เจเนอราลี่ กรุ๊ป ผนึกกำลัง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme – UNDP) จัดประชุมใหญ่ “Building SME Resilience in Asia” เผยผลวิจัยด้านความยืดหยุ่นและความเสี่ยงของผู้ประกอบการกลุ่ม MSMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทย-มาเลเซีย เพื่อผลักดันความช่วยเหลือ พร้อมนำเสนอคู่มือป้องกันความสูญเสียสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย เพื่อเป็นกุญแจสู่ความมั่นคงและความยั่งยืนในการทำธุรกิจ  รวมถึงการขยายโครงการ SME EnterPRIZE สู่ภูมิภาคเอเชีย

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ร่วมมือกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme)  จัดงานประชุมเพื่อต่อยอดโครงการสนับสนุนการประกันภัยและบริหารความเสี่ยง เพื่อมุ่งลดช่องว่างด้านความคุ้มครองให้กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางทั่วโลกผ่านโซลูชันการประกันภัย ที่สอดคล้องกับภารกิจสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และกำหนดแนวทางให้การประกันภัยเป็นกุญแจสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมเปิดเผยผลการวิจัยร่วม หัวข้อ "การเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ที่เน้นการศึกษาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพื่อนำเสนอแนวทางในการประเมินความเสี่ยงของ MSMEs และบริการประกันภัย ซึ่งงานวิจัยระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ประกอบการ MSMEs คิดเป็นร้อยละ 99.6 ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 97.4 ถือเป็นสัดส่วนสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และมีบทบาทสำคัญในการแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการหยุดชะงักของธุรกิจ และการเข้าถึงตลาดเงินทุนที่จำกัด โดยความเสี่ยงเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นจากการขาดการบริหารจัดการความเสี่ยง กลไกการรับมือ และความคุ้มครองจากประกันภัย และยังพบว่า MSMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประกันภัยคุ้มครองน้อยกว่าร้อยละ 5

นายไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ CEO International of Generali กล่าวว่า “วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาการของตลาดเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงซึ่งทวีความรุนแรงมาก ส่งผลต่อความต่อเนื่องของธุรกิจและความสามารถในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ประกันภัยถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาเพื่อให้วิสาหกิจเหล่านี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเป็นก้าวสำคัญของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป       ในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเปราะบางในเอเชีย”

โดยแนวทางใหม่ที่เสนอในการวิจัยฉบับนี้ คือ การแบ่งประเภทธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจลักษณะความเสี่ยงและความต้องการเฉพาะของผู้ประกอบการในแต่ละประเภท พร้อมกับการสร้างความยืดหยุ่นต่อความเสี่ยง ด้วยการผนวกผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้ากับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มดิจิทัล และการขยายโครงการ   SME EnterPRIZE ในภูมิภาคเอเชีย ต่อยอดจากความสำเร็จที่ได้ร่วมกับ SMEs หลายพันรายในยุโรปตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาในการส่งเสริมและปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความยั่งยืน

พร้อมกันนี้เจนเนอราลี่ และ UNDP ได้เปิดตัว “คู่มือป้องกันความสูญเสียสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม”  (SME Loss Prevention Framework) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ใช้ประโยชน์ช่วยยกระดับความพร้อมและสร้างการรับรู้ด้านความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ รวมถึงแนวทางการรับมือ

ทางด้าน นาย แจน เคลเลตต์ (Jan Kellett) Global and Corporate Lead on Insurance and Risk Finance, Head of the Insurance and Risk Finance Facility, UNDP กล่าวว่า “สำหรับในภูมิภาคอาเซียน วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) คิดเป็นร้อยละ 45 ของ GDP รวมของภูมิภาค โดยความเปราะบางของวิสาหกิจเหล่านี้ ที่อาจต้องเผชิญภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด หรือการหยุดชะงักในห่วงโซ่การผลิตและระบบโลจิสติกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มศักยภาพการอยู่รอด สามารถรับมือได้กับความเสี่ยงทุกรูปแบบที่สามารถคาดการณ์ได้ ด้วยเครื่องมือและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงประกันภัยจะเป็นหนึ่งในตาข่ายนิรภัย เครื่องมือลดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ”

นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับฟังแนวทางการส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs จากตัวแทนผู้บริหารระดับสูงจากเจนเนอราลี่ กรุ๊ป และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ อาทิ นายร็อบ ลีโอนาร์ดี Regional Officer International – Asia, Generali Group นางสาวลูเซีย ซิลวา Generali Group Chief Sustainability Officer พร้อมด้วย นายนิลอย บาเนอร์จี Resident Representative, UNDP Malaysia โดยมีตัวแทนจาก ภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจนเนอราลี่ทั่วภูมิภาคเอเชีย ผู้ประกอบการ พาร์ทเนอร์ ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตอกย้ำ Brand essence “ประกันความรักคุณ” ในเดือนแห่งความรัก ชวนผู้บริหาร แชร์แนวคิดการทำงาน เพื่อให้พนักงานทุกฝ่ายได้เรียนรู้และเข้าใจรากฐานของธุรกิจที่มาจากความต้องการที่จะคุ้มครองสิ่งที่เรารักและให้ความสำคัญ ด้วยกิจกรรม “Everyday LOVE เพราะทุกความรักสำคัญเสมอ

 

โดยภายในงานได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาทิ นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร นางสาวช่อฟ้า ยุกตะนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้า กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานจากหลากหลายแผนกเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมแชร์แนวคิดการบริหารงานในด้านต่าง ๆ และตอกย้ำแนวคิดขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับบุคคลากร ความหลากหลาย และความเท่าเทียม (DEI) โดยในงานได้มีการแชร์แนวคิด พูดคุยถึงที่มาของการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างการบริการลูกค้าให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ

โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการ Lunch & Learn ที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้มาร่วมพูดคุย แชร์ความคิดเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ และแนวทางการทำงานในแต่ละแผนกในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เมื่อเร็วๆ นี้ ณ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ สำนักงานใหญ่

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "Lifetime Partner 24: Driving Growth" เตรียมเดินหน้าซื้อคืนหุ้น 500 ล้านยูโร เมษายนนี้  พร้อมเผยความสำเร็จจากการเข้าซื้อบริษัท LIBERTY SEGUROS และ CONNING ช่วยสร้างผลกำไรกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดในประเทศสเปน โปรตุเกส และไอร์แลนด์ รวมถึงความสำเร็จด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพ

  • ธุรกิจประกันภัยมีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง มีอัตรากำไรสูง และความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
  • การเข้าซื้อ ลิเบอร์ตี้ เซกูรอส (Liberty Seguros) ช่วยขยายการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) ในประเทศสเปนและโปรตุเกส พร้อมต่อยอดจากการดำเนินงานของเจนเนอราลี่ในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ช่วยเจาะตลาดในไอร์แลนด์ที่สามารถสร้างผลกำไรได้
  • การเข้าซื้อกิจการบริษัทคอนนิง (Conning) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ และพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตการบริหารจัดการสินทรัพย์บุคคลที่สาม ผ่านการบูรณาการธุรกิจประกันภัยขนาดใหญ่เข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
  • ผลการดำเนินงานของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความแข็งแกร่ง โดยยืนยันจากกระแสเงินสด และสถานะอันแข็งแกร่งตามกรอบกำกับความมั่นคงทางสภาพคล่องของกิจการ (Solvency 2) ด้วยกลยุทธ์การจัดการหนี้เชิงรุก

มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ 'Lifetime Partner 24: Driving Growth' เจนเนอราลี่พึงพอใจกับผลการดำเนินงานที่เติบโตพร้อมผลกำไรรวมถึงการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และจากการเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในฐานะบริษัทประกันภัยชั้นนำของยุโรป อีกทั้งยังเป็นการขยายธุรกิจด้านการจัดการสินทรัพย์ไปทั่วโลก พร้อมกันนี้ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เจนเนอราลี่ กรุ๊ป จึงได้เตรียมเสนอซื้อหุ้นคืนคิดเป็นมูลค่า 500 ล้านยูโร ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ครั้งถัดไปในช่วงเดือนเมษายน 2024 เพื่อแสดงถึงการให้ความสำคัญต่อการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นขององค์กร”

ธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ (Protection, Health & Accident) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม โดยคิดเป็น 22% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมรวมในปี 2022 ซึ่ง Generali Group คาดว่าธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพความเป็นผู้นำของกลุ่มประกันภัยส่วนบุคคลในยุโรป การปรับปรุงและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อยู่เสมอ รวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท

โดยในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เข้าซื้อ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ลิเบอร์ตี้ เซกูรอส (LIBERTY SEGUROS) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาดให้กับเจนเนอราลี่ในประเทศสเปนและโปรตุเกส และยังนับเป็นการเติมเต็มการดำเนินงานให้กับเจนเนอราลี่ในคาบสมุทรไอบีเรีย ทั้งในแง่ของการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการจัดจำหน่าย  ซึ่งการซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป สามารถสร้างผลกำไรในกลุ่มธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) ในประเทศไอร์แลนด์ และช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการแข่งขัน โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีได้กว่า 250 ล้านยูโรต่อปี ภายในปี 2029  

นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ บริษัท คอนนิง (CONNING) เพื่อช่วยเร่งการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป และยังช่วยขยายตลาดเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงภูมิภาคเอเชียได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ด้านความร่วมมือระยะยาวที่ CONNING มีกับ CATHAY LIFE จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของคอนนิง ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินธุรกรรมได้อีกกว่า 70 ถึง 80 ล้านยูโร  

ปัจจุบันเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความมั่นคงทางด้านการเงิน โดยยืนยันได้จากกระแสเงินสด และสถานะอันแข็งแกร่งตามกรอบกำกับความมั่นคงทางสภาพคล่องของกิจการ (Solvency 2) ด้วยกลยุทธ์การจัดการหนี้เชิงรุก และมั่นใจว่าในอนาคตธุรกิจในกลุ่มประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันมีผลมาจากการเสริมอัตราค่าธรรมเนียมและมาตรการทางเทคนิคที่นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2022

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เพิ่มบริการใหม่บนแอปพลิเคชัน GEN 365 ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit linked) ของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นอกจากจะ ดูข้อมูลความคุ้มครอง ผ่านแอปได้แล้ว ยังสามารถ “ตรวจสอบข้อมูลการลงทุน” ได้ด้วยตัวเอง ทั้งการดูข้อมูลภาพรวมกองทุนที่เลือก สถานะกองทุน ตรวจสอบมูลค่ารับซื้อ เช็กมูลค่ากองทุนในอดีตและผลตอบแทนล่าสุด ตรวจสอบรายละเอียดสัดส่วน หรือพอร์ตกองทุนที่เลือก อีกทั้งสามารถ “ดาวน์โหลดรายงานการลงทุน” ได้อย่างง่ายดาย หรือเลือกจัดส่งรายงานไปยังอีเมล ได้ตามความต้องการ โดยสามารถทำได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกค้ายูนิตลิงค์สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://generalimkt.page.link/GEN365-how-to-book

ทั้งนี้เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ยังได้วางแผนพัฒนาการและขยายบริการด้านอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า อาทิ บริการสับเปลี่ยนกองทุน (Fund Switching) รวมถึง การทำแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อความเหมาะสมในการเลือกนโยบายการลงทุน (Risk Profile) ได้ด้วยตนเอง เป็นต้น โดยจะมีการเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ นอกเหนือจากฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว GEN 365 ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น บริการด้านสินไหมที่สะดวกและรวดเร็ว (e-Claim)* บริการปรึกษาแพทย์แบบออนไลน์ (Telemedicine) บริการค้นหาเครือข่ายสถานพยาบาลที่มีมากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ หรือบริการชำระเบี้ยออนไลน์ (GenPay)** เพื่อให้ลูกค้าของเจนเนอราลี่สามารถเข้ารับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง  

