ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุดของภาคใต้ Southern Innovation and Technology Expo (SITE2024) งานที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำด้านพลังงาน ดิจิทัล อาหารและการเกษตร และสุขภาพแบบครบวงจร โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางสาวพิมพ์ภัทนา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน

ภายในงานนี้ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้ร่วมจัดตั้งบูธนิทรรศการภายใต้คอนเซ็ปต์ “นวัตกรรมปูนซีเมนต์รักษ์โลก” นำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงเชื้อเพลิงทางเลือก ซึ่งเป็นเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573 และความมุ่งมั่นดำเนินงานขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทฯ

นอกจากนั้นยังมีการบรรยายแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในหัวข้อ ‘Green Cement for Greener Future’ โดยนายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และนางสาวสุจินตนา วีระรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทั้งด้านการถ่ายทอดนวัตกรรม เทคโนโลยี และเรื่องราวความสำเร็จของกลุ่มบริษัทฯ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:00 - 13:45 น. ณ เวที Convention Hall

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุดของภาคใต้ Southern Innovation and Technology Expo (SITE2024) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/SITE2024/ ดูข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจจากปูนซีเมนต์นครหลวง ได้ที่เว็บไซต์ https://siamcitycement.com/thailand/th/home และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/INSEEGroup/ 

FWD ประกันชีวิต ประกาศความสำเร็จในงาน FWD Agency Year Plan 2024 ฉลองผลงานช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2566* ยอดเยี่ยม ขึ้นแท่นเบี้ยประกันอันดับ 2 และผลงานตัวแทนเติบโตกว่า 19% ตั้งเป้ายกระดับธุรกิจประกันชีวิต เพิ่มมาตรฐานความเป็นมืออาชีพให้ตัวแทน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเสริมแกร่งทั้งทีมขายและบริการลูกค้า

จากข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2566* รายงานว่า FWD ประกันชีวิต ครองอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิต ด้วยมูลค่าเบี้ยรับรายใหม่** มากถึง 19,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 32 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมีอัตราการเติบโตจากเบี้ยรับรายใหม่ สูงถึงร้อยละ 19 ในขณะที่ภาคธุรกิจโดยรวมเติบโตร้อยละ 4

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและกัมพูชา บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต เปิดเผยถึงการจัดงาน FWD Agency Year Plan 2024 ในปีนี้ว่า “ผมขอขอบคุณในพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวแทนประกันชีวิตทุกคน ที่สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในปีผ่านมา  ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่าย ทำให้เกิดผลสำเร็จอันน่าประทับใจในปี 2566 ที่ผ่านมา”

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ขยายบทบาทความรับผิดชอบในการดูแล FWD ประกันชีวิต ทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 นับเป็นโอกาสและความท้าทายอย่างยิ่ง สำหรับเป้าหมายในปี 2567 เรายังคงมุ่งมั่นเพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาเป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า และนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการ ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์  และช่วยให้ตัวแทนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อยกระดับความเป็นมืออาชีพ พร้อมรองรับการขยายทีมตัวแทน และดึงดูดคนเก่งมีฝีมือ เข้ามาเสริมทัพตัวแทนให้แข็งแกร่ง”  นายเดวิด กล่าวสรุป

*ที่มา: สมาคมประกันชีวิตไทย

** เบี้ยรับรายใหม่ = เบี้ยประกันภัยรับปีแรกบวก 10% จากเบี้ยประกันภัยรับครั้งเดียว

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลใหญ่ระดับนานาชาติ จาก Global Economics Awards 2023 ในสาขา 1. “Best Marketing Campaign in Insurance” และ 2. “Best Distribution Channel in Insurance” โดยมีคุณมนต์นิดา มุสิกบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางคู่ค้า (คนขวา) และคุณกาญจนา อนันตสมบูรณ์ รองประธาน สื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม (คนซ้าย) เป็นตัวแทนเข้ารับมอบรางวัล ซึ่งรางวัลนี้เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบริษัทฯ ที่ประสบความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของฝ่ายขายมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในทุกๆ ด้าน พร้อมทั้งยังสนับสนุนด้านการฝึกอบรม และการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับฝ่ายขาย เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของเรา รวมถึงการเป็นผู้นำในด้านแบรนด์ของธุรกิจประกันชีวิต ที่มีความโดดเด่น และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของทุกคน สอดคล้องกับนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

