ข่าวดี!! สำหรับนักเรียนที่กำลังหาข้อสอบเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบเก็บคะแนนในห้องเรียน หรือ กำลังมองหาข้อสอบในการเตรียมตัวสอบเข้าครั้งสำคัญ วันนี้นักศึกษา ปี 1 ในวิชา Advanced Computer Programming คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดทำเว็บไซต์ “XZAM” ให้บริการรวบรวมข้อสอบและเฉลยในเนื้อหาระดับมัธยมศึกษา พร้อมเปิดให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการนำเสนอแหล่งข้อสอบอื่นที่น่าสนใจ เพื่อเป็นประโยชน์และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระบบการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป

รศ.ดร.กานดา สายแก้ว อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หนึ่งในอาจารย์ที่ปรึกษากล่าวว่า ในทางเทคนิคนักศึกษาทั้ง 3 คน ได้แก่ นายธัญลักษณ์ ศศิวรินทร์กุล, นายธีร์ธวัช บุตรไทย และ นายพุฒิพงศ์ กิติศรีวรพันธุ์ ได้พัฒนาเว็บไซต์ XZAM โดยใช้ React ที่เป็น JavaScript library และ Bootstrap CSS framework เพื่อแสดงส่วนหน้าตาของเว็บไซต์ให้สวยงามและเหมาะสมกับหน้าจอขนาดต่างๆ และใช้ Google Firebase Authentication API เพื่อจัดการการเข้าระบบของผู้ใช้ และ Firebase Cloud Firestore เพื่อเก็บข้อมูลภายในเว็ปไซต์

เป็นเรื่องยากที่จะมีข้อสอบครบทุกวิชาอยู่ในที่เดียว เพราะข้อสอบมีการทำใหม่เรื่อย ๆ เว็บไซต์เราจึงสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยเปิดให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาเสนอแหล่งข้อสอบอื่นๆ ที่น่าสนใจผ่านการล็อกอินเพื่อยืนยันตัวตนป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งบนแพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องอัปโหลดไฟล์บนเว็บไซต์แต่ใช้วิธีแนบลิงก์ต้นทางข้อสอบและเฉลย ซึ่งสถาบันติวต่างๆ ก็สามารถแนบลิงก์ข้อสอบพร้อมเฉลยเพื่อโฆษณาสถาบันของตนเองได้

ขณะที่ นายธีร์ธวัช บุตรไทย กล่าวว่า ในช่วงที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนหลายคนต้องค้นหาข้อสอบเพื่อนำมาฝึกทำโจทย์ต่าง ๆ แต่ละวิชาก็จะต้องไปค้นหาจากหลายแหล่ง นี่คือ Pain point ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเว็บไซต์เพื่อรวบรวมข้อสอบรายวิชาต่าง ๆ ไว้ในแหล่งเดียว

สอดคล้องกับ นายพุฒิพงศ์ กิติศรีวรพันธุ์ ที่ระบุว่า ให้นิยามเว็บไซต์นี้ว่าเป็นแหล่งที่รวบรวมข้อสอบและเฉลยที่กระจัดกระจายมาเก็บเป็นคลังข้อสอบไว้ในที่เดียว เพื่อเป็นการประหยัดเวลานักเรียนที่ต้องการฝึกทำข้อสอบ อีกทั้งเว็บไซต์นี้ยังสามารถทำบุ๊กมาร์กข้อสอบที่ต้องการกลับมาอ่านซ้ำได้อีกด้วย

“เนื่องจากเหตุผลด้านลิขสิทธิ์จึงไม่สามารถนำตัวข้อสอบมาเผยแพร่บนแพลตฟอร์มนี้ได้ ข้อสอบบนเว็บไซต์จึงได้มาจากการค้นหาโดยใช้คีย์เวิร์ดและแนบลิงก์ไว้ ซึ่งวิธีการนี้เจ้าของลิขสิทธิ์จะไม่เสียผลประโยชน์”

ส่วนนายธัญลักษณ์ ศศิวรินทร์กุล กล่าวเสริมว่า เนื่องจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทำให้นักเรียนที่ไม่ได้มีฐานะหรือผู้ที่ศึกษาด้วยตนเองเกิดความลำบากในการหาข้อสอบเพื่อฝึกทำ เว็บไซต์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อช่วยนักเรียนเหล่านี้ให้สามารถเข้าถึงข้อสอบพร้อมเฉลยได้อย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว ทั้งยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

