การประชุมสุดยอดหัวเว่ย คลาวด์ ซัมมิท (Huawei Cloud Summit) ตอกย้ำความเป็นเลิศของหัวเว่ย คลาวด์ ด้านความเป็นที่สุดแห่งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI โดยงานประชุมจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘รุดหน้าสู่ความอัจฉริยะด้วยทุกสิ่งในรูปแบบบริการ’ (Accelerate Intelligence with Everything as a Service) ซึ่งมีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 รายจากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าร่วม เช่น ธุรกิจบริการเครือข่าย ธุรกิจการเงินและอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์เผย 10 นวัตกรรมสุดล้ำเพื่อ AI และความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านของผานกู่ โมเดล (Pangu Model) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ AI และประยุกต์ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมแต่ละสาขาเพื่อก้าวสู่ยุคอัจฉริยะได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายจิม ลู่ ประธานภูมิภาคยุโรปและรองประธานอาวุโสของหัวเว่ย กล่าวย้ำระหว่างสุนทรพจน์ว่า “ระบบอัจฉริยะจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ให้ยุโรปในทศวรรษหน้า เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีไอซีทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกปลดล็อกศักยภาพสู่ความอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อผนึกกำลังกับพันธมิตรในยุโรป เราจะพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและยุคอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

แจ็คเกอลีน สือ ประธานฝ่ายการตลาดและบริการขายระดับโลกของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า “หัวเว่ย คลาวด์ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทีมงานของเราทุกคนทุ่มเทเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดและนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เปิดตัว Could Region ในไอร์แลนด์, ตุรกี, อินโดนีเซีย, ซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงระบบคลาวด์ประสิทธิภาพสูงได้ง่ายขึ้น หัวเว่ยมีการรับรองด้านความปลอดภัยมากกว่า 120 ฉบับทั่วโลก มอบความมั่นใจว่าธุรกิจและข้อมูลของคุณจะปลอดภัย นอกเหนือจากการนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำ เรามุ่งผลักดันพาร์ทเนอร์ให้เติบโตไปพร้อมกัน และบรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยโครงการ GoCloud และ GrowCloud ในขณะที่ เทคโนโลยี AI ปัจจุบันกำลังพลิกโฉมทุกสิ่ง และเรามุ่งยืนหยัดในระดับแนวหน้าเพื่อวางรากฐานระบบคลาวด์ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ใน ทุกอุตสาหกรรมเพื่อพุ่งทะยานสู่ความอัจฉริยะ”

โมเดลพื้นฐานในปัจจุบันสร้างนิยามใหม่ของการผลิต, ปฏิสัมพันธ์, กระบวนทัศน์การบริการ และโมเดลธุรกิจสำหรับการใช้งานแบบดั้งเดิม AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือผลักดันการเติบโตของการประมวลผลบนคลาวด์ ถึงแม้ว่า AI จะมีศักยภาพมากมาย แต่การนำไปใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจต้องมีนวัตกรรมเชิงระบบที่เหมาะสม บรูโน จาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า “หัวเว่ย คลาวด์จะช่วยคุณด้วยสองกลยุทธ์หลัก กล่าวคือ AI for Cloud ที่ใช้ AI และโมเดลพื้นฐานในการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน โดยพลิกโฉมการพัฒนาซอฟต์แวร์ การผลิตคอนเทนต์ดิจิทัลและสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย และอีกข้อคือ Cloud for AI ที่ทำให้การใช้ AI ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยใช้นวัตกรรมเชิงสถาปัตยกรรม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ AI Native และการผสานข้อมูลกับ AI ทำให้การฝึกและใช้งาน AI มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย"

วิลเลียม ฟาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย คลาวด์ เน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ เนื่องจาก AI และโมเดลพื้นฐานพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็ว ลูกค้าต้องการการทำงานร่วมกันระหว่างสถาปัตยกรรมการประมวลผลที่ต่างกัน การประมวลผลแบบคลาวด์ เนทีฟ (Cloud Native) ประสิทธิภาพสูง พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัย การกำกับดูแลที่ลดความสูญเปล่า และความยืดหยุ่นด้านการใช้งาน เมื่อโมเดลพื้นฐานขยายไปสู่การใช้งานที่กว้างขึ้น การประมวลผลบนคลาวด์จะช่วยบ่มเพาะนวัตกรรมและการพัฒนาโมเดล AI ดังนั้น การผสานการทำงานระหว่าง AI กับคลาวด์จะปลดปล่อยศักยภาพความอัจฉริยะให้รุดหน้า โดยหัวเว่ย คลาวด์มุ่งมั่นผลักดันการบูรณาการนี้ให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสูงสุดของลูกค้า

ในการประชุมสุดยอดหัวเว่ย คลาวด์ ซัมมิท หัวเว่ย คลาวด์เปิดตัว 10 นวัตกรรมล้ำสมัยที่มุ่งรองรับ AI ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สำหรับ AI อย่างแท้จริง

