ALiVE Entertainment ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมเจ้าท่า, เทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต, P Infinity Corporation, Superdots, HIGHSTATE HIGHSEASON 2024 และ HOTEL CLOVER PATONG PHUKET  จัดงาน ALiVE Patong International Bikini Run 2024 บิกินี่รันครั้งแรกของจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 15.00-24.00 น. ภายในงานนั้นมีการจัดกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง Fun Run ระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยผู้เข้าร่วมงานนั้นสวมใส่ชุดบิกินี่, ชุดว่ายน้ำ หรือชุดแฟนซีเพื่อสร้างบรรยากาศความสนุกและเป็นกันเองให้กับการแข่งขัน  เริ่มออกตัวที่หน้า PRISM PATONG CITY วิ่งไปจนสุดชายหาดแล้วกลับตัวมาเข้าเส้นชัยที่ตั้งอยู่หน้า PRISM PATONG CITY เช่นกัน งานครั้งนี้มีจุดประสงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ออกกำลังกายไปพร้อมกับได้รับความบันเทิงในบรรยากาศสุดชิลของชายหาดป่าตอง อีกทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์ของคนในชุมชนให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย จึงเป็นการจัดกิจกรรมวิ่งที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่ามาวิ่งคนเดียว มากับกลุ่มเพื่อน หรือมากันเป็นครอบครัวก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้ ภายใต้การดูแลความปลอดภัยจากหน่วยแพทย์ และทีมรักษาความปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีคำแนะนำในการอบอุ่นร่างกายที่เหมาะสม และการตั้งจุดพักสำหรับให้น้ำดื่มในระหว่างวิ่ง

กิจกรรมการแข่งขันวิ่งบิกินี่ครั้งนี้ยังมีเงินรางวัลรวมกว่าครึ่งแสนมอบให้กับผู้ชนะ โดยแบ่งรางวัลออกเป็นทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่ ประเภทภาพรวม, ประเภทชาย, ประเภทหญิง, ประเภทหุ่นดี, ประเภทชุดว่ายน้ำ และประเภทความคิดสร้างสรรค์ หลังจบกิจกรรม Fun Run แล้วผู้เข้าร่วมงานยังจะได้รับความบันเทิงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฟรีคอนเสิร์ตของ T-BONE เพลิดเพลินไปกับบทเพลงแนวเร็กเก้-สกา และเพลย์ลิสต์เพลงสนุกๆจากดีเจที่มาสร้างสีสันให้คุณได้ปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงในบีชคลับยาวไปจนถึงเที่ยงคืน รวมถึงตลาดนัดขายของที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์น่าช้อปมาไว้ในที่เดียว กิจกรรมครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนเข้าร่วมแบ่งเป็นสองประเภทโดยผู้ลงทะเบียน Early bird มีค่าสมัคร 699 บาท (สมัครภายในวันที่ 10 เมษายน 2567) และสำหรับผู้ลงทะเบียนในรูปแบบปรกติมีค่าสมัคร 799 บาท โดยในทั้งสองราคาจะได้รับบิบวิ่ง, ผ้าพิมพ์ลายสำหรับผูกเอว และเหรียญรางวัลที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลเป็นที่ระลึก ALiVE Patong International Bikini Run 2024 มีกำหนดการพอสังเขปดังนี้

  • วันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567

10.00-17.00 น. : Registration day 1

เปิดรับลงทะเบียนและรับหมายเลขผู้เข้าสมัคร

  • วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567

10:00 - 16:00 น. : Registration day 2 เปิดรับลงทะเบียนและรับหมายเลขผู้เข้าสมัคร

16:00 - 16:30 น. : พิธีเปิดงาน

16:30 - 19:00 น. : ปล่อยตัว บิกินี่รัน

19:00 - 19:30 น. : พิธีมอบรางวัล

19:30 - 20:00 น.. : Refreshments and Snacks

20:00 - 24:00 น.:  พบกับปาร์ตี้ ศิลปินและเหล่าดีเจ

(หมายเหตุ: กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม)

ALiVE Patong International Bikini Run 2024 เชิญชวนทุกคนมาร่วมอวดหุ่นสวย เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ Run & Funในงานวิ่งบิกินี่ครั้งแรกของภูเก็ตที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกและความบันเทิงในวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 15.00-24.00 น.