ทั้งนี้ ล่าสุด เว็บไซต์สำหรับรวบรวมข้อสอบและเฉลย (XZAM) ได้รับจดแจ้งลิขสิทธิ์แล้ว โดยมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรวบรวมลิงก์ข้อสอบไว้ 4 หมวด ได้แก่ ชีววิทยา, คณิตศาสตร์, เคมี และฟิสิกส์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปใช้งานได้ที่ https://xzam-26219.web.app

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าสนับสนุนอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีโภชนาการที่ดี รสชาติอร่อย จากศูนย์กระจายสินค้า มอบผ่านมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS นำไปปรุงอาหารให้แก่ชุมชน ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ทั่วกรุงเทพฯ ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารในทุกสถานการณ์ ผ่านโครงการ “Circular Meal…มื้อนี้เปลี่ยนโลก” รับรางวัล SOS Awards 2023 ประเภท “OUTSTANDING FOOD RESCUE AWARD - BIG MANUFACTURING GROUP” จาก SOS เป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมผนึกภาคีเครือข่ายปฏิวัติระบบอาหารประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ในงานสัมมนา “Zero Summit 2023 SOS RE- DEFINING FOOD SYSTEM - สู่นิยามใหม่ของระบบอาหาร”

นายทวิช ทัฬหะกาญจนากุล ผู้อำนวยการโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CPFGS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงานและเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่ได้ร่วมงานกับ SOS มาอย่างต่อเนื่อง และได้เห็นความก้าวหน้าของ SOS และภาคี ในการร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการอาหารส่วนเกิน  โดยตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯได้ส่งมอบอาหารกว่า 174,400 มื้อ สามารถช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ กว่า 55,000 คน มากกว่า 70 ชุมชน และลดการเกิดขยะอาหารในกระบวนการจัดการได้กว่า 41 ตัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 103 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 10,800 ต้น (อ้างอิงจาก CDM ภาคป่าไม้ โดย อบก. และ ม.เกษตรศาสตร์ 2554)

จากความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ และ SOS ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อที่ 12 โดยขยายการสนับสนุนอาหารจากศูนย์กระจายสินค้าซีพีเอฟจีเอส บางน้ำเปรี้ยวและมหาชัย รวมถึงต่อยอดกิจกรรมไปในพื้นที่อื่นๆ อาทิ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งมอบอาหารมื้อที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ดังเช่นในวันอาหารโลก (World Food Day) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส ผนึกกำลังกับ SOS และ GEPP มอบอาหารให้บุคลากรที่ช่วยพิทักษ์ปกป้องแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ สอดรับกับธีมสากล Water is life water is Food ซึ่งตลอดการดำเนินโครงการ Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก บริษัทฯเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังจากการส่งมอบอาหารแล้วมากกว่า 20,000 ชิ้น สู่การจัดการที่เหมาะสมต่อไป

“ความร่วมมือนี้ยังคงพัฒนาและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนให้แก่โลก ตามแนวทาง  Waste to Value สร้างคุณค่าปราศจากขยะ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย Zero Food waste to Land fill ภายในปี 2030” นายทวิช กล่าว

สำหรับงานสัมมนา “Zero Summit 2023 SOS RE- DEFINING FOOD SYSTEM - สู่นิยามใหม่ของระบบอาหาร” เพื่อร่วมผนึกกำลังปฏิวัติระบบอาหารประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งซีพีเอฟและซีพีเอฟจีเอส เป็นหนึ่งใน 700 พันธมิตร ที่ร่วมสนับสนุน SOS ส่งมอบอาหารส่วนเกินมาโดยตลอด