โดยรางวัล Global Economics Awards 2023 เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บริษัท สถาบันการเงิน และบริษัทประกันชีวิต ที่ดำเนินกิจการอย่างโดดเด่นในด้านต่าง ๆ และมีคุณค่าต่อภาคเศรษฐกิจในระดับโลก

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัทฯ สามารถติดตามได้ที่ www.krungthai-axa.co.th หรือ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

เพราะทุกคนมีภาพความงดงามของกรุงเทพฯ ในใจที่แตกต่างกัน ครั้งแรกกับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ที่กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้คอนเซปต์ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ชวนทุกคนมาออกแบบและแชร์ไอเดียสีสันของกรุงเทพฯในแบบที่คุณอยากเห็น ให้กรุงเทพฯสดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์กับทุก ๆ รูปแบบของการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตง่ายได้ทุกวัน พบกันได้ตั้งแต่ 27 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ

นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงเทพฯไม่เพียงเป็นเมืองหลวง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดลการพัฒนาในหลายมิติ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกรุงศรีพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีศักยภาพสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยอย่างแท้จริง ซึ่งเทศกาล Bangkok Design Week 2024 ครั้งนี้ก็มีโจทย์สนุก ๆ กับแนวคิดที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็น Livable scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดีที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์กรุงศรีที่อยากเห็นทุกคนมี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” เราไม่เพียงดูแลในเรื่องทางการเงิน แต่ยังอยากเห็นทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันมากยิ่งขึ้น”

“กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ออกแบบผลงานดังกล่าวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วม โดยการให้คนนึกถึงกรุงเทพฯ เชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานได้ฉุกคิดกับคำถาม อยากเห็นกรุงเทพฯสีอะไร และนำทุกคนเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯในสีที่อยากเห็นผ่านกิจกรรมการถ่ายภาพ พร้อมสรุปผลของผู้เข้าร่วมชมงานกับสีของกรุงเทพฯที่ทุกคนอยากเห็น ซึ่งเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ ที่จุดประกายให้เกิดการต่อยอด เพื่อสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่สดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นเมืองที่จะส่งเสริมให้เราได้ใช้ชีวิตง่าย ๆ ในแบบของทุกคนเอง

นอกจากนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนกรุงเทพฯ น่าอยู่ขึ้น กรุงศรีจะนำเชือก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานออกแบบครั้งนี้ นำกลับไปใช้ซ้ำ (Reuse)

พบกับ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) พร้อมโซนกิจกรรมถ่ายภาพ เลือกกรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น รับภาพถ่าย ทั้งตัวพรินต์ (Print) และไฟล์ที่ทุกคนสามารถแชร์กรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น ผ่านโลกโซเชียลได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ

 

จากผลสำรวจ Telenor Asia Digital Lives Decoded 2566 ระบุว่า คนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนเอเชีย ซึ่งมีเพียง 17% ของคนไทยเท่านั้นที่ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวจากการใช้โทรศัพท์มือถือ

เพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการเคารพความเป็นส่วนตัว ปกป้องคุ้มครองข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่น เนื่องในวัน Data Privacy Day หรือวันความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ในวันที่ 28 มกราคมของทุกปี

มนตรี สถาพรกุล Head of Data Protection บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) พูดคุย วิเคราะห์เจาะลึกถึงพัฒนาการแนวคิดความเป็นส่วนตัว ความท้าทายองค์กรเอกชนต่อการจัดการภายใน และสิ่งที่ผู้บริโภคควรตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวในยุคปัญญาประดิษฐ์

ความเป็นส่วนตัวคือสิทธิมนุษยชน

มนตรี ฉายภาพกว้างประเด็นความเป็นส่วนตัวว่า นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประชาคมโลกมีความตื่นตัวด้านสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก ในปี 2491 องค์การสหประชาชาติได้กำหนดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ครอบคลุมมิติต่างๆ เช่น สิทธิในชีวิต สิทธิทางการเมือง สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ฯลฯ

อนึ่ง ความเป็นมนุษย์ล้วนถูกประกอบสร้างด้วยความหลากหลาย ซึ่งหนึ่งในบริบทที่สำคัญคือ “ความเป็นตัวตน” (Identity) และเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอย่างสมเกียรติความเป็นมนุษย์คือ ข้อมูล โดยมีภาษาเป็น “ตัวเชื่อม” ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์สังคม

