เปิดตัวหลักสูตรสร้างความพร้อม - มาตรวัดความน่าเชื่อถือใหม่แห่งการลงทุน

วางตลาดแล้ว หนังสือ จากห้องครัวสู่ห้องประชุม  เส้นทางธุรกิจครอบครัว

 

หนังสือเรื่อง “จากห้องครัวสู่ห้องประชุม  เส้นทางธุรกิจครอบครัว” นำเสนอเกี่ยวกับความรู้ทางด้านการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นศาสตร์ที่อยู่ในวงจำกัด และผู้ประกอบการธุรกิจจำนวนมากเข้าไม่ถึงทำให้การสืบทอดกิจการของธุรกิจครอบครัวเป็นไปได้ยาก จากจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวที่สามารถส่งต่อธุรกิจถึงรุ่นที่ 4 ได้เพียง 3% เท่านั้น ทั้งที่ธุรกิจครอบครัวถือเป็นนักรบทางเศรษฐกิจที่สำคัญและสามารถสร้างรายได้เกือบ 70% ของ GDP ของประเทศไทย

หนังสือเล่มนี้ยังนำเสนอถึงการส่งต่อธุรกิจครอบครัวที่เป็นทั้ง “ศาสตร์และศิลป์” ที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากในแต่ละธุรกิจครอบครัวนั้นก็มีทั้ง “ภาคธุรกิจ” และ “ภาคครอบครัว” ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน ไปที่จะต้องคำนึงถึงในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อธุรกิจกันได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะประเด็นที่ธุรกิจครอบครัวควรต้องมีความเข้าใจกับการจัดโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจและความต้องการของครอบครัว  รวมทั้งประเด็นของการสืบทอดธุรกิจ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการที่ครอบครัวสามารถคัดเลือกและบ่มเพาะทายาทที่เหมาะสมได้ กับประเด็นที่ทายาทไม่อยากสืบทอดธุรกิจด้วย

ที่สำคัญ เมื่อธุรกิจครอบครัวเติบโตมากขึ้น การบริหารความมั่งคั่งระหว่าง “ธุรกิจ - ครอบครัว” คือ ความจำเป็นด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นบทบาทของ “สำนักงานครอบครัว” (Family Office) ซึ่งธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก ขนาดกลางก็สามารถนำหลักการของธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่มาประยุกต์ใช้ได้

ด้วยมิติต่างๆ เหล่านี้หนึ่งในตัวแปรที่จะช่วยกำกับให้ธุรกิจครอบครัวมีแนวทางปฏิบัติ และกรอบข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว นั่นคือ “ธรรมนูญครอบครัว” ทว่า ในทางปฏิบัติ ธุรกิจครอบครัวไทยยังมีความรู้ความเข้าใจกับ “ธรรมนูญครอบครัว” อยู่น้อยมาก แม้ว่ามิตินี้จะเป็นการสะท้อนจิตวิญญาณ เป้าหมาย ตลอดจนเจตนารมณ์ของครอบครัวก็ตาม ซึ่งผู้อ่านก็จะได้ความรู้ หลักการเบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจและใช้กับ “ธรรมนูญครอบครัว” จากหนังสือเล่มนี้ อีกทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

 

จากห้องครัวสู่ห้องประชุม เส้นทางธุรกิจครอบครัว จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัท แฟมซ์ จำกัด   จำหน่ายในราคาเล่มละ 250 บาท

 

“บราเดอร์” ผู้นำนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ แถลงพร้อมต่อยอดความสำเร็จจากปี 2566 มุ่งตอบโจทย์โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ยกระดับงานให้บริการสู่มาตรฐานขั้นสูง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยเน้นทำการตลาดแบบมุ่งเป้าเจาะกลุ่ม พร้อมเสริมแกร่งฐานลูกค้ากลุ่ม B2B (Business to Business) ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ตรงใจลูกค้า ตั้งเป้าเติบโต 6%

