บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้นำสีนวัตกรรมรักษ์โลก รักคุณ พลิกโฉม “ปัญญาคาเฟ่” ร้านกาแฟบนถนนเพชรบุรี ซอย 12 ที่ดำเนินงานโดยผู้พิการทางปัญญา ให้กลายเป็นร้านกาแฟสุดฮิปใจกลางเมือง เปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านี้ได้แสดงความสามารถและพรสวรรค์ของตนเอง พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไป

“ปัญญาคาเฟ่” ดำเนินการโดยมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นมากกว่าร้านกาแฟทั่วไป แต่เป็นสถานที่สำหรับบุคคลที่มีความพิการทางปัญญาในการฝึกฝนทักษะวิชาชีพและการปรับตัวเข้ากับสังคม มีบาริสต้าและพนักงานเสิร์ฟที่มีความพิการทางปัญญาจะคอยให้บริการลูกค้าด้วยความอบอุ่นและทุ่มเท แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างที่ควร แม้ว่าร้านกาแฟแห่งนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี เพียง 200 เมตรเท่านั้น

โมเดอร์นฟอร์มและเบเยอร์ เห็นถึงศักยภาพของ “ปัญญาคาเฟ่” พร้อมขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นในเรื่องความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่างของบุคคล (DEI) ได้ร่วมมือกันปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงคาเฟ่แห่งนี้ โดยโมเดอร์นฟอร์มเป็นผู้ออกแบบตกแต่งและดูแลเรื่องเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ทั้งหมด เพื่อสร้างบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกให้ดูสะดุดตา น่าสนใจและดึงดูดผู้ที่ผ่านไปมา ส่วนเบเยอร์ดูแลในเรื่องสีทั้งหมดทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเลือกใช้สีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างให้คาเฟ่แห่งนี้ให้โดดเด่นและรักษ์โลกในที่เดียวกัน

สายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์ กล่าวว่า “ร้านปัญญาคาเฟ่ เปิดเมื่อปี 2561 เป็นสถานที่ที่ให้โอกาสและความหมายใหม่ในการใช้ชีวิตแก่เด็กที่พิการทางปัญญา โดยการฝึกอาชีพและจ้างงานน้อง ๆ โดยมีมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์ เป็นผู้รับผิดชอบสำคัญในการดำเนินการร้านปัญญาคาเฟ่ จึงตั้งใจที่จะทำให้เป็นสถานที่ฝึกอาชีพ สร้างโอกาสให้กับน้อง ๆ ได้ฝึกทักษะและทำงานอย่างมีความสุข รวมถึงช่วยให้น้องมีรายได้จากการทำงาน   

“ขอขอบคุณโมเดอร์นฟอร์มและเบเยอร์ที่ให้ความสำคัญกับเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญา และร่วมปรับปรุงร้านปัญญาคาเฟ่ในครั้งนี้ เชื่อว่าการปรับปรุงร้านในครั้งนี้ จะช่วยให้ร้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวาและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ จะช่วยสร้างโอกาสและแรงบันดาลใจให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางปัญญา” เพราะเราเชื่อว่า “ผู้พิการทางปัญญาพัฒนาได้  ถ้าใส่ใจและให้โอกาส"

กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัญญาคาเฟ่ มีความสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของโมเดอร์นฟอร์มที่ให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่างของบุคคล (DEI) รวมถึงได้เห็นถึงศักยภาพของ “ปัญญาคาเฟ่” ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางปัญญาได้มีโอกาสเรียนรู้ และได้แสดงศักยภาพในแบบที่เป็นตัวเอง

