จับมือพันธมิตรเสริมแกร่งทักษะ ‘ภาษา-บิสิเนส’ กุญแจสู่ความสำเร็จในอาชีพ

ชูเรทติ้ง A+ พร้อมเสนอขายประชาชนทั่วไป วันที่ 22 และ 25-26 มีนาคม 2567

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เดินหน้าขยายธุรกิจ บุกตลาดองค์กรขนาดกลางและใหญ่ในประเทศไทย มุ่งต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านประกันภัย เครือข่ายธุรกิจ และความแข็งแกร่งของสถานะการเงินระดับโลก มั่นใจเติบโตแบบก้าวกระโดด 20% ภายในสิ้นปี 2567 นี้

มร.ลาร์ส  ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่บริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยภาพรวม เติบโตเร็วกว่าตลาดถึงสองเท่า สำหรับปีนี้ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ ขยายธุรกิจประกันภัยองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับกับความเสี่ยงขององค์กรขนาดใหญ่ ทั้งจากเหตุการณ์ที่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ หรือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอันดับต้นของประเทศไทย จากผลสำรวจ Risk Barometer ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี วันนี้ จึงได้มีการเปิดตัว Allianz Commercial ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ภายใต้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ทั้งยังได้รับการสนับสนุน ด้านองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ เครือข่ายของกลุ่มอลิอันซ์ ที่มีในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรข้ามชาติ มีธุรกิจในหลายประเทศ หรือ มีลักษณะธุรกิจที่พิเศษ ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางด้านการพิจารณาประกันภัย เพื่อดูแลความเสี่ยง

มร.คริสเตียน แซนดริก ผู้อำนวยการบริหารภูมิภาคเอเชีย Allianz Commercial กล่าวเสริมว่า แผนการเติบโตในไทย สอดคล้องกับการขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่งทั่วภูมิภาคเอเชีย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของอลิอันซ์ ที่เราจะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรกับความพร้อมของโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าดึงดูดในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ  

สำหรับในประเทศไทย การดำเนินงานของธุรกิจองค์กร นำโดย นางเดือนฉาย โกศลเมธากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าองค์กร ซึ่งจะเน้นขยายธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  • ผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ครบวงจร หลากหลายสำหรับทุกธุรกิจ
  • ต่อยอดความเชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลกของอลิอันซ์ ที่จะทำให้อลิอันซ์ อยุธยา กลายเป็นศูนย์กลางของการให้บริการประกันภัยในเอเชีย สำหรับบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจในเอเชีย
  • โซลูชั่นประกันภัยที่ตอบโจทย์ทุกช่องทางการขาย ไม่ว่าจะช่องทางตัวแทน โบรกเกอร์ ช่องทางพันธมิตร และช่องทางขายตรง รวมทั้งการรับประกันภัยต่อ

สำหรับกลุ่มความเสี่ยงที่ อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสนใจ มี 5 กลุ่ม ด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มประกันภัยสินทรัพย์ (Property) โดยมุ่งเน้นไปที่บริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยและมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลก ที่มองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมจากบริษัทเดียวที่มีศักยภาพรอบด้าน กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง (Engineer) ที่ดำเนินโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจก่อสร้างด้านพลังงานหมุนเวียนและโรงงานไฟฟ้า กลุ่มประกันความรับผิดชอบ (Liability) เช่น สินค้าส่งออก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ความเสียหายของสินค้าในการดำเนินธุรกิจ กลุ่มธุรกิจที่อาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษ เช่น ธุรกิจบันเทิง (Specialty eg entertainment) เช่น การจัดคอนเสิร์ตการแสดงขนาดใหญ่ระดับชาติ และ กลุ่มธุรกิจเดินเรือและการขนส่งทางทะเล (Marine) ทั้งเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า รวมถึงเรือยอร์ชและเรือเพื่อการท่องเที่ยวด้วย

“เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การขับเคลื่อนที่มุ่งการประกันภัยสู่องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยได้เป็นอย่างดี ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มอลิอันซ์ และความมั่นคงแข็งแกร่ง ในฐานะบริษัทประกันภัยระดับโลก เชื่อมั่นว่า จะสามารถเติบโตพอร์ทธุรกิจองค์กรได้ 20%” มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวสรุป

ตอกย้ำความเป็นแบรนด์อสังหาฯ อันดับ 1 ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากที่สุด

ไทยเวียตเจ็ทประกาศให้สงขลาเป็นเมืองแห่งที่สามของกิจกรรมปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใต้โครงการ ‘Fly Green Metro Forest Mangrove’ เชิญชวนผู้โดยสาร สมาชิก นักเรียนนักศึกษา และพนักงานของสายการบินฯ ร่วมกันปลูกป่าชายเลนจำนวน 10,000 ต้น ณ ทะเลสาบสงขลา บ้านหัวเขา จังหวัดสงขลา ในวันที่ 5 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08:00 – 15:00 น.

