บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด คว้ารางวัลระดับเอเชีย “Inspirational Brand Award”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ร่วมฉลองความสำเร็จในการสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan : SLL) ของ EXIM BANK จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของ EA ในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จากเดิมผลิตได้ 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง เป็น 4 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566

การสนับสนุนของ EXIM BANK ในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ EA โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกํากับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance : ESG) ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด ได้แก่ สถานีอัดประจุ ยานยนต์ไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment : THIS) 5 ปีติดต่อกัน ได้รับรางวัลและการยอมรับด้านความยั่งยืนจากองค์กรในประเทศและระดับสากล สอดคล้องกับเป้าหมายของ EXIM BANK ในการเป็น ‘Green Development Bank’ โดยมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral Organization ภายในปี 2573 ภายใต้นโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Finance) เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) อันเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับการเติบโตของภาคธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ขอสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษา คนรุ่นใหม่

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ร่วมกับ สมาคมการค้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STTA) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ องค์การมหาชน หรือ TCELS ร่วมกันจัดงาน Thailand LAB INTERNATIONAL งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือสำหรับห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ งาน Bio Asia Pacific งานแสดงผลงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านชีววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์สมัยใหม่ และงาน FutureCHEM INTERNATIONAL งานแสดงนวัตกรรมทางเคมีเพื่ออุตสาหกรรมในอนาคต กำหนดจัดงานพร้อมกันระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2566 ณ ฮอลล์ 102-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. โดยในปีนี้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่บนพื้นที่จัดงานกว่า 14,000 ตารางเมตร พร้อมงานสัมมนาและกิจกรรมมากมายเพื่อ กระตุ้นการค้าและการลงทุน ตอบรับความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศอย่างครบครัน

พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กันยายน 2566 ได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานสำคัญต่างๆ โดยมีดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา – ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ / คุณภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) / คุณยงยุทธ กิดาธนพนต์ นายกสมาคมการค้าวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และ Mr. Igor Jan Palka กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน ร่วมให้ข้อมูลและไฮไลท์สำคัญของการจัดงานปีนี้ นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา – ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์และประธานกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ ร่วมปาฐกถาพิเศษเรื่อง Life Sciences Outlook และปิดท้ายด้วยพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจพันธมิตรการทดสอบความปลอดภัยและทดสอบประสิทธิภาพประสิทธิผลผลิตภัณฑ์ระดับก่อนคลินิก Thailand OECD GLP/Non-OECD GLP Preclinical Testing Network (TOPT) ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมที่ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมนี้

“เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะนำเสนอเวทีเจรจาการค้าสำหรับอุตาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการฯ นี้อย่างสมบูรณ์แบบ ครบครันไปด้วยทุกเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผู้ใช้งานในห้องปฏิบัติการฯ กำลังมองหา ตลอดจนส่งเสริมให้ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจที่มีความต้องการเทคโนโลยีนี้ ซึ่งในปีนี้ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับ 270 บริษัทชั้นนำ มากกว่า 500 แบรนด์ ที่พร้อมมานำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยและได้รับมาตรฐาน ตลอดจนพยายามส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การจัดงานไปยังวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือใหม่กับทางอุทยานวิทยาศาสตร์ทั้ง 4 ภาค ตลอดจนกิจกรรมสัมมนาในหลายจังหวัด ส่งผลให้ปีนี้ได้ต้อนรับผู้เข้าชมงานกลุ่มใหม่ๆ ที่มีการลงทะเบียนล่วงหน้ามากว่า 4,000 ราย โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานกว่าหมื่นรายได้ในปีนี้” คุณอิกอร์ ญาน เพาก้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าว

“งาน Thailand LAB INTERNATIONAL และ Bio Asia Pacific ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นการลงทุนในตลาดการค้าเครื่องมือและอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ตลอดจนงานวิจัยด้านชีววิทยาศาสตร์ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน จึงกลายเป็นเวทีเจรจาธุรกิจด้านห้องปฎิบัติการที่สำคัญยิ่งต่ออุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค ส่วนงาน FutureCHEM INTERNATIONAL นับเป็นการขยายงานออกไปให้ครอบคลุมงานด้านเคมี เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเคมีในอนาคต” คุณยงยุทธ กิดาธนพนต์ นายกสมาคมการค้าวิทยาศาสตร์ กล่าว

คุณภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ทีเส็บในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีนโยบายใช้ไมซ์เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 12 สาขาของภาครัฐ และมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายชั้นนำของการจัดงานไมซ์หรืองานเชิงธุรกิจระหว่างประเทศ จึงร่วมสนับสนุนงาน Thailand LAB INTERNATIONAL ในด้านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างประเทศและในประเทศ ผ่านแคมเปญการตลาดต่างๆ อาทิ เช่น Sustainable Practice และ Performance Booster ซึ่งทีเส็บได้ปรับรูปแบบของการสนับสนุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย”

ดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา – ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กล่าวว่า “TCELS มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอเวทีเจรจาการค้าสำหรับอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ ภายใต้แนวคิด Partnership & Collaboration: Bring It to Life ซึ่งถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของเราสู่วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและอุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศไทย TCELS ในฐานะผู้จัดงานหลักของ Bio Asia Pacific เราได้นำผู้นำเทรนด์ ผู้นำในอุตสาหกรรม และนักลงทุนจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน พร้อมกับงานสัมมนาเชิงวิชาการและ Business Matching และพบปะกับผู้คนในอวดวงอุตสาหกรรมแบบใกล้ชิด”

นอกจากการเยี่ยมชมงานแสดงเทคโนโลยี ภายในงาน งาน Thailand LAB INTERNATIONAL, Bio Asia Pacific และ FutureCHEM INTERNATIONAL ยังมีกิจกรรมไฮไลท์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานประชุมและสัมมนากว่า 100+ หัวข้อ จากวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดทั้งสามวันของการจัดงาน กิจกรรม Welcome Reception and Networking และOnline Business Matching ที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย และตัวแทนจำหน่ายได้พบปะพูดคุย พร้อมเจรจาการค้าร่วมกัน และกิจกรรมพิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรม LAB Redemption เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุกภายในงานพร้อมแลกของรางวัลสุดพิเศษฟรีตลอด 3 วัน การจับรายชื่อผู้โชคดีที่ลงทะเบียนล่วงหน้า ลุ้นรับทองคำทุกวัน พร้อมรับชมมินิคอนสริต์จากศิลปินชื่นดัง และลุ้นรับของรางวัลอีกมายมาย มาเปิดประสบการณ์การเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าเครื่องมือ ตลอดจนงานวิจัยและนวัตกรรมทางห้องปฏิบัติการอันดับหนึ่งของประเทศ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจไปพร้อมๆ กันได้ในงานปีนี้

Thailand LAB INTERNATIONAL ,Bio Asia Pacific และ FutureCHEM INTERNATIONAL ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน พ.ศ. 2566 ณ ฮอล 102- 104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.thailandlab.com  หรือ www.bioasiapacific.com

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสถาบัน NEA ติวเข้มผู้ประกอบการ 135 ราย ให้มีความพร้อมเป็นผู้ส่งออกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "ความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก" ปี 2566 ระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2566 ณ ห้องกัญญลักษณ์ บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ เต็มอิ่ม 5 วัน กับ 11 หัวข้อการฝึกอบรม เพื่อสร้างผู้ประกอบการให้มีความพร้อมเป็นผู้ส่งออกและเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลก 

โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "ความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก" เป็นโครงการหนึ่งที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 142 และได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ประกอบการ ซึ่งในปี 2566 สถาบัน NEA ได้ปรับปรุงหลักสูตรที่นอกจากจะให้ความรู้พื้นฐานแล้ว ยังเน้นการปฎิบัติและใช้งานในสถานการณ์จริงอีกด้วย โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการ โดยผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 135 ราย จะได้พบกับการพัฒนาองค์ความรู้ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ จนถึงสิ้นสุดกระบวนการ ประกอบด้วย การเตรียมตัวเป็นผู้ประกอบการส่งออกขั้นพื้นฐาน การทำแผนธุรกิจเพื่อการส่งออกฉบับใช้งานจริง การคำนวณต้นทุนเพื่อธุรกิจและการจัดการภาษีเพื่อธุรกิจส่งออก การวางแผนเพื่อการส่งออกยุคใหม่ การจัดการโลจิสติกส์เพื่อการส่งออก ขั้นตอนการส่งออกและพิธีการศุลกากร ความสำคัญของการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและการจัดทำสัญญาซื้อขายขั้นต้น การชำระเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศเบื้องต้น Data Analytics ขั้นพื้นฐาน เพื่อการค้ายุคใหม่ และการเตรียมตัวเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและเจรจาและเจรจาธุรกิจขั้นต้น