พร้อมทั้งต่อยอดแนวความคิด ‘เปลี่ยนทุกสเปซให้ Make Sense’ จึงได้ออกแบบ ตกแต่งพื้นที่ ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ และเลย์เอ้าท์ให้ตอบโจทย์รูปแบบการใช้งาน รองรับจำนวนลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับมูลนิธิ พร้อมทั้งยังรักษาบรรยากาศความอบอุ่นและเป็นมิตรของร้านกาแฟ ด้วยการเลือกใช้โทนสีละมุนตา เพื่อให้ดึงดูดเด็กรุ่นใหม่ให้มาใช้บริการ นอกจากจะได้ความสดชื่น อร่อยของเครื่องดื่มและขนมแล้ว ยังได้มีโอกาสช่วยเหลือน้อง ๆ ไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้เรายังตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิต ตามแบรนด์ไอเดียที่ว่า ‘ทุกแรงบันดาลใจ เป็นจริงได้ในแบบคุณ’

“โมเดอร์นฟอร์มรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมมือกับเบเยอร์ และปัญญาคาเฟ่ พลิกโฉมคาเฟ่แห่งนี้ให้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางเมือง” กิติพัฒก์กล่าวเสริม "เราเชื่อว่าทุกคนสมควรได้รับโอกาสและเราดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน้อง ๆ ที่ปัญญาคาเฟ่ ให้เข้าถึงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่"

ดร. วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าว “เบเยอร์ ผู้นำด้านโซลูชันการทาสีที่เป็นนวัตกรรม มุ่งมั่นสร้างความสุขในสังคม ด้วยโครงการ "Beger Be Happy สีเบเยอร์สีแห่งความสุข" ซึ่งเป็นโครงการซีเอสอาร์แบบยั่งยืน ที่มุ่งสนับสนุนและสร้างสรรค์จุดเริ่มต้นในการร่วมมือกันแสดงพลังแห่งความดีช่วยเหลือสิ่งที่เป็นประโยชน์ ด้วยการมอบผลิตภัณฑ์สีชนิดต่าง ๆ ให้แก่สถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ

การปรับปรุงพื้นที่ “ปัญญาคาเฟ่” เป็นการสานต่อปณิธานและแนวคิด Eco-Wellness Innovation สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ ร่วมขับเคลื่อนสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ด้วยการใช้สีเบเยอร์คูล ไดมอนด์ชิลด์ 15 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน รายแรกและรายเดียวในในธุรกิจสีในประเทศไทย เป็นนวัตกรรมสีบ้านเย็น โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเซรามิก คูลลิ่ง หนึ่งเดียวในไทย ที่มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อน ลดอุณหภูมิห้อง ลดใช้พลังงานไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังมีเทคโนโลยีพันธะเพชร ช่วยเพิ่มพลังการยึดเกาะ ทำให้บ้านสีสวยสด ทนต่อทุกสภาวะ โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อมที่ดี และยืนหยัดร่วมแก้ปัญหาวิกฤตโลกร้อนไปด้วยกันพร้อมกับคนไทยทุกคน

"เราเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่สวยงามและน่าสนใจสามารถสร้างความสะดุดตาให้กับผู้ที่ผ่านไปมาได้ และมั่นใจว่าปัญญาคาเฟ่แห่งใหม่จะเป็นสถานที่ที่น้อง ๆ ที่พิการทางปัญญาจะทำงานได้อย่างมีความสุข"

ความร่วมมือระหว่างโมเดอร์นฟอร์มและเบเยอร์ในการเปลี่ยนโฉม “ปัญญาคาเฟ่” เป็นความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและสนับสนุนบุคคลที่มีความพิการทางปัญญา และตั้งใจว่าร้านกาแฟที่ปรับปรุงใหม่จะกลายเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ สนับสนุนให้สังคมยอมรับความหลากหลายและตระหนักถึงศักยภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล

เชิญมาจิบกาแฟและรับประทานของว่างที่บริการโดยน้องผู้พิการทางปัญญา ที่ “ปัญญาคาเฟ่” โฉมใหม่ ปากซอยเพชรบุรี ซอย 12 ได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. น. ลงรถไฟฟ้า สถานีราชเทวี เดินประมาณ 200 เมตร