คูเวิร์ส (KooVerse): หัวเว่ย คลาวด์มี Availability Zone (AZ) 85 แห่งใน 30 ภูมิภาค ในกว่า 170 ประเทศ โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลกนี้ครอบคลุมการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ที่ลดค่าความหน่วงลงเหลือเพียง 50 มิลลิวินาที

สถาปัตยกรรมชิงเทียนแบบกระจาย (Distributed QingTian architecture): โมเดลพื้นฐานต้องการทรัพยากรการประมวลผลเพิ่ม 10 เท่าทุก 18 เดือน ซึ่งเหนือกว่ากฎของมัวร์ (Moore's Law) มาก เพื่อรับมือความท้าทายนี้ สถาปัตยกรรมชิงเทียนแบบกระจายได้พัฒนาจากสถาปัตยกรรมหลักและรองแบบดั้งเดิม และเนื่องจากสร้างบนบัสความเร็วสูง (Unified Bus) ชิงเทียนจึงก้าวข้ามขีดจำกัดด้านการประมวลผล พื้นที่จัดเก็บ และเครือข่ายในกลุ่มแกนหลักการประมวลผล AI ขั้นสูงที่ประมวลผลด้วยเครือข่ายแบบ peer-to-peer ด้วยฐานข้อมูลต่างชนิดกัน

การประมวลผล AI (AI compute): บริการ AI บนคลาวด์ขนาดมหึมาและเสถียรภาพสูง รองรับการฝึกโมเดลพื้นฐานได้ในระดับล้านล้านพารามิเตอร์ ทำการฝึกอบรม AI บนคลัสเตอร์ที่มีการ์ดนับพันใบต่อเนื่องได้เป็นเวลา 30 วัน โดยประสิทธิภาพการทำงานสูงถึง 90% มีช่วงเวลาหยุดให้บริการไม่เกิน 10 นาที ใช้การประมวลผลผ่านผานกู่ โมเดล (Pangu Model) มากกว่า 100 ชุด พร้อมด้วยโมเดลโอเพนซอร์สขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงแล้ว 100 รายการ

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ AI-Native (AI-Native storage): โมเดลการฝึกอบรมต้องการข้อมูลมหาศาล หัวเว่ย คลาวด์รับมือกับความต้องการนี้ด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ บริการหน่วยความจำ EMS ที่จัดเก็บพารามิเตอร์หลายเพตะไบต์ด้วยแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่ถึง 220 TB พร้อมค่าความหน่วงต่ำระดับไมโครวินาที; บริการ Cache SFS Turbo พร้อมประสิทธิภาพการประมวลผลเหนือระดับและทำงานพร้อมกันด้วยความเร็วหลายสิบล้าน IOPS ทำให้บันทึกข้อมูล 1 พันล้านรายการในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง จากเวลาปกติ 100 ชั่วโมง และแหล่งเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Object Storage Service (OBS) ที่ลดต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลการฝึกอบรมและการอนุมานลงถึง 30%

การรักษาความปลอดภัย E2E (E2E security): วงจรการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมสภาพแวดล้อมการทำงานของโมเดลทั้งข้อมูลการฝึก, โมเดล, เนื้อหาที่สร้างขึ้นและแอปพลิเคชัน เพิ่มความมั่นใจได้ว่าจะเป็นโมเดลและแอปพลิเคชันที่มีความเสถียร ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อกำหนด

เกาส์ดีบี (GaussDB): คลังข้อมูลยุคใหม่พร้อมใช้งาน ทั้งยังเปี่ยมประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, ความยืดหยุ่นและความอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังปรับใช้งานและโยกย้ายได้ง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาปัตยกรรมแบบกระจายที่รองรับความต้องการระดับองค์กร ยกระดับความพร้อมใช้งานด้วยจุดกู้คืนข้อมูล (RPO) คลัสเตอร์คู่แบบ zero intra-city, แยกการขัดข้องระหว่างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างสมบูรณ์โดยไม่หยุดการทำงาน เกาส์ดีบี (GaussDB) ได้รับการรับรองความปลอดภัยระดับ CC EAL4+ ซึ่งเป็นระดับความปลอดภัยสูงสุดในอุตสาหกรรม สำหรับระบบอัตโนมัติ เกาส์ดีบี (GaussDB) ยกระดับการโยกย้ายฐานข้อมูล การใช้งาน และการโยกย้ายในรูปแบบฐานข้อมูล AI เนทีฟชุดแรกของโลก

ดร. นิโคส เอ็นตาร์มอส ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฐานข้อมูล สถาบันซอฟต์แวร์ส่วนกลางของหัวเว่ย กล่าวย้ำว่า GaussDB เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ด้านฐานข้อมูลของหัวเว่ยเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี นอกจากนี้ศักยภาพการบริการระดับองค์กรอันเป็นที่ยอมรับมานานกว่า 30 ปี GaussDB จึงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้ใช้คลาวด์ทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการด้านธุรกรรมและการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง