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ได้ที่ www.nea.ditp.go.th, Facebook : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และ DITP Service Center โทร.1169 กด 1 กด 1

นางภาวินี รวยรื่น ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA)

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล เตรียมพร้อมจัดงาน “เยือนวังเก่า เล่าวันวาน ผ่านสำรับอาหาร” ที่ครบครันด้วยเมนูอาหารชวนชิม ทั้ง Street Food อาหารดั้งเดิมของหลากชนชาติ นิทรรศการและวัฒนธรรมประเพณี ศิลปะสตรีทอาร์ต สินค้าของดีและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล พร้อมการแสดงจากศิลปินอีกมากมาย ระหว่างวันที่ ๒๓ – ๒๗ กันยายนนี้ ณ บริเวณศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม

นายชยชัย แสงอินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งแต่ละจังหวัดเป็นอู่อารยธรรมสำคัญ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มีความโดดเด่นด้านเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิต นอกจากนั้นยังมีความหลากหลายของทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ และอาหารการกินที่ผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของหลากหลายชาติพันธุ์ และอาหารเป็นสื่อที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ

การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่น อันจะส่งผลทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลของการท่องเที่ยวเชิงอาหารเกิดประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวเชิงอาหารก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ

กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล จึงร่วมกันจัดงาน “เยือนวังเก่า เล่าวันวาน ผ่านสำรับอาหาร” ขึ้น ระหว่างวันที่ ๒๓ – ๒๗ กันยายนนี้ ณ บริเวณศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ภายในงานจะมีเมนูอาหารชวนชิม ทั้ง Street Food อาหารดั้งเดิมของหลากชนชาติ นิทรรศการและวัฒนธรรมประเพณีที่น่าตื่นตาตื่นใจกับกิจกรรมและการละเล่นของชนชาติไทย มอญ อิสลาม จีน ชมผลงานศิลปะสตรีทอาร์ต พร้อมการเสวนากับกูรูด้านศิลปะ พบกับสินค้าของดีและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ท่ามกลางบรรยากาศวังเก่าที่แสนร่มรื่น พร้อมการแสดงจากศิลปินอีกมากมาย

งานครั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และดึงดูดความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลเพิ่มมากขึ้น และเป็นการสร้างเศรษฐกิจและยกระดับรายได้จากการท่องเที่ยว นำไปสู่การสร้างฐานรายได้ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลอย่างยั่งยืน

ภายในงานมีการแบ่งโซน จำนวน ๖ โซน ได้แก่

  • โซนการจัดแสดงนิทรรศการ  ภายในโซนนิทรรศการแสดงเกี่ยวกับเรื่องราว (Story) “เยือนวังเก่า เล่าวันวาน ผ่านสำรับอาหาร” และวิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นถิ่นที่โดดเด่นและเป็นอัตลักษณ์ของแต่จังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลและนิทรรศการแสดงถึงภูมิปัญญาและการเสริมสร้างต่อยอดนวัตกรรม (Innovation)
  • โซนเวทีกลาง มีการแสดงของศิลปินที่มีชื่อเสียงทุกวันและโชว์แสดงสาธิตการทำอาหารหรือขนม
  • โซนส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชน มีจำลองวิถีชีวิตชุมชนตลาดน้ำที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล โดยมีเรือจำหน่ายสินค้า จำนวน ๔ ลำ
  • โซนอาหารชวนชิม และ Street Food มีร้านจำหน่ายอาหารของจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล จำนวนไม่น้อยกว่า ๔๐ บูธ
  • โซนเวทีวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ มีการแสดงวัฒนธรรมและชาติพันธุ์กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่
  • โซนเวทีสตรีทอาร์ต มีการเสวนาเรื่องศิลปะและดนตรี โดยภายในงานมีร้านจำหน่ายสินค้าของดีและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่น (Premium) ของจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ไม่น้อยกว่า ๗๐ ร้าน

