เพราะตระหนักถึงความสำคัญของแนวคิด Sustainability ทายาทรุ่น 3 แห่ง SC GRAND จึงได้ต่อยอดธุรกิจของครอบครัวโดยนำขยะเศษด้ายที่มีอยู่ในโกดังของโรงงาน ผสมผสานนวัตกรรมใหม่ สร้างเส้นใย ได้สีใหม่ตามธรรมชาติจากเป็นวัสดุรีไซเคิลที่นำมาใช้ในงานออกแบบผ้าสำหรับเฟอร์นิเจอร์ สร้างแบรนด์ใหม่พร้อมติด QR ให้ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ได้ภาคภูมิใจไปกับการเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา โลกใบนี้ด้วยการลดมลภาวะในขั้นตอนกระบวนการผลิต โดยเมื่อลูกค้าสแกน QR จะได้รับข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์นี้ได้ช่วยประหยัดน้ำ ช่วยเพิ่มออกซิเจน ลดคาร์บอนไดออกไซด์ในสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร

พบกับนวัตกรรมใหม่ในการสร้างผลงานผ้าจาก SC GRAND ได้ในงาน STYLE Bangkok 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภายใต้ธีม “ChicNature” แสดงพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยเต็มที่  โชว์ศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs พร้อมต่อยอดความยั่งยืน รวมสินค้า ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และงานคราฟต์มีดีไซน์มาไว้ครบจบในที่เดียว เป็นเวทีให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกและดีไซเนอร์ไทยได้เจรจาการค้าและสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับนักธุรกิจจากทั่วโลกระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2567 นี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นำโดยนางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ชวนล่องผ่านกาลเวลา สัมผัสเรื่องราวอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ก่อนจะเป็นแผ่นดินเมืองสมุทรปราการ ผ่านการแสดงแสงเสียงสื่อผสมในรูปแบบมิวสิคัลรำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112  “ปราการเวลา The Theatre” ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านนักแสดงชั้นนำของประเทศอย่าง นพพล โกมารชุน, แพนเค้ก เขมนิจ, หลุยส์ เฮส, โอ๊ต รัฐธีร์, สปาย ภาสกรณ์,  มิลลี่ อภิสรา และนักแสดงอีกมากมาย งานนี้เปิดให้ชาวสมุทรปราการและคนทั้งประเทศเข้าชมฟรี ระหว่างวันที่ 14 - 17 มีนาคม 2567 ณ โรงละครกลางแจ้ง ป้อมพระจุลจอมเกล้า

สำหรับ ปราการเวลา The Theatre แบ่งการแสดงออกเป็น 5 องก์ โดยแต่ละองก์เล่าถึงเมืองสมุทรปราการในแต่ละช่วงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในช่วง ร.ศ.112 ย้อนอดีตตั้งแต่สมุทรปราการทั้งจังหวัดยังเป็นท้องทะเลจนเกิดเป็นแผ่นดิน จนเป็นจังหวัดสมุทรปราการในปัจจุบัน จะเต็มไปด้วยความสุข มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายและเป็นเมืองสหวัฒนธรรม นับเป็นการแสดงที่มีมนต์ขลัง และสร้างความประทับใจต่อผู้ที่ได้รับชมอย่างแน่นอน

ปราการเวลา The Theatre เปิดให้รับชมทั้งสิ้น 4 รอบการแสดง จัดแสดงวันละ 1 รอบ
ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

  • รอบนักเรียน นักศึกษา และสื่อมวลชน           วันที่ 14 มีนาคม 2567
  • รอบประชาชนทั่วไป                                 วันที่ 15-16-17 มีนาคม 2567

นอกจากนี้ ก่อนการแสดงยังสามารถเข้าชมนิทรรศการป้อมพระจุลจอมเกล้า และชม ชิม ช็อป สินค้าคุณภาพใน “เขื่อนขันธ์มาร์เก็ต ชุมชนคนสมุทรปราการ” ได้ตั้งแต่ 15.00 น. โดยมีรถบัสอำนวยความสะดวกตามจุดสำคัญตลอดงาน สามารถสำรองที่นั่งได้ในเวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ 10.00 - 18.00 น. โทร. 062-883-1166 และ 062-085-3590 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page: ปราการเวลา The Theatre

แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ #WomenWelcome เพื่อฉลองวันสตรีสากลประจำปี 2567 ตอกย้ำพันธกิจในการสร้างโอกาสทางอาชีพและพัฒนาศักยภาพให้กับคนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้หญิง ผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นหลัก คือ การส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิงเพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการเดลิเวอรี โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง การส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพภายใต้โครงการ GrabAcademy ด้วยการพัฒนา 5 คอร์สอบรมออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงโดยเฉพาะ และการสร้างความอุ่นใจในการให้บริการผ่านการพัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการสร้างเครือข่ายในกลุ่มคนขับผู้หญิงเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงอาชีพและการเสริมศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจให้กับผู้คนในสังคมถือเป็นพันธกิจหลักของแกร็บมาโดยตลอดโดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมาแกร็บได้เปิดให้คนทุกกลุ่มสามารถใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นเครื่องมือในการหารายได้และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างเท่าเทียม โดยไม่จำกัดเพศ วัย เชื้อชาติ หรือการศึกษา อย่างไรก็ตามคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงถือเป็นกลุ่มที่ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเข้าถึงอาชีพและการทำงาน ปัจจุบันประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิง แต่คิดเป็น 42% ของภาคแรงงานเท่านั้น และถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดและสนับสนุนการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมให้กับผู้หญิง ในปีนี้แกร็บทั่วทั้งภูมิภาคจึงได้ริเริ่มโครงการสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง โดยมุ่งใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของแกร็บเพื่อให้พวกเธอสามารถเข้าถึงอาชีพที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านรายได้และความยืดหยุ่นในการทำงาน”

“สำหรับในประเทศไทย ที่ผ่านมาแกร็บได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมและให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้หญิงไม่ว่าจะเป็น ผู้ใช้บริการหรือพาร์ทเนอร์คนขับ อาทิ การริเริ่มบริการ GrabCar for Ladies ในปี 2564 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารผู้หญิงที่ต้องการเดินทางด้วยความอุ่นใจไปกับพาร์ทเนอร์คนขับที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน โดยไทยถือเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ให้บริการนี้ นอกจากนี้ เรายังได้ทำแคมเปญและกิจกรรมพิเศษต่างๆ กับกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญ เช่น วันสตรีสากล วันครอบครัว รวมถึงวันแม่ เป็นต้น โดยปัจจุบันมีผู้หญิงไทยจำนวนมากที่ใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อหารายได้ ทั้งบริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการจัดส่งอาหาร-สินค้า โดยเฉพาะในช่วงโควิด ซึ่งมีอัตราการเติบโตของจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงสูงขึ้นกว่า  45%[1] การเปิดตัวแคมเปญ #WomenWelcome ในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแกร็บที่จะช่วยสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับผู้หญิง และมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง (Diversity & Inclusion)” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

แคมเปญ #WomenWelcome ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้หญิง” (Grab’s Women Programme) ซึ่งแกร็บได้ริเริ่มในปีนี้และจะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทั้งภูมิภาค ครอบคลุมทั้งประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม รวมถึงไทย เพื่อมุ่งสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้าที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ ครอบคลุมประเด็นต่างๆ อาทิ การเปิดโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้อย่างเท่าเทียมผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ การส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และการพัฒนาความรู้ ตลอดจนทักษะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิง สำหรับในประเทศไทย แกร็บจะมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ

  • การส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิงเพื่อสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ: โดยในปีนี้แกร็บจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยมีทางเลือกในการหารายได้เสริมจากการให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการเดลิเวอรีของแกร็บ ผ่านการทำแคมเปญเพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผ่านกลุ่มคอมมูนิตี้คนขับทั่วประเทศและช่องทางโซเชียลมีเดียพร้อมมีทีมงานที่คอยให้คำปรึกษา โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงในประเทศไทยให้มากขึ้น นอกจากนี้ แกร็บยังเตรียมมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงตลอดทั้งปี อาทิ แพคเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิงจาก Doctor Anywhere ส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้อสินค้าประเภทความงามผ่านแอปพลิเคชัน Lazada ชุดของขวัญจากแบรนด์เครื่องสำอางศรีจันทร์ เป็นต้น

  • การส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง: ที่ผ่านมาแกร็บได้พัฒนาคอร์สอบรมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพให้กับทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ร้านค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการ GrabAcademy สำหรับในปีนี้ แกร็บเตรียมพัฒนาและเปิดตัว 5 คอร์สอบรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย คอร์สสอนวิธีการดูแลรักษาและซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้น คอร์สเสริมสร้างบุคลิกภาพและหัวใจบริการ โดยครูน้ำฝน ภักดี จาก Pronality Academy คอร์สสอนเทคนิคการแต่งหน้าเบื้องต้น คอร์สการรับมือกับภัยคุกคามบนท้องถนนและในที่สาธารณะ โดยลอรีอัล ประเทศไทย และคอร์สสอนศิลปะการป้องกันตัวสำหรับผู้หญิง

