เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (กลางขวา) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 38,067,065 บาท สมทบทุนให้กับ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผ่านดร. บรรจงเศก ทรัพย์โสภา (กลางซ้าย) ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ ซึ่งเงินบริจาคดังกล่าว สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้ร่วมกันใช้คะแนน KTC FOREVER และบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เพื่อมอบชีวิตใหม่ให้กับเด็กยากไร้ได้ไปโรงเรียน มีอาหารรับประทานอิ่มท้อง และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป

ดร. บรรจงเศก กล่าวว่า “มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ เป็นองค์การพัฒนาเอกชน ที่ดำเนินพันธกิจในการพัฒนาเด็กด้อยโอกาสในประเทศไทย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาตลอด 65 ปี โดยมีเด็กและเยาวชนกว่า 100,000 คน ได้รับโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการดำเนินงาน “โครงการอุปการะเด็ก” และ “โครงการพิเศษ” อื่นๆ ของมูลนิธิ ”

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดตัวโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาแก่คนพิการเพื่อผลิตบัณฑิตกลุ่มวิชาชีพครู หวังยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการในสังคมไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สร้างอาชีพ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมร่วมกับ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ชวนผู้ใจบุญ ชมละครเวทีรอบการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 จัดแสดง ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ รายได้ร่วมสมทบทุนเข้าโครงการทุนสถาบันราชสุดา

สถาบันราชสุดา หรือเดิมทีมีชื่อว่า วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทย เป็นสถาบันที่ให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษา การวิจัย การบริการวิชาการ และศูนย์กลางเครือข่าย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในประชาคมอาเซียน โดยเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 นับเป็นเวลากว่า 32 ปีแล้วที่สถาบันแห่งนี้ให้การศึกษาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการไทยกว่าหลายพันคน และในปี พ.ศ. 2566 นี้ วิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ทำการควบรวมกัน เพื่อร่วมกันทำภารกิจส่งเสริมการศึกษาและสร้างพื้นที่สำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน

 

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “เหตุผลสำคัญของการควบรวมวิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโครงการสถาบันราชสุดาแห่งนี้ เพื่อร่วมกันทำภารกิจสำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน สนับสนุนให้เป็นสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาบุคลากรกลุ่มวิชาชีพครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการสอนคนพิการที่มีคุณภาพให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย และ หวังกระจายครูสอนคนพิการไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมศักยภาพให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากการควบรวมกันนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงได้มีโอกาสเป็นสะพานบุญแห่งการให้เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง ๆ ของสถาบันราชสุดา เพื่อให้สถาบันนำไปสานต่อภารกิจต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดสอนทั้งหมด 6 หลักสูตร แบ่งเป็น

ระดับปริญญาตรี เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และนักศึกษาที่มีการได้ยิน

1. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกการออกแบบเชิงพาณิชย์

2. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกล่ามภาษามือไทย

3. หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาของคนหูหนวก

ระดับปริญญาโท และเอก เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว นักศึกษาทั่วไป

4. หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

5. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ

6. หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

 

ด้าน อ.นพ.สมเกียรติ ลีละศิธร ผู้อำนวยการ สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า “กลุ่มนักศึกษาหลักของสถาบันราชสุดาคือกลุ่มคนพิการทางการได้ยิน รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเรียนร่วมในหลักสูตร ศิลปศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ที่เมื่อจบไปแล้วสามารถเป็นครูสอนคนพิการ หรือประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ตามศักยภาพ

นับตั้งแต่เปิดสถาบันราชสุดาแห่งนี้ได้ผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 692 ราย ปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 และ 3 ทั้งสิ้น 153 ราย แบ่งเป็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 84 ราย นักศึกษาที่มีการได้ยิน 69 ราย และคาดว่าจะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2567 จำนวน 54 ราย