เตรียมบิกินี่ของคุณให้พร้อมแล้วมา jog, joy และ jam ไปด้วยกันทำให้งานวิ่งครั้งนี้ฟินนนนน…จนลืมไม่ลง!

เปิดจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ https://soft.events/run/alive-bikini-run-2024

กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ ใส่ใจลูกน้อยด้วยการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่แรกเริ่ม พร้อมกับการดูแลสุขภาพ ผ่าน 2 แบบประกันที่ตอบโจทย์ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อสะสมเป็นทุนการศึกษาพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ และ แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ประกันสุขภาพเด็กที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่ผ่านมา จากความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บในเด็กที่เจ็บป่วยบ่อยและนานขึ้น

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของการทำประกันชีวิตสำหรับลูกค้ากลุ่มเด็กว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กค่อนข้างคงที่ โดยในบางปีมีอัตราที่ลดลง แต่ความต้องการด้านประกันสำหรับเด็ก ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการประกันเพื่อคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่  RSV  โรคมือเท้าปาก  โนโรไวรัส ติดเชื้อไวรัสท้องเสีย เฮอแปงไจน่า โรคที่มาจากฝุ่น pm2.5 และ ไข้หวัดแดด summer influenza ต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เด็กเจ็บป่วยบ่อย ป่วยนานและรุนแรงขึ้น

“นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรคำนึงถึงก็คือการเตรียมเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับลูกเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งโดยหลักจะมี 5 ด้าน คือ 1. ค่าอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี สมวัย 2. เสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น 3. หนังสือ ของเล่นเสริมทักษะพัฒนาการ  4. ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งใน 5 ขวบแรก เด็กจะป่วยประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี และต้องนอนโรงพยาบาล เฉลี่ย 3-7 วันต่อครั้ง และ 5. ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ซึ่งแนวโน้มส่วนใหญ่ก็จะอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนเอกชน 2 ภาษา 3 ภาษา รวมถึงโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามารถเตรียมให้เหมาะสมกับตัวเราเองได้ด้วยการวางแผนการเงิน และควรเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่แรกเริ่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจว่าสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต” นางสาวอรนาฎ กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ให้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับลูกรัก จึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อให้ความรู้และแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านนิทรรศการที่เกี่ยวข้องและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น การร่วมงาน Amarin & Baby Kids Fair เมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ภายใต้แนวคิด learning by playing หรือสร้างการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆในบูธ รวมทั้งงานเสวนาบนเวทีที่เพิ่มเติมความรู้ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งในมุม “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” ซึ่งจะทำให้ลูกแข็งแรงและได้รับความอบอุ่นจากแม่และครอบครัวไปพร้อมๆกัน และ “เลี้ยงลูกโตไปให้มีตน” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการส่งเสริมให้ลูกได้ค้นพบตัวตน นอกจากนี้ ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการวางแผนการเงินและสุขภาพซึ่งมี 2 แบบประกันให้เลือกและกำลังได้รับความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ คือ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกในอนาคตพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ และ แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” แบบประกันสุขภาพเด็กที่กำลังมาแรงด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่ผ่านมา

สำหรับ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เป็นแบบประกันเพื่อเป็นทุนการศึกษาลูก รับประกันตั้งแต่แรกเกิด - อายุ 14 ปี เบี้ยประกันภัยคงที่เริ่มต้นเพียง เดือนละ 200 บาท มีให้เลือก 3 แบบตามระยะเวลาความคุ้มครองที่ต้องการทั้ง 15 ปี 18 ปี และ 21 ปี เมื่อครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115% 118% และ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง พร้อมอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ และ 4 โรคร้ายแรงในเด็ก รวมทั้งคุ้มครองไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ลูกจะได้รับยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยและรับเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน พร้อมมั่นใจได้ว่าลูกจะมีเงินทุนเรียนต่อจนจบการศึกษาเพราะครบกำหนดสัญญามีเงินก้อนคืนให้

