ประกาศรางวัล 50 สุดยอดผลิตภัณฑ์ความงามแห่งปี การันตีจากผู้ใช้จริง พร้อมกางแผนธุรกิจรุกตลาดบิวตี้เมืองไทย ตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่อง คาดปี 67 รายได้โตอย่างก้าวกระโดด

ชวนคนไทยวางแผนสุขภาพและการเงิน เพื่อชีวิตที่ทุกคนเลือกเองได้

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม  ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เคทีซีได้เปิดตัวโครงการ “เคลียร์หนี้” เป็นครั้งที่ 15 เพื่อตอบแทนความมีวินัยให้กับสมาชิกสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ทุกประเภท ทั้งวีซ่า มาสเตอร์การ์ด และยูเนี่ยนเพย์ รวมทั้งบัตรกดเงินสด “เคทีซี พี่เบิ้ม มอเตอร์ไซค์” เพื่อเป็นกำลังใจและแบ่งเบาภาระให้กับสมาชิกเคทีซีกว่า 700,000 ราย อย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)  เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพียงครั้งเดียว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 - 31 ธันวาคม 2567 สามารถรับสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลได้ตลอดปี 2567 ถึง 600 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท รางวัลที่ 1 บัตรกำนัลส่วนลดค่าใช้จ่ายเพื่อเคลียร์หนี้ จำนวน 12 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบๆ ละ 1 รางวัล)  รางวัลที่ 2 บัตรกำนัลส่วนลดค่าใช้จ่ายเพื่อลดหนี้ จำนวน 588 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบๆ ละ 49 รางวัล)”

“สมาชิกบัตรกดเงินสดเคทีซี สามารถเข้าร่วมรับสิทธิ์ในโครงการเคลียร์หนี้ได้ โดยแบ่งสิทธิ์เป็น 2 ประเภทคือ สิทธิ์ใช้ดี:  รับ 1 สิทธิ์ จากยอดการใช้วงเงินสินเชื่อฯ (รูด-โอน-กด-ผ่อน) ทุกๆ 2,000 บาท และคงค้างสินเชื่ออย่างน้อย 15 วันติดต่อกันทุกวันนับจากวันที่มียอดการใช้วงเงินสินเชื่อ (ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์) และสมาชิกฯ ชำระหนี้ไม่น้อยกว่ายอดเรียกเก็บขั้นต่ำและชำระภายในวันครบกำหนดชำระเงินในรอบนั้นๆ  สิทธิ์จ่ายดี:  รับ 1 สิทธิ์ สำหรับสมาชิกฯ ที่ชำระหนี้ไม่น้อยกว่ายอดเรียกเก็บขั้นต่ำและชำระภายในวันครบกำหนดชำระเงินในรอบนั้นๆ และไม่เป็นสมาชิกฯ ที่ได้รับสิทธิ์ใช้ดี โดยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/cleardebt2024 หรือช่องทาง SMS พิมพ์ OK67 เว้นวรรคตามด้วยหมายเลขบัตรกดเงินสดฯ 16 หลัก ส่งไปที่ 061-384-5000 หรือลงทะเบียนผ่านทาง KTC Touch หรือแอปพลิเคชัน “KTC Mobile”  

ผู้สนใจสมัครบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” คลิก https://ktc.today/KTC-PROUD สมัครบัตรกดเงินสด “เคทีซี พี่เบิ้ม มอเตอร์ไซค์” คลิก https://ktc.today/PBerm-Apply สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ KTC PHONE 02 123 5000 กด 0 กด 2

ทรู ดิจิทัล อคาเดมี จัดเสวนา Shaping Your HR Strategy 2024” เผยเทรนด์การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล ที่ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เพียงแต่สรรหาบุคลากร สร้างแรงจูงใจให้ทำงานอย่างมีความสุข  แต่ต้องไม่หยุดพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เพื่อตอบสนองการทำงานได้อย่างเหมาะสม และทำให้คนที่มีความหลากหลายทำงานร่วมกันได้อย่างยั่งยืน  ซึ่งงานเสวนาครั้งนี้ เหล่าผู้บริหาร HR จากองค์กรชั้นนำให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังมุมมองจากเหล่ากูรูทั้ง คุณอาทิ สุบรามาเนียน Partner บริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี, คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาอิสระ ด้านการพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร และ ดร. ชนนิกานต์ จิรา ผู้อำนวยการ ทรู ดิจิทัล อคาเดมี  