สร้าง !MPACT พร้อมอวดโฉมผู้ชนะคว้ารางวัลที่สุดของความคิดสร้างสรรค์

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย ดร.อุกฤษฎ์ ศรีดโรมนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แผนกตัวแทนและแผนกฝึกอบรมและพัฒนาฝ่ายจัดหน่าย พร้อมคณะผู้บริหาร พาสุดยอดตัวแทน AXA Prime ที่มีผลงานยอดเยี่ยมกว่า 100 ท่าน ร่วมงานสัมมนา “AXA Prime Hong Kong 2023” พร้อมเยี่ยมชม AXA Prime Lounge ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนฝ่ายขายให้ก้าวพิชิตเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืน ณ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยกิจกรรมบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและสาระความรู้จากวิทยากรพิเศษมากความสามารถ อาทิ คุณปฐวี บุญวิไล และ นายแพทย์วัสสะ วัชรากร Top Prime Agent และ Top Non-Prime Agent ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และสูตรสำเร็จในการทำงาน มุมมองการพลิกโอกาส พร้อมปลุกพลังฝ่ายขายให้พิชิตเป้าหมายปี 2566 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

งานวิ่งไร้ขยะ บรรยากาศสุดชิลล์ รับอากาศดีริมทะเล ณ อำเภอปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

จากโครงการ The Tree Pattanakarn-Ekkamai ตอกย้ำคอนโดขวัญใจมหาชนตัวจริง พร้อมเดินหน้าส่งมอบคุณค่าการอยู่อาศัยด้วยวิถีชีวิตแบบ “อยู่ดี มีสุข”

ทีทีบี ส่ง ทีทีบี โบรกเกอร์ บุกธุรกิจประกันวินาศภัย วางแผนธุรกิจ 5 ปี ดันเบี้ยประกันจาก 3,900 ล้านบาท สู่ 13,200 ล้านบาท เติบโต 240% ชูผลิตภัณฑ์เด่นเน้นประกันภัยรถยนต์ ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีรถให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ตั้งเป้าเป็นผู้นำโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ด้วยฐานลูกค้าทีทีบีที่มีรถยนต์กว่า 2.4 ล้านราย

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีมีกลยุทธ์ที่จะรุกด้าน Car Ecosystem ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของคนมีรถ นำโดย “ทีทีบี ไดรฟ์” (ttb DRIVE)สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถแลกเงิน จำนำทะเบียนรถ และที่ผ่านมาได้เปิดตัว บริการ “มาย คาร์” (My Car) บนแอป ทีทีบี ทัช (ttb touch) ที่ช่วยคนมีรถจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ เช่น จ่ายสินเชื่อรถ ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ซื้อ พ.ร.บ  หรือต่อประกันรถ หรือแม้แต่เช็กยอดคงเหลือและเติมเงินบัตรทางด่วน Easy Pass ได้เลยในแอปเดียว รวมถึงเปิดตัว “รถโดนใจ” (Roddonjai) แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถมือสองคุณภาพเยี่ยม และล่าสุดเปิดตัว “ทีทีบี โบรกเกอร์” (ttb broker) ที่จะเข้ามาช่วยรุกตลาดประกันภัยรถยนต์ เพื่อทำให้ลูกค้าที่มีรถยนต์มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นแบบรอบด้าน  

“ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมีเบี้ยประกันภัยราว 286,200 ล้านบาท เป็นการจำหน่ายผ่านนายหน้า 192,000 ล้านบาท คิดเป็น 67% ทีทีบีได้เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจนี้ จึงให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ เป็นกำลังหลักในการบริการลูกค้าด้านประกันวินาศภัย โดยมุ่งเน้นไปที่ประกันภัยรถยนต์ และประกันที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่มีรถยนต์กว่า 2.4 ล้านราย โดยจากข้อมูล พบว่า ในกลุ่มลูกค้าดังกล่าว มีเพียง 336,000 คันที่มีประกันรถยนต์กับธนาคาร หรือคิดเป็นเพียง 15% จึงเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อีกมาก ยังไม่นับโอกาสจากฐานลูกค้าพันธมิตรดีลเลอร์และเต็นท์รถมากกว่า 4,500 แห่ง รวมถึงฐานลูกค้านิติบุคคลอีกราว 15,000 ราย ซึ่งเรามั่นใจว่าการมีฐานลูกค้าจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านราย ประกอบกับจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบ และกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโต จะทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ ก้าวเป็นผู้นำโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย”

 