  • การสร้างความอุ่นใจในการทำงานให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง: นอกจากการพัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย อาทิ Safety Centre (ศูนย์รวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของแกร็บ) และ Trip Monitoring (ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ผ่าน GPS และระบบแผนที่อัจฉริยะ) ที่ช่วยลดความกังวลและสร้างความมั่นใจในการให้บริการกับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงแล้ว ในปีนี้แกร็บยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันของพาร์ทเนอร์คนขับที่ชื่อ “Women Passenger Preferred BETA” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงที่อาจมีความกังวลใจในการให้บริการ โดยสามารถเลือกให้บริการกับผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงเป็นหลักได้ ซึ่งจะเริ่มทดลองใช้ในจังหวัดขอนแก่นและโคราช และขยายไปในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ แกร็บยังเตรียมสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงภายใต้ชื่อ “Grab SUPER SHERO” ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและการจัดกิจกรรมออฟไลน์เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้หญิงในสายอาชีพเดียวกันได้ทำความรู้จักกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์ในการให้บริการและการพัฒนาตัวเอง

พิเศษ! เพื่อร่วมต้อนรับวันสตรีสากล (ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี) แกร็บมอบส่วนลดสำหรับบริการ GrabCar for Ladies และ GrabCar Premium เพียงใส่รหัส WOMEN รับส่วนลด 10% (สูงสุดไม่เกิน 50 บาท) ตลอดเดือนมีนาคมนี้[2]


[1] เปรียบเทียบจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงระหว่างเดือนมกราคม 2564 และ มกราคม 2567

[2] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ชวนสายอีท แฮปปี้เต็มอิ่ม อร่อยคุ้มกับโปร 3 ต่อ ที่ร้านดังในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 5 สาขา

ฝ่ายสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดรับสมัครเพื่อรับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2567 ระดับปริญญาโท เป็นทุนสำหรับผู้มีชื่อเสียง ผู้มีความรู้ความสามารถ ผู้นำทางความคิด และสื่อมวลชนทุกแขนง โดยแบ่งประเภททุนการศึกษา 1.ทุนเต็มจำนวนของค่าเล่าเรียนก่อนหลักสูตร (การเรียนปรับพื้นฐาน) ค่าเล่าเรียน (ค่าหน่วยกิต) ค่าบำรุงการศึกษา ค่าขึ้นทะเบียนนักศึกษา ค่าสอบประมวลความรู้ ค่าเอกสารประกอบการเรียน และอื่น ๆ ตามที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนด 2. ทุนครึ่งหนึ่งของค่าเล่าเรียนก่อนหลักสูตร (การเรียนปรับพื้นฐาน), ค่าเล่าเรียน (ค่าหน่วยกิต) ค่าบำรุงการศึกษา ค่าขึ้นทะเบียนนักศึกษา ค่าสอบประมวลความรู้ ค่าเอกสารประกอบการเรียน และอื่น ๆ ตามที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนด*

 คุณสมบัติผู้สมัครขอรับทุนการศึกษา

  1. เป็นผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงศึกษาธิการ
  2. มีประสบการณ์ในการทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
  3. หากไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 5หรือ ในกรณีที่ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการเป็นผู้มีชื่อเสียง มีความสามารถพิเศษ ได้รับการยอมรับในสังคมด้านต่าง ๆ อาทิ ศิลปิน ดารา นักแสดง นักร้อง นักดนตรี อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) สื่อมวลชน ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับทุนการศึกษา จะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิตต่อเนื่องจนจบหลักสูตรการศึกษาตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้  ซึ่งเป็นทุนแบบให้เปล่า โดยผู้รับทุนไม่ต้องชดใช้ทุนคืนแต่อย่างใด ผู้ที่สนใจสามารถ กรอกสมัครกับทางบัณฑิตวิทยาลัยฯ แล้ว ส่งประวัติย่อแนะนำตัว นำเสนอผลงานที่ผ่านมา ในรูปแบบ PDF File ส่งมาที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ชื่อหัวข้ออีเมล  “สมัครทุนส่งเสริมโอกาส” ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567

