บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ผนึกกำลังกับ 17 พันธมิตรภาคเอกชน และธนาคาร ส่งแคมเปญแรงโปรโมชันดี ‘สิงโต นำโปร’ เพื่อส่งต่อสิทธิประโยชน์สูงสุด อาทิ อยู่ฟรี 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 0.7% หรือผ่อนล้านละ 3,000 บาท* วงเงินกู้สูงสุด 110%* สูงสุด ให้แก่ลูกค้าใหม่ 18 โครงการบ้านและคอนโดฯ จาก CP LAND หวังกระตุ้นยอดขายในช่วงที่เหลือของปี 2566 และโกยรายได้เกินเป้าทะลุ 1,350 ล้านบาท

นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดโครงการ บริการหลังการขายและลูกค้าสัมพันธ์ CP LAND เปิดเผยว่า แคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง CP LAND กับ 17 พันธมิตรภาคเอกชน ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารยูโอบี (UOB) ธนาคารออมสิน (GSB) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHB) โซลาร์ ดี (Solar D) ฟิกซ์ (FIXX) วีฟิกซ์ (vFIX) อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) บริการอินเด็กซ์ โฮม เซอร์วิส (Index Home Service) โรงแรมในเครือฟอร์จูน กรุ๊ป (Fortune Hotel Group) และ 7-11 Delivery ที่ผนึกกำลังเพื่อส่งต่อสิทธิประโยชน์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้าใหม่ของ 18 โครงการบ้านและคอนโดฯ จาก CP LAND ทั่วประเทศ เริ่มที่ 1.2 - 4.4 ล้านบาท

CP LAND มีเป้าหมาย คือ การเป็นอันดับหนึ่งของผู้นำอสังหาริมทรัพย์ในส่วนภูมิภาค ตามแผนการพัฒนาธุรกิจใน 10 ปี (ระหว่างปี 2566 - 2575) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการจัดแคมเปญการตลาด โดยเริ่มจากช่วงปลายปี 2565 ที่มีการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา ‘ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ’ นำแสดงโดย สิงโต นำโชค ศิลปินนักร้องชื่อดัง มียอดวิวกว่า 23 ล้านเพจวิว ต่อด้วยการจัด 5 อีเวนต์ใหญ่ ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2566 ผ่านแคมเปญ ‘CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่’ ที่ขนทัพคาราวานส่งความสุขทั่วไทย ซึ่งทั้ง 2 แคมเปญนี้ดันรายได้รวมทะลุกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว ในช่วงสิ้นปีที่เหลืออยู่นี้ CP LAND เดินหน้าลุยต่อโดยการวางกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายตลาดด้วยการสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับ 17 พันธมิตรภาคเอกชน ผ่านแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ คาดยอดจองกว่า 150 ยูนิต และทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 350 ล้านบาท รวมยอดเกินเป้าหมายทะลุ 1,350 ล้านบาท

แคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ คือ การสร้างความเชื่อมั่น และมอบสิทธิประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าใหม่จาก 18 โครงการบ้านและคอนโดฯ ของ CP LAND เช่น อยู่ฟรี 12 เดือน, อัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 0.7% หรือผ่อนล้านละ 3,000 บาท, วงเงินกู้สูงสุด 110%* จากธนาคารพันธมิตร, ส่วนลดสูงสุด 10% ในการซื้อหลังคาโซลาร์เซลล์จาก Solar D, ส่วนลด 10% บริการขนย้ายจาก Index Home Service, ส่วนลดพิเศษ Customized Furniture เฉพาะจาก Index Living Mall, รับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาทจาก vFIX ทีมช่างมือ 1 ด้านการปรับปรุง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม และการแก้ปัญหาเรื่องบ้านอย่างมืออาชีพ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และบริการรถสไลด์ จาก FIXX รวมถึง Gift Voucher มูลค่า 2,500 บาท จากโรงแรมในเครือฟอร์จูน กรุ๊ป และ Code ส่วนลด จาก 7-11 Delivery

กลยุทธ์ความร่วมมือในครั้งนี้ CP LAND ออกแคมเปญโปรโมชัน ‘สิงโต นำโปร’ มาเพื่อเจาะฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ กลุ่มลูกค้าของพันธมิตร รวมถึงผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ แต่มีทุนทรัพย์จำกัดด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ CP LAND ยังเล็งเห็นว่าแคมเปญนี้สามารถลดภาระในการกู้ได้ หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จาก 2.00 เป็น 2.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันทีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นายดำรงศักดิ์ กล่าวเสริม