นายเอกสิทธิ์ ศักดิ์ธนาคร กรรมการผู้จัดการ ทีทีบี โบรกเกอร์ กล่าวว่า ทีทีบี โบรกเกอร์มีเป้าหมายก้าวเป็น Top 3 บริษัทนายหน้าประกันชั้นนำของไทย ซึ่งภายหลังจากการรวมกิจการของทีเอ็มบี และธนาคารธนชาต ทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมียอดเบี้ยประกันที่ 3,900 ล้านบาท เติบโตถึง 35% จากปีที่ผ่านมา 

“ทีทีบี โบรกเกอร์ วางเป้าปี 2571 หรือ 5 ปีข้างหน้า จะมีเบี้ยประกัน 13,200 ล้านบาท หรือเติบโตราว 240% โดยจะถูกขับเคลื่อนผ่าน 5 กลยุทธ์ คือ การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มบริษัท ดีลเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ การขยายฐานลูกค้ากับกลุ่มลูกค้าของธนาคาร การขยายช่องทางขายทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือ Data-Driven และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลและองค์กร”

ทั้งนี้ ทีทีบี โบรกเกอร์สามารถสร้างความได้เปรียบด้วยจุดแข็ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้าน Strategic Partnerships โดยมีพันธมิตรที่เป็นประกันภัยคู่ค้าชั้นนำมากถึง 37 บริษัท มาให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด ด้าน Car Insurance & Specialty Insurance Product ชูผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้รถ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คุ้มครองพิเศษรองรับทั้งลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล เช่น Cyber Insurance, Medical Malpractice Insurance ด้าน ttb  broker platform  ที่เพิ่มโอกาสให้คู่ค้า พันธมิตรสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ทุกที่ทุกเวลา ด้าน Sales Channel ที่ครอบคลุมที่สุดผ่านทุกช่องทางต่าง ๆ ของทีทีบี  ช่องทางทีทีบี โบรกเกอร์ และช่องทางพันธมิตร  ด้าน Customer Service ที่มีทีมงานและระบบที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ และสุดท้าย ด้าน Payment Method ให้ลูกค้าสามารถแบ่งจ่าย 0% นาน 10 เดือนได้ทั้งบัตรเครดิต ttb และรูปแบบเงินสด

 

นางชยรส ลือภูวพิทักษ์กุล หัวหน้าบริหารงานปฏิบัติการ ทีทีบี โบรกเกอร์ กล่าวว่า ทีทีบี โบรกเกอร์ มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ราว 61% ของพอร์ต โดยบริษัทมีความมั่นใจในจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งค่าเบี้ยประกันที่สามารถเจรจาผ่านบริษัทประกันที่มีความสัมพันธ์อันดี และเมื่อรวมพลังกับ ทีทีบี ทำให้มีช่องทางขายที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านสาขาธนาคารกว่า 500 แห่ง แอปทีทีบี ทัช ที่มีผู้ใช้งานกว่า  4.7  ล้านคน และพนักงานสินเชื่อรถยนต์อีกกว่า 1,000  คน ทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทเองยังมีช่องทาง Telesales ที่มีพนักงานมากกว่า 400 คน และช่องทาง ttbbroker.com ทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ เป็นนายหน้าประกันภัยรถยนต์ที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ และมีช่องทางการขายมากที่สุดในตลาด นอกจากนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์หลักที่โดดเด่น ได้แก่ ประกันรถยนต์มอเตอร์ 1 ซิงเกิ้ล เรท จัดเต็ม และ Family Fleet Motor ที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า รวมทั้ง ประกันอะไหล่รถยนต์ ทีทีบี มอเตอร์ วอร์รันตี

“ทีทีบี โบรกเกอร์ จะมาเชื่อมต่อ Car Ecosystem ทำให้ลูกค้าที่มีรถได้รับบริการแบบมืออาชีพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ มั่นใจได้ว่าจะได้ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุดจากโบรกเกอร์ประกันภัยในเครือทีทีบี รวมไปถึงการแบ่งจ่ายหรือผ่อนชำระ และสามารถเลือกบริษัทประกันชั้นนำที่เป็นพันธมิตรได้มากถึง 37 บริษัท”

