่มจะรับซื้อกล้วยสดในปริมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อครั้ง เพื่อนำมาแปรรูปผ่านกระบวนการอบแห้ง 6 ชั่วโมง จะได้ปริมาณกล้วยหนึบประมาณ 400 กิโลกรัม

ในช่วงที่กลุ่มมียอดขายดีๆ มีออร์เดอร์กล้วยหนึบสูงถึงเดือนละ 3,000-4,000 กิโลกรัม ทำให้กลุ่มต้องรับซื้อกล้วยสดอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 กิโลกรัม เพื่อนำมาแปรรูปจำหน่ายในราคา 120-150 บาทต่อกิโลกรัม สร้างความมั่นคงกลับสู่กลุ่มสมาชิกที่มีกว่า 60 ครัวเรือน ด้วยรายได้เดือนละประมาณ 1-2 ล้านบาท หรือปีละกว่า 10 ล้านบาท

“การได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากเซเว่นฯและซันสวีท ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กลุ่มฯสามารถกลับมามีรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิกอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจทุกกลุ่มก็สามารถเป็นอย่างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่ ได้เช่นกัน ทุกพื้นที่มีของดีของตัวเอง และมีองค์กรภาครัฐและเอกชนมากมายที่พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริม ขอเพียงแค่อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ และต้องกล้าที่จะออกจากความคิดเดิมๆ”

“ซันสวีท” โซ่ข้อกลางเชื่อมชุมชนสู่โมเดิร์นเทรด

เน็ต-วณิชชา ณ ลำปาง ผู้จัดการฝ่ายภายในประเทศและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรพร้อมทาน ภายใต้แบรนด์ KC กล่าวว่า ด้วยความคุ้นเคยและใกล้ชิดกว่า 20 ปีระหว่างผู้บริหาร คุณองอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร กับชุมชนในพื้นที่ ทำให้มองเห็นและรับรู้ถึงผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแควเป็นอย่างดี จึงได้นำมาปรึกษากับทีมบริหารถึงแนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งในขณะนั้นบริษัทมีโครงการสินค้าเพื่อสุขภาพกับทางเซเว่นฯ พอดี ประกอบกับมีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกร สอดคล้องกับนโยบายของทางเซเว่นฯ จึงร่วมปรึกษากับทางทีมเซเว่นฯ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำและได้รับการสนับสนุนอย่างดีในทุกขั้นตอน

“ซันสวีทเปรียบเสมือนโซ่ข้อกลางระหว่างชุมชนกับเซเว่นฯ ที่มีความเข้าใจในมุมมองด้านการตลาด สามารถช่วยถ่ายทอดมุมมองในส่วนนี้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจได้ นอกจากนี้บริษัทยังเข้าไปช่วยเรื่องระบบหลังบ้าน ช่วยควบคุมการผลิตให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งเข้าไปช่วยพัฒนาแพ็กเก็จจิ้ง ที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นวิสาหกิจชุมชนที่ทันสมัย รวมทั้งช่วยสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคถึงความแตกต่างของสินค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”

ปัจจุบันบริษัทสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้วยการรับซื้อกล้วยหนึบเดือนละ 5,000 กิโลกรัม เพื่อจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ KC และมียอดขายอยู่ที่ 7-8 แสนซองต่อปี หรือประมาณ 2,000-3,000 ซองต่อวัน คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี จากความมุ่งมั่นและตั้งใจของกลุ่มวิสาหกิจและบริษัทที่ต้องการยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อพัฒนาสินค้าพื้นถิ่นสู่ระดับประเทศ ทำให้ “กล้วยหนึบ” ได้รับรางวัล Inventor Awards (สุดยอดนักประดิษฐ์) ประเภทรางวัลนวัตกรรมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม จากเวที “7 Innovation Awards 2023” 

“กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่” ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่สามารถสร้างการเติบโตได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแค่อย่างปิดกั้นโอกาส และต้องแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

X

Right Click

No right click