นายสันติ ศรีชวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท โซลาร์ ดี คอร์ปอเรชัน จำกัด (Solar D) กล่าวถึงการจับมือในครั้งนี้ว่า Solar D พร้อมสนับสนุนแคมเปญนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งหวังอยากช่วยลูกบ้านของ CP LAND รวมถึงคนไทยทุกคนลดภาระค่าไฟฟ้า โดยบริษัทฯ จะมอบส่วนลด 10% ในการซื้อหลังคาโซลาร์เซลล์ 4kW ขึ้นไป และ Tesla Powerwall 2 ยูนิต จากปกติ 1.19 ล้านบาท เหลือเพียง 1.1 ล้านบาท

นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ CP LAND ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ Index Living Mall จะร่วมมอบสิทธิพิเศษให้กับคนรักบ้าน ในฐานะผู้นำเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง และบริการครบวงจรเรื่องบ้าน ด้วยการส่งมอบความสุขผ่านแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ กับสิทธิพิเศษจาก Index Home Service เช่น รับส่วนลดทันที 10% กับบริการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ถอด ประกอบ พร้อมติดตั้ง, รับส่วนลดเพิ่ม 3,000 บาท กับ “Younique Customized Furniture” เมื่อช้อปทุก ๆ 100,000* บาท ฟรี! ดีไซเนอร์ผู้ช่วยส่วนตัวในการออกแบบห้องเสมือนจริง พร้อมตกแต่งภายในให้บ้านคุณสวยตามต้องการ, รับส่วนลดสูงสุด 300 บาท กับบริการตรวจรับบ้านและคอนโดโดยวิศวกรมืออาชีพ พร้อมทีมดีไซเนอร์ให้คำปรึกษาฟรี!  และรับส่วนลดสูงสุด 400 บาท สำหรับบริการล้างแอร์ฯ   ทุกประเภทแบบฆ่าเชื้อโรค รวมถึงมอบส่วนลด 10% เมื่อรับบริการติดตั้งประตูบานเลื่อนภายในบ้าน และฉากกั้นส่วนอาบน้ำ โดยสามารถรับคำปรึกษาบริการต่าง ๆ ได้ฟรี! หรือติดต่อรับบริการเรื่องบ้านต่าง ๆ จาก Index Home Service ที่ Line ID : @indexservice โทร 1379 กด 2

นางสาวศิริลักษณ์ จันทร ผู้อำนวยการฝ่ายวีฟิกซ์ (vFIX) บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงความร่วมมือกับ CP LAND ว่า vFIX ในฐานะของทีมช่างมือ 1 ครบจบเรื่องบ้านให้บริการปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้ง ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นบริการเสริมภายใต้แบรนด์ไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ CP LAND ในแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ โปรโมชันดี ๆ เพราะวีฟิกซ์มองเห็นโอกาสต่อยอดและพัฒนาทางธุรกิจในเชิงการเติมเต็มซึ่งกันและกัน จึงขอมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า CP LAND อาทิ ส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท* เมื่อซื้องานบริการติดตั้งและต่อเติมบ้าน, บริการสำรวจ เมื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์, ส่วนลด 5% เมื่อซื้อบริการต่อเติมโรงจอดรถ, ส่วนลดสูงสุด 10% ในการปรับปรุงห้อง (Renovate) พร้อมรับบริการออกแบบให้ฟรี, ติดตั้งผ้าม่านสั่งตัด รับส่วนลดสูงสุด 50% เมื่อซื้อบริการ 15,000  บาทขึ้นไป, ติดตั้งแอร์ 2 เครื่อง* รับคูปองล้างแอร์ 1 เครื่อง ฟรี 1 ครั้ง โดยต้องเป็นเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type ขนาดไม่เกิน 24,000 BTU

นายพีรพงษ์ ชูเกียรติขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคร์ฟอร์คาร์ จำกัด ในฐานะผู้บริหาร FIXX กล่าวว่า FIXX ร่วมกับ CP LAND มอบสิทธิพิเศษในแคมเปญ 'สิงโต นําโปร’ กับแพ็กเกจบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (ERS) ไม่จํากัดจํานวนครั้งและบริการรถสไลด์ (ยกทั้งคัน) 1 ครั้งให้ฟรี คุ้มครองถึง 31 ตุลาคม 2566 เพียงส่งโค้ด CPL16XFIXXROADSIDE เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ทาง LINE @fixx.th