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา จากข้อมูล GFK เรามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดย เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังชั่นขาวดำ เพิ่มจาก 47.8% ในปี2565 เป็น 57.1% (#1) ในปี2566 เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังชั่นสี จาก 51.5% เป็น 50.1% (#1) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำ เพิ่มจาก 27.7%  เป็น 32.6% (#2) และเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี เพิ่มจาก 37.3% เป็น 46.4% (#1) สำหรับในปีนี้ บราเดอร์จะมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดความสำเร็จ จากการสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งจากผลวิจัยทางการตลาดของ GfK พบว่า ในปีที่ผ่านมา บราเดอร์สามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือนิวเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอายุระหว่าง 25 – 35 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความร่วมสมัย โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและมีผลิตภัณฑ์ตอบสนองทุกความต้องการลูกค้า ทุกกลุ่มวัย ซึ่งจะเป็นรากฐานในการขยายตลาดต่อไปในอนาคต”

นายธีรวุธ เปิดเผยถึงแผนในปีนี้ด้วยว่า “เราจะมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดในเชิงรุก โดยจะเพิ่มสัดส่วนการโฟกัสไปที่ตลาดกลุ่มองค์กร เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก โดยปีนี้ เราจะเน้นทำการตลาดในกลุ่ม B2B (Business to Business) มากขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าองค์กรและราชการ รวมถึงมุ่งเน้นการให้บริการด้านการขายแบบครบวงจร (Total Solution) รวมไปถึงการกำจัดวัสดุการพิมพ์ที่ใช้แล้วแบบรักษ์โลกต่อเนื่องตลอดปี ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน (Sustainability)

ด้าน นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า จากการที่เราได้นำความคาดหวังของลูกค้า มาเป็นหัวใจของการให้บริการ และเชื่อมโยงการให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การขายไปจนถึงการดูแลหลังการขาย ซึ่งมีระบบการจัดเก็บข้อมูลการเข้ารับบริการ ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้อย่างตรงจุด รวมถึงการมีช่องทางการให้บริการ Pre Sales และ Post Sales ที่ครบทั้งทุกด้าน การให้ข้อมูลผ่าน Call center, E-mail, Facebook, Live Chat และ Chatbot ( ผ่านทาง Web Site หรือ Line OA Brother Thailand ) รวมทั้งการให้บริการผ่านศูนย์บริการของ บราเดอร์ ทั้ง 4 แห่ง และ Authorized Service Center ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งบราเดอร์ได้พัฒนาช่องทางเหล่านี้ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงให้คำปรึกษา เพื่อให้ลูกค้าใช้สินค้าของ บราเดอร์ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจะมีการประเมินความพึงพอใจ ( NPS ) ทุกครั้งหลังจากให้บริการ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงการบริการต่อไป

“ที่ผ่านมา บราเดอร์ ยังเป็นผู้นำในด้าน Chatbot โดยเรามีการใช้งานอยู่ 2 ตัว คือ น้องแคร์ (N’Care) ที่ให้บริการตอบคำถามทั้งก่อนและหลังการขาย ซึ่งสามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และยังมี มิสเตอร์แคร์เออร์ ( Mr. Carer ) สำหรับศูนย์บริการแต่งตั้ง ( ASC ) ในการตอบปัญหาด้านเทคนิค การซ่อมบำรุง และการแก้ไขปัญหาต่างๆ  รวมทั้งยังสามารถประมาณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการซ่อม และอะไหล่ต่างๆ ได้ทันที เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของลูกค้าในการซ่อม ซึ่ง Chatbot นี้ จะทำงานให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง บริการเสริม บราเดอร์แคร์แพค ( Brother Care Pack ) ที่ลูกค้าสามารถซื้อบริการเสริมต่างๆเพิ่มเติมได้ นับตั้งแต่วันที่ซื้อเครื่องวันแรก จนถึงวันสุดท้ายที่อยู่ในระยะเวลารับประกัน เช่น การขยายการระยะเวลารับประกัน การตรวจเช็คเครื่องและทำความสะอาดเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน การซ่อมนอกสถานที่ การติดตั้งเครื่อง รวมถึงการให้บริการในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเรายินดี customize ตามความต้องการของลูกค้า  เพิ่มความคุ้มค่า ป้องกันการเกิดปัญหา ทำให้ลูกค้าทำงานอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด และการใช้เครื่องได้อย่างยาวนานจะช่วยลดของเสียจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