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต โดยนายสหพล พลปัถพี (ขวา)ประธานเจ้าหน้าที่สายงานช่องทางตัวแทน เป็นผู้แทนบริษัท ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยนางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านตรวจสอบ (กลาง)  มอบเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา จำนวน 29 เครื่อง ในกิจกรรม “รวมพลังภาคประกันภัย รวมใจเพื่อการศึกษา” ให้กับโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดทองธรรมชาติ วรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดทองธรรมชาติ และโรงเรียนวัดทองธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนการศึกษาและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านการใช้เทคโนโลยี โดยมี นางสาวจินตนาพร สุวรรณพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดทองธรรมชาติ (ซ้าย) เป็นผู้รับมอบ โดยในงานนี้มีหน่วยงานภาคประกันภัย รวมใจกันนำอุปกรณ์การศึกษามาร่วมมอบกว่า 380 รายการ

โดยตลอดปี 2566 FWD ประกันชีวิต ได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที ให้กับหน่วยงานและโรงเรียนต่างๆ  อาทิ สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล โรงเรียนบ้านพรมใต้พิทยาคาร โรงเรียนบ้านโนนงาม โรงเรียนบ้านหว้าทอง โรงเรียนบ้านโนนสลวย โรงเรียนบ้านแข้ (เจริญราษฎร์วิทยา) โรงเรียนชุมชนบ้านหนองเซียงซา รวมทั้งสิ้นกว่า 2,460 รายการ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุนอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีโภชนาการที่ดี รสชาติอร่อย จากศูนย์กระจายสินค้า มอบผ่านมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS นำไปปรุงอาหารให้แก่ชุมชน ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ทั่วกรุงเทพฯ ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารในทุกสถานการณ์ ผ่านโครงการ “Circular Meal…มื้อนี้เปลี่ยนโลก” รับรางวัล SOS Awards 2023 ประเภท “OUTSTANDING FOOD RESCUE AWARD - BIG MANUFACTURING GROUP” จาก SOS เป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมผนึกภาคีเครือข่ายปฏิวัติระบบอาหารประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ในงานสัมมนา “Zero Summit 2023 SOS RE- DEFINING FOOD SYSTEM - สู่นิยามใหม่ของระบบอาหาร”

นายทวิช ทัฬหะกาญจนากุล ผู้อำนวยการโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CPFGS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงานและเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่ได้ร่วมงานกับ SOS มาอย่างต่อเนื่อง และได้เห็นความก้าวหน้าของ SOS และภาคี ในการร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการอาหารส่วนเกิน  โดยตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯได้ส่งมอบอาหารกว่า 174,400 มื้อ สามารถช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ กว่า 55,000 คน มากกว่า 70 ชุมชน และลดการเกิดขยะอาหารในกระบวนการจัดการได้กว่า 41 ตัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 103 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 10,800 ต้น (อ้างอิงจาก CDM ภาคป่าไม้ โดย อบก. และ ม.เกษตรศาสตร์ 2554)

จากความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ และ SOS ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อที่ 12 โดยขยายการสนับสนุนอาหารจากศูนย์กระจายสินค้าซีพีเอฟจีเอส บางน้ำเปรี้ยวและมหาชัย รวมถึงต่อยอดกิจกรรมไปในพื้นที่อื่นๆ อาทิ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งมอบอาหารมื้อที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ดังเช่นในวันอาหารโลก (World Food Day) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส ผนึกกำลังกับ SOS และ GEPP มอบอาหารให้บุคลากรที่ช่วยพิทักษ์ปกป้องแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ สอดรับกับธีมสากล Water is life water is Food ซึ่งตลอดการดำเนินโครงการ Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก บริษัทฯเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังจากการส่งมอบอาหารแล้วมากกว่า 20,000 ชิ้น สู่การจัดการที่เหมาะสมต่อไป

“ความร่วมมือนี้ยังคงพัฒนาและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนให้แก่โลก ตามแนวทาง  Waste to Value สร้างคุณค่าปราศจากขยะ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Zero Food waste to Land fill ภายในปี 2030” นายทวิช กล่าว