ในส่วนของระดับบัณฑิตศึกษา แบ่งเป็นระดับปริญญาโท 49 คน คาดว่าจะเสร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 7 ราย และระดับปริญญาเอก 24 ราย จะสำเร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 8 ราย โดยระดับนี้มีนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว รวมถึงนักศึกษาทั่วไป

ปัจจุบันมีคนพิการจำนวนมากที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นมีทั้งความไม่พร้อมของสถานศึกษาในการรองรับคนพิการ, สภาพแวดล้อมในครอบครัว, ปัจจัยด้านการเดินทาง รวมถึงสถานะทางการเงิน ปัญหาเหล่านี้จึงยิ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นในสังคมไทย การมีอยู่ของสถาบันราชสุดาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญในฐานะสถาบันการศึกษาที่จะช่วยสร้างโอกาสให้คนพิการได้เข้าถึงการศึกษา ผ่านการผลิตบัณฑิต และบัณฑิตเหล่านั้นไปส่งต่อความรู้ให้แก่คนพิการทางการได้ยินต่อไป”

 

นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวเสริมว่า “การระดมทุนในครั้งนี้ นับเป็นการให้ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมอย่างแน่นอน เพราะการศึกษานั้นเป็นรากฐานสำคัญของทุกคน ไม่แบ่งแยกด้วยสภาพร่างกาย เพศ อายุ ดังนั้น มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมีความภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอด พันธกิจของสถาบันราชสุดาไปยังสังคมวงกว้าง และเป็นสะพานแห่งการให้ที่รับน้ำใจของผู้ที่อยากช่วยให้คนพิการได้มีโอกาสทางการศึกษา อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไปในอนาคต และสร้างสรรค์สังคมที่พวกเราทุกคนสามารถได้ใช้ศักยภาพและความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่”

 

“ในการเปิดตัว โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ครั้งนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท ซีเนริโอ จำกัด ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการ “ให้” โอกาสทางการศึกษาแก่คนพิการในสังคมไทยจัดรอบการแสดงละครเวทีการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19:30 น. โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรของรอบนี้จะถูกสมทบทุนให้แก่โครงการทุนสถาบันราชสุดา เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไป อีกทั้งยังได้เชิญชวนตัวแทนนักศึกษาของสถาบันราชสุดามาร่วมชมการแสดงในรอบนี้อีกด้วย” นางสาวพรรณสิรี กล่าว ทิ้งท้าย

 

โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นับเป็นภารกิจครั้งใหม่ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อช่วยสร้างพื้นที่แห่งโอกาสทางการศึกษาให้คนพิการ รวมถึงพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านคนพิการ และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาศักยภาพของคนพิการนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการในประเทศไทย เพราะการมอบการศึกษาคือหนทางที่จะช่วยสร้างสังคมที่ทุกคนมีคุณค่า ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯwww.ramafoundation.or.th

มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์, SCG พร้อมด้วย PMAT และ SCB เปิดนิทรรศการ “สติ Space” ในบรรยากาศ Art Space นิทรรศการที่รวบรวมกิจกรรม การชมภาพยนตร์ เสวนา และ มุมพักผ่อนหย่อนใจ ให้กลับมารู้ตัว รู้ใจ ด้วยการสื่อสารผ่านจุดเริ่มต้นวิธีพักใจ เพื่อให้คนทํางาน ได้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ด้วยการสร้างการมีสติ (mindfulness) ให้กับกลุ่มคนออฟฟิศ โดยไม่ต้องอิงกับศาสนาเป็นหลัก เริ่มจากการสร้างการรับรู้การมีสติในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิมให้มีความสุขได้บนโต๊ะทำงาน ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร

นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้อํานวยการหอจดหมายเหตุพุทธธาตุอินทปัญโญ เล่าถึงที่มา บทบาท การดำเนินงาน และวัตถุประสงค์ โดยใจความว่า “จากก้าวแรกที่ท่านอาจารย์พุทธทาสสร้างสวนโมกข์ สร้างโรงหนัง (โรงมหรสพทางจิตวิญญาณ, Holly Land) ที่ไชยา กระทั่งมีหอจดหมายเหตุพุทธทาส (สวนโมกข์กรุงเทพ) ที่สวนรถไฟ ซึ่งเปิดให้คนเข้าไปใช้พื้นที่นั้น เรามองว่าการจัดพื้นที่เพื่อให้คนเดินทางไปยังพื้นที่อาจไม่เพียงพอสำหรับยุคนี้ ถึงเวลาที่จะต้องนำองค์ความรู้ออกมาเสิร์ฟให้ถึงที่ที่เขาอยู่ด้วย และมองว่ากลุ่มคนทำงานออฟฟิศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของสังคม สติ space จึงเลือกสื่อสารแก่กลุ่มนี้เป็นเบื้องต้น”

นายอนุวัฒน์ จงยินดี ที่ปรึกษา คณะกรรมการมูลนิธิเอสซีจี ตัวแทนมูลนิธิ SCG ผู้สนับสนุนห้อง New Gen Space สำหรับจัดนิทรรศการในครั้งนี้ กล่าวถึงการสนับสนุนโครงการว่า “มูลนิธิเอสซีจีและมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส มีความร่วมมือช่วยเหลือกันมาโดยตลอด นับตั้งแต่แรกก่อตั้ง สำหรับพื้นที่แสดงนิทรรศการนี้ มูลนิธิเอสซีจีเช่าไว้เพื่อให้ ศิลปิน บุคคล ฯลฯ ใช้แสดงงานอยู่แล้ว ซึ่ง “สติ space” เป็นนิทรรศการที่สอดคล้องกับแนวทางของห้อง New Gen Space, การสร้างสติใช้ได้กับทุกเรื่อง มีสติ พอเพียง คิด พูด ทำ ถูกต้อง ฯลฯ มูลนิธิเอสซีจีเห็นประโยชน์ ความสำคัญ และสนับสนุน หวังว่าคนออฟฟิศและผู้สนใจจะเข้ามาใช้และได้รับประโยชน์”

นายปราโมทย์ บุญนำสุข ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย และยุทธศาสตร์ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า “ในแต่ละปีกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จะให้ทุนแก่องค์กรพัฒนาสื่อ เพื่อประชาชนจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องและอยู่ในระบบนิเวศสื่อที่ดี ซึ่งหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ เป็นองค์กรหนึ่งที่ได้รับทุนประเภท Collaborative Grant โดยปีแรก ทำรายการ “ทำอะไรก็ธรรม” และปีนี้เป็นครั้งที่สองในการจัดนิทรรศการ “สติ space” ซึ่งสามารถสร้างสรรค์ ปรุงแต่งให้เข้ากับรสนิยมคนรุ่นใหม่ ให้กล้ามาชิมลองโดยไม่เคอะเขิน”

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Country CEO บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศ) จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสามย่านมิตรทาวน์ กล่าวว่า “ตอนแรกที่ทีมเข้ามาพูดคุย มองในมุมธุรกิจก็ได้ตั้งคำถามไปหลายข้อ ซึ่งวันนี้ดีใจที่ได้เห็นนิทรรศการ พร้อมตอบรับให้ใช้พื้นที่ เช่น สามย่านมิตรทาวน์ เป็นพื้นที่นำร่อง หากนึกถึงวัยรุ่นก็ต้องนึกถึงสามย่านมิตรทาวน์ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ 24 ชม, สำนักงาน, คอนโดมิเนียม บริษัทเฟรเซอร์ฯ มีความมุ่งหมายที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อความรู้สึกที่ดี และคิดว่า “สติ space” จะเป็นนิทรรศการที่ช่วยทำให้ใจของทุกคนได้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน”