FIXX เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับรถยนต์ ตัวช่วยในการค้นหาร้านค้าหรืออู่ ซื้อสินค้าและบริการด้านยานยนต์ในราคาพิเศษ พร้อมจองคิวบริการล่วงหน้า และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรที่ได้มาตรฐานและครอบคลุมหลายพื้นที่ เช่น FIT Auto และปรึกษาปัญหารถยนต์ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่เบอร์ 02-114-3339

นอกจากนี้ คุณสิงโต นำโชค ศิลปินนักร้องชื่อดังในฐานะนักแสดงภาพยนตร์โฆษณา ‘ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ’ โฆษณาชิ้นแรกของ CP LAND ได้กล่าวเชิญชวนเข้าร่วมแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ ว่า ผมยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่ทาง CP LAND ให้ความไว้วางใจในการเลือกผมเป็นทั้งนักแสดงภาพยนตร์โฆษณา ผู้นำทัพแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ตลอดจนถึงตอนนี้กับแคมเปญโปรโมชัน ‘สิงโต นำโปร’ ผมจึงอยากเชิญชวนทุกท่านให้มาเข้าร่วมแคมเปญนี้ ซื้อโครงการบนทำเลคุณภาพดีจาก CP LAND กันครับ

โดย 18 โครงการบ้านและคอนโดฯ จาก CP LAND ทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ เริ่มต้นที่ 1.2 - 4.4 ล้านบาท มีดังนี้

  • ภาคเหนือ 3 แห่ง ได้แก่ กัลปพฤกษ์ แกรนด์พาร์ค เชียงราย, กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส พิษณุโลก, พาร์ค คอนโดดรีม แม่สอด
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง ได้แก่ กัลปพฤกษ์ แกรนด์ พาร์ค อุดรธานี, กัลปพฤกษ์ แกรนด์ อุบลราชธานี, กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส สกลนคร, กัลปพฤกษ์ มหาสารคาม (เฟส 2), เดอะ คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่, พาร์ค คอนโด ดรีม บุรีรัมย์, พาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา
  • ภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก 6 แห่ง ได้แก่ ทัสคานี มีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37 (เฟส 4-8) ,พาร์ค คอนโด ดรีม กาญจนบุรี, พาร์ค คอนโด ดรีม ปราจีนบุรี, พาร์ค คอนโด ดรีม พิษณุโลก, เดอะ คอร์ทยาร์ด ระยอง, เอส คอนโด สมุทรสาคร
  • ภาคใต้ 2 แห่ง ได้แก่ กัลปพฤกษ์ แกรนด์ สุราษฎร์ธานี, พาร์ค คอนโดดรีม ตรัง

สนใจเข้าร่วมแคมเปญ ‘สิงโต นำโปร’ สามารถติดต่อที่สำนักงานขายของ CP LAND ได้ทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-088-0999, Facebook: CP LAND Property, Instagram: CPLAND.Official, YouTube: CP LAND, TikTok: CP LAND Property และเว็บไซต์ www.CPLAND.co.th หรือ www.CPLANDProperty.com

รายละเอียดโปรโมชัน ‘สิงโต นำโปร’ จาก 17 พันธมิตรภาคเอกชน – ธนาคาร


*หมายเหตุ : เงื่อนไขของส่วนลดและโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทฯ และ/หรือของพันธมิตรกำหนดเท่านั้น

ทิพยประกันภัย ร่วมสนับสนุนงานการกุศลเพื่อระดมทุนครั้งใหญ่  “Hope for Hunger Charity Night: Talks and Concert" จัดโดย สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อระดมทุนช่วยเหลือให้กับผู้คนกว่า 23 ล้านคนในประเทศเอธิโอเปีย เคนย่า และโซมาเลีย ที่กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารและขาดแคลนแหล่งน้ำอย่างหนัก ซึ่งมีเด็กจำนวนมากตกอยู่ในภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากภาวะโลกร้อนในทวีปแอฟริกา

โดยมี ดร. พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมงานแถลงข่าวการจัดงาน ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อนวัตกรรมดิจิทัลล้ำยุคอย่าง AI ถูกนำมาใช้โดยหน่วยงานภาครัฐและอุตสาหกรรมต่างๆ กันมากขึ้น การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้มาใช้งานในหลากหลายรูปแบบ นำไปสู่ประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดยิ่งขึ้นสำหรับภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันยังก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางดิจิทัล และกลายเป็นกุญแจหลักในการขับเคลื่อนและบ่งชี้การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต คำถามที่ตามมาคือ นวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกบ้าง และประเทศไทยพร้อมจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีเหล่านี้หรือยัง