ส่วน แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” เป็นประกันสุขภาพเด็กที่ออกแบบมาเพื่อรองรับค่ารักษาพยาบาลของลูกน้อยตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 10 ปี ซึ่งเป็นวัยที่อาจเจ็บป่วยบ่อยครั้ง โดยมีจุดเด่นด้านความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่จำเป็น ทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน ค่าแพทย์ผ่าตัดและค่าหัตถการ สูงสุด 400,000 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุ 24 ชม. พร้อมทางเลือกแบบมีความรับผิดส่วนแรกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีสวัสดิการสำหรับลูกน้อยสามารถจ่ายเบี้ยได้ถูกลง และเมื่อลูกน้อยเติบโตจนอายุครบ 11 ปี สามารถปรับเป็นแบบไม่มีความรับผิดส่วนแรกโดยไม่ต้องแถลงสุขภาพ นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบบริการเสริมด้านสุขภาพแบบครบวงจร BLA EveryCare เพื่อการดูแลใส่ใจอย่างเต็มที่ 

แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ยังเป็นแบบประกันสุขภาพสำหรับเด็กที่ดีที่สุดจากการรับรางวัลในปีที่ผ่านมา ถึง 2 รางวัล คือ “Best Health Insurance for Family” จาก theAsianParent Awards 2023 และ “Best Health Insurance for Kids” จากงาน Amarin Baby & Kids Awards 2023 ซึ่งความสำเร็จเป็นผลมาจากการให้ความ “ใส่ใจ” และ “เข้าใจ” ในพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วย insights จากการวิจัยเพื่อรับรู้ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ และสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์  รวมทั้งยังสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมและโซเชียลมีเดียด้วยการสื่อสารที่ “จริงใจ” จากผู้เชี่ยวชาญทั้งคุณหมอเด็กและนักวิชาการ ด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้เรายังมีคุณพ่อคุณแม่ตัวจริงที่ใช้บริการของเราแล้วชื่นชอบจึงบอกต่อ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่เราอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลากับการดูแลลูกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวอรนาฎ กล่าวในที่สุด 

มิชลินประกาศเพิ่มเมืองดานังเข้าไปในรายชื่อจุดหมายปลายทางด้านอาหารรสเลิศในคู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับประจำปี 2567 ทำให้ดานังกลายเป็นเมืองที่ 3 ของประเทศเวียดนามที่ร้านอาหารจะมีผู้ตรวจสอบจากมิชลิน ไกด์ เข้าไปตรวจสอบรสชาติและคุณภาพของอาหาร ต่อจากเมืองฮานอยและนครโฮจิมินห์ ซึ่งได้มีการเปิดตัวคู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับแรกไปเมื่อปีที่ผ่านมา

เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ มิชลิน ไกด์ ทั่วโลก เผยว่า “พวกเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สานต่อการเดินทางของมิชลิน ไกด์ ในประเทศเวียดนาม หลังจากการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมเมื่อช่วงต้นปีที่แล้วในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ การเพิ่มดานังเข้าสู่ครอบครัวมิชลิน ไกด์ ยิ่งตอกย้ำถึงความคึกคักและคุณภาพของวงการอาหารเวียดนาม ตลอดจนความรุ่มรวยและความเป็นต้นตำรับทางวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น ผู้ตรวจสอบร้านอาหารของเรากำลังอยู่ในระหว่างการลงพื้นที่เพื่อคัดเลือกร้านอาหาร และพร้อมที่จะประกาศรายชื่อร้านเหล่านั้นให้เหล่านักชิมชาวเวียดนาม รวมถึงคนรักอาหารและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ทราบในเดือนมิถุนายนนี้” 

