เซเว่น อีเลฟเว่น ปลุกโอกาสสินค้าเด็ด SME ถึงมือผู้บริโภค จัดแคมเปญ “เปิดวาร์ปความอร่อยขนมไทยจาก SME” เชิญชวนคนไทย-คนต่างชาติร่วมสนับสนุน ส่งเสริมขนมไทยฝีมือ SME ชูคอนเซ็ปต์ “อร่อย-หาทานง่าย-หลากหลาย-สะดวก” ยกทัพขนมไทยกว่า 80 รายการอาทิ ทับทิมกรอบกะทิสด กล้วยปิ้งน้ำตาลมะพร้าว ชุดรวมขนมทองมงคล สู่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 14,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมการส่งเสริมการตลาด ณ จุดขาย ถึง 23 มี.ค.นี้ หวังช่วย SME ไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนุนขนมไทยของ SME ขึ้นแท่น Soft Power

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า การสนับสนุนการเติบโตของ SME ไทยอย่างยั่งยืน ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบาย “SME โตไกลไปด้วยกัน” โดยในปีนี้ได้ต่อยอดโดยนำกลุ่มสินค้าขนมไทยฝีมือ SME มาจัดแคมเปญ “เปิดวาร์ปความอร่อยขนมไทยจาก SME” เพื่อสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของผู้ประกอบการ SME ไทยและขนมไทยในวงกว้าง ที่พร้อมก้าวสู่การเป็น Soft Power ไทย

“เราเลือกนำกลุ่มสินค้าขนมไทยมาจัดแคมเปญต่อเนื่อง เพราะเรามองว่า ขนมไทย เป็นขนมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว มีความหลากหลาย และมีรสชาติอร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ด้วยสินค้าขนมไทยในปัจจุบัน หาทานได้ยาก ทำให้คนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติมีโอกาสเข้าถึงขนมไทยได้ไม่มากนัก เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะผู้ที่สนับสนุน SME ขนมไทยมาโดยตลอด ต้องการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว สร้างความตระหนักว่าสินค้าขนมไทยฝีมือ SME สามารถหาทานได้ง่าย พร้อมทั้งส่งเสริมโอกาสให้ SME ขนมไทยเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด และเติบโตอย่างยั่งยืน เข้าถึงมือผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ แคมเปญ “เปิดวาร์ปความอร่อยขนมไทยจาก SME” ได้รวบรวมสินค้าขนมไทยจาก SME กว่า 80 รายการ มาร่วมแคมเปญ ถ่ายทอดจุดเด่นของขนมไทยที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในคอนเซ็ปต์ 1.อร่อย คงรสชาติความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทยแท้ไว้ได้อย่างครบถ้วน 2.หาทานง่าย มีวางจำหน่ายในทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 14,000 สาขา หรือสั่งซื้อผ่านเซเว่น เดลิเวอรี่ 3.หลากหลาย มีประเภทสินค้าขนมไทยที่เป็นที่นิยมมากมาย อาทิ ทับทิมกรอบกะทิสด กล้วยปิ้งน้ำตาลมะพร้าว ชุดรวมขนมทองมงคล  รวมถึงสินค้าที่หาทานได้ยาก อาทิ ตะโก้สามสหาย ถั่วทองกวนและเผือกกวน 4.สะดวก มาพร้อมกับแพ็กเก็จจิ้งสวยงามทันสมัย ที่ทางเซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมพัฒนามากับผู้ประกอบการ ส่งผลให้แพ็กเก็จจิ้งของสินค้าแต่ละประเภทสะดวกต่อการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบการดำเนินการ จะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย อาทิ การติดตั้งสื่อสนับสนุน พร้อมข้อความสั้นๆ ชวนอุดหนุนขนมไทย ที่บริเวณชั้นวางสินค้าภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และรายการส่งเสริมการขาย เพื่อช่วยขับเคลื่อน SME ด้านช่องทางขาย ช่วยทำให้ยอดขายของ SME เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้กลับสู่ชุมชน ตามปณิธานของบริษัท “Giving and Sharing” โดยระยะเวลาของแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่ 24 ก.พ. 2567 ถึงวันที่ 23 มี.ค.2567