การบุกตลาดประกันวินาศภัยผ่าน ทีทีบี โบรกเกอร์ ครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ทีทีบี ที่ต้องการให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนมีรถ ซึ่ง ทีทีบี สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตลอดช่วงชีวิตของคนมีรถตั้งแต่ขั้นตอนมองหารถ ซื้อรถ การสมัครสินเชื่อรถ การดูแลรักษารถ จนกระทั่งขายรถ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสร้างจุดแข็งให้ Car Ecosystem กับคนมีรถแบบครบจบในที่เดียว

ครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย LPN จับมือ MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) เปิดประสบการณ์ใหม่ผ่านระบบดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม ด้วยการมอบสิทธิพิเศษผ่านคะแนน MAAI สำหรับลูกค้า และพนักงานเพื่อใช้แลกสินค้าและบริการได้ตามความต้องการ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ความ น่าอยู่

นางสาวมนพัทธ์ ศุภกิจจานุสันติ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาแบรนด์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความน่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 34 ปี กล่าวว่า ปัจจุบัน LPN พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งสิ้นกว่า 140 โครงการ และมีจำนวนลูกบ้านประมาณ 125,000 ครอบครัว โดยในปี 2566 มีกำหนดเปิดโครงการใหม่อีก 17 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ โครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน LPN ยังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่น่าอยู่ (Livable Living Experience) และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ด้วยการมอบสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน จึงร่วมมือกับ MAAI BY KTC ผู้นำเรื่องคะแนนและสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ผ่านระบบการใช้คะแนน MAAI  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้สะดวกสบายมากขึ้น และสามารถเลือกใช้บริการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ กิน ช้อป เที่ยว หรือความพิเศษต่างๆ

นางสาวอุษณีย์​ เลาหะวรนันท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานสื่อสารการตลาดและธุรกิจ MAAI​ BY KTCเคทีซีหรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) คือผู้ให้บริการด้านดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม (Digital Loyalty Platform) แบบครบวงจรในการบริหารจัดการคะแนนสะสม และสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์ ทำให้ MAAI BY KTC สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ด้วยจุดแข็งของการแลกคะแนนที่มีครอบคลุมกว่า 1,800,000 ร้านค้าทั่วประเทศ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ LPN ที่จะต่อยอดและพัฒนาการทำ CRM ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยระบบดิจิตอล ลอยัลตี้ แพลทฟอร์ม โดยมีคะแนน MAAI เป็นเครื่องมือ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน โดยการมอบคะแนนจะเริ่มต้นตั้งแต่การจอง ผ่อนดาวน์ โอน โครงการต่างๆ และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย FB : LPN Connect

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่จอง และโอนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จาก LPN ในระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 – วันที่ 20 ธันวาคม 2566 พบกับโปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ จองปั๊ป...รับมาก MAAI รับทันทีคะแนน MAAI สูงสุดถึง 40,000 คะแนน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)

สำหรับวิธีการใช้คะเเนน MAAI ลูกค้าสามารถดาวน์โหลด และลงทะเบียนบนแอปพลิเคชัน MAAI BY KTC ซึ่งจะสามารถใช้คะเเนน MAAI ที่ได้รับ นำมาแลกสิทธิพิเศษได้ทุกสิทธิ์ที่มีอยู่บนแอปพลิเคชัน ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร /เครื่องดื่ม ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว เติมน้ำมัน และดูหนัง โดยคะแนนที่ได้รับจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  MAAI BY KTC โทรศัพท์ 02 123 5678  หรือ https://www.ktc.co.th/maai/crm

นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ร่วมด้วย หอการค้าจังหวัดสุโขทัย ประชารัฐรักสามัคคีสุโขทัย หจก.ธงชัยวิทยุ และสุโขทัยพัฒนาเมือง ร่วมมอบเงินจำนวน 4 แสนบาท จากการแข่งขันวิ่งการกุศล “TOSHIBA RUN สุโขทัย วิ่งชมอุทยาน สุขสราญ สุโขทัย” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสุโขทัย โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์มาโนช อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ พร้อมทีมแพทย์และพยาบาล เมื่อเร็วๆ นี้

มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL) ชวนมาเตรียมความพร้อมและเก็บความรู้สู่ยุค AI ในงาน AI Engineering & Innovation Summit 2023 ระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคม 2566 ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค (TRUE Digital Park) นำทีมโดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) และ สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์  (AI Engineering Institute  - AIEI)  ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 6 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น

ครั้งแรกแห่งการพบกันครั้งยิ่งใหญ่ของผู้นำด้าน AI Engineering & Innovation จากสหรัฐอเมริกา และ คณะอาจารย์ ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ชั้นนำของประเทศไทย เพื่อหารือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านนวัตกรรมด้าน AI มากมายเราขอเชิญทุกคนมาร่วมกันพบกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญผู้มีความรู้ความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิศวะคอมพิวเตอร์ รวมถึงผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์จากสถาบันชั้นนำต่าง ๆ ที่จะมามอบความรู้ และพูดคุยในประเด็นที่ล้ำสมัยเกี่ยวกับ AI

ภายในงานประกอบไปด้วย AI ทางด้าน Medicine, Engineering Education, Policy & Governance, Creative & Innovation, Finance & Banking, Future of Start-ups และอื่น ๆ อีกมากมาย ความรู้ที่อัดแน่นทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณตามทันเทรนด์ของ AI และเสริมทักษะความรู้เพื่อธุรกิจของคุณ รวมถึงยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รู้จักงานวิจัยจากนักศึกษาสายวิชา AI และ Innovation จากหลากหลายสถาบัน เพื่อให้คุณได้เชื่อมโยงธุรกิจและพูดคุยกับผู้มีความสามารถตามที่องค์กรคุณต้องการได้

สำหรับ Keynotes Speakers และหัวข้อที่น่าสนใจ พร้อมอัปเดตเทรนด์ AI และหัวข้อ Panel Discussion ดังนี้

Keynotes Speakers และหัวข้อที่น่าสนใจ (หมายเหตุ : ทุกกิจกรรมดำเนินด้วยภาษาอังกฤษ)

  1. AI Application & Social Impact:"Leveraging AI Engineering for Societal Challenges" - Prof. Jose M. F. Moura, Philip L. and Marsha Dowd University Professor, Carnegie Mellon University, IEEE & AAAS Fellow, Former president of IEEE
  2. AI & Cyber-Physical System:“Safety of Intelligent Systems Operating in Uncertain and Interactive Environments” - Dr. Yorie Nakahira, Assistant Professor, Electrical and Computer Engineering, Carnegie Mellon University
  3. AI & International Education:"Shaping the Future of International Education" - Dr. Allan E. Goodman, Chief Executive Officer, Institute of International Education
  4. AI Infrastructure:“Accelerated Computing Architecture / Infrastructure Research” - Assoc. Prof. Tze Meng Low, Associate Research Professor, Electrical and Computer Engineering, Carnegie Mellon University
  5. Global AI & Policy– “Understanding the Emerging Trends and Establishing a Pathway Forward” Pam Dixon, Founder & Executive Director, World Privacy Forum and co-chair of United Nations Statistics Data Governance Committee
  6. AI in Creative Innovation:“Designing Human-AI Symbiosis for Cultivating Wonder, Wisdom, and Wellbeing” - Pat Pataranutaporn, Human-AI Interaction Researcher, MIT Media Lab

AI Trends ที่น่าสนใจ

  • Discover the Latest AI & Engineering Trends
  • AI & Real Practical Applications
  • Networking and Access to Leaders
  • New Partnerships & Collaboration
  • Contribute to Shaping Ethical AI Practices

หัวข้อ Panel Discussion

  • AI in Medicine: "AI's Role in Addressing Healthcare Challenges"
  • AI Engineering Education: "Shaping Responsible AI for Society & Sustainability"
  • AI Policy & Governance: “Global AI Policy and Development”
  • AI Creative & Innovation: “Foster Creativity with the Power of AI”
  • AI in Finance & Banking: “How AI is Shaping Up the Banking & Finance Industry?”
  • AI and the Future of Startups: “Opportunities and Challenges in the Future of Startups”
  • AI for Infrastructure & Industrial Automation: “Scalability and Security in AI-Driven Industrial Automation”

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ฟรี https://form.jotform.com/232841624873461   สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ai-engineering-innovation-summit-2023.aiei.ac.th

X

Right Click

No right click