ภารกิจ“คน” ที่ต้องเสริมแกร่งทักษะดิจิทัล ร่วมขับเคลื่อนองค์กร

ดร. ชนนิกานต์ จิรา ผู้อำนวยการ ทรู ดิจิทัล อคาเดมี   เผยมุมมองเรื่องของเทคโนโลยียังเป็นทักษะที่สำคัญ โดยเทคโนโลยีในบริบทของ AI หมายถึงการทำอย่างไรให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล โดยที่คนไม่ต้องเข้าใจการเขียนโค้ดเองให้ยุ่งยาก แต่ต้องมีความเข้าใจที่จะใช้ AI ให้ได้อย่างเต็มที่ อีกประเด็นคือ AI Big Data ในบริบทของการนำ Big Data มาตอบโจทย์การตัดสินใจทางธุรกิจให้ดีขึ้น ท้ายที่สุดเรื่องของความสร้างสรรค์ ที่ปัจจุบัน AI สามารถเข้ามาช่วยออกแบบได้แล้ว แต่มนุษย์ยังต้องพัฒนาทักษะในการเขียนคำสั่งให้ AI เข้าใจว่าเราต้องการสร้างสรรค์ผลงานแบบใด และสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับ HR คือ การตรวจสอบคำตอบของ AI นั้น ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นการพัฒนาคนให้มีทักษะด้านดิจิทัล จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่ทุกองค์กรต้องใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อน ทรู ดิจิทัล อคาเดมี จึงได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยจัดการทรัพยากรบุคคล โดยการยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรและองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ให้สามารถรับมือดิจิทัล ดิสรัปชันต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

องค์กรยุคใหม่มีความซับซ้อนต่างจากเดิม ต้องมีวิธีการรับมือแบบใหม่

คุณอาทิ สุบรามาเนียน Partner บริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี ฉายภาพความซับซ้อนขององค์กรว่า ที่ผ่านมาได้เห็นการรวมธุรกิจเกิดขึ้นหลายแห่ง การจัดโครงสร้างองค์กรและวิธีพัฒนาทักษะบุคลากรในปัจจุบัน กำลังขัดขวางการตอบสนองอย่างรวดเร็วขององค์กร จากการสำรวจผู้นำองค์กรกว่า 25,000 คน จากองค์กรที่มีพนักงานกว่า 1,000 คน ระหว่างปลายปี 2022 ถึง 2023 ในรายงานเรื่อง The State of Organizations 2023 ของ McKinsey สรุปผลได้ 10 ข้อ ดังนี้ 1. การเพิ่มความเร็วและเสริมความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเทรนด์แรกที่เข้ามา บางครั้งองค์กรยังล่าช้าเพราะต้องรอการอนุมัติ ทำให้คำว่า Agile ถูกนำมาใช้ ทั้งวิธีการทำงานร่วมกันหรือเพิ่มอำนาจและบทบาทให้กับพนักงานดูแลเพื่อสร้างความคล่องตัว เป็นต้น 2. การทำงานแบบฮบริด จากการสำรวจ 4 ใน 5 คนจาก 80% ระบุว่า การทำงานไฮบริดสำคัญมาก และเป็นตัวเลือกอันดับที่ 2 ในการเลือกที่ทำงาน 3. การให้ AI เข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงาน เป็นกระแสที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่มี ChatGPT ซึ่ง AI ถูกนำมาใช้ในการคัดกรองใบสมัครเบื้องต้น ทำให้ช่วยลดใบสมัครที่ไม่เกี่ยวข้องได้กว่า 70% 4. การมีกฎใหม่ของการดึงดูด การรักษา และการละทิ้ง องค์กรต้องคิดต่างจากเดิม มีตัวอย่างจากธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยังคงรักษาความสามารถมนุษย์ไว้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนทุกสิ่ง ทั้งกฎระเบียบ การกำหนดแรงจูงใจ ทำให้การทำงานมีความสนุกสนาน นอกจากนี้วัฒนธรรมดังกล่าวยังถูกส่งต่อไปยังลูกค้ากลายเป็นคุณค่าที่ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างมีเป้าหมาย 5. ช่องว่างด้านความสามารถ โดยเฉพาะด้านดิจิทัลจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมมากขึ้น จะเห็นได้ว่าสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก กำลังเร่งพัฒนาทักษะด้านนี้ 6. การวางคนที่เหมาะสมกับงาน จะช่วยเพิ่มโอกาสของความสำเร็จในการจัดการทรัพยากรบุคคลได้มากกว่า 80% คนเพียงคนเดียวไม่สามารถทำงานได้ทั่วทั้งองค์กร การวางคนให้เหมาะสม จะช่วยขับเคลื่อนคุณค่าให้กับตัวพนักงานและองค์กรได้เป็นอย่างดี 7. ภาวะผู้นำที่ตระหนักรู้ในหน้าที่ตนเองและรู้วิธีสร้างแรงบันดาลใจ ยิ่งผู้นำสามารถตระหนักรู้ข้อผิดพลาดของตนเองและแก้ไข จะช่วยส่งเสริมให้เป็นผู้นำมีศักยภาพที่สูงขึ้น 8. ความก้าวหน้าในด้านความหลากหลาย การไม่แบ่งแยก ความเสมอภาคในทุกบริบท จะช่วยทำให้องค์กรและการทำงานไม่เกิดความแตกแยกอย่างไม่เป็นธรรม 9. สุขภาวะที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน การดูแลและใส่ใจเรื่องสุขภาวะทำให้การทำงานราบรื่นมีประสิทธิผลที่ดี และ 10. การวางแผนกำลังคน แน่นอนว่าจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพด้วยจำนวนคนที่น้อยลง ซึ่งจะสะท้อนถึงความสามารถของทีมทรัพยากรบุคคลอีกด้วย