“บราเดอร์” มีความภาคภูมิใจในการพัฒนาการให้บริการหลังการขาย โดยได้รับรางวัลในด้านต่างๆ จากสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย(TCCTA: Thai Contact Center Trade Association) ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เช่น รางวัล The Best Contact Center of the Year 2017 , รางวัล The Best Satisfaction Contact Center หลายปีติดต่อกัน , รางวัลThe Best Effective Technology Contact Center ,The Best Social Media Contact Center , The Best Human Care Contact Center and The Best Workflow Contact Center   นอกจากนี้เรายังได้รับรางวัลจาก Contact Center Associations of  Asia Pacific ในหลากหลายสาขาเช่นกัน  

นอกจากนี้ บราเดอร์ ยังมีมาตรฐานในด้านการให้บริการและการตรวจสอบครบทุกด้าน ( BSQA ) เช่น กรอบระยะเวลาการซ่อมเครื่อง วิธีการตอบปัญหา รวมถึงบุคคลิกลักษณะเฉพาะของผู้ให้บริการ สถานที่ให้บริการ ทักษะความเชี่ยวชาญต่างๆ  ในการให้บริการแบบมืออาชีพ  ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความไว้วางใจในการให้บริการ ทั้งศูนย์บริการของบราเดอร์ทั้ง 4 แห่ง และของ Authorized Service Center ( ASC ) ทั่วประเทศ โดยจะมีการฝึกอบรมทักษะการซ่อม ความรู้ความสามารถในการดูแลลูกค้า ให้มีความเป็นมืออาชีพ เป็นไปตามยุคสมัย  นำระบบการบริหารจัดการข้อมูลมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงคำนึงถึงความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยทั้งหมดนี้ จะนำมาจากหลักการที่ว่า เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แล้วนำเอาบริการของเราไปช่วย ให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งก็คือหลักการของ Customer Success นั่นเอง บราเดอร์ให้ความสำคัญต่อความสำเร็จของลูกค้า ( Customer Success ) เป็นอันดับ 1 เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข ประสบความสำเร็จ ให้สมกับที่ลูกค้าไว้วางเลือก บราเดอร์ เป็นแบรนด์ในดวงใจ

ด้าน นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจากการให้บริการที่เป็นเลิศแล้ว เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา บราเดอร์ ได้ปรับปรุงการทำงานตามมาตรฐาน ไอเอสโอ 14001 หรือระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมา 6 ปีแล้ว และจะทำต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการยกระดับสำนักงานโดยผ่านการทำมาตรฐาน Green Office อันเกิดจากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ Sustainable Development Goals ที่ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ปี 2563-2593 โดยมุ่งเน้นใน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย เพิ่มการหมุนเวียนทรัพยากรสูงสุด ส่งเสริมสังคมที่ไร้คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และผลลัพธ์สุทธิที่เป็นบวกในระบบนิเวศน์ ผ่านนโยบาย Environmental Vision 2050 ส่งผลให้บราเดอร์ได้รับเหรียญทองจากการประเมินของสำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) ระดับดีเยี่ยม ตั้งแต่ปี 2564

“ทั้งหมดล้วนเป็นการดำเนินการตามพันธสัญญาสากลที่ บราเดอร์ ยึดถือมาโดยตลอดคือความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนท้องถิ่นที่บราเดอร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง และแนวทาง กรีน นี้ ได้ทำการปลูกฝังลึกลงไปในหัวใจของพนักงานทุกคน จนสะท้อนออกมาในการทำงาน ซึ่งการมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสูง ไม่เพียงแต่จะทำให้ชุมชนท้องถิ่นมีสิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่ยังเป็นประโยชน์ในการเพิ่มจุดแข็งเพื่อสร้างความได้เปรียบในด้านการดำเนินธุรกิจให้กับทางบริษัทอีกด้วย เพราะการไปเจรจากับลูกค้าองค์กร เช่น บริษัทเอกชนต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมด้วย หากไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะเสียโอกาสในการทำธุรกิจ รวมถึงกิจกรรมพิเศษเพื่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่บริษัทฯ จัดให้มีขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องและยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นวางไว้ และบราเดอร์ทั่วโลกยึดถือร่วมกัน