การผสานระหว่าง Data และ AI (Data-AI convergence): ปลดปล่อยศักยภาพเต็มรูปแบบของโมเดลพื้นฐาน จาก “Data+AI” เป็น “Data4AI และ AI4Data” หัวเว่ยคลาวด์ เลคฟอร์เมชัน (Huawei Cloud LakeFormation) รวมข้อมูลมหาศาลจาก Data Lake หรือคลังสินค้าหลายแห่ง และสามารถใช้ชุดข้อมูลเพียงชุดเดียวกับกลไกการวิเคราะห์ข้อมูลและกลไก AI อื่น ๆ โดยปราศจากการโยกย้ายข้อมูล ก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง DataArts, ModelArts และ CodeArts จากนั้นจัดระเบียบและกำหนดข้อมูลและขั้นตอนการทำงานของ AI ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะขับเคลื่อนการฝึกอบรมแบบออนไลน์และการอนุมานด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ กลยุทธ์ AI4Data ทำให้การกำกับดูแลข้อมูลมีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น ตั้งแต่การบูรณาการข้อมูล การพัฒนา ไปจนถึงการจัดการคุณภาพและสินทรัพย์

โครงสร้างพื้นฐานสำหรับสื่อ (Media infrastructure): หัวเว่ย คลาวด์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสื่อที่เปี่ยมประสิทธิภาพเพื่อรองรับยุคทองของการสร้างคอนเทนต์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) และอินเทอร์เน็ต 3 มิติ (3D Internet) ที่มอบประสบการณ์สดใหม่และพลิกโฉมวงการโดยสิ้นเชิง เจมี หลู ประธานฝ่ายบริการสื่อหัวเว่ย คลาวด์ เผยว่า หัวเว่ย คลาวด์ ปรับโฉมและบูรณาการบริการด้านสื่อด้วยโซลูชันล้ำสมัยที่ออกแบบเฉพาะอุตสาหกรรม ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ Huawei Cloud MetaStudio รวมบริการผลิตคอนเทนต์ที่มาพร้อม Workspace และมนุษย์เสมือนจริงจาก AIGC ช่วยเพิ่มคุณภาพและย่นเวลาการผลิตเนื้อหา ในด้านประสบการณ์โซลูชัน Huawei Cloud Live, Low Latency Live และ SparkRTC มอบประสบการณ์ไลฟ์สดที่น่าจดจำ และในด้านการพลิกโฉมวงการสื่อ หัวเว่ย คลาวด์มอบบริการ AIGC และ 3D space ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ ทุกบริการดังกล่าวช่วยต่อยอดธุรกิจและยกระดับประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้น

การจัดการพื้นที่ใช้งาน (Landing Zone): ลูกค้าองค์กรใช้งานและจัดการทรัพยากรได้ดีขึ้นบนหัวเว่ย คลาวด์ ด้วยการบริหารแบบควบรวมทั้งบัญชีผู้ใช้ ข้อมูลส่วนตัว สิทธิ์การใช้งาน เครือข่าย การกำกับดูแล และการจัดการต้นทุน โดยระบบคลาวด์แบบ multi-tenancy ทำให้การทำงานร่วมกันทั้งด้านบุคลากร การเงิน ทรัพยากร สิทธิ์การใช้งานและการปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยราบรื่นแบบไร้รอยต่อ

การใช้งานที่ยืดหยุ่น (Flexible deployment): ศักยภาพและบริการของผานกู่ โมเดล (Pangu Model) สามารถใช้งานได้ในระบบคลาวด์สาธารณะ ระบบคลาวด์ส่วนตัวและระบบคลาวด์แบบไฮบริด กล่าวคือลูกค้าสามารถสร้างและใช้งานแพลตฟอร์ม AI และโมเดลพื้นฐานบนคลาวด์ส่วนตัวขององค์กรในศูนย์ข้อมูลบนหัวเว่ย คลาวด์ สแต็ก (Huawei Cloud Stack) ซึ่งเป็นโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริด

นอกเหนือจากการเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำทั้ง 10 ประการ หัวเว่ย คลาวด์ได้ย้ำกลยุทธ์การบูรณาการเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟและเทคโนโลยี AI เพื่อขับเคลื่อนความรุดหน้าด้านเทคโนโลยีและการใช้งาน AI อย่างกว้างขวางทั่วโลก ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ บรูโน จาง เปิดตัว Global Leap Program โดย Cloud Native Elite Club (CNEC) ภายใต้แนวคิด “เติบโตก้าวกระโดดด้วยคลาวด์เนทีฟและ AI” (Leap with Cloud Native × AI) เพื่อจุดประกายความคิดผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคนิค การอภิปรายเชิงลึกและหลักปฏิบัติสู่ความสำเร็จ

มุ่งทรานส์ฟอร์เมชัน แบบรอบด้าน ชู Ecosystem Play เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้ลูกค้าแบบครบวงจร

บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัย ดิจิทัลเต็มรูปแบบ (Pure Digital Insurance) แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้เครือบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายกิตตินันท์ ภู่พงศ์พันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) และนายพุทธา วิริยะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย ไอบี จำกัด ตอกย้ำแนวคิด ซื้อตรง ถูกชัวร์ ไม่ผ่านตัวแทนมอบโปรโมชันพิเศษ พ.ร.บ. ออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียง 499 บาทต่อปี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม  - 31 ธันวาคม 2567  ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน สะดวก รวดเร็ว ซื้อได้ด้วยตัวเองเพียงไม่กี่ขั้นตอน ไม่กี่นาที พร้อมรับกรมธรรม์ได้ทางอีเมล ข้อมูลจะส่งตรงเข้ากรมการขนส่งทางบกแบบเรียลไทม์ สามารถนำไปต่อภาษีออนไลน์ได้ทันที 

ผู้สนใจสามารถซื้อพ.ร.บ. รถยนต์ราคาพิเศษของ Insurverse ได้ตลอด 24 ชม. ผ่าน https://insurverse.co.th/car-insurance/compulsory/ 

กรุงเทพประกันชีวิต ออกประกันสะสมทรัพย์ใหม่ “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ให้เลือก 3 แบบ ตามระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการทั้งแบบ 15 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง  หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญา รับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมกับ 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และเพิ่มความอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ หากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา รับเพิ่มสูงสุด 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เพื่อดูแลคนข้างหลังให้อุ่นใจด้วยความคุ้มครองที่มั่นคง นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ จ่ายตามจริงสูงสุด 5 เท่าของเบี้ยประกันชีวิตรายเดือนต่อครั้งที่เข้ารักษา

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การซื้อประกันชีวิตเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับการวางแผนการเงิน ซึ่งควรพิจารณาเป้าหมายของตนเองตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน ไม่ว่าจะเพื่อสร้างครอบครัว, มีบุตร, เป็นทุนในการประกอบธุรกิจ จนถึงการวางแผนเพื่อใช้หลังเกษียณ อย่างไรก็ตาม การเลือกประกันชีวิต นอกจากคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากการได้รับเงินคืนเมื่อครบสัญญาแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความสามารถในการเบิกค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ กรุงเทพประกันชีวิต จึงได้ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ตัวใหม่ล่าสุด “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ที่นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ยังมอบความคุ้มครองเพิ่มเติมด้านอุบัติเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกย่างก้าวของการดำเนินชีวิตจะได้รับความคุ้มครองรอบด้านเพื่อให้แผนการออมเงินไปสู่ความสำเร็จ โดยมีแบบประกันให้เลือกตามระยะเวลาที่ต้องการ 3 แบบ คือ  กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9 , 18/12  และ 21/15   โดยรับประกันตั้งแต่อายุ 15 – 65 ปี ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ

สำหรับรายละเอียดของแบบประกัน กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9  มีระยะเวลาเอาประกันภัย 15 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี เมื่อมีชีวิตจนครบสัญญารับเงินคืน 115% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง กรุงเทพ สุดคุ้ม 18/12  ระยะเวลาเอาประกันภัย 18 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 12 ปี รับเงินคืน 118 % ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และ กรุงเทพ สุดคุ้ม 21/15 ระยะเวลาเอาประกันภัย 21 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี รับเงินคืน 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญารับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมกับ 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง นอกจากนี้กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ รับเพิ่มอีก 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุ จ่ายตามค่าใช้จ่ายจริง สูงสุด 5 เท่าของเบี้ยประกันชีวิตรายเดือน (ต่อครั้งที่เข้ารักษา)

“กรุงเทพ สุดคุ้ม” เป็นแบบประกันที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน จากระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่แตกต่างกันตามเป้าหมายของลูกค้าแต่ละราย โดยสามารถเลือกชำระได้ทั้งแบบรายเดือน, ราย 3 เดือน, ราย 6 เดือน จนถึงรายปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลตามที่กรมสรรพากรกำหนดได้อีกด้วย

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สร้างผลงานยอดเยี่ยมบนโลกโซเชียลมีเดีย ติดอันดับแบรนด์ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด คว้ารางวัล FINALIST สาขา BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA กลุ่มธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยว สาขา Food & Snacks ในงาน Thailand Social Award 2024 ครั้งที่ 12 จัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียล ด้วยการวัดประสิทธิผลด้านการสื่อสารผ่านช่องทางหลักและช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ เก็บคะแนนใน 2 รูปแบบ คือ Online Creators และ Celebrities โดย Online Creator จะทำการเก็บข้อมูลจากสื่อช่องทางของตนเอง (Owned) จาก 5 แพลตฟอร์มหลัก คือ Facebook, Instagram, X, TikTok และ YouTube  และ Celebrities จะทำการเก็บข้อมูล Owned จาก Official Account และช่องทางที่คนพูดถึงแบรนด์หรือสินค้า (Earned) จาก Person Keyword

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้รับรางวัลนี้อีกครั้ง ปัจจุบันโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของทุกคน ไม่เพียงแค่ช่องทางการสื่อสาร แต่ยังเป็นสิ่งเชื่อมต่อและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค ทำให้เห็นพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น นำไปสู่การคิดค้นกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการพัฒนาคอนเทนต์ต่างๆ และแคมเปญที่ส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับแบรนด์

