บันยันทรี กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการชั้นนำของโลกที่มีแบรนด์โรงแรมในเครือมากมาย จับมือกับ บริษัท เครสตั้น โฮลดิ้ง จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย เผยโฉม “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” โครงการ Branded Residences ระดับลักชัวรีแห่งแรกของเขาใหญ่ด้วยมูลค่าโครงการรวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่โครงการซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ขนาด 226 ไร่ และมีทะเลสาบขนาด 30 ไร่ใจกลางโครงการ ด้วยทำเลที่โอบล้อมด้วยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ได้รับการประกาศเป็นผืนป่ามรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ทำให้โครงการเป็นที่พักอาศัยที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด เดินหน้าวางแผนเตรียมเปิดตัวพูลวิลล่าขนาด 3 และ 4 ห้องนอนแบบตกแต่งครบครันรวม 21 ยูนิต และคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาด 1, 2 และ 3 ห้องนอนทั้งสิ้น 16 อาคารในเฟสแรก พร้อมมอบเอกสิทธิ์และไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับจากเครือบันยันทรี สองบริษัทประกาศร่วมยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตอันหรูหราเหนือระดับท่ามกลางทิวทัศน์แห่งขุนเขาเขียวชอุ่มและธรรมชาติอันตระการตาหนึ่งเดียวในเมืองไทย

นายโฮ กวงปิง ประธานกรรมการบริษัท บันยันทรี กรุ๊ป เผยว่า “การเปิดตัว บันยันทรี เรสซิเดนซ์ โครงการใหม่ล่าสุดในประเทศไทย นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการอสังหาฯ เราเตรียมนำเสนอที่สุดแห่งที่พักอาศัยเหนือระดับที่จะประกอบด้วยวิลล่าหรู คอนโด ไปจนถึงโรงแรมและ Veya Wellness Resort เพราะเราเข้าใจดีว่า สำหรับใครหลาย ๆ คน บ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักอาศัย แต่บ้านจะต้องสะท้อนความงดงามของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณค่า เราจึงมุ่งมั่นรังสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบหนึ่งเดียวในโลกให้แก่ลูกค้าของเรา”

นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานกรรมการ บริษัท เครสตั้น โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “การผนึกกำลังระหว่างบันยันทรี กรุ๊ป และเครสตั้น โฮลดิ้ง นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีของไทย การพัฒนาโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์​ บนผืนดินที่อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราให้ความสำคัญสูงสุดกับการออกแบบที่สวยงามและกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์โดยรอบ เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับบันยันทรี เครือโรงแรมระดับโลก เพื่อร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ให้ที่อยู่อาศัยระดับมาสเตอร์พีซในเมืองไทย”

ผู้ที่ได้ครอบครองที่อยู่อาศัยในโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ จะได้รับสิทธิประโยชน์เหนือระดับในฐานะเจ้าของผ่านโปรแกรมสมาชิกสุดเอ็กซ์คลูซีฟของเครือบันยันทรี “The Sanctuary Club” ที่มอบเอกสิทธิ์พิเศษและส่วนลดเมื่อเข้ารับบริการในเครือข่ายบันยันทรีทั่วโลก

นายสจ๊วต เรดดิ้ง กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มบริษัทบันยันทรี กล่าวว่า “โครงการ Branded Residences ในเมืองไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถือเป็นพื้นที่เปี่ยมศักยภาพ เป็นทำเลสุดไพรม์สำหรับตลาดในประเทศมาเป็นเวลาหลายปี ด้วยระยะทางที่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 200 กิโลเมตร ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การท่องเที่ยวแนวผจญภัย และอากาศที่บริสุทธิ์ เขาใหญ่ถือเป็นเดสติเนชันการพักผ่อนที่ช่วยให้คนไทยได้หลีกหนีความวุ่นวายของกรุงเทพฯ ตลอดเวลาที่ผ่านมา บันยันทรี ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการคงไว้ซึ่งธรรมชาติอันงดงาม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับพันมิตรในทุก ๆ พื้นที่ที่เราให้บริการ เรายึดมั่นในพันธกิจ 3 ประการ ได้แก่ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างคุณค่าให้แก่สังคม และความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม”