“พฤติกรรมของผู้บริโภคในร้านสะดวกซื้อจำนวนมาก ยังคงเป็นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย การจัดกิจกรรมการตลาด ณ จุดขาย อย่างการติดตั้งสื่อสนับสนุน สร้างความตระหนักถึงรสชาติ ความอร่อย สร้างความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ จึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เชื่อมั่นว่าแคมเปญครั้งนี้ จะช่วยยกระดับให้สินค้าขนมไทยฝีมือ SME กลายเป็น Soft Power ที่สร้างความประทับใจให้แก่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ที่ผ่านมา เซเว่น อีเลฟเว่น ภายใต้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุน SME ภายใต้นโยบาย “SME โตไกลไปด้วยกัน” พร้อมทั้งเดินหน้า กลยุทธ์ 3 ให้ ประกอบด้วย 1.ให้ช่องทางขาย 2.ให้ความรู้ และ 3.ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย ช่วยเหลือ SME อย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ 7-Eleven สนับสนุน SME เป็นแกนหลัก ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงแหล่งข้อมูล ความรู้ งานวิจัย ตลอดจนเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างการเติบโตให้ SME ไทยเปี่ยมศักยภาพเติบโตในเวทีการค้าโลกได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

สำหรับ SME ผู้ประกอบการ ที่สนใจสามารถนัดหมายขอเข้ารับคำปรึกษากับทางศูนย์ 7-Eleven สนับสนุน ได้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1.ผ่านช่องทาง Call Center เบอร์ 02-826-7750 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น. หรือEmail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. และ 2.ผ่านทาง www.7smesupportcenter.com ตลอด 24 ชั่วโมง

การพัฒนา SME อาจไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ก็มีปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของเอสเอ็มอีที่น่าสนใจที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาของผู้ประกอบการรายย่อยได้ เคล็ดลับหนึ่งที่สอดแทรกอยู่ในงานอบรมโครงการ “ตอกเสาเข็มเพื่อ SME” ปี 2567 ที่ทางศูนย์เซเว่น อีเลฟเว่น สนับสนุนเอสเอ็มอี ภายใต้การบริหารของซีพี ออลล์ หยิบยกขึ้นมาคือ “การสร้างแบรนด์” ได้จุดประกายให้เกิดคำถามต่อเนื่องที่เชื่อมโยงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยอย่างมีนัยยะสำคัญ

ผศ.ดร.วราภรณ์ คล้ายประยงค์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์ SME หนึ่งในวิทยากร ได้ขยายความเรื่องของ “การสร้างแบรนด์” สิ่งที่ SME ควรรู้ก่อนที่จะปั้นแบรนด์ให้ปัง เพื่อพิชิตใจผู้บริโภคอย่างน่าสนใจ โดยกล่าวว่า ในปัจจุบันมีการแบ่งแยกประเภทลูกค้าตามพฤติกรรมของลูกค้า แทนแบ่งแยกตามอายุ (Generation) เนื่องจาก Digital เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิต และภาพเหล่านี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นหลังเหตุการณ์โควิด 19 โดยมีวางกรอบกลุ่มผู้บริโภคใหม่ดังนี้ กลุ่มที่น่าจับตามองคือกลุ่ม Generation C (Connected Generation) ซึ่งมีประมาณ 75% ของประชากรวัยทำงาน ต่างกับ Generation X, Y และ Z ในอดีต ตรงที่อายุไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ

Gen C กลุ่มนี้จึงไม่ได้ถูกจำกัดด้วยอายุ แต่มุ่งเน้นไปที่ทัศนคติและกรอบความคิดในการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับไลฟ์สไตล์ จากข้อมูล Parachute Digital. 2024 พบว่า กลุ่ม Gen C ส่วนใหญ่จะเสพข้อมูลผ่านเว็บไซต์โซเซียลมีเดีย โดย 42% ใช้แท็บเล็ตขณะดูทีวี และ 64% ของเวลาบนมือถือถูกใช้ไปกับ Application ต่างๆ เรียกว่า กลุ่ม Gen C มีความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เพียงแต่บริโภคเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังสร้าง content ขึ้นมาด้วย

จากการวิจัยของ Think with Google พบว่า 90 % ของผู้บริโภค Gen C สร้างเนื้อหาบนโลกออนไลน์อย่างน้อยเดือนละครั้ง การแบ่งปันชีวิตกับโลกดิจิทัลผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter และ Instagram ความคิดสร้างสรรค์และกรอบความคิดดิจิทัลคือสิ่งที่ทำให้คน Gen C แตกต่างจากคนรุ่นอื่นๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนเหล่านี้คือคนที่กิน นอน และหายใจผ่านสื่อดิจิทัล (ข้อมูลจาก : Appleton. 2024) ดังนั้น คนกลุ่มนี้จึงเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อกลุ่ม Gen C มีขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่จะทำอย่างไรเพื่อให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หนึ่งในวิธีที่เห็นผลและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนก็คือ “การสร้างแบรนด์” โดยการสร้างแบรนด์ในสมัยนี้ง่ายและสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก แบรนด์ที่ดีต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง

1.ทัศนคติในเชิงบวกกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง : การมองโลกในแง่ดีและสนับสนุนผู้บริโภคด้วยการสร้างมูลค่าเชิงบวกกับการขายที่ลำบากจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความมั่นใจและสร้างความสัมพันธ์ในแบรนด์ เช่น ผู้ประกอบการจำหน่ายพลาสเตอร์ปิดแผล ซึ่งจะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อเกิดบาดแผล หากผู้ประกอบการมีการนำข้อความดีๆหรือออกแบบลายที่ดูสดใส ก็จะช่วยสร้างอารมณ์และความรู้สึกที่ดีได้

2.มีความเป็นมิตร : ผู้บริโภคกำลังมองหาความไว้วางใจและมูลค่าในการซื้อสินค้า ที่มากกว่ามูลค่าทางตัวเงิน ผ่านการให้ความใส่ใจผู้บริโภค เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริการด้วยใจ ดังนั้นเรื่องของคุณภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกจึงยังคงสำคัญ แม้ว่าจะมีความอ่อนไหวต่อราคาเพิ่มขึ้น เช่น ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่คนไม่สามารถออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าได้ ผู้ประกอบการก็มีบริการจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ หรือมีการสอบถามเพื่อแสดงความห่วงใย

3.ผสานเทคโนโลยีทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน : เมื่อกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ในตลาดออนไลน์ ผู้ประกอบการก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางนี้ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เลือกทำตลาด และมีค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะกับผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่ให้ได้ทำตลาดและสร้าง  แบรนด์ โดยผู้ประกอบการจะต้องศึกษารูปแบบและวิธีการขายในแต่ละแพลตฟอร์มให้ดี เพื่อสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

4.ให้ความสำคัญกับงานและชีวิต : การที่กลุ่ม Gen C เข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลขององค์กร ดังนั้น หากแบรนด์มีการสร้างการตระหนักรู้ถึงความใส่ใจขององค์กรที่มีต่อพนักงาน ก็จะยิ่งทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เพราะความสุขของพนักงานที่มีต่อการทำงานจะสะท้อนออกมาผ่านตัวสินค้าและบริการนั่นเอง

5.ให้ความสำคัญกับสังคม : ผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และต้องการเห็นธุรกิจดำเนินการด้วยความรับผิดชอบ กลุ่ม Gen C มักจะค้นหาข้อมูลของผู้ประกอบการและที่มาของสินค้าว่า สร้างผลกระทบในเชิงลบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อมหรือไม่ รวมถึงมีการทำกิจกรรมหรือโครงการดีๆ เพื่อตอบแทนสังคมหรือรักษาสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญอย่างมาก

หากดำเนินการสร้างแบรนด์ครบทั้ง 5 เรื่องแล้ว ลำดับถัดไปคือการเลือกช่องทางในการสร้างแบรนด์ ผู้ประกอบการควรเลือกจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีการการันตีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางออนไลน์ที่เป็นสื่อกลางในการขายสินค้าจำนวนมาก หากผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ผ่านช่องทางขายออนไลน์ของตัวเอง ก็สามารถการันตีสินค้าได้เช่นกัน และต้องมีการสื่อสารกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความพึงพอใจ

“พัฒนาต่อเนื่อง-สินค้าตอบโจทย์-ราคาโดนใจ” สู่การตลาดแบบ “Word of Mouth” สร้างเติบโตยั่งยืน

พร้อมเปิดตัวคลิป “เชิดชูจิตวิญญาณความเป็นครู” เนื่องในวันครูแห่งชาติ 2567

แม้ว่าตลาดโมเดิร์นเทรดในปัจจุบันจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็มีผู้ประกอบการ SME จำนวนไม่น้อยที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังสามารถกวาดยอดขายได้หลัก 100 ล้านบาทต่อปี เซเว่น อีเลฟเว่นในฐานะผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกมิติ จึงได้หยิบยกส่วนหนึ่งของสินค้า SME ที่มียอดขายสุดปัง ในปี 2566 มาเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการ SME ได้ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าและการทำตลาด