นายวรวัจน์ สุวคนธ์ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจธนาคารมีการแข่งขันสูงมาก ทำอย่างไรให้พนักงานมีความสุขขึ้นได้บ้าง จากเดิมเราเคยมีชมรมจริยธรรม มีจัดคอร์สภาวนา มีนิมนต์พระมา ฯลฯ สิบปีผ่านไปก็ยังเหมือนๆ เดิม พอได้ฟังเรื่ององค์กรรมณีย์ก็สนใจ เรื่อง สติ Mindfulness ก่อนอื่นหัวหน้าต้องมีสติก่อน จึงจะทำองค์กรให้มีสติได้, ฉันทะสำคัญมาก อีกอันคือวิริยะ และต้องมีสภาพแวดล้อมที่สามารถดึงให้กลับมามีสติ ความสำเร็จไม่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด”

“สติ space” interactive exhibition ที่นำ “สติ” มาเป็นเครื่องมือดูแลกลุ่มคนวัยทำงาน นิทรรศการจำลองบรรยากาศสำนักงาน ชวนกลับมารู้ตัว ดูใจ ด้วยภาษา สัญลักษณ์ ถ้อยคำ ฮาวทู ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลอย่างไรอยากให้มาชิมลองกัน มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ และได้รับความเอื้อเฟื้อพื้นที่จัดแสดง ห้อง new gen จาก SCG เปิดให้ชิมลอง ที่ชั้น 3 ห้อง New Gen หอศิลป์กรุงเทพ เข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ - 27 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น.

มูลนิธิรามาธิบดีฯ นำโดย ศ.ดร.พญ.อติพร อิงค์สาธิต รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี และ คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของประสบการณ์จริงสู่ “นาทีชีวิต” พร้อมแถลงการณ์ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี พร้อมทีมนักแสดงช่อง 3 จากละครเรื่อง “รักสุดใจยัยตัวแสบ” นำโดย ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์, พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง และ เบส-ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ พร้อมร่วมจำหน่ายเสื้อยืดสุขใจ เพื่อระดมเงินบริจาคให้กับโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี พร้อมเต็มอิ่มไปด้วยความสนุกกับมินิคอนเสิร์ตจาก 8 ศิลปิน The Star ค้นฟ้าคว้าดาว รุ่นปี 2022 ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ณ ลาน Central Court บริเวณข้างลิฟท์แก้ว ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 13:30 – 18:00 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย คุณญาณิสา พวงรัตน์ (กิฟท์) โทร 063-914-1999 อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิรามาธิบดีฯ คุณอรอุมา รัตนรุ่งเรืองชัย (โอ๋) โทร. 086-369-7980 อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. FB มูลนิธิรามาธิบดีฯ LINE @RamaFoundation IG @RamaFoundation www.ramafoundation.or.th

23 พฤษภาคม 2566 - มูลนิธิแมค แฮปปี้ แฟมิลี่ ร่วมกับ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย เดินหน้าสานต่อพันธกิจ “โครงการสุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” พร้อมพันธมิตรจิตอาสาบูรณาการความร่วมมือ จัดนำทีมหน่วยรถ ทันตกรรมเคลื่อนที่ (Mobile Care) ออกเดินทางให้บริการตรวจรักษาฟันแก่เด็กและเยาวชน ให้โอกาสการเข้าถึงทันตสุขภาพฟันที่ดีมาแล้วมากกว่า 42,000 คน จวบจนเป็นเวลากว่า 7 ปี ลงพื้นที่ให้บริการตรวจและรักษาสุขภาพฟันฟรีแก่เด็กๆ ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม นับเป็นครั้งที่ 3 ของปี ซึ่งในปี 2566 นี้มีแผนการดำเนินการอย่างต่อเนื่องอีก 3-4 จังหวัด คาดการณ์ส่งมอบสุขภาพฟันที่ดีแก่เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้อีกประมาณกว่า 600 คน