สำหรับการสื่อสารสองทางที่มีองค์ประกอบสำคัญคือ ผู้ส่งสารและผู้รับสาร และชุดข้อมูล หากผู้รับสารต้องการนำชุดข้อมูลที่เกิดขึ้นไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นใด ควรจะมีการขอ “ความยินยอม” (Consent) กับผู้ส่งสาร ซึ่งเป็นสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของข้อมูล (Data Subject) ตามแนวคิดด้านสิทธิมนุษยชน การขอความยินยอมถือเป็นกลไกหนึ่งที่ผู้รับสารแสดงถึง “ความเคารพ” ในสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ของเจ้าของข้อมูล เพื่อชี้แจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลอย่างโปร่งใส ในทางกฎหมายเรียกว่า “สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ที่ถ่ายทอดผ่านเงื่อนไขของข้อมูล”

ซึ่งแนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนดังกล่าวถือเป็นกรอบความคิดหลักที่นำมาพัฒนาต่อยอดจนเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยกำกับผ่านกฎหมายที่ดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสหภาพยุโรปในปี 2563 ที่เรียกว่า General Data Protection Regulation (GDPR) และต่อมาไทยได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA ซึ่งการประกาศกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการ “คืนสิทธิ” ความเป็นส่วนตัวอันชอบธรรมแก่ผู้บริโภค ผ่านการกำกับหน่วยงานห้างร้านที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการ ขณะที่ความเป็นส่วนตัวของปัจเจกบุคคลมีกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์คุ้มครองอยู่แล้ว

“ที่ผ่านมา GDPR ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 20 ปี PDPA ของไทย ใช้เวลา 21 ปี จนพัฒนาเป็นแนวคิดที่หนักแน่นด้านความเป็นส่วนตัว โดยกำหนดนิยาม ขอบเขต การกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงผู้มีแนวโน้มในการละเมิดสิทธิมนุษชนสูงสุด ซึ่งกรณีกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลได้กำหนดไว้เป็นผู้ให้บริการ ผู้ประกอบการ ห้างร้าน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้” มนตรี กล่าว

ความเสี่ยงในศักยภาพจากข้อมูลดิจิทัล

เขาอธิบายเสริมว่า ในยุคอนาล็อก การส่งผ่านข้อมูลมีลักษณะ 1-1 ข้อมูลที่เกิดขึ้นในระหว่างให้บริการที่สามารถระบุตัวตนได้มีเพียง หมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 โลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ผู้คนพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมทางการเงิน ค้นหาข้อมูล ดูคลิปวิดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย ข้อมูลที่เกิดขึ้นมีรูปแบบที่หลากหลายและลึกขึ้น นำมาซึ่งศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของข้อมูลโดยเฉพาะการระบุตัวตน พฤติกรรมและความสนใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งทาง “บวกและลบ” ได้

ด้วยศักยภาพของข้อมูลดิจิทัลที่เป็นอนันต์ กล่าวคือ ผู้รับบริการอาจได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นด้านการตลาดที่เกินความคาดหมายในรูปแบบ Contextual Marketing แต่คุณประโยชน์นั้น ก็นำมาซึ่ง “ความกังวล” ในสิทธิความเป็นส่วนตัว

“การได้รับประโยชน์ทางการตลาดถือเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ให้บริการสามารถมอบให้กับลูกค้าได้ แต่นั่นต้องอยู่บนพื้นฐานและหลักการสิทธิมนุษยชนและความโปร่งใสผ่านกลไกความยินยอม โดยไม่ทึกทักหรือคิดเองว่าสิ่งนั้นคือประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการ” มนตรีเน้นย้ำ

เช่นเดียวกับกรณีบริการโทรคมนาคม หากผู้ให้บริการต้องการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากบริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการจะต้องขอความยินยอมจากลูกค้าเป็น “รายบุคคลและรายกรณี” นั่นหมายถึง ผู้ให้บริการจะสามารถนำข้อมูลลูกค้าไปประมวลผลหรือวิจัย เพื่อส่งมอบบริการอื่นๆ ก็ต่อเมื่อลูกค้าให้ความยินยอมแล้วเท่านั้น

ในยุคที่เทคโนโลยีมีวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ทำให้ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของเทคโนโลยีด้วย ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Automation ที่มีความตายตัวมากกว่า เมื่อเทียบกับ AI ที่ขึ้นอยู่กับ บริบทและการตีความ” ของชุดข้อมูล นำไปเรียนรู้และพัฒนาต่อจนเป็นข้อมูลใหม่ได้ นำมาซึ่งความเสี่ยงที่มากขึ้น