ปี 2566 โครงการ ‘ไก่ไทยจะไปอวกาศ’ สร้างกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ระดับโลก เพียงเปิดตัวสร้างปรากฏการณ์จำนวนของการโพสต์ถึง 1,300 ล้านครั้ง ภายในเวลา 1 เดือน ทำให้แฮชแท็ก #ไก่ไทยจะไปอวกาศกับซีพี #CPMissiontoSpace ทะยานขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ X Thailand อันดับ 3 เทรนด์ X Worldwide ขณะที่หนังโฆษณา 'ครั้งแรกของโลก! ไก่ไทยจะไปอวกาศ กับ ซีพี' มียอดผู้ชมมากกว่า 100 ล้านวิวในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สร้างความเชื่อมั่นแก่คู่ค้าเพิ่มขึ้นจากการตอบรับสินค้ามากกว่า 1,000 ร้านค้า ภายใน 1 เดือน

ด้าน แคมเปญ ‘ไข่ตุ๋น CP’ ที่ได้ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล พรีเซ็นเตอร์ขวัญใจคนรุ่นใหม่ ด้วยหนังโฆษณาสุดน่ารักชวนพักซอฟต์ใจ พร้อมกลยุทธ์การสื่อสารด้านการตลาด ที่มียอดวิวสูงกว่า 26 ล้านวิวในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และยังนำนวัตกรรม AR สร้างภาพสามมิติให้ทุกคนได้พักใจกับ ไข่ตุ๋น CP เพียงสแกนบนสื่อโฆษณาและสื่อ ณ จุดขาย พร้อมทั้ง แพลตฟอร์มใหม่ อย่าง ZEPETO โดยเลือกไอเท็มสุดพิเศษจากแบรนด์เพียง 30 วัน มีผู้เข้าร่วมเล่นเกม ทุบสถิติมากกว่า 14 ล้านยูสเซอร์ เป็นแคมเปญการตลาดผ่านโฆษณาภายในโลกเสมือนจริง ที่มีการเข้าชมสูงสุด อันดับ 2 ของโลกในปีที่ผ่านมา

ส่วน แคมเปญที่ประสบความสำเร็จ คือ ‘CP โบโลน่า สไปซี่’ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ศิลปินเบอร์ 1 ของยุค ร่วมถ่ายทอดความเผ็ดร้อนและรสชาติแปลกใหม่ของผลิตภัณฑ์ สร้างปรากฏการณ์ #ซีพีโบโลน่าพริกxพีพี ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ X Thailand ภายใน 14 นาที ยอดรีโพสต์มากกว่า 40,000 ครั้ง สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการโฆษณาของไทยอีกด้วย

ซีพีเอฟ มุ่งผลิตและส่งมอบอาหารคุณภาพ ปลอดภัย มาตรฐานระดับโลก ควบคู่กับการคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ นวัตกรรม (Innovation) สุขภาพ (Wellness) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Planet) ตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมกับศึกษาความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อนำมาต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งออกแบบการสื่อสารและสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและเทรนด์ต่างๆ

“แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์” แนะ 5 ปัจจัยในการเลือกซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่าตอบโจทย์พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเช่ามากกว่าซื้อ

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการเป็นเลิศ  จัดงาน “Best Garage & Surveyor Awards 2023” มอบรางวัลอู่ซ่อมรถยนต์และบริษัทสำรวจภัยที่สร้างผลงานคุณภาพในด้านการบริการลูกค้ายอดเยี่ยม โดยยึดหลักการบริการเป็นเลิศ รวดเร็ว มุ่งสะท้อนคุณภาพของการให้บริการภายใต้ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ เชิดชูอู่ซ่อมรถยนต์และบริษัทสำรวจภัย เพื่อพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นไป

นายลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า “หัวใจของการดำเนินธุรกิจของเราคือ การให้บริการลูกค้าที่เหนือความคาดหมาย เรามุ่งพัฒนาการทำงานในทุกด้านเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ง่ายและรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น เรายังส่งเสริมและผลักดันพันธมิตรของเราให้ส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าบนมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ที่เรามีพันธมิตรหลักในการให้บริการลูกค้าเป็นอู่ซ่อมรถและบริษัทสำรวจภัย จำนวนมากกว่า 800 อู่/บริษัทซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วถึงภาคประเทศไทย การจัดงานมอบรางวัล “Best Garage & Surveyor Awards” ถือเป็นการมอบการขอบคุณและเพื่อเป็นกำลังใจให้กับบริษัทและคนทำงานของบริษัทสำรวจภัยและอู่รถยนต์ที่ส่งมอบบริการที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น นำประโยชน์สูงสุดมาสู่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันรถยนต์ของเรา”