ปี 2567 บราเดอร์ ยังคงมุ่งหน้าที่จะยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การให้บริการ การตอบแทนสู่สังคม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด และเกิดความภักดีต่อแบรนด์ต่อไป

ยกระดับผลิตภัณฑ์นมเกรดพรีเมียมจากฟาร์มเกษตรกร สู่ชุมชนเมือง เสริมความเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

"บมจ.เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)" ร่วมกับ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นออกประกันอุบัติเหตุออนไลน์ “สวัสดิ์คุ้มเว่อร์” เจาะตลาดลูกค้าหลากหลายอาชีพ ที่มองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งความคุ้มครองชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายได้ ที่มีค่าเบี้ยประกันไม่แพง และสมัครง่ายด้วยตนเองเพียงไม่กี่ขั้นตอน รับความคุ้มครองได้ทันที เหมาะกับทุกกลุ่มอาชีพและคนยุคใหม่ที่ชอบความสะดวกสบายด้วยบริการที่ทันใจ ตั้งแต่การสมัคร การชำระเงิน และบริการเคลมออนไลน์ที่ทำได้ง่าย ๆ บนแอป GEN 365 แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าเจนเนอราลี่ที่ให้บริการด้านกรมธรรม์และมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายตลอด 365 วัน

สำหรับจุดเด่นของแบบประกันที่คุ้มโดนใจมีดังนี้  

  • คุ้มเว่อร์ ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 240,000 บาท โดยมีค่าเบี้ยเฉลี่ยสำหรับแผนเริ่มต้นเพียงวันละ 40 บาท เท่านั้น
  • ครบเว่อร์ มีค่ารักษาพยาบาลรวมค่าห้อง สูงสุด 10,000 บาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง
  • อุ่นใจเว่อร์ รับค่าชดเชยรายได้สูงสุด 1,000 บาท/วัน ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล (สูงสุด 15 วัน/อุบัติเหตุแต่ละครั้ง)
  • เร็วเว่อร์ สมัครง่ายไม่กี่ขั้นตอน จ่ายเงินปุ๊บ คุ้มครองทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

ปรึกษาและรับบริการได้ที่สาขาศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ กว่า 5,500 สาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sawad.co.th/ประกันอุบัติเหตุ-สวัสดิ์คุ้มเว่อร์/ และ Facebook Fanpage: ศรีสวัสดิ์ เงินสด ทันใจ หรือโทร 1652 พิจารณารับประกันภัย โดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)

ลุ้นแลกของรางวัลมากมาย พร้อมยกขบวนสินค้าคลายร้อนกับส่วนลดจัดเต็มสูงสุด 20% และลดเพิ่มอีก 15% เมื่อช้อปที่สโตร์อิเกีย  

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมบริจาคทรัพย์ทำบุญงานประเพณีบุญผะเหวดเกษมทรัพย์สามัคคี ประจำปี 2567 เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน และร่วมบริจาคทุนทรัพย์ยกอุโบสถที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในพื้นที่ต่ำไม่เหมาะกับการปฏิบัติศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นงานประวัติศาสตร์ครั้งแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ณ วัดเกษมทรัพย์พัฒนาราม จ.ร้อยเอ็ด

 

ซีพี ออลล์ และบริษัทในกลุ่ม จัดงาน “ประกาศทิศทางนโยบายบรรษัทภิบาล 2024”  ปลุกพลังพนักงาน  Store Business Partner (SBP) และคู่ค้า ร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรแห่งธรรมาภิบาลตลอดห่วงโซ่คุณค่า คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย “DNA ความดี 24 ชั่วโมง”  ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมา  ภิบาล ร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ  มุ่งมั่นเคียงข้างชุมชน ร่วมสร้างสรรค์สังคมอย่างยั่งยืน ภายใต้ปณิธาน Giving and Sharing

