ตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

ดึงคนในท้องถิ่นร่วมเชื่อมโยงธุรกิจตามแนวเส้นทางท่องเที่ยว ดัน Thai SELECT และสินค้าชุมชน ‘Smart Local’ เป็นไฮไลท์สร้างความประทับใจ ดึงรายได้เข้าชุมชน เพิ่มพันธมิตรการค้า กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เนรมิตปรากฏการณ์แห่งแสงสี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาสุดยิ่งใหญ่ตระการตากับงาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 จัดเต็มเทคนิคสมัยใหม่ สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่งดงามจากแนวของสายน้ำที่คดโค้งไหลผ่านวัดวาอารามและย่านสำคัญ 7 พื้นที่ที่แสดงถึงวิถีชีวิตริมน้ำสู่แลนด์มาร์กของประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวส่งท้ายปี 2566 คาดปั๊มรายได้ท่องเที่ยวสะพัดกว่า 600 ล้านบาท

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดงาน VIJIT CHAO PHRAYA 2022 มีผู้สนใจทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงาน 252,282 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 470 ล้านบาท ปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. จึงได้ต่อยอดจัดงาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023” ตลอดเดือนธันวาคม 2566 เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2566 และต่อเนื่องถึงปี 2567 ภายใต้ความร่วมมือแบบ 360 องศา กับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมุ่งสู่การเป็นประเทศที่สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ผ่านการนำเสนอต้นทุนทางวัฒนธรรม Soft Power อย่างสร้างสรรค์ ด้วยการสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยแสง สีและการแสดงทางวัฒนธรรมในยามค่ำคืน รวมทั้ง ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ธุรกิจเรืออาหาร เรือนำเที่ยว โรงแรม ที่พัก ตลอดจนร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 600 ล้านบาท ตลอดระยะการจัดงาน

นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า งาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” เป็นอีกหนึ่งบิ๊กอีเวนต์ภายใต้โครงการ Thailand  Winter Festivals ที่ ททท. ตั้งใจให้เป็นหนึ่งปรากฏการณ์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่และอลังการกว่าที่เคย โดยปีนี้ ททท. ขยายเวลาการแสดงเป็น 1 เดือนเต็มตลอดเดือนธันวาคม  2566 ซึ่งจะแต่งแต้มสีสันแนวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนด้วยนวัตกรรม แสง สี และสื่อผสมสมัยใหม่ ทั้ง Projection Mapping & Lighting ควบคู่กับการผสมผสานวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ให้มีความทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและอยากเดินทางกลับมาอีกครั้ง เช่น การประดับไฟ การฉายภาพบนตัวอาคาร การแสดงพลุ การแสดงทางวัฒนธรรม ฯลฯ ณ บริเวณสถานที่สำคัญ         ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงระหว่างสะพานกรุงธน - สะพานพระราม 3 กรุงเทพมหานคร ร้อยเรื่องราวของความงามดั่งวิจิตรเจ้าพระยา ซึ่งได้คัดเลือกพื้นที่จัดการแสดงที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนถึงความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมที่งดงามจากแนวของสายน้ำที่คดโค้งไหลผ่านวัดวาอาราม และย่านสำคัญ จำนวน 7 พื้นที่ริมน้ำของกรุงเทพมหานคร ได้แก่  สะพานพระราม 8 และสวนสันติชัยปราการ, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, ป้อมวิไชยประสิทธิ์, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า), River City Bangkok, ICONSIAM และ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ เดสติเนชั่น ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวยามค่ำคืนอันอัศจรรย์ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีรายละเอียดกิจกรรมที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. สะพานพระราม 8  จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ “วิจิตร แสงแห่งสยามกับ การแสดง 2 ชุด
  • การแสดงเลเซอร์ 3D ประกอบ Light & Sound จัดแสดงวันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 6 รอบ รอบละ 5 นาที ได้แก่ เวลา 00 น., 19.30 น., 20.00 น., 20.30 น, 21.00 น. และ 21.30 น.
  • การแสดงทางวัฒนธรรม ชุด “มหัศจรรย์เมืองไทย” ณ สวนสันติชัยปราการ ในวันที่ 1-2, 7-9, 15-16, 22-23 และ 29-30 ธันวาคม 2566 วันละ 4 รอบ ได้แก่ เวลา 30 น., 20.00 น., 20.30 น. และ 21.00 น.
  1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ “วิจิตร อรุณแห่งธารา” กับ การแสดง 2 ชุด
  • การแสดง Light & Sound พระปรางค์วัดอรุณราชวรรามฯ จัดแสดงวันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 6 รอบ รอบละ 5 นาที เวลา 00 น., 19.30 น., 20.00 น., 20.30 น, 21.00 น.และ 21.30 น.
  • การแสดงโดยผสมผสานระบบเทคนิคพิเศษ Light & Sound ประกอบการแสดงทางวัฒนธรรม ชุด “เล่าขานตำนานยักษ์วัดแจ้ง เทพสถิต วิจิตรคู่สองฝั่งเจ้าพระยา” จัดแสดงวันที่ 1-2, 7-9, 15-16, 22-23 และ 29-30 ธันวาคม 2566 จำนวน 3 รอบ เวลา20 น., 19.40 น. และ  20.20 น.
  1. ป้อมวิไชยประสิทธิ์ จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ “วิจิตร ชาญชัยแห่งปฐพี” พบกับ การแสดง Projection Mapping และม่านน้ำประกอบ Light & Sound ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 6 รอบ รอบละ 5 นาที ได้แก่ เวลา 19.15 น., 19.45 น., 20.15 น., 20.45 น., 21.15 น. และ 21.45 น.
  2. สะพานพระพุทธยอดฟ้า จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ “วิจิตร เจิดจรัสแห่งนภา” กับ การแสดง 2 ชุด
  • การแสดง Illumination ประกอบ Light & Sound จัดแสดงวันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 6 รอบ รอบละ 5 นาที ได้แก่ เวลา 00 น., 19.30 น., 20.00 น., 20.30 น., 21.00 น. และ 21.30 น.
  • การแสดงพลุประกอบการแสดง ในวันที่ 1-2, 7-9, 15-16, 22-23 และ 29-30 ธันวาคม 2566 วันละ 1 รอบ รอบละ 3 นาที ในเวลา 45 น.