พิธีมอบรางวัล “Best Garage & Surveyor Awards 2023” แบ่งรางวัลออกเป็น 2 ประเภท คือ รางวัลมอบให้กับอู่ซ่อมรถยนต์ ยอดเยี่ยม โดยมีเกณฑ์การตัดสิน ได้แก่ ค่าซ่อมที่เหมาะสม ยุติธรรม มีการจัดซ่อมอย่างรวดเร็ว ภายในกำหนดนัดหมายกับลูกค้า มีการให้บริการพิเศษ บริการเปิดเคลม ขัดสีรอบคัน รับประกันงานซ่อม 1 ปี การซ่อมตามมาตรฐานและมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม ไม่มีเรื่องร้องเรียนการบริการ และรางวัลมอบให้กับบริษัท สำรวจภัย ยอดเยี่ยม โดยมีเกณฑ์การตัดสิน ได้แก่  การเดินทางถึงสถานที่เกิดเหตุภายใน 25 นาที (นับจากได้รับแจ้ง) ช่วยรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า และอยู่เคียงข้างลูกค้าเสมอ ปฏิบัติตามข้อกำหนดการทำงานอย่างครบถ้วน แนะนำขั้นตอนและอู่ซ่อม ตรวจสอบเคลมตามเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างถูกต้อง ให้บริการที่ดีเยี่ยม ไม่มีเรื่องร้องเรียนการบริการโดยทั้ง 2 รางวัล แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มตามภูมิภาค พื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก และภาคใต้

รายชื่ออู่ซ่อมรถและบริษัทสำรวจที่ได้รับรางวัลมีดังนี้

สำหรับอู่ซ่อมรถยนต์ ที่ได้รับรางวัล อู่ซ่อมรถยนต์ ยอดเยี่ยม ได้แก่

  • ภาคกลาง ได้แก่

อันดับ 1 บริษัท เจ.เค. รุ่งเรือง จำกัด

อันดับ 2 บริษัท ส.รุ่งเจริญกลการ จำกัด

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชอบ การาจ

  • ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ได้แก่

อันดับ 1 รุ่งอนันต์ เซอร์วิส

อันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ตราดเจริญยนต์ เซอร์วิส

อันดับ 3 บริษัท เจ.ซี เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ 

อันดับ 1 บริษัท มิตรอารีย์ขอนแก่น(2009) จำกัด

อันดับ 2 อู่ ยนต์ไพศาล

อันดับ 3 บริษัท ค.การยนต์ ขอนแก่น จำกัด

  • ภาคเหนือ ได้แก่

อันดับ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด หมื่นการช่าง

อันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด อู่ เจ.พี เซอร์วิส

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนัทยนตรกิจ

  • ภาคใต้ ได้แก่

อันดับ 1 อู่ มนัสการาจ

อันดับ 2 บริษัท ภูเก็ตค้าสี จำกัด

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็น.เค.ยนตรกิจ

 

สำหรับบริษัท สำรวจประกันภัย ที่ได้รับรางวัล บริษัท สำรวจประกันภัย ยอดเยี่ยม ได้แก่

  • ภาคกลาง ได้แก่

อันดับ 1 บริษัท เซ็นเตอร์เคลม แอนด์ ลอว์ จำกัด

อันดับ 2 บริษัท สยามเอ็กซ์เพรส เซอร์เวร์ จำกัด

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.เค เคลม 2019 แอนด์ เซอร์เวเยอร์

  • ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ได้แก่

อันดับ 1 บริษัท พัทยาเคลม แอนด์ เซอร์วิส จำกัด

อันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีราชาเคลม เซอร์วิส

อันดับ 3 บริษัท เค.พี.เอ็น.เซอร์เวย์ จำกัด

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ 

อันดับ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด โสภณอินเตอร์เคลม (2015)

อันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด สมบูรณ์ทรัยพ์กฎหมายและสำราจภัย

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด กสิณเซอร์วิส

  • ภาคเหนือ ได้แก่

อันดับ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เซอร์เวย์ฮับ

อันดับ 2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิษณุโลก ออโต้เคลม

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด อยุธยาไทยอินเตอร์เคลม

  • ภาคใต้ ได้แก่

อันดับ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่มาสเตอร์เคลม

อันดับ 2 บริษัท สำรวจภัยสุราษฎร์ธานี (2548) จำกัด

อันดับ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด เมืองสุราษฎร์ เซอร์เวย์

อู่ซ่อมรถยนต์ ที่ได้รับรางวัลจะได้รับโล่เกียรติยศ และป้ายโครงการ อู่ Best Garage Allianz Ayudhya และ บริษัทสำรวจภัยได้รับรางวัลจะได้รับ โล่เกียรติยศ และรางวัลอันทรงคุณค่า พร้อมประกาศนียบัตรโดยจะมอบให้พนักงานเซอร์เวย์ที่ให้ความร่วมมือในบริการดีมากด้านงานบริการ

