เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หนุนชุมชนยั่งยืน

ดร.พลรัตน์ เอกโยคยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการขายและการตลาด 2  คุณณัฐพล อังควานิช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น คุณสุรเชฏฐ์ พรพิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจบริการยานยนต์ และคุณสุวิทย์ อิ่มใจ ผู้จัดการส่วนการตลาดและพัฒนาธุรกิจบริการยานยนต์ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดแคมเปญ “โปรเด็ดท้ายปี ช่างดีต่อใจ” ที่พร้อมดูแลทุกการเดินทางด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญบริการจากใจไปกับศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto

ทิพยประกันภัย ส่งโปรโมชัน “ดีต่อใจดีต่อบ้าน” เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าว เพื่อมอบความอุ่นใจไร้กังวลด้วยประกันภัยที่อยู่อาศัย คุ้มครองครบทุกความต้องการ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า น้ำท่วม ระเบิด ภัยเนื่องจากน้ำ ลูกเห็บ ลมพายุ แผ่นดินไหว การประท้วง รวมถึงความคุ้มครองอื่น ๆ เช่น การโจรกรรม ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เงินชดเชยค่าที่พักอาศัยชั่วคราว และกรณีไฟฟ้าดับ ให้บ้านและคอนโดของคุณปลอดภัยในทุกเวลา  ความคุ้มครองสูงสุดถึง 800,000 บาท นาน 30 วัน ฟรี  เมื่อมียอดชำระครบ 8,000 บาทขึ้นไปที่ FIT Auto

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันอื่นๆ อีกมากมายจาก FIT Auto อาทิ น้ำมันเครื่องราคาพิเศษ เริ่มต้น 720 บาท ซื้อยางรถยนต์ 3 เส้น ฟรี 1 เส้น พร้อมโปรแกรมดูแลยาง FIT Care ฟรี สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก Blue Card รับคะแนนสะสม 2 เท่า คูปองเปลี่ยน-ถ่าย และเติมลมยางไนโตรเจนไม่จำกัด 2 ปี ราคาพิเศษเพียง 1 บาท ที่แอปพลิเคชัน xplORe สิทธิพิเศษบริการดูดฝุ่นและทำความสะอาดภายในรถยนต์ที่ Wizard

พบโปรโมชันคุ้มค่าและดีต่อใจ ที่ศูนย์บริการฯ FIT Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม  – 31 ธันวาคม 2566  สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.pttfitauto.com/th/promotions หรือโทร 1365 กด 17

เลือกเรียนวิชาเสริมได้หลากหลายตามใจชอบ เน้นเพิ่ม Multi Skill เสริมแกร่งให้กับ นศ. รองรับ Second Job เทรนด์การทำงานยุคใหม่

มุ่งรักษาระบบนิเวศทางทะเลเพื่อความยั่งยืน สอดคล้องกับภารกิจองค์กรตั้งเป้าคาร์บอนเป็นศูนย์

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการและถือหุ้นในสัดส่วน 75% ของ PT. Home Credit Indonesia (Home Credit Indonesia) ซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน PT Adira Dinamika Multi Finance, Tbk (Adira Finance) บริษัทในเครือ Bank Danamon หนึ่งในสมาชิกของ MUFG ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 9.83% ของ Home Credit Indonesia ด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้กรุงศรีเติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาค (Regional Bank) และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ตามแผนธุรกิจระยะกลางของกรุงศรีที่ต้องการขยายและสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรียังคงขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าในอาเซียน ซึ่งจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ครั้งนี้ ทำให้มีธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นประเทศล่าสุด และยังมีสำนักงานตัวแทนซึ่งตั้งอยู่ในเมียนมาด้วย นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งของกรุงศรีในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาคอาเซียนให้ชัดเจนขึ้น”

“อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.0% ต่อปีในช่วง 5 ปีนับจากนี้ อีกทั้งยังมีอัตราการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Home Credit Indonesia นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียมาเป็นเวลาราว 10 ปี ปัจจุบันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 17 ล้านรายและฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านราย โดยหลังจากนี้ เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและกรุงศรีจะใช้ความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและการบริหารจัดการความเสี่ยงในการขยายเครือข่ายพันธมิตรใหม่ ๆ สร้างความเติบโตให้กับฐานลูกค้า รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น” นายยามาโตะ กล่าวเพิ่มเติม