วิลล่าของโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์​ มีทั้งแบบ 3 และ 4 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 60 ล้านบาท มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยภายในขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวพร้อมลานระเบียงกว้างขวางด้านนอก ให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น วิลล่าทุกหลังได้รับการตกแต่งอย่างครบครันและให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจ ด้วยการบริหารจัดการระดับโรงแรม 5 ดาว เจ้าของวิลล่ายังได้รับการสิทธิพิเศษในการเข้าพักโรงแรมในเครือบันยันทรีทั่วโลก พูลวิลล่าได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเงียบสงบเป็นส่วนตัวเพื่อเพิ่มสุนทรียภาพสูงสุดให้กับผู้พักอาศัยโดยเน้นการดีไซน์ที่เปิดรับธรรมชาติด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้หน้าต่างที่สูงโปร่งและประตูกระจกบานเลื่อน ห้องนอนทุกห้องได้รับการออกแบบให้มีสวนส่วนตัว สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ทุกครั้งที่พักผ่อนอยู่ภายใน การออกแบบภายในวิลล่าใช้โทนสีที่เข้ากันกับผืนป่าและทิวทัศน์หุบเขาอันเงียบสงบด้านนอก

 

ขณะที่คอนโดมิเนียมมอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย ที่สุดแห่งการพักผ่อนด้วยทิวทัศน์สุดตระการตาของทิวเขาและทะเลสาบแบบพาโนรามา โดยสามารถเลือกห้องชุดแบบ 1, 2 หรือ 3 ห้องนอน มีขนาดห้องตั้งแต่ 64 - 295 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 15 ล้านบาท ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งแต่สระว่ายน้ำที่ดีไซน์ให้ยื่นออกจากระเบียง พื้นที่ระเบียงกว้างขวางสำหรับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ไปจนถึงสวนส่วนตัวบนดาดฟ้าสำหรับยูนิตเพนต์เฮาส์ คอนโดมิเนียมของโครงการเหมาะสำหรับเป็นบ้านพักอาศัยหรือบ้านพักตากอากาศ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแพ็กเกจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเสริมและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการให้เช่าและการดูแลรักษา

บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ ดีไซน์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และมอบประสบการณ์การพักอาศัยอันเป็นนิยามใหม่แห่งความหรูหรา โดย นายสจ๊วต เรดดิ้ง อธิบายว่า "เราเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ซื้อไว้ลงทุน ไว้เป็นบ้านพักอาศัยหลังที่สอง หรือบ้านพักตากอากาศ ผู้ครอบครองบ้านในโครงการของเราสามารถมั่นใจได้ในมาตรฐานสูงสุดของการอยู่อาศัยภายใต้แบรนด์บันยันทรี เรานำเสนอโครงการเปี่ยมคุณภาพเพื่อการใช้ชีวิตที่ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พร้อมด้วยทีมงานที่ช่วยอำนวยความสะดวกตลอดการอยู่อาศัย ซึ่งมั่นใจได้ว่าเจ้าของโครงการจะสะดวกสบายไปกับการจัดการทรัพย์สินที่ไม่ยุ่งยากควบคู่ไปกับการดูแลโครงการเพื่อการขายต่อที่คุ้มค่าในอนาคต”

นอกจากนี้ เจ้าของโครงการจะได้เอกสิทธิ์ในการเป็นสมาชิก The Sanctuary Club ซึ่งเป็นโปรแกรมซิกเนเจอร์ที่จะมอบสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ส่วนลดพิเศษสำหรับที่พักในเครือบันยันทรีทั่วโลก สิทธิ์ในการจองก่อนใคร การเช็กอินก่อนเวลา การเช็กเอาต์หลังเวลา และการรับเชิญก่อนใครผ่านโปรแกรม Xperential Guest นอกจากนี้เรายังมีทีมงานที่บริการได้ในหลายภาษา และมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับโปรเจกต์ใหม่ ๆ ก่อนใครเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยขึ้นไปอีกขั้น บันยันทรีมุ่งมั่นที่จะผสานไลฟ์สไตล์เหนือระดับให้สอดรับกับธรรมชาติอันงดงามของแต่ละพื้นที่

