นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ (ซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล “เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนผู้บริหารและพนักงานมอบสิ่งของรับบริจาคจากกิจกรรม "เคลียร์บ้าน ได้บุญ ปลายปี" เพื่อโครงการ "เหลือ - ขอ" มูลนิธิบ้านนกขมิ้น โดยเปิดรับบริจาคสิ่งของเหลือใช้จากผู้บริหารและเพื่อนพนักงาน เช่น เสื้อกันหนาวมือสอง เสื้อผ้าเด็ก ผู้ใหญ่ กระเป๋าและรองเท้า เพื่อส่งต่อให้กับน้องๆ เด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส และกลุ่มผู้เปราะบาง ที่มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เนื่องในโอกาสวันเด็กพร้อมมอบอุปกรณ์การเรียน กล่องดินสอ ดินสอสี สมุดวาดเขียน ขนมและนม ให้กับทางมูลนิธิฯ โดยมีนายชัยรัตน์ มิดชิด (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายระดมทุน มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เป็นผู้รับมอบ ณ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น เขตบึงกุ่ม เมื่อเร็วๆ นี้

มูลนิธิบ้านนกขมิ้น ให้ความสำคัญกับคำว่า “ครอบครัว” เพราะว่าครอบครัว คือ รากฐานชีวิตของมนุษย์ทุกคน ซึ่งการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม จะส่งผลต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาบุคลิกภาพ นิสัยและความประพฤติของบุคคล มูลนิธิฯ จึงให้ความสำคัญและดูแลเด็กๆ โดยเติมเต็มครอบครัวใหม่ให้กับเด็ก และมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิบ้านนกขมิ้นที่เป็นคู่สามี-ภรรยา ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ให้กับเด็กๆ ในหนึ่งครอบครัวจะมีสมาชิกที่เป็นลูกประมาณ 10 คน ดูแลซึ่งกันและกันเหมือนกับครอบครัวทั่วไป เด็กทุกคนจะได้รับความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่อย่างใกล้ชิด ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยความรักและเด็กๆ จะได้รับโอกาสทางการศึกษา พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนกิจกรรมด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี กีฬา เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถที่ได้รับ ไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต และสามารถออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ

โครงการ “เหลือ-ขอ” โดย “ครูอ๊อด ขออาสา” เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันทำบุญ โดยขอรับบริจาคสิ่งของ อาทิ เสื้อผ้า หนังสือ รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เพื่อเปลี่ยนเป็นค่าเทอมให้เด็กด้อยโอกาสในสังคม โดยสามารถนำมาส่งที่โครงการฯ หรือส่งทางไปรษณีย์ หรือแจ้งความประสงค์ให้มูลนิธิฯ ไปรับของบริจาคที่บ้านได้เช่นกัน

นางสาวชนิดาภา สุริยา (กลางซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนผู้บริหารและพนักงานเคทีซี มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สภาพดีพร้อมใช้งาน จำนวน 145 เครื่อง ให้แก่โรงเรียนในชนบท โดยมีนายพิเชษฐ เขาแก้ว (กลางขวา) ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านคลองบอน จังหวัดนครสวรรค์ ตัวแทนคณะครูอาจารย์รับมอบ ภายใต้กิจกรรม “เคทีซีส่งต่อคอมฯ จากพี่สู่น้อง” โดยในปี 2566 เคทีซีได้มอบคอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 184 เครื่อง ให้กับ 6 โรงเรียน เพื่อจัดส่งคอมพิวเตอร์ให้กับอาจารย์และนักเรียนได้ใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนต่อไป ณ เคทีซี ทัช อาคารสมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33 เมื่อเร็วๆ นี้

สร้างประสบการณ์พัฒนาเด็กพิเศษทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมหนุนครอบครัวเป็นเซฟโซน