โครงการ ‘ฟลายกรีน เมโทร ฟอร์เรสต์’ เกิดขึ้นภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมของไทยเวียตเจ็ท ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสนับสนุนความยั่งยืน

แนวคิดหลักของโครงการ ‘ฟลายกรีน เมโทร ฟอร์เรสต์’ คือ การมุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของประเทศไทย หลังจากความสำเร็จของฟลายกรีน เมโทร ฟอร์เรสต์ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ในครั้งนี้ สายการบินฯ จะเดินหน้าโครงการครั้งที่สามไปยังสงขลา

นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวว่า “ไทยเวียตเจ็ทยังคงดำเนินกิจกรรมที่อุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน อาทิ การลดการปล่อยมลพิษจากการปฏิบัติการบิน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ลดสาเหตุของภาวะโลกร้อนที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ ด้วยความมุ่งมั่นในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองในประเทศไทย ครั้งนี้ เราจะเดินหน้าโครงการครั้งที่สามไปยังสงขลาซึ่งจะเป็นการปลูกป่าชายเลนแห่งแรกภายใต้โครงการฟลายกรีน เมโทร ฟอเรสต์

สายการบินไทยเวียตเจ็ทได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนฟลายกรีนฟันด์ อาทิ กิจกรรม ‘การ์เบจ ฮันเตอร์ (Garbage Hunter)’ ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำจัดขยะจากสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย มุ่งสู่การลดปริมาณขยะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมส่งเสริมความยั่งยืนต่อไป กิจกรรมกอล์ฟการกุศล ‘ฟลาย กรีน แชร์ริตี้ กอล์ฟ เดย์ (Fly Green Charity Golf Day)’ ซึ่งเป็นกิจกรรมแข่งขันกอล์ฟการกุศลครั้งแรกภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์ กิจกรรม ‘เมโทร ฟอร์เรสต์ (Metro Forest)’ ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองของประเทศไทย และกิจกรรม ‘เวียตเจ็ท ฟลายกรีน แชริตี้คอนเสิร์ต (Vietjet Fly Green Charity Concert)’ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนให้กับแฟนเพลงและระดมทุนจากการจำหน่ายบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

โครงการ ‘Fly Green Metro Forest – Mangrove’ จะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ณ ทะเลสาบสงขลา บ้านหัวเขา จังหวัดสงขลา ในวันที่ 5 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08:00 – 15:00 น. ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com

เมื่อมียอดใช้จ่าย หรือเติมเงินในบัตรสตาร์บัคส์เพียง 300 บาท

อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และ นิโอ ทาร์เก็ต ผู้นำด้านที่ปรึกษาสร้างชื่อเสียงองค์กรในประเทศไทย เตรียมค้นหาสุดยอดแบรนด์ ผู้บริหาร และผู้นำองค์กร เข้ารับรางวัล อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ อะวอร์ด ประจำปี 2566 โดยลงพื้นที่ทำวิจัยค้นหาสุดยอดแบรนด์ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อผู้บริโภค และเชิญชวนบริษัทฯ องค์กรรัฐและวิสาหกิจชั้นนำของไทย ร่วมส่งข้อมูลเพื่อชิงความเป็นที่สุดของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจสูงสุดต่อเนื่อง ผู้บริหารและผู้นำธุรกิจที่โดดเด่นแห่งปี 

มร.จอร์จ โรดิกัส กรรมการผู้จัดการ อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “ในฐานะที่อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ เป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านความรู้ทางธุรกิจและการสร้างแบรนด์ในเอเชีย มายาวนานกว่า 20 ปี มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นองค์กรที่ยกย่อง “สุดยอดองค์กรที่มีความเป็นเลิศ” และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างบริษัทชั้นนำในเอเชีย เราตระหนักถึงความเป็นเลิศทางธุรกิจและความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ หลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยสิ่งเหล่านี้ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ มีโอกาสสร้างความแข็งแกร่งและพลิกโฉมธุรกิจของตน และเรามั่นใจว่าบริษัทไทยจะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนและสร้างเครือข่ายกับบริษัทที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ผ่านเครือข่ายระดับโลก และระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดของเรา”

นางวรรณี ลีลาเวชบุตร ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ องค์กรต่างให้ความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ ให้ได้รับการยอมรับ ยกย่องจากสังคม โดยเฉพาะสังคมที่มีผู้นำเป็นผู้ที่มีอิทธิพล นอกจากนี้ การเข้าใจพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ จะช่วยให้แบรนด์และสินค้าเป็นที่นิยมมากขึ้น สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน”