สำหรับงานสัมมนา “Zero Summit 2023 SOS RE- DEFINING FOOD SYSTEM - สู่นิยามใหม่ของระบบอาหาร” เพื่อร่วมผนึกกำลังปฏิวัติระบบอาหารประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส เป็นหนึ่งใน 700 พันธมิตร ที่ร่วมสนับสนุน SOS ส่งมอบอาหารส่วนเกินมาโดยตลอด

นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ร่วมด้วย หอการค้าจังหวัดสุโขทัย ประชารัฐรักสามัคคีสุโขทัย หจก.ธงชัยวิทยุ และสุโขทัยพัฒนาเมือง ร่วมมอบเงินจำนวน 4 แสนบาท จากการแข่งขันวิ่งการกุศล “TOSHIBA RUN สุโขทัย วิ่งชมอุทยาน สุขสราญ สุโขทัย” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสุโขทัย โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์มาโนช อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ พร้อมทีมแพทย์และพยาบาล เมื่อเร็วๆ นี้

พร้อมแก้หนี้ครัวเรือน เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สร้างรายได้ยั่งยืนในชุมชนห้วยน้ำเพี้ย จ.น่าน

ผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร และนายคณิน ธรรมภิบาลอุดม หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด นำคณะผู้บริหาร พนักงาน คณะสื่อมวลชน และครอบครัว ร่วมกิจกรรม “เรื่องจริงของคนตีไฟ” เพื่อเรียนรู้ถึงภารกิจการควบคุมและดับไฟป่าจากเหล่าเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตัวจริง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคม ถึงเรื่องปัญหา ผลกระทบ และแนวทางป้องกันไฟป่า รวมถึงภารกิจของเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าที่ต้องประสบกับไฟป่า พร้อมกันนี้ได้มอบอุปกรณ์จำเป็นสำหรับภารกิจดับไฟป่าให้เจ้าหน้าที่ ณ สถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้

กิจกรรม “เรื่องจริงของคนตีไฟ” เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของเอปสัน ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “33 x Trees” ในวาระครบรอบ 33 ปี การก่อตั้งบริษัทฯ โดยปีนี้มุ่งเน้นเกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ และเป็นการขานรับนโยบายที่ไซโก้ เอปสัน บริษัทแม่ของเอปสัน ประเทศไทยได้เข้าร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG ขององค์การสหประชาชาติ

กิจกรรมในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้รับฟังเกี่ยวกับไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเสียหายอย่างมากกับพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยในแต่ละปี จากนายพีรวัฒน์ คำล้ำเลิศ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ รวมถึงภารกิจต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ในการป้องกันและควบคุมไฟป่าในแต่ละปี ตลอดจนได้เรียนรู้อุปกรณ์ในการทำภารกิจของเจ้าหน้าที่ เช่น ครอบ ไม้ตีไฟ ถังฉีดน้ำ และเครื่องเป่าลม เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้ลงมือทำแนวกันไฟบริเวณป่ารอบสถานี และได้ลงมือดับไฟจริงจากอุปกรณ์ที่ได้เรียน ปิดท้ายด้วยการรับใบประกาศนียบัตรผ่านการอบรมจากหัวหน้าสถานีอีกด้วย

 

ซีพี-เมจิ ผู้นำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต ชูกลยุทธ์ความยั่งยืน 3 ด้าน สุขภาพ-สังคม-สิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “เพิ่มคุณค่าชีวิต (Enriching Life)” พร้อมขยายตลาดสินค้าคุณภาพไปทั่วภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้เติบโตไปด้วยกัน

นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตระหนักเสมอถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน โดยใช้แนวคิดการเพิ่มคุณค่าชีวิต 3 ด้าน เริ่มด้วย ด้านสุขภาพ ที่บริษัทฯ จะผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์นมคุณภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การเพิ่มรสชาติใหม่ๆ ที่มีฟังก์ชั่นในการดูแลร่างกายของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม โดยจะขยายพอร์ตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-value) และส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มโยเกิร์ตให้เพิ่มขึ้น รวมถึงความตั้งใจขยายตลาดนมซีพี-เมจิ ออกไปให้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการขายน้ำนมแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยให้มากขึ้น

ถัดมา ด้านสังคม ที่ ซีพี-เมจิมุ่งเน้นการดูแลและสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงโคและการจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรต้นน้ำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าให้เติบโตเคียงข้างไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทฯ ยังให้การดูแลชุมชนในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่โรงงานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

สุดท้าย ด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด อาทิ การผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานจากหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบการกำจัดน้ำเสียและนำกลับมาใช้ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกในกระบวนการผลิตให้มากขึ้น เพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net-Zero) ตลอดจนเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพให้กับโลกอย่างต่อเนื่อง

“โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบอย่างมากมายดังที่ทุกคนทราบกันดี ในฐานะที่ซีพี-เมจิ เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ เราจึงเดินหน้าคู่ขนานไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายในการดูแลรักษาโลกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” นางสาวสลิลรัตน์ กล่าว

กลยุทธ์ความยั่งยืนทั้ง 3 ด้านจะนำไปสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี เมื่อผนวกกับสองปัจจัยบวก ทั้งการท่องเที่ยวและตลาดในประเทศฟื้นตัว ซีพี-เมจิ เชื่อมั่นว่า ในปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าหมาย หรือเติบโตราว 10% และยังคงครองการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มนมพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรส์ของประเทศไทยได้เช่นเดิม

เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (กลางขวา) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 38,067,065 บาท สมทบทุนให้กับ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ่านดร. บรรจงเศก ทรัพย์โสภา (กลางซ้าย) ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ ซึ่งเงินบริจาคดังกล่าว สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้ร่วมกันใช้คะแนน KTC FOREVER และบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เพื่อมอบชีวิตใหม่ให้กับเด็กยากไร้ได้ไปโรงเรียน มีอาหารรับประทานอิ่มท้อง และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป

ดร. บรรจงเศก กล่าวว่า “มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ เป็นองค์การพัฒนาเอกชน ที่ดำเนินพันธกิจในการพัฒนาเด็กด้อยโอกาสในประเทศไทย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาตลอด 65 ปี โดยมีเด็กและเยาวชนกว่า 100,000 คน ได้รับโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการดำเนินงาน “โครงการอุปการะเด็ก” และ “โครงการพิเศษ” อื่นๆ ของมูลนิธิ ”

 ครั้งแรก! ยกกองขยะมาไว้ใจกลางกรุง พร้อม 7 ศิลปินร่วมสร้างจิตสำนึก  “เลิกเทรวม”

สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย นายเอกกมล แพทยานันท์ (ที่ 2 จากซ้าย) นายกสมาคมฯ จัดงานแถลงข่าว เชิญคนไทยทั้งประเทศร่วมเป็นเจ้าภาพ การประชุมสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2566 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมระดับนานาชาติของผู้แทนคนตาบอดจากองค์กรสมาชิกของสหภาพคนตาบอดโลกภาคพื้นเอเชียและ แปซิฟิกจำนวน 21 ประเทศ ผู้นำคนตาบอดจากองค์กรเครือข่าย รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานที่ทำงานด้านคนตาบอดและคนพิการในระดับประเทศ รวมทั้งสิ้น 350 คน โดยได้รับเกียรติจาก นายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นายมณเฑียร บุญตัน (ยืนกลาง) สมาชิกวุฒิสภา และดร.นันทนุช สุวรรนาวุธ(ที่ 3 จากขวา) เลขานุการสมาคมฯ ในฐานะดูแลงานด้านต่างประเทศ ร่วมให้รายละเอียด ณ ห้องคริสตัล โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพมหานคร

X

Right Click

No right click