ดานัง ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับคนรักอาหารอีกด้วย ในฐานะเมืองศูนย์กลางของอาหารเวียดนาม ดานังได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ตรวจสอบร้านอาหารของมิชลิน ไกด์ ด้วยคุณภาพและความหลากหลายของอาหารท้องถิ่น อาทิ Mì Quảng (หมี่กว๋าง), Bún Chả Cá (ขนมจีนปลา) และ Bánh Xèo (ขนมเบื้องญวน) อันเลื่องชื่อ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารซีฟู้ดที่ปรุงจากวัตถุดิบสด ๆ คุณภาพเยี่ยมจากทะเล หรืออาหารสตรีทฟู้ดอันเลิศรส ก็ล้วนเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ในดานัง เหล่าผู้ตรวจสอบร้านอาหารของมิชลิน ไกด์ เองก็ได้ไปลิ้มลองหลากหลายเมนูริมทางแสนอร่อยอย่างเช่นโจ๊กเป็ดตุ๋นมาแล้ว

นอกเหนือจากอาหารและร้านอาหารแบบดั้งเดิมเหล่านี้ ดานังยังมีร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งมากมาย ทั้งที่รังสรรค์โดยเชฟท้องถิ่นมากฝีมือซึ่งนำวัตถุดิบพื้นเมืองมาเนรมิตอย่างช่ำชอง รวมถึงเชฟต่างชาติที่หลงใหลในเสน่ห์ของเมืองนี้และได้ผสมผสานรสชาติแบบดานังเข้ากับรสชาติจากบ้านเกิดของพวกเขา

การขยายขอบเขตของคู่มือ มิชลิน ไกด์ สู่ประเทศเวียดนาม ได้รับการสนับสนุนจาก Sun Group โดยประธานคณะกรรมการบริหาร นายดั่ง มินห์ ตรวง (Mr. Dang Minh Truong) เผยว่า “เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านอาหารของเวียดนาม Sun Group รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เริ่มต้นการเดินทางด้านอาหารครั้งนี้ร่วมกับมิชลิน ไกด์ ในเมืองดานัง เช่นเดียวกับที่เราทุ่มเทในการนำเสนอวัฒนธรรมอันรุ่มรวยและความสวยงามของเวียดนามสู่สายตาโลกมาโดยตลอด ในโอกาสนี้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่า ประสบการณ์ทางอาหารสุดพิเศษของเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้ได้รับความสนใจ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และความมหัศจรรย์ทางอาหารของดานังจะได้รับการยกย่องจากทั้งนักชิมชาวเวียดนามและชาวต่างชาติ การเข้ามาของมิชลิน ไกด์ จะยิ่งช่วยทำให้เมืองดานังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในการท่องเที่ยว และมีส่วนในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาเยือนดานังมากยิ่งขึ้น”

ร้านอาหารในเมืองดานังจะได้รับการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์สากลของมิชลิน ไกด์ เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ โดยผู้ตรวจสอบร้านอาหารของมิชลิน ไกด์ จะทำการประเมินร้านอาหารท้องถิ่นเหล่านี้ร่วมกันโดยไม่เปิดเผยชื่อและเป็นอิสระ โดยพิจารณาจาก 5 เกณฑ์หลักซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของอาหารทั้งหมด ดังนี้

  • คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้
  • ความชำนาญและเทคนิคในการปรุงอาหาร
  • รสชาติอาหารที่กลมกล่อม
  • อัตลักษณ์ของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหาร
  • ความสม่ำเสมอของคุณภาพและรสชาติอาหาร

ร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกในคู่มือ ’มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ และดานัง ประจำปี 2567 จะมีการเปิดเผยรายชื่อพร้อมกันในงานประกาศรางวัลซึ่งจะจัดขึ้นที่นครโฮจิมินห์ ในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ (กำหนดการที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา วิธีการคัดเลือก และทีมงานที่รับผิดชอบการจัดอันดับร้านอาหารของมิชลิน ไกด์ สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ guide.michelin.com/vn/en หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: facebook.com/MichelinGuideAsia

