นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร.ปีเตอร์ เคเอ็น แลม ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) และนางมากาเร็ต ฟง กรรมการบริหาร HKTDC ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการต่อเนื่องเป็นฉบับที่ 3 ระหว่าง ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กับนางสาวโซเฟีย ชอง
รองกรรมการบริหาร HKTDC ณ HKTDC สำนักงานใหญ่ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567

บันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ HKTDC ในการยกระดับการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยและฮ่องกงให้มีความสามารถในการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนภารกิจของ EXIM BANK และ HKTDC ในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับฮ่องกง การจับคู่ธุรกิจ การให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ประกอบการที่อาจมีโอกาสเป็นลูกค้าของ EXIM BANK และ HKTDC เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินและการรับประกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยกับฮ่องกง

ปัจจุบันไทยและฮ่องกงมีความตกลงการค้าเสรีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยฮ่องกงยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนทุกรายการและผูกพันไม่ขึ้นภาษีสินค้าทุกรายการภายใต้ AHKFTA ในอนาคต ขณะเดียวกัน ฮ่องกงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 13 ของไทยในปี 2566 โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของมูลค่าการค้ารวมของไทย สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปฮ่องกง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน สินค้านำเข้าของไทยจากฮ่องกง ได้แก่ อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล และสินแร่โลหะ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นแหล่งรองรับการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Thai Direct Investment : TDI) สำคัญของไทย โดยถือเป็นแหล่งลงทุนอันดับ 1 ของไทยในแง่มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงสะสมที่ 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 โดย TDI Outflow ของไทยไปฮ่องกงอยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 มากเป็นอันดับ 5 รองจากสิงคโปร์ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และมอริเชียส โดยธุรกิจที่นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในฮ่องกง อาทิ การเงินการธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีกค้าส่ง อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ธุรกิจที่นักลงทุนฮ่องกงเข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan : SLL) ของ EXIM BANK จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567

การสนับสนุนของ EXIM BANK ในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนของกลุ่ม SSP ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน เพื่อสนับสนุนให้เกิดพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของ EXIM BANK ที่มุ่งสู่บทบาท Green Development Bank ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของไทย (Alternative Energy Development Plan : AEDP) ที่มีการปรับเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดมากขึ้น และแผนความร่วมมือด้านพลังงานภูมิภาคอาเซียนที่มีการกำหนดนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วน 35% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมภายในปี 2568 ผ่านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคตโดยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) สร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการรักษาสมดุลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เดินหน้าบทบาท Green Development Bank ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2566 “รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน” ให้แก่ ดร.พสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ “รางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น” ให้แก่ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ซึ่ง EXIM BANK ร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการ The S1 Project (SME One) รวมช่องทาง รวมกระบวนการ และรวมโมเดลในการประเมินสินเชื่อเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการขอสินเชื่อจาก EXIM BANK โดยมี บสย. ค้ำประกัน ในงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2566 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจสร้างสรรค์พลังไทยสู่สากล Enhancing Thainess towards Global Opportunities” ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567

รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ EXIM BANK โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านกระบวนการและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการไทยและเทรนด์การค้าและการลงทุนของโลกปัจจุบัน ภายใต้บทบาท Green Development Bank เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  

EXIM BANK แต่งตั้งนางสาวมานิดา วัฒโน เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อขนาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

X

Right Click

No right click