ภายในงานสัมมนาหัวข้อ “การขับเคลื่อนอนาคตของประเทศไทยด้วยนวัตกรรม” (Innovation Driving Thai for the New Future) เมื่อเร็วๆ นี้ นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนวัตกรรมที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนอนาคตของประเทศไทยว่า “จากผลวิจัยโดยองค์กรอิสระด้านการวิจัย เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่าภาคอุตสาหกรรม เช่น สุขภาพ การศึกษา การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน และการธนาคาร จะได้รับประโยชน์มหาศาลจากนวัตกรรมอย่าง AI ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มอีกกว่า 2.6 ถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐให้กับจีดีพีโลก ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมต่อนวัตกรรมเหล่านี้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศยิ่งขึ้น หลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ได้บูรณาการ AI เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของประเทศให้ใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพทางการผลิตที่เพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับการส่งเสริมการเติบโตในด้านใหม่ๆ ให้กับประเทศ และประเทศไทยก็สามารถเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและผู้ผลิตเทคโนโลยีระดับสูงในภูมิภาคนี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากประเทศที่ต้องการบรรลุเป้าหมายไปสู่ยุคอัจฉริยะแห่งอนาคต สิ่งแรกที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญคือ กระบวนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีและบุคลากร ทั้งนี้ แม้ว่าสังคมไทยจะเปิดรับการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ แต่ประเทศไทยกลับมีบริษัทและสำนักงานเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว”    

จากรายงานสมุดปกขาวเกี่ยวกับบุคลากรทางด้านดิจิทัลของประเทศไทย ประจำปี 2565 (Thailand National Digital Talent White Paper 2022) พบว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนชาวไทยในโลกดิจิทัลมีอัตราสูงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเห็นได้จากความสำเร็จของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่างๆ รวมไปถึงความนิยมในการใช้งานโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม มีประชากรเพียง 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำงานหรือในสถานที่ทำงาน และมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถสร้างเครื่องมือดิจิทัลได้เองหรือสามารถพัฒนา use case ใหม่ๆ ได้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังคงห่างจากเกณฑ์มาตรฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่มาก ดังนั้น จะเห็นได้ว่าภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย รวมถึงบุคลากรของประเทศยังต้องการการพัฒนาศักยภาพอีกมาก ในส่วนของเทคโนโลยี AI จากข้อมูลสถิติระดับโลกพบว่า ผู้ใช้งาน AI สามารถสร้างรายได้โดยเฉลี่ยปีละ 5,000 ถึง 10,000 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ผู้สร้าง AI สร้างรายได้ที่สูงกว่ามาก โดยเฉลี่ยปีละ 30,000 ถึง 40,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ เทคโนโลยีนวัตกรรมอื่นๆ เช่น 5G และคลาวด์ มีจำนวน use case ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการในหลากหลายอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ยังช่วยลดต้นทุนด้านการดำเนินงานได้มหาศาล พร้อมๆ กับช่วยให้หลายๆ ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าทุกประเทศจำเป็นต้องมีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีที่คล่องตัวและสอดประสานกัน เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านแบบอัจฉริยะที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แต่การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่มากขึ้นระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการลงทุนในระบบนิเวศด้านดิจิทัล และการบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัลให้กับประเทศ

นายเดวิด หลี่ อธิบายเพิ่มเติมว่า “หัวเว่ยได้กำหนดปัจจัยหลัก 4 ประการเพื่อสนับสนุนประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอัจฉริยะแห่งอนาคต ประกอบด้วย ข้อมูล ระบบโครงสร้างพื้นฐาน อีโคซิสเต็ม และบุคลากร เรามุ่งพัฒนาทั้งสี่ปัจจัยนี้ด้วยการลงทุนเพื่อปรับปรุงกระบวนการรวบรวมข้อมูลและระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลแบบบูรณาการ ผ่านการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมข้อมูลและเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทย นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมุ่งสนับสนุนอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลของประเทศไทย ด้วยการผนึกกำลังกับสตาร์ทอัพด้านดิจิทัลกว่า 100 บริษัท และพันธมิตรด้านเทคโนโลยีคลาวด์ในประเทศอีกกว่า 300 แห่ง รวมถึงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัลในอนาคตให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ เรามองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อประเทศต้องการที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาในอนาคตผ่านนวัตกรรม ทั้งนี้ จากโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่เราดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการฝึกอบรมบุคลากรทางด้านดิจิทัลไปแล้วกว่า 70,000 คน และวางแผนที่จะบ่มเพาะนักพัฒนาซอฟท์แวร์ในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ เพิ่มอีก 20,000 คน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านบุคลากรดิจิทัลของภูมิภาคในอนาคต”            