เปิดตัวหลักสูตรสร้างความพร้อม - มาตรวัดความน่าเชื่อถือใหม่แห่งการลงทุน

วางตลาดแล้ว หนังสือ จากห้องครัวสู่ห้องประชุม  เส้นทางธุรกิจครอบครัว

 

หนังสือเรื่อง “จากห้องครัวสู่ห้องประชุม  เส้นทางธุรกิจครอบครัว” นำเสนอเกี่ยวกับความรู้ทางด้านการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นศาสตร์ที่อยู่ในวงจำกัด และผู้ประกอบการธุรกิจจำนวนมากเข้าไม่ถึงทำให้การสืบทอดกิจการของธุรกิจครอบครัวเป็นไปได้ยาก จากจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวที่สามารถส่งต่อธุรกิจถึงรุ่นที่ 4 ได้เพียง 3% เท่านั้น ทั้งที่ธุรกิจครอบครัวถือเป็นนักรบทางเศรษฐกิจที่สำคัญและสามารถสร้างรายได้เกือบ 70% ของ GDP ของประเทศไทย

หนังสือเล่มนี้ยังนำเสนอถึงการส่งต่อธุรกิจครอบครัวที่เป็นทั้ง “ศาสตร์และศิลป์” ที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากในแต่ละธุรกิจครอบครัวนั้นก็มีทั้ง “ภาคธุรกิจ” และ “ภาคครอบครัว” ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน ไปที่จะต้องคำนึงถึงในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อธุรกิจกันได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะประเด็นที่ธุรกิจครอบครัวควรต้องมีความเข้าใจกับการจัดโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจและความต้องการของครอบครัว  รวมทั้งประเด็นของการสืบทอดธุรกิจ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการที่ครอบครัวสามารถคัดเลือกและบ่มเพาะทายาทที่เหมาะสมได้ กับประเด็นที่ทายาทไม่อยากสืบทอดธุรกิจด้วย

ที่สำคัญ เมื่อธุรกิจครอบครัวเติบโตมากขึ้น การบริหารความมั่งคั่งระหว่าง “ธุรกิจ - ครอบครัว” คือ ความจำเป็นด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นบทบาทของ “สำนักงานครอบครัว” (Family Office) ซึ่งธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก ขนาดกลางก็สามารถนำหลักการของธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่มาประยุกต์ใช้ได้

ด้วยมิติต่างๆ เหล่านี้หนึ่งในตัวแปรที่จะช่วยกำกับให้ธุรกิจครอบครัวมีแนวทางปฏิบัติ และกรอบข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว นั่นคือ “ธรรมนูญครอบครัว” ทว่า ในทางปฏิบัติ ธุรกิจครอบครัวไทยยังมีความรู้ความเข้าใจกับ “ธรรมนูญครอบครัว” อยู่น้อยมาก แม้ว่ามิตินี้จะเป็นการสะท้อนจิตวิญญาณ เป้าหมาย ตลอดจนเจตนารมณ์ของครอบครัวก็ตาม ซึ่งผู้อ่านก็จะได้ความรู้ หลักการเบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจและใช้กับ “ธรรมนูญครอบครัว” จากหนังสือเล่มนี้ อีกทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

 

จากห้องครัวสู่ห้องประชุม เส้นทางธุรกิจครอบครัว จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัท แฟมซ์ จำกัด   จำหน่ายในราคาเล่มละ 250 บาท

 

“บราเดอร์” ผู้นำนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ แถลงพร้อมต่อยอดความสำเร็จจากปี 2566 มุ่งตอบโจทย์โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ยกระดับงานให้บริการสู่มาตรฐานขั้นสูง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยเน้นทำการตลาดแบบมุ่งเป้าเจาะกลุ่ม พร้อมเสริมแกร่งฐานลูกค้ากลุ่ม B2B (Business to Business) ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ตรงใจลูกค้า ตั้งเป้าเติบโต 6%