จุดเด่นของโครงการแห่งนี้ คือทำเลที่ตั้งที่โอบล้อมด้วยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อันสวยงาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก อุทยานฯ เป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าและป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์กว่า 2,000 ตารางกิโลเมตร เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดและกิจกรรมแนวผจญภัยอันน่าตื่นเต้น สภาพอากาศโดยเฉลี่ยที่นี่มีอุณหภูมิเย็นสบายกำลังดีที่ 21°C ตลอดทั้งปี และจะอุ่นขึ้นเล็กน้อยประมาณ 26-27°C ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่เดือนธันวาคมและมกราคมอาจมีอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 10°C ในบริเวณใกล้เคียงมีสนามกอล์ฟให้บริการอยู่สี่แห่งสำหรับผู้ที่รักการเล่นกอล์ฟ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ มากมายให้เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าในเส้นทางอุทยานแห่งชาติ การชมนกหลายสายพันธุ์ หรือจะแวะเวียนไปนั่งคาเฟ่เก๋ ๆ ออกกำลังกายสนุก ๆ ด้วย การเล่นแพดเดิลบอร์ดแบบยืน หรือพายเรือคายัคบนทะเลสาบเครสตัน ฮิลล์ ทั้งหมดนี้ทำได้ที่โครงการฯ ซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 200 กิโลเมตร

โครงการแห่งนี้มีโครงสร้างพื้นฐานครบครัน ทั้งระบบไฟฟ้าใต้ดิน ระบบน้ำประปา ถนน การระบายน้ำ และกล้องวงจรปิด ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อประสบการณ์การอยู่อาศัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมทั้งยังตั้งอยู่ติดกับชุมชนที่มีรั้วรอบขอบชิดอันหรูหราของโครงการบ้าน Creston Hill ด้านทำเลของโครงการยังเดินทางสะดวกด้วยทางด่วนมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้อย่างมาก พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักอาศัยหรือบ้านพักตากอากาศ

บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ ตั้งเป้าผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นชาวไทย รองลงมาเป็นชาวต่างชาติเพราะเขาใหญ่เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะเดสติเนชันการพักผ่อนระดับโลก ทั้งยังสอดคล้องกับแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปี 2566 โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของเขตเมืองที่เพิ่มขึ้น ตามการคาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยใน 6 จังหวัดหลัก รวมถึงนครราชสีมาซึ่งเป็นที่ตั้งของเขาใหญ่จะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นช่วงปี 2566-2568 ด้วยปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะกลับมามีจำนวนเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ภายในปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมาและเขาใหญ่ได้รับแรงหนุนจากบทบาทในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนนมอเตอร์เวย์และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายบ้านพักตากอากาศในอนาคต

โครงการระดับมาสเตอร์พีซแห่งนี้ไม่ได้มอบเพียงที่พักอาศัย แต่ยังมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์อันสมบูรณ์แบบที่ผสมผสานที่สุดแห่งความหรูหรา ธรรมชาติอันงดงาม และชีวิตที่สมดุลลงตัว ด้วยทำเลที่ตั้งใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่สวยงาม ผนวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยอดเยี่ยม โครงการจึงได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้ประเทศไทย ทั้งในวงการอสังหาฯ​ และธุรกิจบริการ การเปิดตัวโครงการในปีนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ด้วยเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยและแนวโน้มของตลาดตอนนี้ โครงการนี้มอบโอกาสในการลงทุนที่ยอดเยี่ยมภายใต้การพัฒนาและบริหารจัดการโดยสองแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรม ในช่วงเวลาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเติบโตขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ จึงถือเป็นโปรเจกต์สำคัญของวงการอสังหาฯ​ ไทย