ESG ช่วยพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

อีกความท้าทายขององค์กรคือเรื่อง ESG คุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ผู้ เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาอิสระ ด้านการพัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากร กล่าวว่า ต้องมอง ESG จากตัวบริบทของธุรกิจว่าจะนำ ESG มาเปลี่ยนแปลงธุรกิจได้อย่างไร เพื่อให้สามารถขยายตัวและคงอยู่ต่อไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน E - Evolution คือ มิติของการขับเคลื่อนธุรกิจในเชิงของการเพิ่ม Productivity ทำอย่างไรจึงจะประหยัดพลังงาน หรือการหมุนเวียนกลับมาใช้ได้อีกครั้ง S - Social Ability คือ โอกาสในการขายที่ขยายกว้างขึ้น และ G - God คือ โอกาสของการทำธุรกิจให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นโอกาสของการเติบโตไปยังต่างประเทศแบบยั่งยืน หากองค์กรมี ESG Profile ที่ดี ก็จะสร้างบริษัทให้มีชื่อเสียงระดับมาตรฐานสากลได้ ดังนั้นการนำ ESG เข้ามาอยู่ในบริบทการบริหารองค์กรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนจึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ ปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนจาก Physical ไปสู่โลก Virtual บริบทที่ต้องมองต่อไปคือ 1. ทำอย่างไรจึงจะนำ ESG เข้ามาควบคุมการดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม 2. ทำอย่างไรจึงจะสร้างความภักดีให้กับแบรนด์ได้ ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่หนึ่ง 3. มองโลกธุรกิจให้เป็นระบบนิเวศที่ครบถ้วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนทั้งอุตสาหกรรม ด้านการนำ AI มาใช้ในบริบทของคน ต้องกลับมาดูว่าประโยชน์จริงๆ ในการดูแลองค์กรคืออะไร ทั้งสิ่งที่ต้องตัดออก สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นอัตโนมัติ สิ่งที่ยังต้องใช้มนุษย์ทำงาน การอัปสกิล-รีสกิล เพื่อให้องค์กรสามารถมุ่งไปข้างหน้าได้ การรับพนักงานใหม่อาจไม่ใช่ทางออกเสมอไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องการดูแลเด็กรุ่นใหม่ให้ทำงานร่วมกับคนหลากหลายรุ่นอายุที่แตกต่างกัน จะต้องมีบริบทของ Diversity Interchange เพื่อให้ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด ดังนั้นประโยชน์จาก AI จะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น เช่น การสกรีนดูว่าใบสมัครถูกก็อบปี้มาจากที่ใด  การช่วยรวบรวมเนื้อหาที่ต้องการ การช่วยลดเวลาในการวิเคราะห์ และการคาดการณ์ โดยหน้าที่ของมนุษย์คือ การพัฒนาทักษะให้สามารถควบคุมและสั่งการให้ AI ทำงานได้ตามต้องการ และสุดท้ายคือการพัฒนา AI ให้กลายเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้คนสามารถทำงานได้เร็วขึ้น

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย นางแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 4 จากขวา) พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ นายชูฉัตร ประมูลผล (คนที่ 4 จากซ้าย) ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมทั้งอวยพร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. เพื่อพัฒนาธุรกิจประกันชีวิตให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับคุณภาพฝ่ายขายให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด ตามนโยบายหลักของบริษัทฯ ในการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง พร้อมทั้งเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

รวมพลังตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ

เมื่อเร็วๆ นี้ นายพีรวัส ทองประไพ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและรักษาเขตทาง 1 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานในกิจกรรมการสร้างชุมชนเครือข่ายเป็นมิตรกับทางพิเศษ และกิจกรรมการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับอัคคีภัยทางพิเศษประจิมรัถยา ประจำปี 2567 ณ โรงเรียนฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

นายพีรวัส ทองประไพ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและรักษาเขตทาง 1 กทพ. กล่าวว่า ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการเสริมสร้างสังคมในพื้นที่รอบเขตทางพิเศษให้เกิดความเข้มแข็ง ความสามัคคี และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและชุมชนรอบเขตทางพิเศษ โรงเรียน และหน่วยงานอื่น ๆ รอบเขตทางพิเศษอย่างยั่งยืนลดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ชุมชนช่วยดูแลพื้นที่รอบเขตทางพิเศษ โดยการจัดกิจกรรมการสร้างชุมชนเครือข่ายเป็นมิตรกับทางพิเศษ และกิจกรรมการฝึกซ้อมการป้องกันและระงับอัคคีภัย ทางพิเศษประจิมรัถยา ประจำปี 2567 ในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานเขตตลิ่งชัน สถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน โรงเรียนฉิมพลี และชุมชนหมู่บ้านพัฒนาหมู่ 7 ฉิมพลี เข้าร่วมกิจกรรมการฝึกซ้อมป้องกันและระงับอัคคีภัยในวันนี้ ซึ่ง กทพ. ต้องขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยในวันนี้ ได้จัดให้ความรู้วิธีการดับเพลิง การฝึกซ้อมขั้นตอนอพยพกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยฟื้นคืนชีพ (First Aid & CPR) ให้กับนักเรียนและชาวชุมชนรอบเขตทางพิเศษ ในการป้องกันและระงับอัคคีภัยรวมถึงให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดอัคคีภัย พร้อมทั้งได้มอบมอบอุปกรณ์ถังดับเพลิงจำนวน 8 ถัง และของที่ระลึกให้กับชุมชนหมู่บ้านพัฒนาหมู่ 7 ฉิมพลี และมอบถังดับเพลิงจำนวน 8 ถัง อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์การเรียน และของที่ระลึกให้กับโรงเรียนฉิมพลี อีกด้วย

“กิจกรรมการสร้างชุมชนเครือข่ายเป็นมิตรกับทางพิเศษ และกิจกรรมการฝึกซ้อมการป้องกันและ ระงับอัคคีภัยทางพิเศษประจิมรัถยา ในวันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าการทางพิเศษฯ กับชุมชนรอบเขตทางพิเศษ มีความร่วมมือที่ดีต่อกัน ผมหวังว่ากิจกรรมในวันนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างการทางพิเศษฯ และชุมชนรอบเขตทางพิเศษ ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลดพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้ชุมชนช่วยกันดูแลพื้นที่รอบเขตทางพิเศษ โดยการทางพิเศษฯ ก็จะจัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ต่อไป” นายพีรวัส ฯ กล่าวในท้ายที่สุด

เผลอแป๊บเดียวก็จะเข้าสู่ปีใหม่แล้ว หลายๆ คนคงกำลังเตรียมของขวัญชิ้นพิเศษให้กับคนที่รัก รวมถึงตัวเราเอง ซึ่ง “ประกัน” ถือเป็นของขวัญอีกหนึ่งชิ้นที่มีคุณค่ามอบแทนความรักความห่วงใย แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าประกันแบบไหนจะเหมาะกับตัวเราหรือคนที่รัก GEN HEALTHY LIFE ขอแนะนำประกัน 4 สไตล์มาให้เลือก     

เริ่มที่ “ประกันแบบตลอดชีพ” (Whole Life Insurance) เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เช่น 5, 10, 15 หรือ 20 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองตลอดชีวิต และหากผู้ทำประกันอยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินทุนประกันคืน แต่หากผู้ทำประกันเสียชีวิตก่อนครบสัญญา ผลประโยชน์ก็จะถูกส่งมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เป็นมรดกของลูกหลานในอนาคต โดยประกันรูปแบบนี้เหมาะกับหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระยะยาว เป็นประกันหลักที่ควรต้องมีเพราะด้วยความคุ้มครองที่ยาวนานและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ถัดมา “ประกันแบบสะสมทรัพย์” (Endowment Insurance) หนึ่งในประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำแล้วได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า และได้เงินคืนมากกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป อีกทั้งจุดเด่นของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ยังช่วยสร้างวินัยในการออมและได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน จึงเหมาะสำหรับกลุ่มคนหนุ่ม สาวที่ต้องการเก็บเงินในระยะยาว เพื่ออนาคตอันสดใสในวัยเกษียณ และอีกหนึ่งประกันที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน คือ “ประกันชีวิตแบบบำนาญ” (Annuities Insurance) ที่จะช่วยให้หมดความกังวลใจเรื่องเงินออมหลังเกษียณ เพราะประกันในรูปแบบดังกล่าว สามารถให้ความคุ้มครองในรูปแบบประกันชีวิต และสามารถเก็บเปิดเงินออมมอบเป็นบำนาญ และสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย  