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา จากข้อมูล GFK เรามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดย เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังชั่นขาวดำ เพิ่มจาก 47.8% ในปี2565 เป็น 57.1% (#1) ในปี2566 เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังชั่นสี จาก 51.5% เป็น 50.1% (#1) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำ เพิ่มจาก 27.7%  เป็น 32.6% (#2) และเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี เพิ่มจาก 37.3% เป็น 46.4% (#1) สำหรับในปีนี้ บราเดอร์จะมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดความสำเร็จ จากการสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งจากผลวิจัยทางการตลาดของ GfK พบว่า ในปีที่ผ่านมา บราเดอร์สามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือนิวเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอายุระหว่าง 25 – 35 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความร่วมสมัย โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและมีผลิตภัณฑ์ตอบสนองทุกความต้องการลูกค้า ทุกกลุ่มวัย ซึ่งจะเป็นรากฐานในการขยายตลาดต่อไปในอนาคต”

นายธีรวุธ เปิดเผยถึงแผนในปีนี้ด้วยว่า “เราจะมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุก โดยจะเพิ่มสัดส่วนการโฟกัสไปที่ตลาดกลุ่มองค์กร เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก โดยปีนี้ เราจะเน้นทำการตลาดในกลุ่ม B2B (Business to Business) มากขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าองค์กรและราชการ รวมถึงมุ่งเน้นการให้บริการด้านการขายแบบครบวงจร (Total Solution) รวมไปถึงการกำจัดวัสดุการพิมพ์ที่ใช้แล้วแบบรักษ์โลกต่อเนื่องตลอดปี ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน (Sustainability)

ด้าน นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า จากการที่เราได้นำความคาดหวังของลูกค้า มาเป็นหัวใจของการให้บริการ และเชื่อมโยงการให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การขายไปจนถึงการดูแลหลังการขาย ซึ่งมีระบบการจัดเก็บข้อมูลการเข้ารับบริการ ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้อย่างตรงจุด รวมถึงการมีช่องทางการให้บริการ Pre Sales และ Post Sales ที่ครบทั้งทุกด้าน การให้ข้อมูลผ่าน Call center, E-mail, Facebook, Live Chat และ Chatbot ( ผ่านทาง Web Site หรือ Line OA Brother Thailand ) รวมทั้งการให้บริการผ่านศูนย์บริการของ บราเดอร์ ทั้ง 4 แห่ง และ Authorized Service Center ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งบราเดอร์ได้พัฒนาช่องทางเหล่านี้ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงให้คำปรึกษา เพื่อให้ลูกค้าใช้สินค้าของ บราเดอร์ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจะมีการประเมินความพึงพอใจ ( NPS ) ทุกครั้งหลังจากให้บริการ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงการบริการต่อไป

“ที่ผ่านมา บราเดอร์ ยังเป็นผู้นำในด้าน Chatbot โดยเรามีการใช้งานอยู่ 2 ตัว คือ น้องแคร์ (N’Care) ที่ให้บริการตอบคำถามทั้งก่อนและหลังการขาย ซึ่งสามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และยังมี มิสเตอร์แคร์เออร์ ( Mr. Carer ) สำหรับศูนย์บริการแต่งตั้ง ( ASC ) ในการตอบปัญหาด้านเทคนิค การซ่อมบำรุง และการแก้ไขปัญหาต่างๆ  รวมทั้งยังสามารถประมาณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการซ่อม และอะไหล่ต่างๆ ได้ทันที เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของลูกค้าในการซ่อม ซึ่ง Chatbot นี้ จะทำงานให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง บริการเสริม บราเดอร์แคร์แพค ( Brother Care Pack ) ที่ลูกค้าสามารถซื้อบริการเสริมต่างๆเพิ่มเติมได้ นับตั้งแต่วันที่ซื้อเครื่องวันแรก จนถึงวันสุดท้ายที่อยู่ในระยะเวลารับประกัน เช่น การขยายการระยะเวลารับประกัน การตรวจเช็คเครื่องและทำความสะอาดเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน การซ่อมนอกสถานที่ การติดตั้งเครื่อง รวมถึงการให้บริการในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเรายินดี customize ตามความต้องการของลูกค้า  เพิ่มความคุ้มค่า ป้องกันการเกิดปัญหา ทำให้ลูกค้าทำงานอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด และการใช้เครื่องได้อย่างยาวนานจะช่วยลดของเสียจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

