Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) แบรนด์นาฬิกาลักชัวรีชั้นนำระดับโลก สัญชาติญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี เปิดเกมส์รุกหนักตลาดนาฬิกาหรูเมืองไทย วางกลยุทธ์ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์หนึ่งเดียวจากเอเชียในระดับโลก ที่ไปจัดแสดงในงาน Watches and Wonders ซึ่งเป็นงานจัดแสดงนาฬิกาชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมสร้างกระแสความภูมิใจในแบรนด์ผ่านการสร้างประสบการณ์ร่วมในกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีอายุ 30-45 ปี ควบคู่กับการสร้าง Brand Engagement และ Brand Loyalty ในกลุ่มลูกค้าเดิม ประเดิมต้นปีจัดงานเปิดตัวแคมเปญ My Grand Seiko My Pride พร้อมฉลองความสำเร็จของนาฬิการุ่นไอคอนิก Sakura ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00-22.00 น. ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน
นายอากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ แกรนด์ ไซโก ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับในปี 2024 ภาพรวมตลาดนาฬิกาลักชัวรีมีแนวโน้มทรงตัวและค่อยๆ ฟื้นตัว หลังจากที่ชะลอตัวในช่วงการระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา ซึ่งต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบ เช่น ภาวะสงคราม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ประเทศไทย และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็น 1 ใน ตลาดสำคัญของแกรนด์ ไซโก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ในปีที่ผ่านมายอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา Luxury Group Director แกรนด์ ไซโก ประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้แกรนด์ ไซโก วางกลยุทธ์ตอกย้ำภาพลักษณ์สร้างการจดจำแบรนด์นาฬิกาลักชัวรีหนึ่งเดียวจากเอเชียในระดับโลกในใจกลุ่มลูกค้า ตามคอนเซ็ปต์ Nature of Time ที่สะท้อนถึงแก่นแท้และ DNA ของแบรนด์ รวมทั้งเป็นผู้นำด้านความเที่ยงตรงสูงสุดและความประณีตของงานคราฟส์แมนชิพทุกดีเทลตามแบบฉบับญี่ปุ่น โดยเฉพาะการขัดเงาแบบซารัตสึ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ถูกพัฒนาขึ้นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ พร้อมๆ กับการโฟกัสขยายฐานกลุ่มลูกค้าในช่วงอายุ 30-45 ปี ผ่านการสร้าง Emotional Attachment เน้นการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามามีประสบการณ์ร่วม ได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้าง Brand Loyalty ในกลุ่มลูกค้าเดิมที่รู้จักแบรนด์ดีอยู่แล้ว
เพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์การตลาดและการโฟกัสกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ จึงจัดแคมเปญ My Grand Seiko My Pride นำเสนอความภาคภูมิใจและเอกลักษณ์ในทุกมิติของแบรนด์ ผ่านนิทรรศการของนักสะสมนาฬิกา 10 ท่าน และแคมเปญที่บอกเล่าเรื่องราวความภาคภูมิใจในความสำเร็จของเซเลบริตี้คนดัง 8 ท่าน พร้อมฉลองความสำเร็จของนาฬิการุ่นไอคอนิก “Sakura”
จากชื่อแคมเปญ My Grand Seiko แสดงถึงความผูกพันกับแบรนด์ที่นำเสนอผ่านการจัดแสดงนาฬิกาจากนักสะสมนาฬิกาแถวหน้าของเมืองไทย 10 ท่าน อาทิ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์, ปราสาท วิทยาภัทร์, ธนสาร วิจิตรกาญจน์ ฯลฯ ส่วน My Pride บอกเล่าเรื่องราวความภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองในวันนี้ของเซเลบริตี้ทั้ง 8 ท่าน ได้แก่ เจย์ สเปนเซอร์, จุลจักร จักรพงษ์, ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, กรุณ ซอโสตถิกุล, อภินรา ศรีกาญจนา, สรีนา ธีระวิทยภิญโญ, วฤธ หงสนันทน์ และ ชวัล เจียรวนนท์ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ต่อไป สอดคล้องกับแกรนด์ ไซโกที่เป็นความภาคภูมิใจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพราะเป็นแบรนด์นาฬิกาลักชัวรีหนึ่งเดียวที่ได้ไปร่วมงาน Watches and Wonders ซึ่งเป็นงานจัดแสดงนาฬิกาชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งการได้รับรางวัล