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีไอซีทีที่มีประสบการณ์กว่า 24 ปีในไทย หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดให้กับไทย พร้อมกับการบ่มเพาะบุคลากรทางด้านดิจิทัลและการลงทุนในศูนย์ข้อมูลภายในประเทศ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากการผนึกกำลังร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภายในท้องถิ่น หัวเว่ยประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ “Pangu AI Model” ที่สามารถนำมาบูรณาการเข้ากับโมเดลพยากรณ์อากาศ โดยความร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยา โมเดล ‘Pangu Meteorology’ หรือ โซลูชัน ผานกู่ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความแม่นยำมากกว่าเทคโนโลยีการพยากรณ์อากาศแบบดั้งเดิมถึง 20% ช่วยให้เตรียมความพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงได้ดียิ่งขึ้น และลดความสูญเสียลงได้มาก      

นายเดวิด หลี่ กล่าวสรุปว่า “หัวเว่ย จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย สอดรับกับความตั้งใจของรัฐบาลไทย นอกเหนือจากโครงการที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนแล้ว เราเชื่อว่าการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านนโยบายและการลงทุน จะนำไปสู่การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีอันแข็งแกร่ง ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความอัจฉริยะและเอื้อประโยชน์ในการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมและสังคมดิจิทัลของประเทศไทย และมีความตั้งใจเสมอมาที่จะสนับสนุนประเทศชาติในการบรรลุศักยภาพทางด้านดิจิทัล สอดคล้องกับพันธกิจของเราในการเดินหน้าสร้างคุณค่าและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์”                      

เอสซีจี โดย นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ - การบริหารกลาง เอสซีจี รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน “ดีเด่น” ประจำปี 2566 จาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากความทุ่มเทในการบริหารจัดการความเสี่ยงสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า การส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในองค์กรและลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมตามแนวทาง ESG 4 Plus

รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอสซีจีในการดำเนินการตามแนวทาง ESG 4 Plus “มุ่ง Net Zero  –  Go Green  –  Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ” โดยมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล ด้วยกรอบการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Framework) และการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence Process Guideline) ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า ที่ได้ทบทวนการประเมินความเสี่ยงสิทธิมนุษยชนร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา สำหรับการกำกับ ดูแลสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่คุณค่า มีการทบทวนกรอบการดำเนินงานด้านการจัดหาอย่างยั่งยืน และเกณฑ์การตรวจประเมินให้ครอบคลุมประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงพัฒนาระบบ “Supplier Portal” การส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของบุคคล สร้างบรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ต่อยอดความคิดบนความแตกต่าง ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกัน และลดเหลื่อมล้ำ สร้างอาชีพ เช่น อาชีพช่างปรับปรุงบ้าน พนักงานขับรถบรรทุก การเสริมความรู้ด้านธุรกิจ การตลาดให้กับชุมชนในโครงการพลังชุมชน และให้ทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศผ่านโครงการ SCG Sharing The Dream และ Learn to Earn และการส่งเสริมสุขภาวะ

สำหรับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบให้กับองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม และภาคประชาสังคม ที่มีความโดดเด่นในการนำหลักสิทธิมนุษยชนไปเป็นพื้นฐานการดำเนินงานและสามารถเป็นต้นแบบให้องค์กรอื่น ๆ

พร้อมพบปะหารือหน่วยงานภาครัฐและลูกค้าใน สปป.ลาว สนับสนุนการค้าการลงทุน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

พร้อมกิจกรรมพิเศษร่วมลุ้นบัตรคอนเสิร์ตWHAT THE DUCK FAMILY & FRIENDS PARTY” และอื่นๆ อีกมากมาย