“บราเดอร์” มีความภาคภูมิใจในการพัฒนาการให้บริการหลังการขาย โดยได้รับรางวัลในด้านต่างๆ จากสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย(TCCTA: Thai Contact Center Trade Association) ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เช่น รางวัล The Best Contact Center of the Year 2017 , รางวัล The Best Satisfaction Contact Center หลายปีติดต่อกัน , รางวัลThe Best Effective Technology Contact Center ,The Best Social Media Contact Center , The Best Human Care Contact Center and The Best Workflow Contact Center   นอกจากนี้เรายังได้รับรางวัลจาก Contact Center Associations of  Asia Pacific ในหลากหลายสาขาเช่นกัน  

นอกจากนี้ บราเดอร์ ยังมีมาตรฐานในด้านการให้บริการและการตรวจสอบครบทุกด้าน ( BSQA ) เช่น กรอบระยะเวลาการซ่อมเครื่อง วิธีการตอบปัญหา รวมถึงบุคคลิกลักษณะเฉพาะของผู้ให้บริการ สถานที่ให้บริการ ทักษะความเชี่ยวชาญต่างๆ  ในการให้บริการแบบมืออาชีพ  ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความไว้วางใจในการให้บริการ ทั้งศูนย์บริการของบราเดอร์ทั้ง 4 แห่ง และของ Authorized Service Center ( ASC ) ทั่วประเทศ โดยจะมีการฝึกอบรมทักษะการซ่อม ความรู้ความสามารถในการดูแลลูกค้า ให้มีความเป็นมืออาชีพ เป็นไปตามยุคสมัย  นำระบบการบริหารจัดการข้อมูลมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงคำนึงถึงความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยทั้งหมดนี้ จะนำมาจากหลักการที่ว่า เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แล้วนำเอาบริการของเราไปช่วย ให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งก็คือหลักการของ Customer Success นั่นเอง บราเดอร์ให้ความสำคัญต่อความสำเร็จของลูกค้า ( Customer Success ) เป็นอันดับ 1 เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข ประสบความสำเร็จ ให้สมกับที่ลูกค้าไว้วางเลือก บราเดอร์ เป็นแบรนด์ในดวงใจ

ด้าน นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจากการให้บริการที่เป็นเลิศแล้ว เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา บราเดอร์ ได้ปรับปรุงการทำงานตามมาตรฐาน ไอเอสโอ 14001 หรือระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมา 6 ปีแล้ว และจะทำต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการยกระดับสำนักงานโดยผ่านการทำมาตรฐาน Green Office อันเกิดจากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Sustainable Development Goals ที่ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ปี 2563-2593 โดยมุ่งเน้นใน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย เพิ่มการหมุนเวียนทรัพยากรสูงสุด ส่งเสริมสังคมที่ไร้คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และผลลัพธ์สุทธิที่เป็นบวกในระบบนิเวศน์ ผ่านนโยบาย Environmental Vision 2050 ส่งผลให้บราเดอร์ได้รับเหรียญทองจากการประเมินของสำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) ระดับดีเยี่ยม ตั้งแต่ปี 2564

