กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมมือทางวิชาการโครงการแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) เพื่อใช้ข้อมูลในการวางนโยบายด้านการเกษตรและวางแผนบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรผ่านระบบ Agri-Map ทั้งแบบออนไลน์ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Agri-Map Online) และแอปพลิเคชันผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Agri-Map Mobile) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย

ล่าสุด. นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ศ. ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีนายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายในการขับเคลื่อนงานภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ 15 แนวทางนโยบายหลัก ปรับตามสถานการณ์และปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานเชิงรุกในการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบ ซึ่ง Agri-Map ถือเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ในการขับเคลื่อนงานดังกล่าว ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สอดคล้องตามสภาพพื้นที่และสถานการณ์ในปัจจุบัน

นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวถึงความร่วมมือและการสนับสนุนด้านการวิจัยเพื่อร่วมพัฒนาระบบ Agri-Map “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายจัดทำแผนที่สำหรับบริหารจัดการภาคการเกษตรของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยบูรณาการข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรและการพาณิชย์ สำหรับวิเคราะห์การจัดการสินค้าเกษตร ตามความต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภค และความเหมาะสมของการใช้ที่ดิน

โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ทำให้ Agri-Map ถูกพัฒนาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้บริหารจัดการภาคการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันสมัย สะดวก และติดตามความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สามารถใช้ได้บนแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ Agri-Map Online และบนแพลตฟอร์มมือถือ Agri-Map Mobile เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตร และวางแผนการบริหารจัดการภาคเกษตรภายใต้โครงการสำคัญต่างๆ โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว”

ศ. ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงความร่วมมือและการสนับสนุนด้านการวิจัยเพื่อร่วมพัฒนาระบบ Agri-Map โดยเนคเทค สวทช. ได้นำงานวิจัยทางเทคโนโลยีด้านบูรณาการข้อมูลไปใช้กับข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร และพัฒนาเครื่องมือสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ร่วมกับเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ มาสร้างแบบจำลองในการโซนนิ่งภาคการเกษตร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและผลผลิตให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังได้วิจัยพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลแบบอัตโนมัติเพื่อการเตรียมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล อย่างมีมาตรฐานสากล เพื่อใช้ในการแสดงผลในแบบแผนที่บนระบบ Agri-Map ในรูปแบบออนไลน์ผ่านเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ (Agri-Map Online) และแอปพลิเคชันผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Agri-Map Mobile) ซึ่งช่วยลดภาระเวลาการทำงานให้กับการจัดการข้อมูลในการส่งเข้าระบบ Agri-Map รวมทั้งได้พัฒนาระบบ Map Server ด้วย Opensource ที่ให้ประสิทธิภาพเทียบ Business Software ซึ่งช่วยลดภาระค่าลิขสิทธิ์ลงได้

สำหรับความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดิน ได้สนับสนุนปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกของพืชเศรษฐกิจ 13 ชนิดพืช ตามรอบการสำรวจของกรมฯ และเพิ่มข้อมูลพืชเศรษฐกิจทางเลือกในการเพาะปลูกให้แก่เกษตรกรอีก 5 ชนิด ได้แก่ มะม่วง กล้วย ลองกอง โกโก้ และส้มโอ ส่วนเนคเทค สวทช. ยังสนับสนุนการนำงานวิจัยการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดลการทำนายพื้นที่เพาะปลูกพืชมาใช้ เพื่อช่วยลดภาระงานสำรวจพื้นที่ของทางกรมพัฒนาที่ดิน ปัจจุบัน ระบบ Agri-Map ได้

เปิดให้ใช้งานได้ทั้งแบบออนไลน์ผ่านระบบเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ (Agri-Map Online) และแบบแอปพลิเคชันผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Agri-Map Mobile) ซึ่งยังคงต้องมีการพัฒนาปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยและดูแลรักษาระบบให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ในงาน “2022 The Annual Petroleum Outlook Forum : เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของพลังงานโลก” โดย กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท.

อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการค้าโลก จะช่วยลดผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจได้บ้าง โดยเฉพาะเวียดนามที่ได้ประโยชน์จากการมีสัดส่วน ส่งออกสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสูง

โลกทั้งโลกตอนนี้หยุดชะงัก ธุรกิจการค้าส่วนใหญ่ต้องปิดตัวลงชั่วคราว ไม่มีรายได้ ทั้งในระดับธุรกิจ ครอบครัว บุคคล หรือแม้กระทั่งรัฐบาล แต่รายจ่ายยังเดินอยู่ตลอดเวลา

Page 2 of 4
X

Right Click

No right click