นายชูฉัตร  ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดงาน “คปภ. เพื่อคนพิการปี 3” เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรีโดยเปิดเผยว่า “คนพิการ” ถือเป็นกลุ่มคนสำคัญที่รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและมุ่งเน้นให้คนพิการมีศักยภาพ มีความเข้มแข็ง และสามารถเข้าถึงการใช้บริการของรัฐในทุกมิติอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ในขณะเดียวกันสำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล จึงมีการดำเนินการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้ของการประกันภัย ผ่านโครงการ “คปภ. เพื่อคนพิการ” เพื่อให้การประกันภัยเป็นเครื่องมือสำหรับบริหารความเสี่ยงแก่กลุ่มคนพิการเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่คนพิการและครอบครัวอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด

โครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปี 3 ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “โอกาส ความสุข ความสำเร็จ ส่งต่อได้ (Sharing Happiness Together)” ซึ่งนอกจากจะมีการส่งเสริมความรู้ และการเข้าถึงการประกันภัยแก่คนพิการแล้ว แนวคิดหลักสำหรับการจัดงานในครั้งนี้คือ “การส่งเสริมอาชีพแก่คนพิการ” ซึ่งสำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัยได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่า การส่งเสริมอาชีพจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือเมื่อคนพิการได้มีอาชีพมีงานทำ นอกจากจะมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวแล้ว ยังเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพ และศักยภาพของตนเอง ส่งผลถึงการดำเนินชีวิตในสังคมอย่างปกติสุขอย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรมในโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปี 3 ภายใต้แนวคิด “โอกาส ความสุข ความสำเร็จ ส่งต่อได้ (Sharing Happiness Together)” มี 5 กิจกรรมหลัก ๆ คือ กิจกรรมแรก เป็นการเสวนา ความรู้ด้านการประกันภัย และการเข้าสู่อาชีพคนกลางประกันภัย กิจกรรมที่ 2 การบรรยาย หัวข้อการเข้าสู่อาชีพคนกลางประกันภัยสำหรับคนพิการ ด้วยการบอกเล่าประสบการณ์ตรงจากตัวแทนประกันชีวิต กิจกรรมที่ 3 มินิคอนเสิร์ต จากคุณเก่ง ธชย และน้องแพรวา ทัตพิชา กิตติพนังกุล จากรายการ The Golden Singer และศิลปินวง Happy Unlimit กิจกรรมที่ 4 Showcase การประกอบอาชีพของผู้พิการที่มีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และมีฝีมือของผู้พิการ ที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เช่น ช่างล้างเครื่องปรับอากาศ หมอดู โดยสมาคมโหราศาสตร์คนตาบอดแห่งประเทศไทย ช่างศิลปะเป่าแก้ว อาหาร และสินค้าเกษตร เป็นต้น และกิจกรรมที่ 5 พิธีมอบกรมธรรม์อุบัติเหตุเพื่อคนพิการสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) แก่สมาคมคนพิการ จำนวน 6 สมาคม สมาคมละ 20 กรมธรรม์ และมอบกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุแก่ศิลปินคนพิการ จำนวน 6 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 126 กรมธรรม์ รวมความคุ้มครองสูงสุด 12,600,000 บาท นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้จัดทำวีดิทัศน์ความสำคัญของการประกันภัยต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของคนพิการ รวมทั้งภาพรวมโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ โดยสามารถติดตามรับชมได้ที่ Facebook สำนักงาน คปภ. : oicthailand และ YouTube สำนักงาน คปภ. : oic.thailand

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (ราชมงคลพระนคร) จัดงานชมและสัมผัสการทำอาหาร ภายใต้แนวคิด Immersive Fine Dining โดยนายปารเมศ สายสุทธิ นักศึกษาสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ แชมป์รางวัล The Winner ในรายการ Real California Milk Pizza Challenge ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันทำอาหารระดับนานาชาติ  Thailand Ultimate Chef Challenge (TUCC) 2023 ในงาน “THAIFEX – Anurag Asia 2023” และนายภานุพงศ์ ใยยอง นักศึกษาสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ เจ้าของรางวัลเหรียญทองแดง ในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 13 (WorldSkills ASEAN Singapore 2023) สาขาการประกอบอาหาร (Cooking) ณ Singapore Expo สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยภายในงานได้รับเกียรติจากแพทยหญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมโชติเวช คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (ศูนย์โชติเวช) ราชมงคลพระนคร