“ทั้งหมดล้วนเป็นการดำเนินการตามพันธสัญญาสากลที่ บราเดอร์ ยึดถือมาโดยตลอดคือความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนท้องถิ่นที่บราเดอร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง และแนวทาง กรีน นี้ ได้ทำการปลูกฝังลึกลงไปในหัวใจของพนักงานทุกคน จนสะท้อนออกมาในการทำงาน ซึ่งการมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสูง ไม่เพียงแต่จะทำให้ชุมชนท้องถิ่นมีสิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่ยังเป็นประโยชน์ในการเพิ่มจุดแข็งเพื่อสร้างความได้เปรียบในด้านการดำเนินธุรกิจให้กับทางบริษัทอีกด้วย เพราะการไปเจรจากับลูกค้าองค์กร เช่น บริษัทเอกชนต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมด้วย หากไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะเสียโอกาสในการทำธุรกิจ รวมถึงกิจกรรมพิเศษเพื่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่บริษัทฯ จัดให้มีขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องและยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นวางไว้ และบราเดอร์ทั่วโลกยึดถือร่วมกัน

ปี 2567 บราเดอร์ ยังคงมุ่งหน้าที่จะยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การให้บริการ การตอบแทนสู่สังคม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด และเกิดความภักดีต่อแบรนด์ต่อไป

ยกระดับผลิตภัณฑ์นมเกรดพรีเมียมจากฟาร์มเกษตรกร สู่ชุมชนเมือง เสริมความเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

"บมจ.เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)" ร่วมกับ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นออกประกันอุบัติเหตุออนไลน์ “สวัสดิ์คุ้มเว่อร์” เจาะตลาดลูกค้าหลากหลายอาชีพ ที่มองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งความคุ้มครองชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายได้ ที่มีค่าเบี้ยประกันไม่แพง และสมัครง่ายด้วยตนเองเพียงไม่กี่ขั้นตอน รับความคุ้มครองได้ทันที เหมาะกับทุกกลุ่มอาชีพและคนยุคใหม่ที่ชอบความสะดวกสบายด้วยบริการที่ทันใจ ตั้งแต่การสมัคร การชำระเงิน และบริการเคลมออนไลน์ที่ทำได้ง่าย ๆ บนแอป GEN 365 แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าเจนเนอราลี่ที่ให้บริการด้านกรมธรรม์และมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายตลอด 365 วัน

สำหรับจุดเด่นของแบบประกันที่คุ้มโดนใจมีดังนี้  

  • คุ้มเว่อร์ ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 240,000 บาท โดยมีค่าเบี้ยเฉลี่ยสำหรับแผนเริ่มต้นเพียงวันละ 40 บาท เท่านั้น
  • ครบเว่อร์ มีค่ารักษาพยาบาลรวมค่าห้อง สูงสุด 10,000 บาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง
  • อุ่นใจเว่อร์ รับค่าชดเชยรายได้สูงสุด 1,000 บาท/วัน ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล (สูงสุด 15 วัน/อุบัติเหตุแต่ละครั้ง)
  • เร็วเว่อร์ สมัครง่ายไม่กี่ขั้นตอน จ่ายเงินปุ๊บ คุ้มครองทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

ปรึกษาและรับบริการได้ที่สาขาศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ กว่า 5,500 สาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sawad.co.th/ประกันอุบัติเหตุ-สวัสดิ์คุ้มเว่อร์/ และ Facebook Fanpage: ศรีสวัสดิ์ เงินสด ทันใจ หรือโทร 1652 พิจารณารับประกันภัย โดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)

ลุ้นแลกของรางวัลมากมาย พร้อมยกขบวนสินค้าคลายร้อนกับส่วนลดจัดเต็มสูงสุด 20% และลดเพิ่มอีก 15% เมื่อช้อปที่สโตร์อิเกีย  

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมบริจาคทรัพย์ทำบุญงานประเพณีบุญผะเหวดเกษมทรัพย์สามัคคี ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน และร่วมบริจาคทุนทรัพย์ยกอุโบสถที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในพื้นที่ต่ำไม่เหมาะกับการปฏิบัติศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นงานประวัติศาสตร์ครั้งแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ณ วัดเกษมทรัพย์พัฒนาราม จ.ร้อยเอ็ด

 

X

Right Click

No right click