Happy Chef” รสชาติเหมือนต้นตำรับ แพ็กเก็จจิ้งสะดวก

Happy Chef” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ SME ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเชื่อว่าหลายคนคงเป็นแฟนพันธุ์แท้ในหลายๆ เมนูอาหาร ที่ผลิตโดย บริษัท แฮปปี้เชฟ (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบัน Happy Chef มีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 16 รายการ สำหรับสินค้าไฮไลต์ของปีนี้เป็นเมนูอาหารเกาหลีและอาหารไทย อาทิ ไส้กรอกต๊อกบกกีชีส,ไส้กรอกต๊อกบกกีลาวาชีส, รามยอนสไปซี่โซซิจิชิคเก้น, จาจังมยอน,ไก่สะเต๊ะ, หมูคลุกฝุ่น เป็นต้น เหตุผลที่แฮปปี้เชฟได้รับความนิยม นอกจากเรื่องรสชาติที่เหมือนต้นตำรับแล้ว ยังใช้วัตถุดิบคุณภาพ รวมถึงแพ็กเก็จจิ้งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายต่อการรับประทานและดึงดูดความสนใจ เช่น ถาดทรงกระทะเกาหลี  สำหรับหมวดเส้น ถาดทรงเหลี่ยมมน เพื่อง่ายต่อการคลุกซอส และถือรับประทานง่าย ไม่ร้อนมือ ซอง Standy Pouch เหมาะสำหรับคลุกหรือเขย่าได้สะดวก ไม่หกเลอะเทอะ ถือรับประทานได้ง่าย

“เบอร์แมน/เวนเจอร์” เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์

ใครจะคิดว่าแปรงสีฟัน “เบอร์แมน” ที่ผลิตโดย บริษัท รินทร์โชคชัย จำกัด จะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย เห็นทีแรกนึกว่าแบรนด์สินค้านอก แถมเป็นไอเท็มที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มแปรงสีฟันในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ปัจจุบันมีสินค้าที่วางจำหน่ายรวม 15 รายการ แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์ คือ แบรนด์เบอร์แมนและเวนเจอร์ มีจุดเด่นอยู่ที่ขนแปรงปลายเรียวแหลม จับกระชับมือ ราคาไม่แพง และไม่จำเป็นต้องมีรุ่นสินค้าที่หลากหลาย เน้นผลิตสินค้าตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานของผู้บริโภค พร้อมกลยุทธ์การตลาดกระตุ้นยอดขายในรูปแบบแพ็ก 3 ชิ้น

 

“Handy Herb” ส่งนวัตกรรมนำสมุนไพรครองใจคนทุก Gen

นับว่า แฮนดี้เฮิร์บ เป็นหนึ่งใน SME ที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติสมุนไพรไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จนมีสินค้ายอดฮิตมากมาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่ต้องการดูแลสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ปัจจุบันแฮนดี้เฮิร์บ โดย บริษัท แซนด์-เอ็ม โกลบอล จำกัด มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อดูแลสุขภาพหลากหลายรูปแบบ ภายใต้หลากหลายซับแบรนด์ อาทิ G'nite (จีไนท์) สารสกัดจากดอกคาโมมายล์และเห็ดหลินจือในรูปแบบแคปซูล ช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ, Night Night (ไนท์ไนท์) เครื่องดื่มสมุนไพรช่วยให้หลับง่าย, Ener-G เครื่องดื่มสมุนไพรเพิ่มความสดชื่น ล่าสุด ยังกวาดกระแสตอบรับจากสินค้าใหม่ HandyHerb Functional Gummy กัมมี่ เคี้ยวสนุก ได้ประโยชน์ แถมรสชาติอร่อย อีกด้วย

 

เครื่องดื่มผง “เพรส แอนด์ เชค” Display โดดเด่น หยิบง่าย สะดวกพกพา ราคาคุ้มค่า

ต้องยอมรับว่าสีสันและแพ็กเก็จจิ้งที่โดดเด่นของ เครื่องดื่มผง “เพรส แอนด์ เชค” เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลที่สามารถผสมในเครื่องดื่มต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ โดย บริษัท เฮฟเว่น ดรอปส์ จำกัด สามารถสร้างความน่าสนใจและแรงดึงดูดให้กับผู้บริโภคได้ไม่น้อย ประกอบกับคุณสมบัติของสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เพราะมีแคลลอรี่ต่ำ ไม่ผสมน้ำตาล ไขมัน 0% ทำให้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 5 รายการ ประกอบด้วย คอลลาเจน 2000 มก.+วิตามิน เอ อี ซี, คอลลาเจน 2000 มก.+กลูต้า วิตามิน ซี, คอลลาเจน 2000 มก.+ซิงค์ วิตามิน ซี,คอลลาเจน 2000 มก.+แอลธีอะนีน วิตามิน บีรวม และแอล-คาร์นิทีน ฟูมาเรท 500 มก.