  1. River City Bangkok (ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก) จัดแสดงภายใต้คอนเซปต์ วิจิตร อะเมซิ่งไทยแลนด์ พบกับการแสดง Projection Mapping ประกอบ Light & Sound จัดแสดงวันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 6 รอบ รอบละ 5 นาที ได้แก่ เวลา 19.00 น., 19.45 น., 20.15 น., 20.45 น., 21.15 น. และ 21.45 น.
  2. ICONSIAM (ไอคอนสยาม) พบกับการแสดง Light & Sound จัดแสดงวันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 วันละ 3 รอบ รอบละ 10 นาที ได้แก่ เวลา 18.30 น., 20.00 น. และ 21.00 น.

  1. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ เดสติเนชั่น พบกับการแสดงโดรน วันที่ 9, 16 และ 23 ธันวาคม 2566 จำนวน 1 รอบ ในเวลา 19.50 น.

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสีสันบรรยากาศบริเวณริมแม่น้ำในแต่ละพื้นที่ หรือริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามจุดที่ทำการแสดงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566  เวลา 19.00 – 22.00 น. หรือ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : Vijit Chao Phraya 2023

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) นำทัพสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการท่องเที่ยวผนึกความร่วมมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทย และเวนเจอร์แคปิทัล ชั้นนำของไทย จัด ฟอรั่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum” เดินหน้าลงนามข้อตกลงทางธุรกิจ ผลักดัน Smart Tourism ของเกาหลี เตรียมพร้อมขยายฐานการท่องเที่ยวเกาหลีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายเจมส์ ลี รองประธาน องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเกาหลี-ไทย KTO จึงร่วมกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว  แห่งประเทศไทย (ททท.) และอินโนสเปซ ไทยแลนด์ จัด Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และสร้างฐาน นวัตกรรมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผ่านความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสตาร์ตอัป

Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งหลังจาก KTO ได้ร่วมกับ ททท. กำหนดให้ปี 2566-2567 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลีและไทย เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และนำไปสู่การส่งเสริมยูนิคอร์นด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมกันจัดงาน Korea Everywhere มหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลีครั้งยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทย เพื่อฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย โดยชวนคนไทยมาอัปเดตสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในเกาหลีผ่านโลก Metaverse ในแอปพลิเคชัน Zepeto