3 เสาแห่งความสมดุลเพื่อสิทธิความเป็นส่วนตัว

มนตรี ในฐานะ Data Protection Officer ของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เล็งเห็นความเสี่ยงที่สูงขึ้นในความเป็นส่วนตัวที่มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย จึงมีความจำเป็นต้องกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยี AI ให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น โดยยึดตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ อันได้แก่ ความเป็นธรรมและศีลธรรมอันดีของสังคม และไม่เป็นอันตรายและกัดกร่อนความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับการทำงานของพนักงานที่ได้รับสิทธิให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้า (เช่น พนักงานคอลเซ็นเตอร์) ก็ต้องทำงานภายใต้ “ระเบียบ” เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักการ

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การรักษาสมดุลระหว่างสิทธิผู้บริโภคและผลประโยชน์ทางธุรกิจอาจเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนหลัก “ความโปร่งใส” และหลัก “ความจำเป็นและการได้สัดส่วน” (Principle of Necessity and Proportionality) ภายใต้เงื่อนไขความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ซึ่งการรักษาสมดุลทั้ง 3 เสานั้น ทรู คอร์ปอเรชั่น ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Privacy and Security by Design เคารพความเป็นส่วนตัว ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตั้งแต่กระบวนการออกแบบ ประกอบด้วย

  1. ความยินยอมและการรับรู้จากเจ้าของข้อมูล คือหัวใจของกระบวนการ Privacy and Security by Design ซึ่งในกรณีบริการโทรคมนาคม ข้อมูลที่ใช้จะต้องเกี่ยวข้องกับสัญญาบริการโทรคมนาคมเท่านั้น
  2. หากการใช้ข้อมูลไม่เกี่ยวข้องกับบริการโทรคมนาคม ได้มีการขอความยินยอมจากลูกค้าหรือไม่
  3. และหากไม่ จะต้องขอบริการ “ทุกครั้ง” ตามวัตถุประสงค์ จะเก็บหรือใช้ต้องให้มีความชัดเจน

ทั้งนี้ การแจ้งขอความยินยอมจากลูกค้า จะต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ขณะเดียวกัน การใช้ข้อมูลทุกชุดต้องมีภายใต้หลักความจำเป็นและการได้สัดส่วน “ไม่มีการขอเผื่อ”

“มันอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและยุ่งยากสำหรับธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูลให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย แต่การรักษาไว้ซึ่งหลักการ สิทธิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน” เขากล่าวและเสริมว่า ในช่วงแรกของการตีกรอบกฎเกณฑ์ภายในเหล่านี้ อาจต้องปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งสุดท้าย หน่วยงานที่ต้องการใช้ข้อมูลเหล่านั้นล้วนตระหนักและให้ความเคารพถึงสิทธิความเป็นส่วนตัว แม้จะต้องเล่นท่ายาก แต่ทุกคนเห็นภาพเดียวกันมากขึ้น โดยยึดเอาผลประโยชน์และสิทธิผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ซึ่งแม้เมื่อมีการควบรวมกิจการแล้ว ก็จะต้องร่วมกันปรับปรุงและพัฒนาในสอดรับกับหลักการสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย

มนตรี ให้ข้อคิดแก่ผู้บริโภคว่า “อย่าหลงเชื่อผลลัพธ์ที่ได้เสียทีเดียว และควร ‘เอ๊ะ’ หรือตั้งข้อสงสัยต่อการได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านั้นว่าเป็นตามหลักที่ควรจะเป็นหรือไม่ เพื่อ “รักษา” ในสิทธิความเป็นส่วนตัวของตัวเอง”

ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางด้านวิชาการ การวิจัย และนวัตกรรม

อีซูซุสร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการประกาศยอดผลิตรถยนต์จากฐานการผลิตในประเทศไทยครบ 6 ล้านคัน

นายวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมแบ่งปันมุมมองเรื่อง ESG และการลงมือทำสู่ผลสำเร็จ ผ่านเวที เสวนา CREATIVE TALK CONFERENCE FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน ในหัวข้อ ESG FORECAST ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เพื่อตอกย้ำแนวคิดเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ที่การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงเรื่องของ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งไม่ควรเป็นเพียงแนวคิดของธุรกิจ แต่ต้องลงมือทำทันที

นายวิศน เปิดเผยว่า จากภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโลกเดือด (Global Boiling) ทำให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นใหญ่ของปี 2024 เนื่องจากชีวิตของผู้คนกำลังได้รับผลกระทบมากขึ้น ทั้งทางด้านสุขภาพ ภัยธรรมชาติ และความมั่นคงทางด้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งความเหลื่อมล้ำที่จะยิ่งขยายตัวกว้างขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