GPHG ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลออสการ์ในวงการนาฬิกาลักซัวรี และ Grand Seiko Standard นั้นยังมีมาตรฐานความเที่ยงตรงที่สูงกว่ามาตรฐานจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพและมาตรฐานในระดับโลกอีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน คือ นิทรรศการฉลองความสำเร็จของนาฬิการุ่นไอคอนิก Sakura ขนาด 40 มิลลิเมตร ราคาเรือนละ 227,000 บาท กลไก Spring Drive ความเที่ยงตรงที่ +1-1 วินาทีต่อวัน สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดที่นำความงามอันแสนละมุนของสีชมพูอ่อน ๆ จากแพดอกไม้ Hana-Ikada (ฮานา-อิคาดะ) ที่ปรากฏขึ้นในช่วงเวลา Shunbun (ชุนบุน) ช่วงเวลาที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเกิดจากกลีบซากุระปลิวไปตามสายลมแล้วร่วงหล่นปกคลุมพื้นผิวของแม่น้ำ สะท้อนสัจธรรมแห่งธรรมชาติของเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเวลาผันเปลี่ยนไป
นอกจากนี้ภายในงานยังมี Grand Seiko Pop Up Café ที่มีเมนูพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบๆ สตูดิโอที่นำมาสร้างสรรค์เป็นหน้าปัดนาฬิกาแกรนด์ ไซโกรุ่นต่างๆ ซึ่งนับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ที่สนใจได้เข้ามาใกล้ชิดกับแบรนด์ในบรรยากาศเป็นกันเอง
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grandseikoboutiquethailand.com, Facebook: Grand Seiko Thailand official, Instagram: grandseikothailand, และ Line Official : Grand Seiko Thailand
วันตรุษจีน ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญเทศกาลหนึ่งของชาวจีน รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีน และเป็นวันแห่งสิริมงคล ดังนั้น เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยให้ปีมังกรนี้รุ่งโรจน์ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน และความรัก Roddonjai.com เว็บไซต์ซื้อ-ขายรถมือสองที่ได้มาตรฐานทั้งคุณภาพและราคา จึงคัดเลือก 4 เส้นทาง ขับรถโดนใจไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สุดฮิต เพื่อเป็นการเสริมมงคลและเพิ่มโชคลาภให้ชีวิตเฮง ๆ ปัง ๆ
เส้นทางแรก เริ่มที่กรุงเทพฯ แนะนำไหว้พระ ไหว้เทพ ที่ผสมผสานทั้งพุทธ พราหมณ์ และเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวจีน
เส้นทางที่สอง หากเบื่อฝุ่น ควันพิษ และรถติดในกรุงเทพฯ Roddonjai แนะนำขับรถคู่ใจไปขอพรรับอากาศดี ๆ เริ่มที่ พระนครศรีอยุธยา
เส้นทางที่สาม สำหรับผู้ศรัทธาพระแม่กวนอิม Roddonjai ขอแนะนำให้ขับรถไปสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ วิหาร อี่ ทง เทียน ไท้
ปิดท้ายเส้นทางที่ 4 ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
ไม่ว่าจะเลือกเดินทางขอพร หรือไปเที่ยวที่ไหนในช่วงตรุษจีน Roddonjai ก็ขอให้ทุกท่านขับรถด้วยความปลอดภัย โดยสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้คือ ต้องตรวจเช็คสภาพรถ และความพร้อมของรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ส่วนท่านใดที่เพิ่งได้รับโบนัสก้อนโตหรือมีแผนที่จะซื้อรถในฝันมาเติมเต็มทริปมหามงคล ในราคาที่จับต้องได้ และยังมีเงินเหลือไว้ช้อป ชิมระหว่างเดินทาง หรือตกแต่งรถเพิ่มเติม การเลือกซื้อรถมือสองจากแพลตฟอร์มที่ได้มาตรฐานเชื่อถือได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะที่ Roddonjai.com ที่ปัจจุบันมีรถมือสองในระบบให้เลือกมากกว่า 14,000 คัน จากพันธมิตรดีลเลอร์เต็นท์รถชั้นนำกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ การันตีการตรวจเช็คคุณภาพก่อนขึ้นขายจากคนกลางมาตรฐานสากลสูงสุด 274 จุด และหากอยากจัดสินเชื่อ รถทุกคันสามารถจัดสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วกับทีทีบีไดรฟ์ได้ด้วยโปรดอกเบี้ยพิเศษสำหรับ Roddonjai โดยเฉพาะ
เลือกขับรถมือสองที่ใช่จาก Roddonjai ท่องเที่ยวได้ทั้งทริปใกล้และไกลได้อย่างไม่ต้องกังวล มาทำความรู้จักกับเว็บไซต์ Roddonjai และเลือกเป็นเจ้าของรถคุณภาพโดนๆ กันได้แล้ววันนี้ ที่ https://www.roddonjai.com