สำหรับไฮไลต์สำคัญในงาน Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum คือ การลงนามข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างเกาหลีและไทย ได้แก่ ข้อตกลงทางธุรกิจสำหรับนวัตกรรมดิจิทัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย ระหว่าง Yanolja สตาร์อัปแพลทฟอร์มด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และข้อตกลงทางธุรกิจเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในเกาหลีผ่านช่องทรู และไลฟ์คอมเมิร์ส ระหว่าง LaLa Station แพลทฟอร์มด้านไลฟ์คอมเมิร์สและอีคอมเมิร์ส และทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและบริการ เช่นการจัดกระบวนการทางธุรกิจของโรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่นการจัดการห้องพัก การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า บริการช่วยทำการตลาด ขยายต่อสู่อีคอมเมิร์ซสำหรับการท่องเที่ยว เป็นต้น รวมไปถึง พัฒนาระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์บนคลาวด์เพื่อช่วยการจัดกระบวนการทางธุรกิจของโรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่นการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า

“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็ว เราเล็งเห็นว่าการระดมทุน และหาพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็น การจัดทำข้อตกลงทางธุรกิจครั้งนี้นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะผลักดัน การท่องเที่ยวแบบ Smart Tourism ของเกาหลีให้เติบโต และเรายังวางแผนที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบ   การท่องเที่ยว และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก” นายเจมส์ ลี กล่าว

นอกจากการลงนามข้อตกลงทางธุรกิจแล้ว ภายในงานฟอรั่มยังได้จัดกิจกรรม K-Tourism Startup IR เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปเกาหลีได้เจรจาหาผู้ร่วมทุน สร้างเครือข่ายธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าด้าน Smart Tourism โดยมีสตาร์ตอัปจากเกาหลี และนักลงทุนจากไทย เช่น CP Group และ K-Bank รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมงาน เช่น ททท. และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว

“การที่องค์กรยักษ์ใหญ่ของไทยมาร่วมกิจกรรม K-Tourism Startup IR เป็นบทพิสูจน์ว่าองค์กรด้านเทคโนโลยี และสตาร์ตอัปด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี มีความน่าสนใจ ซึ่งสตาร์ตอัปบางรายได้มีการเจรจาเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกันแล้ว งานนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้สตาร์ตอัปเกาหลี จากที่เคยเป็นเพียงธุรกิจในประเทศ ปัจจุบันสามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้ และยังคาดว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวของเกาหลีจะสามารถเติบโตเป็นบริษัทระดับโลกได้ในอนาคต” นายเจมส์ ลี กล่าว

นายเจมส์ ลี กล่าวเพิ่มเติมถึงการท่องเที่ยวแบบ Smart Tourism ว่า เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวมิติใหม่ที่เกาหลีพัฒนาขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้บริการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวเกาหลีในปัจจุบันมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลวันที่ 25 กันยายน 2566 พบว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงเดือนกันยายนมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาหลีแล้ว 7.49 ล้านคน เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2562 โดยเป็นนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 260,000 คน โดยมี อัตรา การฟื้นตัว 69% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งถือว่าอยู่ในเชิงบวก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปีนี้ ได้แก่ หอคอยนัมซานในกรุงโซล ป้อมปราการฮวาซองในเมืองซู วอน จังหวัดคยองกี เกาะนามิในจังหวัดคังวอน หมู่บ้านฮันอกในจอนจู และสวนสนุกแทจงแดในพูซาน

“เรามีแผนที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเกาหลีให้มากที่สุด เราตั้งเป้าที่จะขยายฐานการท่องเที่ยวเกาหลีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำหนดให้ปีนี้และปีหน้าเป็น "ปีแห่งการมาเยือนเกาหลี" และได้จัดแคมเปญ "100 กิจกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี" ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมเกาหลี โดยตั้งเป้าว่าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเกาหลี 10 ล้านคน ส่วนในปี 2567 คาดว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวเต็มที่ กลับไปสู่สภาวะก่อนเกิดโควิด  ซึ่งมีนักเที่ยวอยู่ที่ 17.5 ล้านคนต่อปี” นายเจมส์ ลี กล่าว

Page 1 of 5
X

Right Click

No right click