OR มีวิสัยทัศน์และแนวคิดในการสร้างความยั่งยืน และให้ความสำคัญต่อแนวคิด ESG ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอดส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา OR ได้รับคัดเลือกจาก S&P Global ให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retailing) โดย OR ได้นำแนวคิด ESG มาเป็นกรอบการบริหารจัดการที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแนวทาง OR SDG หรือ SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อช่วยในการขับเคลื่อน ทั้ง 3 มิติ ประกอบด้วย SMALL มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก DIVERSIFIED เน้นสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตในทุกรูปแบบผ่านแฟลตฟอร์มต่าง ๆ ของ OR และ GREEN ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ  

 

“จากวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน วันนี้ OR ได้เติม ”In Action” หรือการลงมือทำเข้าไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าเรามี Action เยอะมาก โดย OR มีความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ที่ OR มีสถานประกอบการตั้งอยู่ เช่น คลังน้ำมันของ OR ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และสำหรับสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน ซึ่ง 80% มีเจ้าของเป็นเอสเอ็มอี และมีส่วนที่ดำเนินการโดย OR เพียง 20% เท่านั้น เราต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน มีอะไรก็แชร์กัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เราใช้มาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ เพราะเรามองว่านี่คือ License to Operate ซึ่งเป็นมุมมองที่ OR ทำมานาน และจากวิสัยทัศน์ รวมทั้งเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป เราจึงทำให้มีความเป็นรูปธรรมและทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น”

นายวิศน เล่าว่า OR ตระหนักถึงความสำคัญของภาคธุรกิจในการเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม โดยได้ดำเนินการผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น การรับซื้อเมล็ดกาแฟจากโครงการหลวงต่าง ๆ ที่เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟให้กับเกษตรกร โดย OR มุ่งมั่นที่จะเข้าไปช่วยส่งเสริมเกษตรกรให้มีการปลูกกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น นอกจากทำให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงแล้ว ยังทำให้คนไม่ทิ้งบ้านและครอบครัวไปทำงานในเมืองใหญ่ สร้างเกราะป้องกันด้วยสังคมที่อบอุ่น รวมถึงลดปัญหาความเหลื่อมล้ำอีกด้วย  

 

นอกจากนี้ OR ยังสามารถเป็นแพลตฟอร์มที่จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอี หรือคนตัวเล็กเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยมีทั้งแพลตฟอร์มทางกายภาพ (physical platform) คือสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,100 แห่ง ซึ่งเวลาที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำก็จะเปิดให้นำผลผลิตมาจำหน่ายในสถานีบริการ และยังมีร้านไทยเด็ดที่เป็นช่องทางจำหน่ายให้กับชุมชนที่มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจ สามารถทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ของชุมชนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และในปีที่ผ่านมา OR ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน เอ็กซ์พลอร์ (explORe) ซึ่งเป็นดิจิทัล แพลตฟอร์ม (digital platform) ให้พันธมิตรของ OR เข้ามาร่วมใช้งาน ซึ่งจะขยายให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต

“ESG เป็นเทรนด์สำคัญที่ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กต้องดำเนินการ เพราะตอนนี้เราเห็นแล้วว่ามีความคาดหวังไปถึงทั้งห่วงโซ่อุปทานด้วย  นั่นหมายความว่า บริษัทที่มีการดำเนินการด้าน ESG จำเป็นต้องค้าขายกับคู่ค้าที่มี ESG ในระดับเดียวกัน ดังนั้น ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2024 เชื่อว่าทุกคนจะเน้นเดินหน้าเรื่อง ESG เข้มข้นขึ้น โดยไม่ต้องรอให้มีกฎหมายบังคับ โดย OR ก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย NET ZERO ภายในปี 2050 ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการด้วยการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การนำร่องเปิดสถานีชาร์จ EV Station PluZ การติดตั้ง Solar Rooftop ในพื้นที่ดำเนินงานของ OR เป็นต้น” นายวิศน กล่าวสรุป