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GEN 365 คลิก http://bit.ly/3irzH8k ใช้งานฟรีทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS และเพิ่มเพื่อนใน LINE Official : @GeneraliThailand ได้ที่ https://bit.ly/3t0EnoC เพื่อไม่พลาดกับสิทธิพิเศษและบริการดี ๆ จากเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์  


*เฉพาะความคุ้มครองสุขภาพ-อุบัติเหตุที่มีค่ารักษาพยาบาล และประกันกลุ่มเท่านั้น ไม่รวมมรณกรรมและทุพพลภาพ

**เฉพาะประกันชีวิตเท่านั้น ยังไม่รองรับประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ และประกันอุบัติเหตุ

การเลี้ยงลูก Gen Alpha” หรือเด็กเจนเนอเรชั่นอัลฟาไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเด็กเจนนี้เติบโตมาในโลกที่รายล้อมไปด้วยเทคโนโลยี และความรู้ต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีความเป็นตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์กว่าเด็กรุ่นก่อน และต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านการศึกษาที่สูงขึ้น เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่รับมือได้ทัน วันนี้ GEN HEALTHY LIFE  มีเคล็ดลับการวางแผนการศึกษาให้ลูก Gen Alpha ตั้งแต่ก้าวแรกให้เติบโตอย่างมั่นคง มีความสุข และพร้อมก้าวสู่วัยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ      

ข้อแรก “กำหนดเป้าหมาย” มองหาสถานศึกษาให้ลูกตั้งแต่ชั้นอนุบาล ว่าอยากให้ลูกเรียนหลักสูตรไหน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้ มีโรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน ที่มีหลักสูตรไทย หลักสูตรสองภาษา และหลักสูตรนานาชาติ ให้เลือกเรียน ซึ่งนอกจากหลักสูตรการเรียนที่ไม่เหมือนกัน ยังมีเรื่องของแนวทางการสอน สังคม รวมถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย      

เมื่อคุณพ่อคุณแม่กำหนดโรงเรียนให้ลูกได้แล้ว ลำดับต่อมาเข้าสู่ขั้นตอนการ “ประมาณค่าใช้จ่าย” นำค่าเทอมทั้งหมดที่ลูกจะเรียนมารวมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เช่น ค่าสันทนาการ เรียนพิเศษ กิจกรรมพิเศษ หนังสือ อุปกรณ์การศึกษา เป็นต้น ซึ่งให้ลองตั้งไว้ที่ 20-30% ของค่าเทอมต่อปี    

จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญ คือ “วางแผนการออม-การลงทุน” คุณพ่อคุณแม่ที่มีรายได้ประจำ สามารถนำรายได้มาออมให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาลูกได้ทันที แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่บางรายที่พิจารณาแล้วรายได้อาจไม่เพียงพอ ต้องนำเงินบางส่วนมาลงทุนเพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นอาจจะออมเงินในลักษณะกองทุนหรือหุ้น นอกจากเพื่อการศึกษาของลูกแล้วยังสามารถเก็บสำรองไว้ในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย    

สุดท้าย “ประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา” เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะกระทบกับการเงินของครอบครัวสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงอยู่เสมอ และควรวางแผนด้านการเงินให้เพียงพอเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากการออมและการลงทุนแล้ว ซึ่งอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือการสร้างความมั่นคงด้วยการเพิ่มทุนในประกันชีวิต เป็นต้น

เทคนิคดังกล่าวข้างต้นนอกจากจะช่วยวางแผนด้านการศึกษาให้ลูกน้อยได้แล้ว ยังสามารถนำไปปรับใช้ในการวางแผนการออมเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงได้อีกด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลด้านการออมและการลงทุนผ่านประกันชีวิตสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่  Gen Healthy Life   

Page 1 of 11
X

Right Click

No right click