“อยากจะขอเชิญชวนให้ทุกท่านมาเที่ยวชมงานนี้ เพราะจะเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่ง เหมือนได้เที่ยวทั่วทุกจังหวัดภาคกลางปริมณฑลในงานเดียว ท่านจะได้สัมผัสกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามและมีเอกลักษณ์ ได้เรียนรู้เรื่องราวที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารหลากหลายของแต่ละจังหวัดที่คัดสรรมาแล้วว่าเป็นสุดยอด รับรองว่าทุกท่านจะได้เก็บเกี่ยวเอาความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวทิ้งท้าย

NT ปลื้มเปิดบริการ National Single Window (NSW) 6 เดือน ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO หลัก 27001 / 27701 / 22301 

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ ช้อปปี้ ผู้นำอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ttb เมื่อซื้อสินค้าบนช้อปปี้ ระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม 2566 - 31 ตุลาคม 2566 รับเครดิตเงินคืน พร้อมแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน เมื่อเข้าร่วมรายการผ่อนชำระ pay plan 0% นานสูงสุด 10 เดือน ดังนี้

สิทธิพิเศษ 1: รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,400 บาท เมื่อมียอดแบ่งชำระ 0% pay plan นานสูงสุด 10 เดือน โดยยอดแบ่งชำระขั้นต่ำ 5,000 บาท ต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 100 บาท และรับเพิ่มขึ้นตามขั้นที่กำหนด จำกัดการรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,400 บาท ต่อบัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch หรือส่ง SMS พิมพ์ SPEC ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติ

สิทธิพิเศษ 2: แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน โดยบัตรเครดิต ttb reserve infinite และบัตรเครดิต ttb reserve signature รับเครดิตเงินคืน 12% บัตรเครดิต ttb (บัตรเครดิต ทีเอ็มบี และ บัตรเครดิต ธนชาต) และบัตรเครดิต ttb Global House รับเครดิตเงินคืน 10% โดยต้องมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,000 บาท ต่อเซลล์สลิป จำกัดการแลกคะแนนสะสมสูงสุด 100,000 คะแนน ต่อบัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ส่ง SMS เพื่อแลกคะแนน ทุกครั้งที่ทำรายการ พิมพ์ SPEP ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลก แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026          

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความคึกคักและส่งมอบความคุ้มค่าให้แก่นักช้อป ในมหกรรม Shopee 9.9 วันช้อปแห่งปี’ ttb ยังส่งโค้ดส่วนลด 1,300 บาท เมื่อใช้จ่ายแบบผ่อนชำระและมียอดใช้จ่ายครบ 9,999 บาท ต่อเซลล์สลิป เมื่อใช้โค้ด "99SPTTBINS" และชำระผ่านบัตรเครดิต ttb เฉพาะวันที่ 9 กันยายน 2566 บนแอปพลิเคชันช้อปปี้เท่านั้น

EXIM BANK จับมือมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียและทัณฑสถานหญิงกลาง พัฒนาผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบางสู่ธุรกิจส่งออกผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ พร้อมจับมือลูกค้าธนาคารที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินค้าจากสตรีกลุ่มเปราะบาง เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมโดยรวม สานพลังต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด กรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย และนางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการ ทัณฑสถานหญิงกลาง ร่วมแถลงผลสำเร็จ “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบางให้สามารถประกอบธุรกิจ โดยเรียนรู้วิธีพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่างและโดดเด่น การทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล และการขายสินค้าออนไลน์ เพื่อจะได้เข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจและขยายธุรกิจในโลกการค้าไร้พรมแดนได้ นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง การสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว และการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม 

โอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และกรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับลูกค้าของ EXIM BANK ประกอบด้วยนายจักร บุญ-หลง ประธานกรรมการ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายกมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสและประธานกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อไป โดยมีนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอนุกรรมการกำกับดูแลการประเมินผลการพัฒนาองค์กรรัฐวิสาหกิจ สาขาสถาบันการเงิน และนางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการ ทัณฑสถานหญิงกลาง ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนา มุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ระดับฐานราก EXIM BANK จึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในกระบวนการ (CSR in Process) ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยความรับผิดชอบและการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Society and Environment : ESG) ยึดหลักการ 4P เริ่มต้นจากการดูแลคน (People) เพื่อดูแลโลก (Planet) ด้วยความใส่ใจในประสิทธิภาพ (Productivity) และนำไปสู่กำไร (Profit) ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นผลสำเร็จของการดำเนินงานตามตัวชี้วัดในด้านต่าง ๆ EXIM BANK จึงจัดทำโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลคนในชุมชนรอบข้าง โดยให้ความสำคัญและสนับสนุนความหลากหลาย (Diversity) ในสังคม ทั้งในมิติเพศ อายุ และความเปราะบางทางสังคม อาทิ เพื่อนผู้พิการ และสตรีกลุ่มเปราะบาง เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้ประชาชนในกลุ่มเปราะบางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงข้อมูลความรู้ โอกาสทางธุรกิจ และแหล่งเงินทุนที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว

ที่ผ่านมา EXIM BANK ได้จับมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลผู้ประกอบการสตรีในชุมชนรอบ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่เขตพญาไท และเขตจตุจักร กรุงเทพฯ รวมถึงกลุ่มผู้ที่สนใจจากทัณฑสถานหญิงกลาง ให้ได้รับความรู้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงสามารถนำเครื่องมือดิจิทัลไปใช้ในการทำตลาดและส่งออกผ่านแพลตฟอร์ม อาทิ Facebook และ Shopee นอกจากนี้ EXIM BANK ยังได้สานพลังกับลูกค้าของธนาคารเพื่อต่อยอดโครงการ ฯ ด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการที่แข่งขันได้เพิ่มมากขึ้นในตลาดการค้าโลกยุคใหม่

นายริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด กรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในระดับภูมิภาคที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยมานานถึง 27 ปี มุ่งมั่นสร้างองค์ความรู้และทักษะความชำนาญให้กับประชากรกลุ่มเปราะบางผ่านโครงการกว่า 1,000 โครงการในไทย เวียดนาม และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนในการทำโครงการต่าง ๆ จากภาครัฐ ภาคพหุภาคีและภาคเอกชน ซึ่งมูลนิธิได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินโครงการต่าง ๆ เป็นรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้นในปัจจุบัน จนปัจจุบัน มูลนิธิคีนันเป็นผู้ให้บริการฝึกอบรมโครงการ Meta Boost ที่ได้รับการรองรับรองจาก Facebook ประเทศไทยเพียงรายเดียวในประเทศไทย จึงมีความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้ง EXIM BANK เพื่อเสริมสร้างโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการจำหน่ายสินค้าสู่ตลาดสากลผ่านแพลต์ฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่มเปราะบางทางสังคมที่ฐานทุนน้อย โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลง่าย ๆ อาทิ Smart Phone หรือ Tablet โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม เพื่อให้เกิดชุมชนและสังคมที่เข้มแข็ง เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป

 

นางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังสตรียังขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลความรู้เพื่อพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพอิสระภายหลังจากพ้นโทษแล้ว โครงการความร่วมมือกับ EXIM BANK และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซียจึงตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเปราะบางนี้อย่างมากในโลกการค้ายุคดิจิทัล ที่ผ่านมา ทางทัณฑสถานหญิงกลางได้คัดเลือกและส่งผู้ต้องขังสตรีเข้าร่วมอบรมภายใต้โครงการนี้แล้วกว่า 50 คน ซึ่งผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ทำให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาพฤตินิสัย เสริมสร้างวินัย และเพิ่มพูนทักษะในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้มากขึ้น  เช่น การเย็บกระเป๋าลายสม็อค หรือการจีบรูดเพื่อให้เนื้อผ้าเกิดรอยย่นอันเป็นลวดลายที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้างานฝีมือของผู้ต้องขังสตรีที่ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อจำนวนมาก ภายใต้โครงการนี้ ผู้ต้องขังสตรียังได้รับคำแนะนำจากตัวแทนผู้ส่งออกในการพัฒนารูปแบบกระเป๋าสม็อคเป็นสินค้าส่งออกต่อไป

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณนพพร บุญลาโภ (ลำดับ3จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณศุภชัย จงศุภวิศาลกิจ (ลำดับ2จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด เข้าพบคุณวิทัย รัตนากร (ลำดับ3จากซ้าย) ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพกลุ่ม เพื่อคุ้มครองพนักงานออมสินกว่า 15,000ราย ณ สำนักงานใหญ่ ธนาคารออมสิน

X

Right Click

No right click