ดร.ณัฐวรพล รัชสิริวัชรบุล อธิการบดี ราชมงคลพระนคร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ เป็นสถาบันการศึกษาที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน มีชื่อเสียงในด้านการเรียนการสอนผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติสู่ภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในด้านคหกรรมศาสตร์ ยังได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในด้านฝีมือการประดิษฐ์ประดอย และรสชาติอาหารไทยที่โดดเด่นจนได้รับการขนานนาม “ครัวโชติเวช” จากต้นทุนของมหาวิทยาลัยฯ สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) และขยายมาสู่ในด้าน Soft Power เนื่องจากประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสามารถดึงดูดความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวต่างชาติเกิดการยอมรับ เช่น อาหารไทย มวยไทย ประเพณีไทย ฯลฯ ดังนั้นเพื่อสนับสนุนผลักดันนโยบายมหาวิทยาลัยจึงมีเป้าหมายส่งเสริมอาหารไทยซึ่งมีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ผ่านรายวิชาต่าง ๆ ในด้านคหกรรมศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ และพร้อมสนับสนุนให้นักศึกษามีโอกาสแสดงความสามารถในเวทีการแข่งขันเพื่อพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายภานุพงศ์ ใยยอง หรือ ตาเชนทร์ เล่าว่า เมนูที่นำมาเสิร์ฟครั้งนี้เป็นเมนูเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 13 โดยการรังสรรค์เมนูและรสชาติใหม่ ๆ ในแต่ละเมนู ซึ่งประกอบด้วย  Carrot Cream Soup, Potato Custard ความโดดเด่นของอาหารจะมีความละมุนของซุปคัสตาร์ด และมันฝรั่งผสมผสานเนื้อเนียนนุ่มเข้ากันอย่างลงตัว ปรุงรสด้วยกระบวนการพิเศษโดยการแช่เกลือและพริกไทยจึงจะได้รสชาติพิเศษขึ้นมา โดยก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันเมนูเหล่านี้จะต้องปรับปรุงสูตรและผ่านการประเมินจากคณะอนุกรรมการแข่งขัน WorldSkills Thailand  ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการฝึกซ้อมระดับประเทศ ส่วนเมนู Chicken Roulade, Jus Sauce ทุกคนที่ได้รับประทานจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นสมุนไพร เมนูสุดท้าย Black Forest Chocolate Mousse เป็นเมนูขนมหวาน ที่ทำให้การแข่งขันกลับมาพลิกจนได้รับเหรียญรางวัล “รู้สึกภาคภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ นอกจากจะเป็นการเผยแพร่รสชาติอาหารจากฝีมือคนไทยแล้ว และยังช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองมาแข่งขันในเวทีระดับชาติ อีกทั้งยังเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อจะได้นำไปใช้ในการทำงานในอนาคตได้อีกด้วย”