พื้นที่ 4,200 ตารางเมตรนี้ ทุ่มเทให้กับการสืบทอดมรดกและการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อ ‘คว้าโอกาสที่จะนำไปสู่การเริ่มต้น’ และสร้างสรรค์อนาคตแห่งความงาม

บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (SAHA FARMS) ผู้ผลิตและส่งออกไก่สด ไก่แช่แข็งรายใหญ่ของไทย นำโดย ดร.มนูญศรี โชติเทวัญ ประธานคณะบริหาร บริษัทฯ นำทีมคณะผู้บริหารระดับสูงสหฟาร์ม ให้การต้อนรับคณะรัฐบาลมาเลเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในโอกาสเข้าร่วมพบปะสำนักคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมชมกระบวนการผลิตโรงงานสหฟาร์ม จังหวัด ลพบุรี

ตอกย้ำความสัมพันธ์ในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจที่มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น โดยการมาเยือนของรัฐบาลมาเลเซียในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่สหฟาร์มได้ร่วมหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในธุรกิจระหว่างกัน และสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าในทุกมิติ โอกาสนี้ Datuk Dr. Haji Mohd. Arifin Bin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมคณะแห่งซาบาห์ ร่วมด้วย Dato Abd Aziz Bin Jamaluddin (Chairman of Panya Farms)

ยังได้ชื่นชมวิสัยทัศน์และการบริหาร ของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ ในการขับเคลื่อนสหฟาร์มพร้อมสร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกมาอย่างยาวนาน

นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า กรมเจ้าท่า และ นายพัฒนา ณ สงขลา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 3 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการท่าเทียบเรืออัจฉริยะและระบบติดตามเรือท่องเที่ยว เพื่อมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทางน้ำ (SMART PIER PROJECT) ณ ห้องประชุมวิสูตรสาครดิษฐ์ อาคาร  162 ปี กรมเจ้าท่า เพื่อการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวทางน้ำของประเทศ ด้วยการพัฒนาระบบบริหารจัดการท่าเทียบเรือที่เป็นมาตรฐานสากลผ่านเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการเชื่อมต่อสัญญาณจากโครงข่ายโทรคมนาคมของ NT ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาโครงสร้างแพลตฟอร์มท่าเทียบเรืออัจฉริยะและระบบติดตามเรือท่องเที่ยว ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและจำนวนนักท่องเที่ยวในเรือท่องเที่ยวแต่ละลำ ในการใช้ระบุตัวตน คัดกรอง ตรวจสอบ ติดตาม แจ้งเตือน และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีเกิดอุบัติภัย รวมถึงการสร้างหรือปรับปรุงท่าเทียบเรืออัจฉริยะต้นแบบด้วยระบบอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานสมบูรณ์ครบถ้วน รองรับการเข้าเทียบท่าของเรือท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย 

นอกจากนี้ยังครอบคลุมการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเรือ ท่าเทียบเรือ สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนท่าเทียบเรือ เส้นทางเดินเรือ ผู้ประกอบการ และจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งกรมเจ้าท่าจะได้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับกำหนดนโยบาย  และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำต่อไป

กรุงเทพประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตร บลจ.บัวหลวง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดงานสัมมนาวางแผนการเงิน เปิดมุมมองสู่อนาคต ภายใต้แนวคิด “Healthy, Wealthy and Happy Retirement” สนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพดี มีความมั่งคั่ง และ มีความสุขในวัยเกษียณ นำโดย นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายยูทากะ สึโบอิ กรรมการและที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้แทนประจำประเทศไทย บริษัท นิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด ร่วมกับ นาย พีรพงศ์  จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง และ นายดาเนียล คาสเนอร์ Chief Transformation Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง

ภายในงานพบกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขา ร่วมให้สาระและความรู้ที่น่าสนใจ อาทิ มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน การดูแลสุขภาพให้อายุยืนยาวและเทคโนโลยีในการรักษาสมัยใหม่ การตลาดสำหรับสังคมสูงวัย รวมไปถึงวิทยากรร่วมอาชีพ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์  รวมถึงกิจกรรม workshop และการสื่อสารกลยุทธ์สำคัญในการทำงานโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท พร้อมติดปีกเสริมศักยภาพผู้บริหารฝ่ายขายระดับสูง ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินกรุงเทพประกันชีวิตกว่า 200 คนที่มาร่วมงาน ให้พร้อมทะยานสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จร่วมกัน ณ โรงแรม มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ  เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click