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "Lifetime Partner 24: Driving Growth" เตรียมเดินหน้าซื้อคืนหุ้น 500 ล้านยูโร เมษายนนี้ พร้อมเผยความสำเร็จจากการเข้าซื้อบริษัท LIBERTY SEGUROS และ CONNING ช่วยสร้างผลกำไรกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดในประเทศสเปน โปรตุเกส และไอร์แลนด์ รวมถึงความสำเร็จด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและศักยภาพ
มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ 'Lifetime Partner 24: Driving Growth' เจนเนอราลี่พึงพอใจกับผลการดำเนินงานที่เติบโตพร้อมผลกำไรรวมถึงการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และจากการเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในฐานะบริษัทประกันภัยชั้นนำของยุโรป อีกทั้งยังเป็นการขยายธุรกิจด้านการจัดการสินทรัพย์ไปทั่วโลก พร้อมกันนี้ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เจนเนอราลี่ กรุ๊ป จึงได้เตรียมเสนอซื้อหุ้นคืนคิดเป็นมูลค่า 500 ล้านยูโร ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ครั้งถัดไปในช่วงเดือนเมษายน 2024 เพื่อแสดงถึงการให้ความสำคัญต่อการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นขององค์กร”
ธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ (Protection, Health & Accident) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม โดยคิดเป็น 22% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมรวมในปี 2022 ซึ่ง Generali Group คาดว่าธุรกิจด้านประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพความเป็นผู้นำของกลุ่มประกันภัยส่วนบุคคลในยุโรป การปรับปรุงและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อยู่เสมอ รวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท
โดยในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เข้าซื้อ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ลิเบอร์ตี้ เซกูรอส (LIBERTY SEGUROS) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาดให้กับเจนเนอราลี่ในประเทศสเปนและโปรตุเกส และยังนับเป็นการเติมเต็มการดำเนินงานให้กับเจนเนอราลี่ในคาบสมุทรไอบีเรีย ทั้งในแง่ของการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการจัดจำหน่าย ซึ่งการซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป สามารถสร้างผลกำไรในกลุ่มธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) ในประเทศไอร์แลนด์ และช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการแข่งขัน โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีได้กว่า 250 ล้านยูโรต่อปี ภายในปี 2029
นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ บริษัท คอนนิง (CONNING) เพื่อช่วยเร่งการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป และยังช่วยขยายตลาดเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงภูมิภาคเอเชียได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ด้านความร่วมมือระยะยาวที่ CONNING มีกับ CATHAY LIFE จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของคอนนิง ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินธุรกรรมได้อีกกว่า 70 ถึง 80 ล้านยูโร
ปัจจุบันเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความมั่นคงทางด้านการเงิน โดยยืนยันได้จากกระแสเงินสด และสถานะอันแข็งแกร่งตามกรอบกำกับความมั่นคงทางสภาพคล่องของกิจการ (Solvency 2) ด้วยกลยุทธ์การจัดการหนี้เชิงรุก และมั่นใจว่าในอนาคตธุรกิจในกลุ่มประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันมีผลมาจากการเสริมอัตราค่าธรรมเนียมและมาตรการทางเทคนิคที่นำมาใช้ตั้งแต่ปี 2022