ส่วน น้อย หรือ นายปารเมศ สายสุทธิ เล่าว่า มีความชื่นชอบในการทำอาหารตั้งแต่เด็ก พอเริ่มโตขึ้นจึงนำความชอบมาประกอบทำธุรกิจเพื่อหารายได้ระหว่างเรียนโดยทำขนมเค้กต่าง ๆ ขาย ได้ปรับปรุงสูตรและพัฒนาขนมอยู่หลายครั้ง จนพบความชื่นชอบที่อยากศึกษาต่อเพื่อพัฒนาทักษะที่มีอยู่จึงเลือกเรียนในสายอาชีพ และเลือกเข้าศึกษาต่อคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เนื่องจากที่นี่เป็นต้นตำรับของโรงเรียนการเรือน ที่สอนงานทางด้านคหกรรมศาสตร์ หรืออาหารไทยโบราณต้นตำรับ เป็นอันดับแรกของประเทศไทย ระหว่างที่กำลังศึกษาได้เข้าร่วมในการแข่งขันทำอาหารในหลายรายการ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ในด้านต่าง ๆ เพื่อมาพัฒนาปรับปรุง โดยรางวัลที่ภาคภูมิใจมากที่สุดคือรายการแข่งขันทำพิซซ่า จากรายการ Real California Milk Pizza Challenge ในงาน Thailand Ultimate Chef Challenge 2022 เป็นการแข่งขันเมนูพิซซ่าโดยใช้ชีส และตนสามารถทำคะแนนได้สูงสุดจากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดกว่า 200 คน จึงเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในงาน Pizza Expo 2024 หรือในรายการ International Pizza Challenge ที่ ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะไปแข่งขันในกลางเดือนมีนาคม 2567 ดังนั้นเมนู Smoked Duck Red Curry Pizza จึงถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยความพิถีพิถันในทุกกระบวนการ และใช้แรงบันดาลใจจากเมนูอาหารไทยอย่างแกงเผ็ดเป็ดย่าง โดยนำมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอใหม่ในรูปแบบของพิซซ่า ใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาใหม่จะมีความเหนียวนุ่มเมื่อผสมผสานเข้ากับเครื่องแกงรสชาติจะมีความกลมกล่อมมีเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจนจากพริกแกงเผ็ดและมีความหอมความนุ่มจากอกเป็ดรมควันสอดแทรกด้วยความเปรี้ยวหวานจากผลไม้ที่ใส่ลงไปในซอสไม่ว่าจะเป็นองุ่น สับปะรด และมะเขือเทศราชินี เสริมความหอมด้วยใบโหระพา เมนูนี้เป็นไอเดียที่จะนำไปต่อยอดในการแข่งขันทำพิซซ่าชิงแชมป์โลก ณ สหรัฐอเมริกาต่อไป

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำธุรกิจประกันชีวิต ร่วมกับ พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มุ่งดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและชุมชนของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทบริหารการลงทุนชั้นนำในภูมิภาคเอเชียของกลุ่มพรูเด็นเชียล เดินหน้าดูแลสุขภาพที่ดีของคนไทยด้วยสุขภาพใจที่แข็งแรง มอบ PRU Wellness Clinic” อันได้แก่ คลินิกจิตเวชเด็กและวัยรุ่นของโรงพยาบาลศรีธัญญา และ เตรียมส่งมอบเร็วๆให้แก่ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา และมูลนิธิกระจกเงา ด้วยงบประมาณรวมกว่า 5 ล้านบาท

จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต ปี 2564 พบว่า จำนวนผู้ป่วยทางจิตเวชในไทย เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.3 ล้านคน ในปี 2564 ซึ่งยังไม่รวม ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าราว 1.35 ล้านคน ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในรอบสิบปีที่ผ่านมา[1] ซึ่งปัญหาสุขภาวะจิตในประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรหันมาให้ความสนใจ

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดเผยว่า “พรูเด็นเชียล เชื่อในเจตนารมณ์ที่ว่า Prudential For Every Life For Every Future : พรูเด็นเชียล ชีวิตมีกันทุกวันดีกว่า  เราเชื่อว่าการมีกันและกันจะช่วยเติมเต็มทุกวันให้ดีกว่าเดิม เรามองว่าองค์กรไม่สามารถเดินหน้าไปเพียงลำพังได้ แต่ต้องเดินหน้าอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อลูกค้า พนักงาน ชุมชน และสังคม ดังนั้น การที่สังคมจะแข็งแรง ทุกคนต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ใช่แค่เพียงร่างกายแต่รวมถึงจิตใจด้วย ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดด้านต่างๆทุกวันนี้ ทำให้ผู้คนต้องเผชิญความท้าท้ายกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตมากขึ้น เราตระหนักถึงความสำคัญต่อการดูแลสุขภาวะจิต จึงได้จัดทำโครงการ “คลินิกสุขภาพพรู (PRU Wellness Clinic)” เพื่อดูแลและให้คำปรึกษา ด้วยมุ่งหวังว่าจะช่วยเหลือผู้ที่มีความเปราะบางด้านสุขภาวะจิตให้ได้รับคำปรึกษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว”