Hooray!” ชูนวัตกรรมสร้างความต่าง

Hooray! ผลิตโดย บริษัท ครอสแม็กซ์ รีเทล จำกัด เป็นที่รู้จักในฐานะผลิตภัณฑ์นมโปรตีนสูงพร้อมดื่มเจ้าแรกของประเทศที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส ปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าในกลุ่มนมโปรตีนสูงที่มียอดขายสูงสุดในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ความโดดเด่นของ Hooray! คือ การใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี Enzymatic ในการสกัดน้ำตาล Lactose ออกมา ส่งผลให้มีโปรตีนสูง 29-31 กรัมต่อขวด ล่าสุดคิดค้น Hooray! Complete Plant Protein เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มองหาสินค้ากลุ่มนมพืชโปรตีนสูง โดยโปรตีนพืชที่นำมาใช้ได้รับการรับรองจากห้องทดลองมาตรฐานระดับสากลว่าเป็น Complete Protein คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด (Histidine, Leucine, Methionine, Threonine, Valine, Isoleucine, Lysine, Phenylalanine และ Tryptophan) มีส่วนผสมของ MCT Oil ที่ได้จากการสกัดจากน้ำมันมะพร้าว  ซึ่งเป็นไขมันดี มีรสชาติอร่อย ด้วยเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง ช่วยให้ได้รสชาติที่ทานง่าย ไม่เหม็นเขียว ลื่นคอ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการบริโภคสินค้าที่ทำมาจากสัตว์ มีโปรตีนเฉลี่ยอยู่ที่ 27-30 กรัมต่อขวด

 

“ปังสยาม” ปรับตัวพร้อมพัฒนาต่อเนื่อง

แม้ตลาดเบเกอรี่จะมีการแข่งขันสูง แต่แบรนด์ “ปังสยาม” ของบริษัท สยามรุ่งเรืองฟู้ด แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด ก็ยังสามารถยืนหยัดครองใจผู้บริโภคมาได้ถึง 50 ปี เพราะเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสามารถคงไว้ซึ่งคุณภาพที่หวนให้นึกถึงวัยเด็กได้อย่างสมบูรณ์ โดยสินค้าที่ถือเป็นไฮไลท์ของปี 2566 คือ เค้กโบราณ (เค้กถ้วยหน้าแยมส้ม) เป็นการพัฒนาเค้กโบราณที่เป็นที่นิยม แต่หาทานยากผลิตเป็น mass product ปรับรสชาติให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเค้กนุ่ม ราดด้วยแยมส้มรสชาติหอมหวาน แต่งหน้าด้วยครีม ตามแบบฉบับของเค้กโบราณ, เค้กไข่นุ่มสูตรโบราณ และ เค้กชิฟฟ่อนเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นใบเตย      

 

“พิซซ่า อัลเฟรโด” สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นคุณภาพ ราคาคุ้มค่า

ด้วยรูปลักษณ์ รสชาติ และราคาที่เริ่มต้นเพียง 29 บาท ทำให้หลายคนไม่คิดว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ “อัลเฟรโด” จะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการ SME ในนามของ บริษัท อัลเฟรโด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด สิ่งที่ทำให้ “อัลเฟรโด” ได้รับการตอบรับที่ดี คือ การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แป้งพิซซ่านุ่มไม่หนาเกินไป หน้าแน่น ราคาคุ้มค่า รสชาติของซอสในแต่ละหน้า มีเอกลักษณ์เฉพาะของอัลเฟรโด ที่ร่วมพัฒนากับเซเว่น อีเลฟเว่น จนได้ซอสที่รสชาติลงตัว ไม่ต้องบีบซอสเพิ่ม สินค้าได้รับมาตรฐาน Halal  สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดย 3 เมนูฮิตคือ ฮาวาเอี้ยน สุพรีม และค็อกเทลกุ้ง จากทั้งหมด 8 รายการ ล่าสุดได้ออกสินค้าตัวใหม่ แร็พเอ็นโรลไก่ทอด พร้อมแป้งตอร์ติญ่า นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แผ่นบาง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

ทั้งนี้ 7 แบรนด์สินค้า SME ฮอตฮิตที่นำเสนอ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินค้าที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคและส่งผลให้มียอดขายทะลุหลัก 100 ล้านบาทในปี 2566 เท่านั้น ยังมีผู้ประกอบการ SME อีกจำนวนไม่น้อยที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click