ติดตามรายละเอียดการขอรับทุนได้ที่ www.utcc.ac.th สอบถามโทร 02-6976781

ลุยต่อตั้งเป้าโตขึ้นอีก 10% ปูทางฉลองครบ 30 ปี ขึ้นท็อป 3 ประกันภัยรถยนต์ในปี 70

สถาบันนวัตกรรมและธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Innovation and Governance Institute : DIGI) ภายใต้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA จัดงาน วันข้อมูลเปิดนานาชาติ ประจำปี 2567 (International Open Data Day 2024) ภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability: การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการใช้งานระบบข้อมูลแบบเปิด (Open Data) เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าประเทศสู่การเป็นรัฐบาลเปิดได้อย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีพร้อมมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลทั้ง 45 หน่วยงาน พร้อมด้วย นายฉัตรชัย ธนาฤดี คณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยมี นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวรายงานภาพรวมข้อมูลเปิดของรัฐบาลดิจิทัลและกล่าวให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ทั้งกูรูที่คร่ำหวอดในวงการ Open Data ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)

ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีให้แก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลทั้ง 45 หน่วยงาน และ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่มุ่งมั่นตั้งใจและให้ความสำคัญกับ “การเปิดเผยข้อมูล” ซึ่งถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลดิจิทัล โดยเน้นย้ำว่า การดำเนินงานภาครัฐในยุคดิจิทัล ข้อมูลถือเป็นปัจจัยสำคัญในการการตัดสินใจเชิงนโยบายให้บรรลุเป้าหมาย และตรวจสอบการดำเนินการได้ นำไปสู่การบริหารงานแบบ Data Driven Government รวมถึง การนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดนวัตกรรม หรือใช้สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม/ ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ดังนั้น การใช้ประโยชน์จากข้อมูล ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ภาครัฐ และสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยกตัวอย่าง ชุดข้อมูลด้านการบริการสาธารณสุข ของ สปสช. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่นำข้อมูลเหล่านี้ มาเปิดเผยในรูปแบบ Open Data เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถประเมินความต้องการในอนาคตนักลงทุนมั่นใจ และตัดสินใจมาลงทุน ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย นอกจากการสร้างประโยชน์จากชุดข้อมูลเปิดแล้ว ความสำคัญพื้นฐานคือ การพัฒนาชุดข้อมูลเปิดให้มีคุณภาพ และมีชุดข้อมูลที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และภาคธุรกิจ

นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวว่า DGA ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยโดยเฉพาะ นอกจากภารกิจหลักในการขับเคลื่อนให้ภาครัฐปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาให้เกิดบริการออนไลน์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ในการติดต่อราชการ และการบูรณาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐแล้ว การผลักดันให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูล เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงภารกิจ และกิจกรรมต่างๆ ที่ภาครัฐดำเนินการ อันนำไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยสามารถนำข้อมูลเปิดภาครัฐไปใช้ประโยชน์ หรือพัฒนาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ  เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการพัฒนาให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล

ที่ผ่านมา DGA ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ หรือ data.go.th ขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2558  นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลแบบเปิด หรือ Open Government และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เกิดขึ้นมาในประเทศไทย ในปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐได้เปิดเผยข้อมูลแล้วกว่า 11,000 ชุดข้อมูล แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการทำให้ข้อมูลภาครัฐเป็นทรัพยากรสาธารณะที่มีค่า มีการสนับสนุนให้เกิดการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในภารกิจต่างๆ ที่มีส่วนในการช่วยให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้ง DGA ยังมีการสำรวจชุดข้อมูลเปิดภาครัฐตามความต้องการของประชาชนเป็นประจำทุกปี เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนให้ภาครัฐเปิดเผยชุดข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของประชาชนผู้ใช้งานให้มากที่สุด

สำหรับงาน International Open Data Day ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กำหนดให้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกโดยประเทศต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูล ในปีนี้จัดตรงกับวันที่ 5 มีนาคม ในส่วนประเทศไทยมี DGA เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน International Open Data Day เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 โดยในปีนี้ จัดกิจกรรมขึ้นภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability” อันเป็นการแสดงถึงการส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ ในประเทศไทยให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การจัดงานในปีนี้นอกจากกิจกรรมที่ DGA ได้จัดร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แล้ว ยังมีการมอบรางวัล Open Data Awards จำนวน 45 รางวัล ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ขับเคลื่อนข้อมูลเปิดดีเด่นอีกด้วย ประกอบด้วย โล่รางวัลชุดข้อมูลยอดนิยม จำนวน 3 รางวัล โล่รางวัลชุดข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของประชาชน จำนวน 3 รางวัล และประกาศนียบัตรรางวัลชุดข้อมูลเปิดทรงคุณค่า จำนวน 39 รางวัล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เป็นต้นแบบที่ดีในการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกิดระบบนิเวศข้อมูลเปิดอย่างเป็นรูปธรรม