ม.ร.ว. จิยากร อาภากร เสสะเวช กรรมการอำนวยการ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย และนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ มูลนิธิแมค แฮปปี้ แฟมิลี่ นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล รองประธานกรรมการ มูลนิธิแมค แฮปปี้ แฟมิลี่ และประธานกรรมการบริหารบริษัท แมคไทย จำกัด พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ตลอดจนคณะผู้บริหารจากบริษัท แมคไทย จำกัด ร่วมเปิดโครงการฯ และเยี่ยมชมให้กำลังใจเหล่าพันธมิตรจิตอาสาจาก โรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร มูลนิธิ ทันตแพทย์เอกชน ประเทศไทย ที่ได้มาร่วมสร้างโอกาสแก่เด็กในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ด้านทันตกรรม ตรวจสุขภาพฟันฟรี ครอบคลุมไปจนถึงการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษาทันตอนามัยของตนเอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ณ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มหามงคล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีกำหนดการออกให้บริการแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม ตั้งแต่วันที่ 23 – 26 พฤษภาคม 2566

มรว.จิยากร อาภากร เสสะเวช กรรมการอำนวยการ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย กล่าวว่า “มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิแมค แฮปปี้ แฟมิลี่ พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ โรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร และมูลนิธิทันตแพทย์เอกชน (ประเทศไทย) รวมถึงทีมบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขของแต่ละจังหวัดที่เราเข้าไปดำเนินการ พร้อมเดินหน้าภารกิจหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ อย่างเต็มที่ ด้วยมุ่งหวังเห็นเด็กไทยได้เข้าถึงโอกาสในการมีสุขภาพปากและฟันที่แข็งแรง ซึ่งความสำเร็จของโครงการฯทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากขาดความร่วมมือและช่วยเหลือจากพันธมิตรทุกฝ่าย ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ยังคงสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการที่ดีนี้ไปด้วยกัน”

นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล รองประธานกรรมการ มูลนิธิแมค แฮปปี้ แฟมิลี่ และประธานกรรมการบริหารบริษัท แมคไทย จำกัด เผยถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “ปัญหาสุขภาพฟันกับเด็กไทยถือเป็นปัญหาต้นๆ ที่ควรได้รับการดูแลและแก้ไข มูลนิธิฯ เล็งเห็นถึงปัญหานี้ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ “โครงการสุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” จึงมีความ

มุ่งมั่นเดินหน้าพร้อมให้การสนับสนุนโครงการฯ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พนักงานของแมคไทยได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม มีจิตสาธารณะเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมที่อยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทางมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย ตลอดจนพันธมิตรผู้ที่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนที่ทำงานร่วมกันด้วยดีกันมาโดยตลอด ด้วยความมุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนสังคมที่ดีต่อไป”

กิจกรรมการออกหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่คัดกรอง ทันตแพทย์ และผู้ช่วยทันตแพทย์ในพื้นที่ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วนของจังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ ยังมีจิตอาสาใจดีจากบริษัท แมคไทย จำกัด เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และได้รับการสนับสนุนของเล่นเพื่อแจกแก่เด็กๆ จากแมคโดนัลด์

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “ตามที่มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย และมูลนิธิ แมค แฮปปี้แฟมิลี่ จัดโครงการ “สุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” ออกให้บริการทางทันตกรรม แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่จังหวัดนครปฐมในครั้งนี้ เด็กและเยาวชนที่เข้ารับบริการ จะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากเป็นบริการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ต้องขอขอบคุณแทนนักเรียนในจังหวัดนครปฐม ที่มีโอกาสได้รับบริการต่าง ๆ จากหลายภาคส่วน ทั้งจากส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และจากส่วนกลางที่ได้เดินทางมาทำงานร่วมกัน”

พันธกิจนี้จะยังคงขับเคลื่อนต่อไปเพื่อเติมเต็มรอยยิ้ม และสุขภาพฟันที่ดีแก่เด็ก และเยาวชนของไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย สามารถติดตามให้กำลังใจหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ (Dental Care Unit) ภายใต้โครงการ “สุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี” โดยมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย มูลนิธิ แมค แฮปปี้ แฟมิลี่ และคาราวานพันธมิตรผ่านทาง www.rmhc.or.th และ facebook/rmhcthailand หรือแบ่งปันและมอบโอกาสให้กับผู้ป่วยเด็กและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้โดยบริจาคออนไลน์ผ่าน www.rmhc.or.th

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click