ฟันโอ ตอกย้ำแบรนด์คุกกี้อันดับ 1 ในใจผู้บริโภค จัดบิ๊กเซอร์ไพรส์ กระตุ้นตลาดคุกกี้ให้คึกคัก แจกโชคครั้งใหญ่ต้อนรับปี 2567 กับแคมเปญพิเศษ “ฟันโอ รวยเรียกพี่ คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองกว่า 3 ล้านบาท” เล่นใหญ่ จัดเต็ม ลุ้นเป็นเศรษฐีรวยทองกับรางวัลใหญ่ แจกคุกกี้ทองคำหนัก 20 บาททุกเดือน ทั้งหมด 3 รางวัล พร้อมลุ้นสร้อยคอทองคำ 1 สลึง จำนวน 130 รางวัลทุกสัปดาห์ รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท จัดเต็มอีกต่อดึงซุปตาร์ไอคอนโมเดิร์นอีสาน "เบิ้ล ปทุมราช" ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแบรนด์ฟันโอ ขยายฐานผู้บริโภคครองใจมหาชน

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ปัจจุบัน ฟันโอ ครองความเป็นผู้นำ แบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดคุกกี้ โดยมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาด สร้างความตื่นเต้น และความแตกต่างจากคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา โดยในปีนี้ถือเป็นโอกาสดี ฟันโอจัดเต็มคืนกำไรให้ผู้บริโภค ส่งบิ๊กเซอร์ไพรส์ กับแคมเปญ “ฟันโอ รวยเรียกพี่ คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองกว่า 3 ล้านบาท” พร้อมดึง "เบิ้ล ปทุมราช" นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ เอาใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย โดยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ครั้งนี้ เป็นการปรับกลยุทธ์ของฟันโอ เพื่อขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างมากขึ้น ซึ่ง เบิ้ล ปทุมราช เป็นหนุ่มมีเสน่ห์ มาดกวน สนุกสนาน และเป็นกันเอง สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ฟันโอได้เป็นอย่างดี พร้อมชูกลยุทธ์มิวสิกมาร์เกตติ้ง เพื่อขับเคลื่อนตลาด ตอกย้ำความเป็นคุกกี้อันดับหนึ่งของคนไทย”

สำหรับกิจกรรม “ฟันโอ รวยเรียกพี่ คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองกว่า 3 ล้านบาท” ร่วมชิงรางวัลใหญ่คุกกี้ทองคำ หนัก 20 บาท ทุกเดือน มูลค่ารางวัลละ 700,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 10 รางวัล แจกหนัก 130 เส้น รวมทั้งสิ้น 133 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท

รวยเรียกพี่ง่ายๆ ช่องทางที่ 1 : สแกน QR code  ตามสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือเพิ่มเพื่อนทางไลน์ไอดี @fun-o หลังจากนั้น ลงทะเบียน พร้อมส่งรูปถ่ายใบเสร็จ ซึ่งทุกมูลค่า 20 บาท ของผลิตภัณฑ์ (รสใดชนิดใดก็ได้) จะถือเป็น 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรางวัลชิงโชค (ใบเสร็จที่สั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการจากช่องทาง เซเว่นอีเลเว่น และ Makro online จะได้รับสิทธิ์เพิ่มเติมเป็น 2 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรางวัลชิงโชค)

ช่องทางที่ 2 : ส่งซองเปล่าขนม แนบกับกระดาษที่ระบุ ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งชิงโชคมาที่ ตู้ ปณ.20 ปณศ. คลองจั่น กรุงเทพฯ 10240

เริ่มส่งซองหรือใบเสร็จของผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการตามที่กำหนดในช่องทางการเข้าร่วมกิจกรรม ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2567 – วันที่ 21 เมษายน 2567  จับรางวัลครั้งแรกวันที่ 29 มกราคม 2567 โดยจะประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 และจับรางวัลอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันสิ้นสุดกิจกรรม

ห้ามพลาด “ฟันโอ รวยเรียกพี่ คุกกี้ทองคำ ลุ้นทองกว่า 3 ล้านบาท ” สามารถอ่านรายละเอียดกติกาและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3TMx0OY และติดตามการประกาศรายชื่อผู้โชคดีของกิจกรรมนี้ได้ทาง Facebook: "Fun-O ฟันโอ" https://www.facebook.com/FunOFanClub ยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก คุกกี้ทองคำอาจเป็นของคุณ

เปิดตัว “นนกุล” พรีเซนเตอร์คนล่าสุด! พร้อมจับแจกรางวัลตอบแทนลูกค้าคนสำคัจากบิ๊กแคมเปญประจำปี 2023  PIXELS แจกหนัก จัดใหญ่” มอบบิ๊กเซอร์ไพรส์ Tesla Model3 ในงาน PIXELS CARE DAY เพราะแคร์เลยขอดูแล 24 ชม.”

X

Right Click

No right click