"เราไม่ได้นำเสนอแค่ที่อยู่อาศัยที่หรูหราเท่านั้น แต่เรายังมอบโอกาสในการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต โครงการของเราสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ และการใช้ชีวิตที่เปี่ยมความหมายท่ามกลางธรรมชาติ" นายชยดิฐ กล่าวทิ้งท้าย

แห่ลงทุนไทย คาดอนาคตไทยจะเป็น HUB ที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลทุกสถานประกอบการมีความต้องการบุคลากรที่มี Skill ภาษาที่ 3 เป็นจำนวนมาก

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) นำทัพสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการท่องเที่ยวผนึกความร่วมมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทย และเวนเจอร์แคปิทัล ชั้นนำของไทย จัด ฟอรั่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum” เดินหน้าลงนามข้อตกลงทางธุรกิจ ผลักดัน Smart Tourism ของเกาหลี เตรียมพร้อมขยายฐานการท่องเที่ยวเกาหลีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายเจมส์ ลี รองประธาน องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเกาหลี-ไทย KTO จึงร่วมกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว  แห่งประเทศไทย (ททท.) และอินโนสเปซ ไทยแลนด์ จัด Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และสร้างฐาน นวัตกรรมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผ่านความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสตาร์ตอัป

Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งหลังจาก KTO ได้ร่วมกับ ททท. กำหนดให้ปี 2566-2567 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างเกาหลีและไทย เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และนำไปสู่การส่งเสริมยูนิคอร์นด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมกันจัดงาน Korea Everywhere มหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลีครั้งยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทย เพื่อฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย โดยชวนคนไทยมาอัปเดตสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในเกาหลีผ่านโลก Metaverse ในแอปพลิเคชัน Zepeto

สำหรับไฮไลต์สำคัญในงาน Korea-Thailand Tourism Startup Cooperation Forum คือ การลงนามข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างเกาหลีและไทย ได้แก่ ข้อตกลงทางธุรกิจสำหรับนวัตกรรมดิจิทัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย ระหว่าง Yanolja สตาร์อัปแพลทฟอร์มด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และข้อตกลงทางธุรกิจเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในเกาหลีผ่านช่องทรู และไลฟ์คอมเมิร์ส ระหว่าง LaLa Station แพลทฟอร์มด้านไลฟ์คอมเมิร์สและอีคอมเมิร์ส และทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและบริการ เช่นการจัดกระบวนการทางธุรกิจของโรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่นการจัดการห้องพัก การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า บริการช่วยทำการตลาด ขยายต่อสู่อีคอมเมิร์ซสำหรับการท่องเที่ยว เป็นต้น รวมไปถึง พัฒนาระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์บนคลาวด์เพื่อช่วยการจัดกระบวนการทางธุรกิจของโรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่นการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า

“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็ว เราเล็งเห็นว่าการระดมทุน และหาพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็น การจัดทำข้อตกลงทางธุรกิจครั้งนี้นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะผลักดัน การท่องเที่ยวแบบ Smart Tourism ของเกาหลีให้เติบโต และเรายังวางแผนที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบ   การท่องเที่ยว และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก” นายเจมส์ ลี กล่าว

นอกจากการลงนามข้อตกลงทางธุรกิจแล้ว ภายในงานฟอรั่มยังได้จัดกิจกรรม K-Tourism Startup IR เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปเกาหลีได้เจรจาหาผู้ร่วมทุน สร้างเครือข่ายธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าด้าน Smart Tourism โดยมีสตาร์ตอัปจากเกาหลี และนักลงทุนจากไทย เช่น CP Group และ K-Bank รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมงาน เช่น ททท. และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว

“การที่องค์กรยักษ์ใหญ่ของไทยมาร่วมกิจกรรม K-Tourism Startup IR เป็นบทพิสูจน์ว่าองค์กรด้านเทคโนโลยี และสตาร์ตอัปด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี มีความน่าสนใจ ซึ่งสตาร์ตอัปบางรายได้มีการเจรจาเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกันแล้ว งานนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้สตาร์ตอัปเกาหลี จากที่เคยเป็นเพียงธุรกิจในประเทศ ปัจจุบันสามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้ และยังคาดว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวของเกาหลีจะสามารถเติบโตเป็นบริษัทระดับโลกได้ในอนาคต” นายเจมส์ ลี กล่าว

นายเจมส์ ลี กล่าวเพิ่มเติมถึงการท่องเที่ยวแบบ Smart Tourism ว่า เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวมิติใหม่ที่เกาหลีพัฒนาขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้บริการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวเกาหลีในปัจจุบันมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลวันที่ 25 กันยายน 2566 พบว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงเดือนกันยายนมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาหลีแล้ว 7.49 ล้านคน เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2562 โดยเป็นนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 260,000 คน โดยมี อัตรา การฟื้นตัว 69% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งถือว่าอยู่ในเชิงบวก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปีนี้ ได้แก่ หอคอยนัมซานในกรุงโซล ป้อมปราการฮวาซองในเมืองซู วอน จังหวัดคยองกี เกาะนามิในจังหวัดคังวอน หมู่บ้านฮันอกในจอนจู และสวนสนุกแทจงแดในพูซาน

“เรามีแผนที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเกาหลีให้มากที่สุด เราตั้งเป้าที่จะขยายฐานการท่องเที่ยวเกาหลีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำหนดให้ปีนี้และปีหน้าเป็น "ปีแห่งการมาเยือนเกาหลี" และได้จัดแคมเปญ "100 กิจกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี" ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมเกาหลี โดยตั้งเป้าว่าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเกาหลี 10 ล้านคน ส่วนในปี 2567 คาดว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวเต็มที่ กลับไปสู่สภาวะก่อนเกิดโควิด  ซึ่งมีนักเที่ยวอยู่ที่ 17.5 ล้านคนต่อปี” นายเจมส์ ลี กล่าว

กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายวิน พรหมแพทย์ (กลาง) CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเวทีสัมมนาเพื่ออัปเดตสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลก พร้อมชี้โอกาสในการต่อยอดความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้กับกลุ่มลูกค้ากรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในหัวข้อ Global Fixed Income Outlook - Bonds are Back? โดยได้รับเกียรติจาก Ms. Tina Adatia (ซ้าย) Executive Vice President, Fixed Income Strategist of PIMCO และ Ms. Clara Ng (ขวา) Vice President, Account Manager of PIMCO มาร่วมแบ่งปันมุมมองการลงทุน พร้อมเจาะลึกสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารต่างประเทศทั่วโลก

โดยความเห็นส่วนหนึ่งของ Ms. Tina Adatia ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดย PIMCO มองว่าเฟดน่าจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะยังคงตรึงไว้ในกรอบเดิมสักระยะหนึ่งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า สำหรับตลาดตราสารหนี้ มีการปรับขึ้น Yield ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันตราสารหนี้สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับตราสารทุนที่ 5-7% โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงจนเกินไป เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าสะสมตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพสูง และลงทุนในจังหวะช่วงที่เฟดใกล้จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว

ปูนลูกดิ่ง และปูนจิงโจ้ โดยบริษัท ควิกโคท โปรดักส์ จำกัด ไม่นิ่งนอนใจ

เดินเกมรุกชูดีไซน์แฟชั่นระดับไฮเอนด์พร้อมเทคโนโลยียกระดับไลฟ์สไตล์สมาร์ทกว่าเคย

ฟรี! บัตรแรบบิทคอลเลกชันพิเศษพร้อม Top Up ในบัตร 200 บาท

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจ 6 เดือนแรก ปี 2566

X

Right Click

No right click