โดยซีพี ออลล์ ได้วางแผนกลยุทธ์ด้านธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาความยั่งยืนระยะยาวขององค์กร ครอบคลุมการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2564-2573 ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการพัฒนาความยั่งยืน โดยบูรณาการแนวปฏิบัติสากลและแนวโน้มของโลก (Global Trend)  เข้าไปในกระบวนการทางธุรกิจทั้งในระดับองค์กร และตลอดห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่แห่งคุณค่า (Supply & Value Chain) พร้อมทั้งประเมินผลการดำเนินงาน และสร้างการรับรู้เรื่องการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนไปสู่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับผ่านการจัดโครงการอบรม ให้ความรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมทั่วทั้งองค์กร พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกและการมีจิตสาธารณะให้อยู่ใน DNA ของพนักงานและขยายไปสู่คู่ค้าทางธุรกิจ

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานทั้งบริษัทและบริษัทในกลุ่มรวมกว่า 250,000 คน และมีคู่ค้าลำดับที่ 1 มากกว่า 2,200 ราย บริษัทจึงมุ่งมั่นนำเสนอสินค้าคุณภาพและบริการความสะดวกแก่ทุกชุมชน ควบคู่กับการสร้างสรรค์และส่งต่อคุณค่า ตอบแทนคุณประเทศชาติ สังคม ชุมชน พร้อมทั้งต่อต้านการคอร์รัปชันอย่างเคร่งครัด ภายใต้คาถาบรรษัทภิบาล “ซื่อสัตย์ โปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม” 

และในปี 2567 นี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามหลักบรรษัท    ภิบาลขององค์กร กฎหมาย และแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้องภายใต้ 2 กลยุทธ์หลักได้แก่ 1. ปลูกฝัง DNA ความดี 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างธรรมาภิบาลจากภายในองค์กร โดยสนับสนุนให้พนักงาน ดำเนินงานอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน โดยร้อยละ 100  ของพนักงานทุกระดับได้รับการอบรม (Training) ทบทวน (Refresh Training) และผ่านการทดสอบในหลักสูตรธรรมาภิบาล และการต่อต้านทุจริต การพัฒนาความยั่งยืน การบริหารความเสี่ยงด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมทั้งสร้างผู้นำรุ่นใหม่หัวใจ ธรรมาภิบาล หรือ “Mister & Miss Good Governance: MMGG” ต่อเนื่องสู่รุ่นที่ 3 เพื่อสร้างตัวแทนจากทุกหน่วยงานช่วยเป็นกระบอกเสียงไปยังเพื่อนพนักงาน ในการส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมกับกิจกรรมด้านธรรมาภิบาล

2. ผนึกกำลังภายนอกองค์กร (Change agent) เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างการตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้กับคู่ค้า  โดยขับเคลื่อนตามกลยุทธ์ผ่านโครงการประเมินความเสี่ยงและพัฒนา ศักยภาพคู่ค้า  "Responsible Supply Chain Management" ตามกรอบแนวทางความยั่งยืน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้ากลุ่มSMEs ในการเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption: CAC) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจดูแลช่วยเหลือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคม ชุมชนที่เกี่ยวข้อง  