สำหรับรางวัลที่จะมอบในปีนี้ประกอบด้วย 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลสำหรับองค์กรและสินค้ามี 2 ประเภท คือ Influential Brands และ Outstanding Brands และอีก 2 รางวัล สำหรับผู้บริหารองค์กรคือ Top CEOs และOutstanding Leaders โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายในปีที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจผู้บริโภคกลุ่ม Gen Y และ Z ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงสุดในประเทศไทยในปัจจุบัน โดยขนาดกลุ่มตัวอย่างให้ระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 95% และ +/-5% ซึ่งสามารถสะท้อนถึงมุมมองและความพึงพอใจของแบรนด์ในประเทศไทย

การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยตลาดใน 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาแบรนด์ยอดนิยมในใจผู้บริโภคประจำปี 2566 ซึ่งประเภทของธุรกิจที่ทำการสำรวจ ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ช่องทางการตลาดออนไลน์ บริษัทประกันชีวิต ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม สายการบิน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้ให้บริการและแอพพลิเคชั่นสั่งอาหาร ร้านอาหาร เบเกอรี่เชน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ รถหรู รถอีโค่คาร์ และผลิตภัณฑ์ในธุรกิจเอฟเอ็มซีจี เป็นต้น ซึ่งผลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ใดเป็น  แบรนด์ที่อยู่ในใจ และมีอิทธิพลต่อประชาชนสูงสุด

การประกาศผลผู้ชนะ และมอบรางวัลอย่างเป็นทางการ จะจัดขึ้นทั้งที่ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศไทย ในช่วงกลางเดือนมีนาคม และต้นเดือนเมษายน 2567 สำหรับที่สิงคโปร์มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน จาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน

แฟนๆ TECNO เตรียมเฮ! พบกับการเปิดตัวสุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งปีอย่าง TECNO POVA 6 Pro 5G ที่จะมาเขย่าวงการมือถือไทยด้วยดีไซน์อันโดดเด่น ประสิทธิภาพเหนือชั้น และฟีเจอร์สุดล้ำ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ ในราคาที่ใคร ๆ ก็เอื้อมถึง

สำหรับ TECNO POVA 6 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมและความบันเทิงแบบจัดเต็ม ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบพลังงาน Super-Endurance Power System ประกอบด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh และชาร์จเร็ว 70W Ultra Charge เทคโนโลยีแบบ Bypass Charge ช่วยให้เล่นเกมและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ดีไซน์โดดเด่นด้วยองค์ประกอบ Dynamic-Tech พร้อมไฟ MiniLED ที่ปรับแต่งได้ เพิ่มเติมด้วยระบบเสียง Dolby Atmos เพื่อเสียงที่สมจริงและฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับการเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น ประสิทธิภาพของโทรศัพท์ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ MediaTek Dimensity 6080 5G กับพื้นที่เก็บข้อมูล 256 ROM + 24 RAM ออกแบบมาเพื่อชาวเกมเมอร์ ด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์ขั้นสูงของแบรนด์ TECNO

นอกจากการเล่นเกมและฟีเจอร์จัดเต็มเพื่อความบันเทิงที่สมจริงและประสิทธิภาพอันทรงพลังแล้ว TECNO POVA 6 Pro 5G ยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปความละเอียดสูง กล้องหลัก 108MP Ultra Vivid ที่รองรับการซูม 3 เท่า (ซูมดิจิทัลสูงสุด 10 เท่า) มีกล้องเสริม 2 ตัวคือเซ็นเซอร์ความลึก 2MP และ AI cam กล้องหน้า 32MP ถ่ายภาพและเซลฟี่ได้คมชัด หน้าจอ ขนาดใหญ่ หน้าจอ AMOLED FHD+ 6.78 นิ้ว สีสวยสมจริง อัตรารีเฟรช 120Hz ลื่นไหลไม่มีสะดุด ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส ดีไซน์ ทันสมัย สวยงาม สะท้อนความเป็นตัวคุณได้อย่างลงตัว

ห้ามพลาด! กับการเป็นเจ้าของ TECNO POVA 6 Pro 5G สมาร์ทโฟนที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานของคุณไปตลอดกาล เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มีนาคม 2567 ในรุ่น RAM 8GB/256GB และรุ่น 12GB/256GB วางจำหน่ายแบบออนไลน์บน Shopee, Lazada และ TECNO TikTok Shop มากไปกว่านั้น เตรียมพบกับ Box Set สุดพิเศษออกมาวางจำหน่าย กับการคอลแลปส์ร่วมกับแบตเทิลรอยัลเกมดังอย่าง Free Fire ที่จะมาปลุกความเป็นนักสู้ในตัวคุณ

ติดตามข่าวสารอื่นๆ  ของ TECNO ได้ที่ Facebook: www.facebook.com/tecnomobilethailand หรือเว็บไซต์ www.tecno-mobile.com/th/

X

Right Click

No right click