และในงานนี้ ยังจัดให้มีพิธีลงนาม MOU ความร่วมมือระหว่าง DGA และ สปสช. ในการจัดทำแนวทางการกำกับดูแล และบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศสุขภาพด้านการบริการสาธารณสุข และการเปิดเผยข้อมูลการรักษาพยาบาลจากการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลบริการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนให้ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ สามารถนำชุดข้อมูลเปิดดังกล่าวไปวิเคราะใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติต่อไป

สำหรับ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักเรียน/นักศึกษา และผู้ที่ต้องการเรียนรู้การใช้ข้อมูลเปิดภาครัฐเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมจาก Open Data สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Facebook: Data Innovation and Governance Institute, DIGI

กองทุนประกันวินาศภัยได้จัดโครงการ กองทุนประกันวินาศภัย “ปันน้ำใจให้น้อง” ประจำปี 2567 เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงเรียนบ้านยุบใหญ่  ตำบลแม่เล่ย์ อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์

โดยนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย พร้อมด้วยบุคลากรกองทุนประกันวินาศภัย จัดกิจกรรมรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ภายใต้โครงการ กองทุนประกันวินาศภัย “ปันน้ำใจให้น้อง” ประจำปี 2567 ด้วยการรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น รวมทั้งเลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจน เป็นจำนวน 35,000 บาท

พร้อมทั้งกองทุนประกันวินาศภัยร่วมหารือกับบุคลากรสำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นสื่อกลางและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบ ในกรณีบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต และเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการประกันวินาศภัยและบทบาทหน้าที่ภารกิจของกองทุนประกันวินาศภัย

นายสมประโชค ปิยะตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับธุรกิจและการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2567 โดยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันภัย ซึ่งจะทำให้บริษัทเกิดความคล่องตัวในการลดทุน รวมถึงสามารถดำเนินงานที่เกี่ยวข้องได้รวดเร็วมากขึ้นตามกระบวนการดำเนินงานลดทุนของบริษัทประกันภัย นอกจากจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 แล้ว ภายใต้พระราชบัญญัติประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ยังกำหนดข้อห้ามมิให้บริษัทกระทำการลดทุนโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายทะเบียน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) ดังนั้น ที่ผ่านมาเมื่อบริษัทยื่นขอความเห็นชอบลดทุนเข้ามาที่สำนักงาน คปภ. แล้วจะมีการพิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนออกหนังสืออนุญาตให้กับบริษัท และแม้ว่าคณะกรรมการ คปภ. จะมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือน แต่ในแง่การทำธุรกิจบางครั้งก็ต้องการความรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่บริษัทต้องการเพิ่มทุน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน แต่บริษัทยังมีหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือยังไม่ออกจำหน่าย บริษัทก็ไม่สามารถออกหุ้นใหม่เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนรายใหม่ได้จนกว่าบริษัทจะลดทุนโดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายให้เรียบร้อยเสียก่อน

ดังนั้น เพื่อความคล่องตัวและลดขั้นตอน ตลอดจนระยะเวลาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันภัย สำนักงาน คปภ. ได้ศึกษาหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการออกประกาศ คปภ. ฉบับดังกล่าว

สำหรับประกาศ คปภ. ข้างต้นครอบคลุมการลดทุนเป็นกรณีทั่วไป 2 กรณี ได้แก่ กรณีแรก ลดทุนโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย กรณีที่ 2 ลดทุนเพื่อลดผลขาดทุนสะสมโดยการลดมูลค่าหุ้น หรือลดจำนวนหุ้น โดยทั้ง 2 กรณี ต้องไม่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเปลี่ยนแปลงไป และไม่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งกฎหมายกฎเกณฑ์และมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะสามารถพิจารณาและออกหนังสือ อนุญาตให้บริษัทได้โดยไม่ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เพียงแต่ ต้องรายงานผลการพิจารณาการอนุญาตให้คณะกรรมการ คปภ. ทราบ โดยประกาศฉบับนี้ได้ออกใช้บังคับแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ผู้สนใจสามารถอ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่ www.oic.or.th 

X

Right Click

No right click