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เร่งดำเนินการตามวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ประสานความร่วมมือกับ Zeroboard สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่น ในการยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และวัดคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรผ่านคลาวด์เทคโนโลยี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเราได้ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนจากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยที่ผ่านมา เราได้คำนวณพร้อมจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กรและรายงานต่อองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2560 อย่างไรก็ตาม การวัดค่าการปล่อยหรือการลดก๊าซเรือนกระจกจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Zeroboard ในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และวัดคาร์บอนฟรุตพริ้นท์ขององค์กร โดยหวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้กรุงศรีสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น”
นายมิชิทากะ โทเคอิจิ CEO ของ Zeroboard Inc. กล่าวว่า “Zeroboard มีการพัฒนาโซลูชันของเราให้ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้ขยายพื้นที่การให้บริการไปยังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเรา ให้แต่ละองค์กรสามารถเติบโตไปพร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตในห่วงโซ่อุปทานโลก ทั้งยังเป็นประเทศที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกรุงศรีและบริษัทในเครือในการวัดคาร์บอนฟุตพรินท์เพื่อเป็นแนวทางสู่การวางแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสังคมปลอดคาร์บอนในภูมิภาคนี้”
ทั้งนี้ Zeroboard เป็นแพลตฟอร์มการคำนวณและแสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ผ่านคลาวด์เทคโนโลยี โดยกรุงศรีจะนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลคาร์บอนที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ทั้งในส่วนของสำนักงาน และสาขาของธนาคารกรุงศรี รวมถึงบริษัทในเครืออีกกว่า 15 บริษัททั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยคำนวณค่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ค่า Emission Factor จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และชุดข้อมูลจากมาตรฐานสากล และยังสามารถคำนวณคาร์บอนฟุตปรินท์ในกรณีที่บริษัทในเครือที่อยู่ในประเทศอื่นในอาเซียน พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่หน้าแดชบอร์ดเพื่อการวิเคราะห์ผล ทั้งยังสามารถส่งข้อมูลออกเป็นเอกสารรายงานทั้งในรูปแบบสรุปผลและรายงานตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย
ฟูจิฟิล์ม คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือกับ World Press Photo Foundation องค์กรอิสระไม่แสวงหากำไรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มแบ่งปันภาพถ่ายจากช่างภาพข่าวและช่างภาพสารคดีทั่วโลกเพื่อเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของยุคสมัยผ่านภาพถ่ายอันทรงพลัง ฟูจิฟิล์ม ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพ พร้อมสนับสนุนการพัฒนาวัฒนธรรมการถ่ายภาพทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ ฟูจิฟิล์มสนับสนุนการประกวด World Press Photo Contest และนิทรรศการที่จัดขึ้นโดย World Press Photo Foundation ทั้งยังสนับสนุนกล้องดิจิทัลและอุปกรณ์ต่อไปนี้ให้แก่ผู้ชนะในแต่ละสาขาทั่วโลกในการประกวด World Press Photo Contest ทั้ง 4 ประเภท นอกจากนี้ฟูจิฟิล์มมีแผนที่จะจัดเวิร์กชอปใน 10 เมือง2 ทั่วโลกระหว่างการจัดนิทรรศการ World Press Photo อีกด้วย
- กล้องดิจิทัลมิเรอร์เลส (“FUJIFILM GFX100 II”)
- เลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ 2 ตัวสำหรับซีรีส์ GFX
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 2 ก้อน ("NP-W235")
- เครื่องชาร์จแบตเตอรี่แบบคู่ ("BC-W235")
“เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปีของฟูจิฟิล์มซึ่งตรงกับวันที่ 20 มกราคมปีนี้ เราได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่เพื่อช่วยยกระดับการเล่าเรื่องและการสื่อสารที่น่าเชื่อถือจากภาพถ่ายที่ทรงพลัง” มร.มาซาโตะ ยามาโมโตะ ผู้อำนวยการรองประธานบริหาร ผู้จัดการทั่วไป แผนกโซลูชันการถ่ายภาพ ฟูจิฟิล์ม คอร์ปอเรชั่น กล่าว "การร่วมมือกับมูลนิธิ World Press Photo Foundation ในครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนคนในวงการภาพถ่ายที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์"
“เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับฟูจิฟิล์ม ซึ่งเป็นบริษัทที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับเราในด้านการสนับสนุนชุมชนการถ่ายภาพที่นำเสนอเรื่องราวและรูปภาพสำคัญต่าง ๆ ของโลก” มิส จูมานา เอล เซน คูรี กรรมการบริหารของ World Press Photo Foundation กล่าวว่า “การผนึกกำลังของเราจะทำให้มูลนิธิเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งยังยกระดับคุณภาพนิทรรศการที่เราจัด และสนับสนุนวงการถ่ายภาพข่าวและถ่ายภาพสารคดีได้อย่างเป็นรูปธรรม”
ฟูจิฟิล์มมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการภาพถ่ายอย่างต่อเนื่องผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมคุณค่า ได้แก่ กล้องอินสแตนท์ในตระกูล Instax เครื่องพิมพ์สมาร์ตโฟน กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องดิจิทัลมิเรอร์เลสซีรีส์ X และ GFX System และฟิล์มภาพถ่าย นอกจากนี้ ในวงการการถ่ายภาพข่าว กล้องดิจิทัลมิเรอร์เลสของฟูจิฟิล์มยังได้รับการยอมรับจากมืออาชีพทั่วโลก รวมถึงเหล่าผู้ชนะการประกวด World Press Photo Contest ที่ผ่านมา
■ เกี่ยวกับมูลนิธิ World Press Photo Foundation
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2498 ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ World Press Photo Foundation ได้จัดการประกวด World Press Photo Contest เป็นประจำทุกปี ผลงานที่ชนะเลิศจะได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการจากนานาชาติ และได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการ World Press Photo ที่จัดขึ้นทั่วโลก โดยนิทรรศการ World Press Photo เป็นหนึ่งในนิทรรศการภาพถ่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อปี
■ เกี่ยวกับการประกวด World Press Photo Contest 2024 และนิทรรศการ World Press Photo
การประกวด World Press Photo Contest 2024 มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมากกว่า 60,000 ภาพจากช่างภาพมากความสามารถทั่วโลก หลังการพิจารณาอย่างเข้มข้นโดยคณะกรรมการจากนานาชาติ การประกาศผลผู้ชนะระดับภูมิภาคจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2567 และประกาศผลผู้ชนะระดับโลกทั้งสี่ประเภท1 ในวันที่ 18 เมษายน 2567 จากนั้นนิทรรศการ World Press Photo จะจัดขึ้นกว่า 80 เมืองทั่วโลก เริ่มที่อัมสเตอร์ดัมในวันที่ 19 เมษายน 2567 โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 4 ล้านคน
*1: รางวัลแต่ละประเภท ได้แก่ World Press Photo of the Year, World Press Photo Story of the Year, World Press Photo Long-Term Project Award และ World Press Photo Open Format Award
*2: ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เม็กซิโก ฯลฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท โลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิตโลตัส ขยายความคุ้มสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตโลตัส เมื่อเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก และสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ (เดิม) รวมกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศที่ร่วมรายการ และเลือกชำระเงินผ่านบัตรฯ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2567
ทีทีบี ชวนลูกค้าต่อยอดความมั่งคั่งรับปีมังกรกับบัญชี ทีทีบี เงินฝากประจำดอกเบี้ยด่วน 12 เดือน ล็อกดอกเบี้ยสูง 2.25% ต่อปีรับดอกเบี้ยทั้งก้อนใน 7 วัน นับจากวันที่ฝากเงิน พร้อมรับโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ฝากเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป รับฟรีบัตรของขวัญโลตัสหรือทองคำแผ่นมูลค่าสูงสุดกว่า 50,000 บาท ตามยอดเงินฝากที่ธนาคารกำหนด โปรโมชันตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2567