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ในครั้งนี้ สำหรับ Adira Finance  นี่คือก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการผสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง Adira Finance และบริษัทในเครือ MUFG ในการนำเสนอบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ” Dewa Made Susila, President Director, Adira Finance กล่าว

“สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและความแข็งแกร่งของ Home Credit Indonesia นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 Home Credit ได้นำเสนอบริการทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและหลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ และความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการรายหลัก และลูกค้านั้นได้ส่งผลให้เกิดอิโคซิสเต็มส์ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ น่าเชื่อถือ และมีราคาที่เหมาะสม” Animesh Narang, Chief Executive Officer, Home Credit Indonesia กล่าว

มุ่งแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตอบโจทย์นโยบายนายกฯ เศรษฐา เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน

บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ผสานความร่วมมือกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เครือข่ายบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา และ ภาคเอกชน ดำเนินโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากจุดเริ่มต้นของโครงการ ในปี พ.ศ.2559 ภายใต้การทำงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการร่วมกันพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ของชุมชนในชนบท โดยมี บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ผสานความร่วมมือกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เครือข่ายบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม ทั่วประเทศ ภาคีเครือข่ายสถาบันการศึกษา ผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าขาวม้าทอมือ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทั่วประเทศ ที่ริเริ่มโครงการโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะกรรมการ โครงการ ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ที่เป็นผู้ริเริ่มและหัวเรือหลักในการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้น และเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้ชุมชนสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง สร้างความภาคภูมิใจในการสืบสาน และต่อยอดหัตถกรรมพื้นบ้านให้เกิดความยั่งยืน

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานคณะกรรมการโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย กล่าวว่า งาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ครั้งนี้นับเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และในปีนี้มีความพิเศษกว่าปีก่อนๆ โดยกิจกรรมของเราได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน Sustainability Expo 2023 (SX 2023)  มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นมหกรรมด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”  โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย และ “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” คือการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของผ้าขาวม้าในเชิงศิลปวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เฟ้นหาอัตลักษณ์ของผ้าขาวม้าจากชุมชนต่างๆ และเสริมสร้างผ้าขาวม้าทอมือให้มีความโดดเด่นพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าขาวม้าให้มีความหลากหลายและตรงต่อความต้องการของตลาดเพื่อสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการอนุรักษ์ มรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) ที่มีคุณค่าจากฝีมือของมนุษย์ อาทิ การนำเส้นใยและสีธรรมชาติมาใช้กับการย้อมผ้าขาวม้า และการรวมพลังคนรุ่นใหม่ของ Creative Young Designer ให้มาร่วมสร้างสรรค์ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งนอกจากต่อยอดความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า ของใช้ ของที่ระลึก ของชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัยแล้ว ยังมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมผ้าขาวม้าทอมือ เพิ่มศักยภาพ การผลิตและต่อยอดทางธุรกิจให้แก่ชุมชนผ้าขาวม้า ด้วยแนวคิดในการออกแบบใหม่ๆ ผ่านการดูแลและให้คำปรึกษา (Coaching) และทำงานร่วมกับชุมชนก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม ทั้งนี้ชุมชนจะได้รับผลิตภัณฑ์ต้นแบบนำไปต่อยอดด้านการตลาด รวมไปถึง  สโมรสรฟุตบอลหลายแห่งที่ได้ร่วมสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือมาประกอบเป็นสินค้าที่ระลึกของสโมสร ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในชุมชนมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ โครงการ ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยมีส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ้าขาวม้าทอมือ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยประสบความสำเร็จ ใน 5 มิติหลัก คือ 1) การสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ้าขาวม้าทอมือ 2) การสร้างเครือข่ายภาควิชาการและภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนชุมชนในการสั่งซื้อ ให้ความรู้เชิงธุรกิจ และการออกแบบ  3) การสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน 4) การสานต่องานผลิตและแปรรูปผ้าขาวม้าสู่คนรุ่นใหม่ และ 5) การสร้างห่วงโซ่การผลิตผ้าขาวม้าทอมือที่เข้มแข็งมีความเกื้อกูลกันระหว่างชุมชน นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ  จากจุดเริ่มต้นเพียง 2 ชุมชน 2 มหาวิทยาลัย ในปี 2562 ไปสู่ 18 ชุมชน 16 สถาบันการศึกษา

โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจร่วมงานกันมาในโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา จะยังคงร่วมกันถักทอแรงบันดาลใจในการพัฒนาผ้าขาวไทยต่อไปในอนาคต ซึ่งจะไม่เป็นเพียงการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง และที่สำคัญที่สุดคือ คนในชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทุกแห่งมีความรักสามัคคีและภูมิใจในคุณค่าภูมิปัญญาของตนเองต่อไปอย่างยั่งยืน

“โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย” เป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ภายใต้การดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการร่วมกันพัฒนาคุณภาพและการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้มีความทันสมัย ตรงกับความต้องการของตลาด และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป

สำหรับการจัดงาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ในปี 2566 ภายใต้แนวคิด Nature's Diversity สื่อใหเ้ห็นว่า ผ้าขาวม้าสามารถใสไ่ด้ทุกเพศและทุกวัย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าขาวม้าทอมือของชุมชนให้ได้มีพื้นที่จัดแสดงโชว์ผลงาน แลกเปลี่ยนแนวความคิด และสร้างเครือข่ายการดำเนินงานร่วมกันของชุมชน /การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าขาวม้าจากโครงการ Creative Young designers Season3 ออกสู่สายตาประชาชน /การจัดแสดงนิทรรศการโซน cultural heritage / โซนจัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้าของ 16 มหาวิทยาลัย 18 ชุมชน / กิจกรรมTalk หัวข้อ ผ้าขาวม้า มรดกภูมิปัญญาและการพัฒนาอย่างยั่งยืน / โซน Market Place ของ 12 ชุมชน และโซนกิจกรรม online บอกต่อความประทับใจ ถ่ายภาพและแชร์พร้อมบรรยายเชิญชวนเพื่อนมาเที่ยวงาน “ผ้าขาวม้าวิถีไทย ทอใจอย่างยั่งยืน” ภายใน Sustainability Expo 2023 (SX 2023) 

โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สถาบันการศึกษาในเครือข่าย eisa และ ภาคีทุกภาคส่วน ที่ได้ให้ความสนับสนุนโครงการนี้มาตลอดระยะเวลา 7 ปี ส่งผลให้โครงการฯ สามารถดำเนินงานมาได้อย่างต่อเนื่อง และจะยังคงทำงานร่วมกับชุมชนผู้ผลิตผ้าขาวม้าทอมือต่อไป เพื่อให้สามารถบรรลุถึงเป้าประสงค์หลัก คือ การพัฒนาผ้าขาวม้าทอมือของไทยเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชนผู้ผลิตทั่วประเทศ

การตรวจวินิจฉัยรักษาได้ครอบคลุมทุกปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและตับอย่างแม่นยำตรงจุด

บิ๊กซีออนไลน์ 10.10 ลดเต็มสิบ ลดจริงไม่มีหลอก ต้อนรับเดือน Halloween กับโปรลดจริงไม่มีหลอก ด้วยสินค้าแบรนด์ดังที่มาให้เลือกสรรมากมายในราคาคุ้มสุด พร้อมจัดส่งฟรีทุกออเดอร์* นักช้อปทุกคนไม่ควรพลาด ตั้งแต่วันนี้ – 10 ตุลาคม 2566

ส่วนลดเต็มสิบ ลดจริงไม่มีหลอก

  • ช้อปก่อนลดก่อนโค้ดส่วนลด 215- พิเศษเฉพาะวันที่ 10 เดือน10 รับโค้ดส่วนลดแรง 280-
  • ส่วนลดจากแบรนด์ดัง อาทิเช่น มามี่โพโค, บรีส, คอลเกต, โก๋แก่, ซัมซุง และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย ให้เลือกช้อปเพลินในแต่ละวันตลอดรายการ
  • สินค้า Flash Sale ราคาพิเศษเฉพาะช่องทางบิ๊กซีออนไลน์เท่านั้น ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าภายในบ้านและของกินของใช้
  • รับส่วนลดเพิ่มอีกทันทีทุกยอดการใช้จ่ายสูงสุด 7% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตบิ๊กซี เวิลด์ มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตบิ๊กซี แพลทินัม วีซ่า การ์ด

อย่าลืมเข้ามาเลือกชมและช้อปสินค้าได้ที่ www.bigc.co.th, แอปบิ๊กซี พลัส หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ได้แก่ Shopee , Lazada , Foodpanda และ GrabMart


* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

พร้อมส่งมอบ “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ต่อเนื่องปีที่ 24 มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน

X

Right Click

No right click