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดย นางสาวนภา  ตรีรัตนาวงศ์(ที่สามจากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานธุรกิจประกันสุขภาพ นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ(ที่สองจากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า ร่วมส่งมอบความสุขให้กับเด็กๆ ได้อิ่มท้อง ในโครงการ “ปันสุข เพื่อน้องอิ่ม” ทุกการรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์จากลูกค้าจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินบริจาค (บริษัทบริจาค 200 บาทต่อ 1 กรมธรรม์) ให้กับธนาคารอาหารออนไลน์ Cloud Food Bank มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ เพื่อช่วยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน เป็นมื้ออาหารให้กับชุมชนที่ขาดแคลน และเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมจากการลดการใช้ทรัพยากรกระดาษอีกด้วย สามารถเปลี่ยนเป็นเงินบริจาคจำนวน 411,200 บาท โดยมี แสวง​ ขาวลา (กลาง)​ผู้จัดการอาวุโสฝั่งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆนี้

นำทีมพนักงานทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่บางกระเจ้า

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำโดย อาสาสมัครพนักงาน ร่วมกับมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย หรือ JA Thailand ในฐานะครูพี่เลี้ยง ลงพื้นที่จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงินในโครงการ JA SparktheDream แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 5 จำนวน 243 คน ณ โรงเรียนชุมชนบึงบา ถนนเลียบคลองสิบ บ้านบึงบาพัฒนา ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เพื่อส่งต่อความรู้ทางการเงิน ทักษะทางสังคม และทักษะการใช้ชีวิตที่จำเป็นพื้นฐานให้แก่น้องๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการเงินได้อย่างรอบคอบ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ตัวเองและครอบครัว    

โครงการ JA SparktheDream นำเสนอความรู้ทางการเงินใน 3 บทเรียนหลัก ได้แก่ บทเรียนที่ 1) การหารายได้ การเก็บออม และการใช้จ่าย บทเรียนที่ 2) การวางแผนทางการเงิน บันทึกรายรับ รายจ่าย และบทเรียนที่ 3) แรงบันดาลใจและความมั่นคงทางการเงิน ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบของเกมจำลองสถานการณ์ แบบทดสอบ และกิจกรรมประเภทต่างๆ โดยใช้เนื้อหาที่เข้าใจง่าย และออกแบบให้สามารถปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธี ส่งมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่เครือซีพี โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือ JCC ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 36 หนุนโภชนาการที่ดี สร้างคลังอาหารในโรงเรียน-ชุมชน มุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เยาวชน ปูพื้นฐานอาชีพนำองค์ความรู้ไปใช้ในอนาคต ณ โรงเรียนบ้านนาคำ (โพนสวรรค์) อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า  รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ JCC ให้ความสำคัญในการส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดีแก่เด็กและเยาวชนไทย ด้วยการสนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน โดยโครงการฯ นี้เป็นตัวอย่างของการบูรณาการงานร่วมกับภาครัฐ และภาคเอกชน โดยมี มูลนิธิฯ เป็นกลไกขับเคลื่อนหลัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรงเรียนทั้ง 4 แห่งในพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่ได้รับโอกาสนี้ จะดำเนินโครงการด้วยความตั้งใจ บริหารจัดการไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียน และขอขอบคุณ JCC มูลนิธิฯ และซีพีเอฟ ที่เดินหน้าโครงการฯ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียน โรงเรียน และชุมชน

ด้าน นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ช่วยบริหารสำนักประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ ในฐานะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า มูลนิธิฯ และซีพีเอฟ ดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 โดยในปี 2543 มูลนิธิฯผนึกกำลังกับ JCC ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายสนับสนุนโครงการฯ จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 24 ปี โดยเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการฯ ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงโภชนาการที่ดี ให้แก่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนในถิ่นทุรกันดาร สำหรับปีนี้ JCC สนับสนุนงบประมาณ แก่ 4 โรงเรียนในจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านนาคำ โรงเรียนบ้านนาเต่า โรงเรียนบ้านค้อ และโรงเรียนพระซองวิทยาคาร

 

ส่วน นายวราราชย์  เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ผู้แทนรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนมูลนิธิ ทั้งงบประมาณและบุคลากร อย่างเต็มกำลัง ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปติดตาม ดูแล ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงไก่ไข่ และการจัดการผลผลิตไข่ไก่สด แก่ครูและนักเรียนในโรงเรียนที่ร่วมโครงการฯอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถบริหารโครงการได้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพของเด็กเยาวชนไทย ที่เป็นอนาคตของประเทศ จากการบริโภคไข่ไก่อาหารโปรตีนคุณภาพดีอย่างเพียงพอ อิ่มท้อง สมองแจ่มใส และหวังว่าโรงเรียนจะสามารถดำเนินการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน เป็นแบบอย่างให้แก่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป

ทางด้าน นายโคโซ โท รองประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า JCC ตระหนักถึงความสำคัญของโภชนาการในเด็กวัยเรียน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สนับสนุนโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือและส่งเสริมในด้านอาหารและโภชนาการแก่เยาวชนไทยในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการสนับสนุนงบประมาณสำหรับก่อสร้างโรงเรือน การติดตั้งอุปกรณ์การเลี้ยง พันธุ์ไก่ไข่ อาหารสัตว์ และเวชภัณฑ์ในการเลี้ยงไก่ไข่รุ่นแรก ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน ครู ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเข้าถึงแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพดี ตลอดระยะเวลา  24 ปีที่ผ่านมา มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ภายใต้ความร่วมมือของ JCC รวม 146 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยนำรายได้จากการเลี้ยงไก่ไข่รุ่นที่ 1 มาเป็นกองทุนบริหารจัดการในรุ่นต่อไป ส่งผลให้สามารถขยายผลสู่กิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับโรงเรียนได้อย่างแท้จริง

ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน 959 โรงเรียนทั่วประเทศ มีนักเรียนกว่า 180,000 คน คุณครูและบุคลากรทางการศึกษากว่า 1,300 คน ตลอดจนชุมชน ได้เรียนรู้ทักษะการเลี้ยงไก่ไข่ การจัดการบริหารฟาร์มขนาดเล็ก และประยุกต์กิจกรรมสู่การเรียนการสอน เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญด้านการจัดการอาชีพเกษตรเชิงธุรกิจให้กับครู นักเรียน ได้เรียนรู้การบริหารจัดการธุรกิจเกษตร สามารถบริหารจัดการผลผลิตไข่ไก่จำหน่ายให้แก่ชุมชน ทำให้ชาวชุมชนได้บริโภคไข่ไก่สดในราคาที่เหมาะสม สร้างรายได้หมุนเวียน ต่อยอดขยายผล เกิดเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นฐานรากของ “ความมั่นคงทางอาหาร”

เคทีซีสนับสนุนสมาชิกเลือกเดินทางด้วยรถสาธารณะ เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและความแออัดของการคมนาคมขนส่งระหว่างเมือง จับมือ “BEM” และ “MRTA” มอบโค้ด e - Coupon ส่วนลด 50 บาท เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเติมเงินบัตรโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงทุกประเภท 400 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER 499 คะแนนแลกรับ ตลอดทั้งปี 2567

 

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยนางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต กล่าวว่า “เคทีซีสนับสนุนให้สมาชิกเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้รถโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า รวมถึงลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในบางโอกาส เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง ความแออัดของการคมนาคมขนส่งระหว่างเมือง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้จับมือกับ “BEM” (Bangkok Expressway and Metro) หรือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคลหรือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ “MRTA” (Mass Rapid Transit Authority of Thailand) หรือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรมหรือรถไฟฟ้าสายสีม่วง มอบโค้ด e - Coupon ส่วนลด 50 บาท สำหรับบริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เส้นทางสถานีหัวลำโพงถึงบางซื่อ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสถานีหัวลำโพงถึงหลักสอง และสถานีบางซื่อถึงสถานีท่าพระ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีม่วง เส้นทางสถานีเตาปูนถึงคลองบางไผ่ เพียงสมาชิกเติมเงินบัตรโดยสารรถไฟฟ้าทุกประเภทด้วยบัตรเครดิตเคทีซี 400 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER 499 คะแนนแลกรับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 โดยสมาชิกรับสิทธิ์ได้ทันทีผ่านแอป KTC Mobile และทำรายการแลก e - Coupon ต่อหน้าพนักงานเท่านั้น

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ”

มอบจักรยาน และหมวกกันน็อคให้เป็นของขวัญวันเด็ก 2567

X

Right Click

No right click