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าคนสำคัญ จัดแคมเปญ “ออมรับปีมังกร ล็อกดอกเบี้ยสูง พร้อมแจกทอง” สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา ที่เลือกออมกับ ทีทีบี ในผลิตภัณฑ์บัญชี ทีทีบี เงินฝากประจำดอกเบี้ยด่วน 12 เดือนลูกค้าจะได้รับเอกสิทธิ์เหนือระดับที่ธนาคารตั้งใจมอบให้ ได้แก่ 1) ล็อกดอกเบี้ยสูง 2.25% ต่อปี 2) ได้รับดอกเบี้ยทั้งก้อนภายใน 7 วัน นับจากวันที่ฝากเงิน 3) รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 1,000 บาท หรือ รับทองคำแผ่นฟรี ! มูลค่ากว่า 50,000 บาท เมื่อฝากเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ยิ่งฝากมากยิ่งได้ทองมาก โดยจะได้รับของขวัญตามยอดเงินฝากที่ธนาคารกำหนด โดยเปิดบัญชีครั้งแรกขั้นต่ำ 10,000 บาท และฝากเพิ่มครั้งต่อไปตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ยอดเงินฝากรวมทั้งบัญชีเดี่ยวและบัญชีร่วมต้องมียอดรวมกันไม่เกิน 200 ล้านบาท ต่อรายลูกค้า ตลอดระยะเวลาโปรโมชัน
พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ เมื่อฝากเงินกับบัญชี ทีทีบี เงินฝากประจำดอกเบี้ยด่วน 12 เดือน ตั้งแต่ 5 ล้านขึ้นไป รับเพิ่มบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 1,000 บาท (ลูกค้าใหม่ คือ ลูกค้าที่ยังไม่เคยมีบัญชีเพื่อออมของธนาคาร ได้แก่ บัญชี ทีทีบี โนฟิกซ์, บัญชี ทีทีบี มีเซฟ, บัญชี ทีทีบี เงินฝากประจำทุกประเภท อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2567)
สำหรับลูกค้าที่ร่วมโปรโมชันพิเศษ กับบัญชี ทีทีบี เงินฝากประจำดอกเบี้ยด่วน 12 เดือน จะได้รับของขวัญดังนี้
ยอดเงินฝากตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป รับบัตรของขวัญโลตัส มูลค่า 1,000 บาท
ยอดเงินฝากตั้งแต่ 20,000,000 บาทขึ้นไป รับทองคำแผ่น 96.5% น้ำหนัก 1 สลึง มูลค่า 8,537 บาท
ยอดเงินฝากตั้งแต่ 50,000,000 บาทขึ้นไป รับทองคำแผ่น 96.5% น้ำหนัก 2 สลึง มูลค่า 17,075 บาท
และยอดเงินฝากตั้งแต่ 100,000,000 บาทขึ้นไป รับทองคำแผ่น 96.5% น้ำหนักรวม 1 บาท 2 สลึง มูลค่า 51,225 บาท (1 สิทธิ์/ท่าน ตลอดระยะเวลาโปรโมชัน)
ทั้งนี้ มูลค่าทองคำแผ่นดังกล่าว อ้างอิงราคาทอง ณ วันที่ 25 มกราคม 2567 ตามข้อมูลของ Aurora โดยลูกค้าจะได้รับบัตรของขวัญหรือทองคำแผ่นตามยอดรวมเงินฝากที่มีมูลค่าสูงสุดภายในระยะเวลาโปรโมชัน
พิเศษยิ่งขึ้น เพียงฝากเงินเพิ่ม หรือมียอดรวมผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับธนาคารตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป รับสิทธิ์สมัครบัตรเครดิต ttb reserve พร้อมรับฟรี คะแนนสะสมประจำปีสูงสุด 180,000 คะแนน เมื่อมียอดรวมผลิตภัณฑ์ตามที่ธนาคารก
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.ttbbank.com/tdgoldpr หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ ttb reserve line 02-010-1428
นายอารภัฏ สังขรัตน์ (ที่สองจากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดี กับนายวิญญู ไชยวรรณ(ที่สามจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต ในโอกาสเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร ในชื่อย่อ “CREDIT” โดยมี นางสาวนลิน วิริยะเสถียร(ที่สองจากขวา) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)พร้อมด้วยทีมงาน ร่วมแสดงความยินดี ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ “Guardians of Good” ถ่ายทอดเรื่องราวความมุ่งมั่นของคนทรูที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางด้านความยั่งยืนของทรู คอร์ปอเรชั่น โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้คะแนนการประเมิน CSA (Corporate Sustainability Assessment) สูงสุดจาก 166 บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลกที่ได้เข้าร่วมการประเมินของ S&P Global และติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.true.th/blog/djsi/
การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศไทยกำลังเกิดขึ้นอย่างเร็วเร่ง สะท้อนจากการพัฒนาโครงข่าย 5G และปัญญาประดิษฐ์ โดย “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม ตลอดจนโซลูชั่นต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อนโยบายประเทศไทย 4.0
ด้วยภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานต่างๆ สอดรับกับหลักธรรมาภิบาลที่ดี (Good Governance) ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงตั้งฝ่ายตรวจสอบภายในและสืบสวนสอบสวน (Internal Audit & Investigation) นำโดย วรัญญา ชื่นพิทธยาธร ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบกระบวนการการควบคุมภายในต่างๆ ขององค์กร ให้เป็นตามนโยบายภายในองค์กร กฎเกณฑ์ภายนอก และมาตรฐานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เธอยังทำหน้าที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนเหตุแห่งพฤติการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ การทุจริตภายในองค์กร ซึ่งเป็นการปกป้องคุ้มครองชื่อเสียงและทรัพย์สินขององค์กร
วรัญญา ได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทและความท้าทายของ “ฝ่ายตรวจสอบภายในและสืบสวนสอบสวน” ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยสร้างพื้นฐานที่สำคัญขององค์กร ในการสนับสนุนให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น พิชิตเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำ Telecom-Tech Company ของภูมิภาค
ผู้พิทักษ์ความเที่ยงธรรม
วรัญญากล่าวถึงความสนใจงานด้านการตรวจสอบของเธอว่า เกิดขึ้นจากความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับการวิธีการในการดำเนินธุรกิจ การระบุความเสี่ยง และความโปร่งใสทางการเงิน นอกจากนี้ ด้วยธรรมชาติของการตรวจสอบที่เป็นพลวัตน์และโอกาสในการปรับปรุงธรรมาภิบาลองค์กร ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงดึงดูดให้เธอทำหน้าที่นี้” กล่าว
เธอย้ำว่า การรักษาความเที่ยงธรรม และความเป็นอิสระถือเป็นหัวใจสำคัญของานตรวจสอบภายใน ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานสามารถรักษาสถานะดังกล่าวไว้ได้ ทางฝ่ายได้มีการร่าง “กฎบัตรของฝ่ายตรวจสอบภายในและสืบสวนสอบสวน” (Internal Audit & Investigation Charter) ซึ่งกำหนดบทบาท ความรับผิดชอบ และแนวทางการรายงานอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ แผนการตรวจสอบภายใน มีความสอดรับกับเป้าหมาย คุณค่า และกลยุทธ์องกร ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญต่องานตรวจสอบภายใน ฝ่ายตรวจสอบภายในและสืบสวนสอบสวน จำเป็นต้องมีการรายงานต่อคณะผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการตรวจสอบ ตลอดจนคณะกรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
“ความเที่ยงธรรมและความเป็นอิสระ ถือเป็นคุณค่าสำคัญที่คนทำสายงานตรวจสอบภายในต้องรักษาไว้อย่างเข้มงวด โดยสมาชิกในทีม จะมีการตรวจสอบและประเมินผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปกป้องคุ้มครองผู้เกี่ยวข้อง ทำให้องค์กรดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกัน ยังคงรักษาไว้ซึ่งปราศจากอคติในการปฏิบัติงาน” เธออธิบาย
เฝ้าระวัง
วรัญญา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบภายในของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ใช้วิธีการตรวจสอบตามฐานความเสี่ยงเป็นแนวทาง ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินกระบวนการออกแบบ และความมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งพิจารณาทั้งด้านธรรมาภิบาลด้านไอที ความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปกป้องข้อมูล
ทั้งนี้ การประเมินความเสี่ยงจะดำเนินงานตามแผนการตรวจสอบภายใน โดยจะมีการทำงานร่วมกันอย่างกับฝ่ายปฏิบัติการ (first line of defense) และฝ่ายบริหาร (second line of defense) ซึ่งการประเมินดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดี
“เราพัฒนาช่องทางสื่อสารแบบเปิดให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกคนได้มีส่วนร่วม โดยจะมีการรายงานผลการตรวจสอบภายใน ต่อคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบยัง โดยการรายงาน มุ่งเน้นความครบถ้วนและกระชับรัดกุมของข้อมูล ระบุถึงประเด็น ผลกระทบ ตลอดจนข้อแนะนำ อย่างตรงเป้า ให้มุมมองต่อเคสต่างๆ ที่ค้นพบอย่างรอบด้าน” เธออธิบาย
ทั้งนี้ งานด้านตรวจสอบภายในของ ทรู คอร์ปอเรชั่น จะมีการติดตามผลการปรับปรุงตามข้อแนะนำในประเด็นที่ตรวจพบ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริหารดำเนินการตามแผนการปรับปรุงที่ให้ไว้ ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และมีการสื่อสารกระบวนการดังกล่าวกับผู้บริหารผ่านช่องทางการประชุม Management Committee อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในเป้าหมาย และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“เราอยู่ในโลกที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงบริการด้านโทรคมนาคม เพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว งานตรวจสอบภายในจึงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และกำหนดให้มีการพัฒนาความรู้ ความสามารถ ในการตรวจสอบภายใน โดยนำเอาเทคโนโลยีที่จำเป็นมาใช้ ผ่านการอบรมผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยี อาทิ RPA (Robotic Process Automation) ใช้ในงานตรวจสอบ นอกจากนี้ เรายังมีการประเมินและปรับใช้เทคโนโลยีในแนวทางการตรวจสอบต่างๆ เพื่อให้เท่าทันและสามารถคุมความเสี่ยงที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น” วรัญญากล่าว
วรัญญาและทีม ยืนหยัดต่อการทำหน้าที่พิทักษ์ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ความทุ่มเทเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นกลาง ความเป็นอิสระ ความสอดประสานเชิงกลยุทธ์ ตลอดจนความตั้งมั่นและเด็ดเดี่ยวในการประเมิน การควบคุม และการบริหารความเสี่ยง แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของงานตรวจสอบภายใน และสืบสวนสอบสวน ต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งธรรมาภิบาลองค์กรในยุคสมัยใหม่ ท่ามกลางพลวัตน์ของเทคโนโลยีที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย งานตรวจสอบภายในและสืบสวนสอบสวน พร้อมแล้วที่จะเดินไปพร้อมความสำเร็จขององค์กร ภายใต้หลักธรรมมาภิบาลที่ดี และพร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกยุคดิจิทัลแห่งอนาคต เพื่อมุ่งไปสู่การเป็น Digital Internal Auditor และ Trusted Data & Tech Advisor ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น
ฮอตสุดกว่าอากาศในช่วงนี้ก็คงไม่พ้นอีเว้นท์ใหญ่สุดของวงการอสังหาฯ ไทย ต้นปี 2567 เพราะแว่วมาว่า เปิดปีมังกรมหามงคลมาไม่เงียบเหงา เริ่มเปิดจองบูธปุ๊ปก็มีทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รายกลาง-เล็ก รวมทั้งสถาบันการเงิน ต่างๆ ให้ความสนใจ ตบเท้าร่วมยื่นข้อเสนอพร้อมขอจองบูธแล้วกว่า 60% ล่าสุดตอนนี้แบรนด์ที่จับจองพื้นที่มากสุด เจ้าใหญ่ตลาด ได้แก่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บมจ.แสนสิริ และบมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น
ด้านบอสมินท์ ภูมิภัทร พรหมมา ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 มั่นใจจะสามารถปิดยอดขายบูทได้ในเร็ววัน เนื่องจากงานนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ จะได้เร่งทำยอดขาย New high ในช่วงต้นปี พร้อมกันนี้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 67 จะเริ่มทำการจับฉลากบูธ ณ ห้องประชุม 109 BC&FG ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“งานนี้รับรองว่าโครงการคุณภาพ เต็มทุกพื้นที่ เตรียมพร้อมรับมือทุกความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ผู้จัดงานยังยกทัพของรางวัลมาแจกทุกวันภายในงาน รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท อีกทั้งยังลุ้นรางวัลใหญ่แจกรถยนต์ MG 5C และของแถมอื่นๆ ตลอดระยะเวลางาน 4 วัน ระหว่างวันที่ 21 – 24 มีนาคม 2567 ณ Hall 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” บอสมินท์ กล่าวชวน