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “วันนี้รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ บลจ.อีสท์สปริง  ได้ร่วมกับ พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ส่งมอบ “คลินิกสุขภาพพรู (PRU Wellness Clinic)” ให้แก่ คลินิกจิตเวชเด็กและวัยรุ่นของโรงพยาบาลศรีธัญญา เนื่องจากทุกวันนี้ สุขภาวะทางจิตโดยเฉพาะกับเด็กและวัยรุ่น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จากรายงานของกรมสุขภาพจิต[2]พบว่าเด็กไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น ดังนั้น เรามุ่งหวังว่า คลินิกจิตเวชแห่งนี้จะเป็นที่พักใจในการดูแลและให้คำปรึกษาแก่เด็กๆ ทุกคน”

โครงการ คลินิกสุขภาพพรู (PRU Wellness Clinic) ให้บริการแบบ One Stop Service คือ บริการครบวงจรตั้งแต่การประเมินการรักษาตลอดจนให้คำปรึกษาและดูแลจากคลินิกสุขภาพจิต นอกจากนั้น  ยังให้การสนับสนุนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถเข้าไม่ถึงกระบวนการในการบำบัดและรักษา อาทิ กลุ่มผู้ป่วยด้อยโอกาส กลุ่มคนไร้บ้าน และคนยากจน  โดยขณะนี้ได้ส่งมอบ PRU Wellness Clinic ที่แรกให้แก่ คลินิกสุขภาพจิตของโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และ เตรียมส่งมอบเร็วๆนี้ ให้แก่ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา และ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อการรักษาผู้ป่วยด้อยโอกาส โดยมุ่งหวังว่าคลินิกแห่งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระงาน รวมถึงช่วยในการคัดกรองผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาล  และมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มคนที่เปราะบางเหล่านั้น ได้กลับเข้าสู่สังคมปกติได้ในเร็ววัน มีความพร้อมทั้งสุขภาพกายและใจ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอย่างคนทั่วไป


[1] https://www.etda.or.th/th/

[2] ประเมินสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทยกว่า 1.8 แสนราย พบเครียดสูง เสี่ยงซึมเศร้า ติดจอติดเกมออนไลน์มากขึ้น!! | Hfocus.org

เข้าสู่บรรยากาศของเทศกาลปีใหม่ อันเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและส่งมอบความสุขแก่คนที่เรารักผ่านของขวัญชิ้นพิเศษ ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาไอเดียของขวัญคริสต์มาสและปีใหม่สำหรับ Coffee Lover ตัวยงอยู่ Beko ขอแนะนำ Caffe Experto เครื่องชงกาแฟที่จะเปิดประสบการณ์กาแฟแก้วโปรดในแบบเฉพาะตัว ด้วยหลากหลายฟังก์ชันที่คิดค้นมาเพื่อคนรักกาแฟโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับเป็นของขวัญสุดพิเศษเพื่อคนสำคัญในเทศกาลแห่งความสุขนี้

เครื่องชงกาแฟ Caffe Experto (คาเฟ่ เอ็กซ์เปร์โต) จาก Beko โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นโฮมคาเฟ่ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพราะสามารถรังสรรค์กาแฟได้หลากหลายถึง 10 เมนู ให้คอกาแฟได้เลือกดื่มด่ำแก้วโปรดตามมู้ดในแต่ละวัน ได้แก่ เอสเพรสโซ่, อเมริกาโน่, คาปูชิโน่, แฟลตไวท์, ลาเต้, ริสเตรตโต, ลุงโก้, ลาเต้มัคคิอาโต้, เอสเพรสโซ่มัคคิอาโต้ และ กาแฟดับเบิ้ลช็อต อีกทั้งยังสามารถดึงรสชาติเอสเพรสโซ่และกลิ่นหอมอโรม่าของเมล็ดกาแฟได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยแรงดันน้ำ 19 บาร์[1] พร้อมถาดอุ่นแก้วในตัวเพื่อรักษาอุณหภูมิกาแฟให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด

Caffe Experto มอบประสบการณ์การชงกาแฟแก้วโปรดที่แสนง่ายดายราวกับมีบาริสต้าส่วนตัว โดยมาพร้อมฟังก์ชันเครื่องบดเมล็ดกาแฟที่ปรับความละเอียดได้สูงสุด 13 ระดับ ให้ผู้ชงสามารถกำหนดความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่ต้องการได้ในขั้นตอนเดียว และยังใช้งานง่ายด้วยหน้าจอสีระบบสัมผัส Touch Brewing ตอบโจทย์สำหรับสมาชิกทุกวัยในครอบครัว

นอกจากนี้ Caffe Experto ยังเอาใจคอกาแฟนมด้วยฟังก์ชันตีฟองนมที่สามารถเลือกระดับความหนาแน่นได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นนมวัวหรือนมพืช ช่วยเพิ่มสัมผัสรสชาติที่นุ่มนวลให้กับเมนูโปรดอย่างคาปูชิโน่ หรือ มัคคิอาโต้ เสิร์ฟพร้อมฟองนมเนียนนุ่ม และมาพร้อมถังบรรจุนมขนาดใหญ่ 0.6 ลิตร เพิ่มความสะดวกต่อการชงกาแฟหลายแก้วในรอบเดียว โดยเฉพาะในเช้าที่เร่งรีบเพราะมีฟังก์ชันหัวจ่ายกาแฟ 2 ทิศทาง[2] สามารถชงได้พร้อมกัน 2 แก้ว ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา และดับเบิ้ลความอร่อยในขั้นตอนเดียว

อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Caffe Experto ที่เชื่อว่าคงจะถูกใจหลายๆ คน คือฟังก์ชันทำความสะอาดอัตโนมัติ หรือระบบ Auto Cleaning ช่วยล้างและขจัดคราบตะกรันในเครื่องทำกาแฟ จึงดูแลรักษาง่าย หมดกังวลเรื่องความสะอาดของอุปกรณ์ ตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกสบายและสุขอนามัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Beko ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ตามวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่มุ่งยกระดับการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีของทุกคน

ด้วยฟังก์ชันที่เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ความต้องการของคนรักกาแฟอย่างแท้จริง ทำให้ Caffe Experto เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของขวัญปีใหม่ที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้รับคนพิเศษอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ผู้ใหญ่คนสำคัญ เพื่อนสนิท หรือแม้แต่สำหรับตัวคุณเอง โดยเครื่องชงกาแฟ Caffe Experto จาก Beko มาพร้อมหลากหลายตัวเลือก ในราคาเริ่มต้นที่ 6,690 บาท พร้อมการรับประกันสินค้าสูงสุด 2 ปี[3]

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของเครื่องชงกาแฟ Caffe Experto ได้ทาง https://www.beko.com/th-th/Coffeemachine


[1] เฉพาะรุ่น CEG7304X, CEG7302B, CEG3194B, CEG3192B

[2] เฉพาะรุ่น CEG7304X, CEG7302B, CEP5304X

[3] ลูกค้าสามารถลงทะเบียนรับประกันสินค้าได้ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://e-warranty.beko.com/

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลจากงานมอบรางวัลพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ 2023 (PropertyGuru Thailand Property Awards 2023) จากความสำเร็จของโครงการอสังหาริมทรัพย์ถึง 2 แห่ง ได้แก่ เอไอเอ คอนเน็คท์ และ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์  โดยนายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายโยฮัน ดีทอย (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน นายฮิว เท็ด เชียน (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และนายปกป้อง ยินดีผล ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในหลากหลายสาขา โดย เอไอเอ คอนเน็คท์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาอาคารสำนักงานที่มีภูมิทัศน์สถาปัตย์ยอดเยี่ยม (Best Office Landscape Architectural Design Award) และรางวัลระดับ Highly Commended สาขาอาคารสำนักงานที่มีภูมิสถาปัตย์ยอดเยี่ยม (Highly Commended: Best Office Architectural Design Award) ในขณะที่เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาอาคารสำนักงานที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดียอดเยี่ยม (Winner: Best Well Being Office Development) นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้รับรางวัลชนะเลิศด้าน ESG (Winner: Special Recognition in ESG) โดยรางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบตัวอาคารที่คำนึงถึงความสวยงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอยของผู้เช่า สอดคล้องตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ "Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” 