สุดท้ายคือ “ประกันควบการลงทุน” (Unit Linked Insurance) เป็นอีกหนึ่งประกันเสริมที่ควรมี และเป็นประกันที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุน แต่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงไว้เยอะ ได้รับผลตอบแทนตามความเสี่ยงที่เลือกลงทุน และที่สำคัญประกันควบการลงทุนจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเงินของเราไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยเพิ่มพูนผลกำไรให้กับเราได้ในอนาคต  

ใครที่กำลังมองหาของขวัญชิ้นพิเศษ ลองนำประกันไปเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก หรือต้องการศึกษาเรื่องประกัน ชมได้ที่ Gen Healthy Life และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://generali.co.th/ หรือผ่านตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทฯ ทั่วประเทศ * อย่างไรก็ตามผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง 

กระทรวงดีอี โดย ดีป้า เตรียมมอบประสบการณ์เหนือระดับไปกับดิจิทัลคอนเทนต์ฝีมือคนไทยในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ชู depa Digital Content Zone ที่มาพร้อมแนวคิด Digital Soft Power เสิร์ฟสาระและความบันเทิงผ่าน Home Sweet Home เกมผีสัญชาติไทยที่โด่งดัง ลุ้นรับผลงานคาแรกเตอร์ฝีมือคนไทย ร่วมมีทแอนด์กรี๊ดกับ น้องไอช่า Virtual Idol ชื่อดัง และสนุกสนานไปกับการประกวดคอสเพลย์ในธีม Thai Soft Power พร้อมรับของที่ระลึกมากมาย แล้วพบกันวันที่ 13 มกราคมนี้ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า วันเด็กแห่งชาติปีนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) โดย ดีป้า จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด เรียนดี มีความสุข ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่ง ดีป้า พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรจะร่วมนำเสนอกิจกรรมต่าง ๆ ในคอนเซปท์ Digital Soft Power โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์สุดตื่นเต้น น่าประทับใจ พร้อมรับสาระความรู้ และร่วมสนุกไปกับดิจิทัลคอนเทนต์ฝีมือคนไทยแบบจัดหนักจัดเต็มใน depa Digital Content Zone

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้สัมผัสประสบการณ์ขนหัวลุกไปกับ ‘Home Sweet Home’ เกมผีสัญชาติไทยที่โด่งดังจาก Yggdrazil Group (อิ๊กดราซิล กรุ๊ป) ที่น้อง ๆ ทุกคนจะได้ลองเล่น ลองหลอนไปกับความสยองขวัญที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของผีไทย ลุ้นรับผลงานคาแรกเตอร์สวย ๆ ฝีมือนักพัฒนาชาวไทยเป็นที่ระลึกกลับบ้านร่วมมีทแอนด์กรี๊ดกับ ‘น้องไอช่า’ Virtual Idol ชื่อดังจาก Aisha Channel ที่จะมาเปิด Fan Meeting ภายในงาน และสนุกสนานไปกับการประกวดคอสเพลย์ในธีม ‘Thai Soft Power’ พร้อมรับของที่ระลึกมากมายจาก ดีป้า และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงดีอี

“กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลปีที่ผ่านมา กิจกรรม NATIONAL CHILDREN’S ESPORTS DAY ดวลมันส์..วันเด็ก ของ ดีป้า ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากน้อง ๆ เยาวชน พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนทั่วไป สำหรับกิจกรรมในปีนี้ ดีป้า จะนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านดิจิทัลคอนเทนต์ และ Virtual Reality (VR) เพื่อให้น้อง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ รับสาระและความบันเทิง รวมถึงแรงบันดาลใจในการเปิดโลกแห่งอาชีพในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดจะสอดคล้องไปกับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567 ‘มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย’ จาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

 

แล้วพบกันที่ depa Digital Content Zone ในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจร่วมประกวดคอสเพลย์สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://short.depa.or.th/zwVvB

X

Right Click

No right click