บริษัทฯ หวังว่าการมอบรางวัล Best Garage and Surveyor Awards  2023 ให้กับอู่ซ่อมรถยนต์และบริษัทสำรวจภัยในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างสัมพันธภาพในการทำงานร่วมกัน สร้างกำลังใจและแรงผลักดันในการพัฒนาการบริการให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้รับความสะดวก รวดเร็วเหนือความคาดหมายให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ณ งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส บาร์เซโลนา ประจำปี 2567 (Mobile World Congress 2024 – MWC) หัวเว่ยคว้ารางวัล GSMA Foundry Excellence Awards 2024 ในสาขาผู้ประสานงานในภาคอุตสาหกรรม (Industry Collaborator Award) จากคุณริชาร์ด ค็อกเคิล ผู้นำคนปัจจุบันของ GSMA Foundry โดยรางวัลบนเวทีระดับสากลครั้งนี้สะท้อนความร่วมมือของหัวเว่ยในนวัตกรรมหลากหลายด้านในปีที่ผ่านมา อาทิ เครือข่ายโทรคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี 5G New Calling ตลอดจนร่วมสนับสนุนการผนึกกำลังระหว่างพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรม โดยมีดร. ฟิลิป ซอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่าย และนายลีโอ หม่า ประธานการตลาดคลาวด์คอร์เน็ตเวิร์กเป็นตัวแทนจากหัวเว่ยเพื่อขึ้นรับรางวัล

ในปีพ.ศ. 2566 หัวเว่ยได้ร่วมมือกับพันธมิตรอุตสาหกรรมชั้นนำหลายสิบรายเพื่อสนับสนุน GSMA Foundry ในหลากหลายโครงการที่มีนวัตกรรม ซึ่งรวมถึงโครงการ ‘ก้าวสู่โลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: สร้างผลลัพธ์มากขึ้นจากการทำงานที่น้อยลง’ (Towards Green: Doing More with Less) และโครงการ ‘5G New Calling’ โดยโครงการดังกล่าวจะผนึกกำลังระหว่างผู้นำในอุตสาหกรรมชั้นนำเพื่อร่วมเผยแพร่กรณีศึกษาและสมุดปกขาวในหลายหัวข้อ โดย GSMA Foundry จัดการประชุมสุดยอดผู้นำหลายครั้งผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเร่งรับมือกับความท้าทายที่ภาคอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญ

หนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดที่ประสบความสำเร็จในโครงการ GSMA Foundry คือโซลูชันการพัฒนาด้านกรีน 1-2-3 หรือเครือข่ายการสื่อสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมอบ “1” หนึ่งดัชนีให้กับลูกค้าต่อ “2” สองสถานการณ์ประหยัดพลังงาน (ระหว่างสถานะการทำงานและสถานะหยุดนิ่ง) และโซลูชันสถาปัตยกรรม “3” สามระดับ (ครอบคลุมเรื่องการดำเนินงาน, เครือข่ายและไซต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) โดยโซลูชันดังกล่าวได้เพิ่มศักยภาพผู้ให้บริการ เพื่อส่งมอบเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสามารถขยายเครือข่ายและข้อเสนอการบริการที่ครอบคลุมไปพร้อม ๆ กัน นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมบรรลุเป้าหมายด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

โซลูชัน 1+3+N สำหรับบริการโทรออกหรือรับสายด้วยเสียงของหัวเว่ย ถือเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์สำคัญจากการผนึกกำลังกับ GSMA Foundry โดยได้มอบศักยภาพการใช้งานเครือข่ายที่รองรับการใช้งานด้านเสียงและมัลติมีเดีย (IP Multimedia Subsystem - IMS) รวมถึงแพลตฟอร์ม New Calling (NCP), ฟังก์ชันด้านสื่อที่มีการควบรวม (Unified Media Function - UMF) และฟังก์ชันการสื่อสารหลากหลายช่องทาง (Multimodal Communications Function - MCF) โดยศักยภาพการใช้งานดังกล่าวสามารถรองรับบริการ New Calling ได้หลายรูปแบบ อาทิ การโทรด้วยเสียงหรือวิดีโอความละเอียดสูง, ประสบการณ์ใช้งานแบบมีส่วนร่วม, และการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยแพลตฟอร์มการใช้งานดังกล่าวสามารถมอบศักยภาพเหนือระดับของเครือข่าย, รองรับการสื่อสารในหลากหลายสถานการณ์ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแนวดิ่งเพื่อพัฒนาบริการใหม่ที่ตอบโจทย์เรื่องการแปลแบบเรียลไทม์, ความบันเทิงระหว่างการโทร (fun calling), การโทรพร้อมวิดีโอ และการถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบอัตโนมัติ

ด้วยเครือข่ายเหล่านี้ ผู้ใช้งานทั่วไปจะสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การโทรติดต่อด้วยเสียงและวิดีโอที่เหนือระดับ ในขณะที่ผู้ใช้งานระดับองค์กรจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าทางธุรกิจและสังคมให้เพิ่มขึ้นได้

GSMA Foundry คือแพลตฟอร์มส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ ที่มุ่งปลดล็อกศักยภาพเครือข่ายการเชื่อมต่อ โดยสมาชิกสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) และผู้เล่นในอุตสาหกรรมสามารถร่วมระดมความคิดเพื่อพัฒนาโซลูชันที่ใช้งานได้จริง เพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที, บ่มเพาะแนวคิดสดใหม่ผ่านการทดลองเชิงพาณิชย์, และขยายโซลูชันที่เปี่ยมประสิทธิภาพทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อปูทางให้แก่อนาคตทางดิจิทัล