“เป้าหมายของ 2 กลยุทธ์ดังกล่าว คือการสร้าง DNA ความดี 24 ชั่วโมง  โดยเรามีพนักงานกว่า 250,000 คน มีร้านกว่า 14,700 สาขา ใน 77 จังหวัด  928 อำเภอ และเกือบทุกตำบล ถือเป็นศูนย์กลางชุมชนที่แท้จริง หิวเมื่อไหร่ก็แวะไปเซเว่นฯ ลืมของเมื่อไหร่ก็แวะไปเซเว่นฯ ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็แวะไปเซเว่นฯ จุดแข็งของเรานอกเหนือจากจำนวนร้านสาขา คือเรื่อง “คน” ปีที่ผ่านมาเรามีเคสลูกค้าชื่นชมพนักงานทำความดีกว่า 9,300 เคส สิ่งดีๆ เหล่านี้อาจเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ ในแต่ละพื้นที่ แต่เราเชื่อว่าเมื่อปลูกฝังให้กลายเป็น DNA ขององค์กร พอรวมกันแล้วก็จะกลายเป็นคุณค่าต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร ให้สามารถเติบโตร่วมกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นอกเหนือจาก 2 กลยุทธ์ดังกล่าวแล้ว บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ 1.การกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล โดยให้ความสำคัญกับสัดส่วนกรรมการอิสระที่เป็นบุคคลภายนอก 2.การทบทวนนโยบายกำกับดูแลกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติด้านบรรษัทภิบาลในระดับสากล 3.การมีนโยบายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblowing Policy) ดูแลด้วยความโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับความเสียหาย

ที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ ถือเป็นหนึ่งในองค์กรที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนด้านธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง จนได้รับการยอมรับและการการันตีจากหลายหน่วยงาน อาทิ ได้รับการประเมินระดับดีเลิศ (Excellence) หรือระดับ 5 ดาว โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน ได้รับรางวัล CAC Change Agent Awards จาก CAC ต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท  บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ในหมวดเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไตรมาสแรกของปี 2024 พบว่ามียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 75% และมีจำนวนครั้งในการใช้บัตรเพิ่มขึ้น 78% รวมทั้งมีสมาชิกใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้น 93%  เมื่อเทียบกับปี 2023 ในช่วงเดียวกัน เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับ บริษัท เดอะ กอล์ฟ เอนเตอร์ เทนเมนท์ คอมปะนี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารจัดการศูนย์รวมกีฬา กอล์ฟและความบันเทิงที่เป็นมากกว่ากอล์ฟ “ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย” (Topgolf Thailand) มอบ 2 สิทธิพิเศษคุ้มค่า ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ “คะแนนน้อยแลกได้" พร้อมส่งเสริมให้สมาชิกออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี”

สิทธิพิเศษ  1. รับส่วนลด 10% สำหรับค่าเกมกอล์ฟ ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่เบย์ปกติ รวมถึงร้านอาหารและบาร์ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ (โซน Sports Bar, Pink Giraffe Rooftop Bar, ร้านอาหาร The Patio & Busted และ The Devil's Lounge) 2. แลกรับเครดิตเงินคืน 12% โดยลงทะเบียนผ่าน https://www.ktc.co.th/promotion/travel/air-ticket/ktc-travel-redeem ตั้งแต่วันที่  1 เมษายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567

ท็อปกอล์ฟ เมกาชิตี้ (Topgolf Megacity) เป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยว ครอบครัว เพื่อนหรือคู่ค้าธุรกิจ เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ ที่รวมความสนุกสนานของกีฬา อาหารและความบันเทิงต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีบาร์และร้านอาหารรวม 5 ร้าน และยังมี Topgolf Academy และ The Puttyard ซึ่งเป็นสนามมินิกอล์ฟ 18 หลุมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ และตั้งอยู่ติดกับศูนย์การค้าเมกาบางนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.topgolfthailand.com

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/book-hobby-entertainment/others/topgolf-megacity หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card  หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขา ทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย ผศ.สุดา ปีตะวรรณ คุณสุมาลี บำรุงชาติอุดม ที่ปรึกษา และนายภารวี ชัยรักษ์วัฒนา รองผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เยี่ยมชมโรงงาน บริษัท สมาร์ท เวท จำกัด (SVG) ประกอบกิจการผลิตและจำหน่าย อาหาร อาหารเสริม ยารักษาและป้องกันโรค สำหรับคนและสัตว์ เคมีภัณฑ์ โดยมี น.สพ.นันทพงษ์ พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ น.สพ.สุพจน์ หนุนไธสง กรรมการผู้จัดการ ให้การต้อนรับ เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click