หัวเว่ยให้การสนับสนุนแพลตฟอร์ม GSMA Foundry มาอย่างยาวนาน สืบเนื่องจากการมุ่งส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ของ 5G หัวเว่ยมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานและผู้ให้บริการเครือข่าย ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไอซีทีในสถานการณ์การใช้งานและภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้น

โมบายล์ เวิลด์ คองเกรส บาร์เซโลนา ประจำปี พ.ศ. 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 กุมภาพันธ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา, ประเทศสเปน, โดยหัวเว่ยจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันสุดล้ำที่บูธ 1H50 ใน Fira Gran Via ฮอลล์ 1

เพื่อรองรับการเปิดตัว 5.5G เชิงพาณิชย์ในปีพ.ศ. 2567 หัวเว่ยจับมือผู้ให้บริการและพาร์ทเนอร์ทั่วโลกเพื่อค้นหานวัตกรรมใหม่ด้านเครือข่าย, เทคโนโลยีคลาวด์, และระบบอัจฉริยะ เราจะร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ 5G และส่งเสริมอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://carrier.huawei.com/en/events/mwc2024

กระทรวงดีอี - ดีป้า พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร ในนาม TH.ai จัดงาน TH.ai Forum EP01: AI Trend in Agriculture เดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเอไอในทุกมิติ โดยเริ่มต้นจากภาคเกษตรกรรม คาดกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศสามารถเข้าถึงและเข้าใจเทคโนโลยีเอไอ ก่อนนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง ตรงจุด และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดและส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้เทคโนโลยีเอไอในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ประเทศไทยยังขาดแคลนเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่เกิดจากการพัฒนาโดยฝีมือคนไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ

ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อน 5 องค์ประกอบสำคัญเพื่อให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดังกล่าว และรองรับความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเอไอจากนอกประเทศ (AI Importer) การส่งเสริมการพัฒนาเอไอภายในประเทศ (AI Provider) การประยุกต์ใช้เอไอเพื่อพัฒนาบริการดิจิทัล (AI Distributor) การยกระดับกำลังคนดิจิทัลสาขาเอไอ (AI Manpower) การสร้างความตระหนักรู้แก่คนไทยเพื่อประยุกต์ใช้เอไออย่างปลอดภัย (AI User) และควรวางแนวทางการประยุกต์ใช้เอไอในด้านต่าง ๆ เช่น Generative AI Guideline, Responsible AI Guideline, AI Ethics Guideline Synthesis AI Guideline และ AI Algorithms Guideline

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) โดย ดีป้า จึงได้ร่วมกับ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย หอการค้าไทย บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด และ บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ในนาม TH.ai (Thailand Artificial Intelligence) จัดงาน TH.ai Forum EP01: AI Trend in Agriculture เพื่อเปิดมุมมอง พร้อมขับเคลื่อนแนวทางส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีเอไอมาประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในทุกอุตสาหกรรม โดย EP01 เริ่มต้นกับอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเอไอของประเทศร่วมงานโดยพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าวมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘AI Trends in Agriculture Industry’ โดย นายพิชัย องค์วาสิฏฐ์ Data Platform Director บริษัท ซีพีเอฟ ไอทีเซ็นเตอร์ จำกัด (AXONS) และ การเสวนาในหัวข้อ ‘AI Startup Revolutionizing Agriculture’ โดย ดร.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ซีอีโอ บริษัท ลิสเซินฟิลด์ จำกัด (ListenField) นายสมพล สุนทระศานติก Head of Hardware Engineering บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด (HiveGround) และ นายภูวินทร์ คงสวัสดิ์ ซีอีโอ บริษัท อีซีไรซ์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด (EASYRICE)

เครือข่าย TH.ai เป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีเอไอของประเทศในทุกมิติผ่านแผนการส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนาที่ชัดเจน ซึ่ง TH.ai หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมภายใต้เครือข่ายที่จัดขึ้นจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศสามารถเข้าถึงและเข้าใจเทคโนโลยีเอไอ ก่อนนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและตรงจุด อีกทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศในอนาคตผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

นอกจากงาน TH.ai Forum ที่จัดขึ้นในวันนี้ ก่อนหน้านี้ เครือข่าย TH.ai ได้จัดกิจกรรมระดมความคิดเพื่อค้นหาความต้องการใช้เอไอของภาคเอกชน และหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมภายใต้เครือข่ายอีก 3 ครั้ง โดยเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและการดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ (Tourism and Services) และอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์และซอฟต์พาวเวอร์ (Digital Content and Soft Power) ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดของกิจกรรมได้ทาง Facebook Page: depa Thailand และ LINE OA: @depaThailand

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงดีอี โดย ดีป้า อยู่ระหว่างเสนอให้มีการปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) และร่วมจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานด้านเอไออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

X

Right Click

No right click