Amass me (อะแมส มี) ผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น มัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ เจ้าแรกในไทย เดินหน้าปลุกกระแสจับจ่ายสิ้นปี 2566 ส่งคอลเลคชั่นใหม่ KAPALIKKO Lucky Set นำเสนอไอเดียของขวัญปีใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร จับความเชื่อกับแฟชั่นสายมู ส่งมอบเป็นของขวัญ บนคอนเซ็ปต์ Your Fortune Begins Here

นางสาวยุฤดี ธนะกิตติภูมิ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท อะแมส มี จำกัด เปิดเผยว่า Amass me (อะแมส มี) ในฐานะผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น มัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ที่หลากหลาย ในปีนี้สินค้าทุกรายการได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะแบรนด์ KAPALIKKO ที่ปลุกกระแสแฟชั่นสายมูได้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้ในปลายปีนี้ ที่กำลังเตรียมก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลสำคัญ นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ซึ่งหลายคนกำลังมองหาของขวัญของฝากที่จะเป็นการอวยพรและสื่อความหมายที่ดีให้แก่กัน อะแมส มี จึงอยากนำเสนอของขวัญปีใหม่สุดคลาสสิคที่จะสร้างความประทับใจที่ยืนยาว โดยเปิดตัว KAPALIKKO ส่งท้ายปีด้วย Exclusive Gift Set หรือคอลเลคชั่น KAPALIKKO Lucky Set หนึ่งในของขวัญปีใหม่ที่เป็นสินค้าแฟชั่น พร้อมนำโชคให้สิ่งที่หวังสมปรารถนาทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับในปี 2567 นี้ อีกทั้งยังอยู่ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อส่งต่อให้กับคนที่คุณรัก

“แบรนด์ KAPALIKKO หรืออ่านว่าคาปาลิกโก้ มาจากชื่อของมหายันต์นำโชค ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฟินแลนด์ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีชื่อเรียกขานอย่างเป็นตำนานในยุคต่อๆ มาหลายประเทศ เช่น ยันต์ “St John’s Arms” หรือยันต์ “Hannunvaakuna” ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์บนปุ่มคำสั่ง Command บน Mac book โดยชาวยุโรปจะนำสัญลักษณ์มหามงคลนี้มาเป็นเครื่องรางแห่งการเรียกความโชคดี ดึงดูดทรัพย์ทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง ป้องกันสิ่งอันเป็นอัปมงคล เสริมดวงเรื่องการงาน การเงิน เมตตามหานิยม เรียกได้ว่าเป็นมหายันต์ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดสิ่งอันเป็นมงคล ความร่ำรวย ความสุข ความสำเร็จ ความสมหวังทุกประการให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง ด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจนี้เอง ทาง อะแมส มี จึงนำคำว่า “KAPALKKO” ที่เป็นชื่อแรกของมหายันต์ มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์และนำเอาสัญลักษณ์แห่งความเชื่อนี้มาผสมผสานกับโลกของแฟชั่น ออกมาเป็นสินค้าหลากหลายคอลเลคชั่นได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่น 7 days God ซึ่งได้แรงบันดาลใจมากจากความเชื่อต่อเทพประจำตัวทั้ง 7 วัน, คอลเลคชั่น Zodiac เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับราศี ทั้ง 12 ราศี ทำให้ผู้ที่สวมใส่พบแต่ความมั่งมีและประสบความสำเร็จในสไตล์ที่เป็นตัวเอง หรือคอลเลคชั่น Elemental ที่นำความสมดุลทางธรรมชาติในแต่ละธาตุ มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ นอกจากนี้ยังมีคอลเลคชั่นกระเป๋านำโชคเสริมดวงที่มีให้เลือกหลากหลายคอลเลคชั่น”

นางสาวยุฤดี กล่าวต่อว่า เพื่อต้อนรับกระแสนิยมรวมทั้งเทศกาลในช่วงปลายปีนี้ KAPALIKKO ได้จึงได้ออกสินค้าเพื่อต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ จากความต้องการสินค้าของแบรนด์เป็นจำนวนมาก กับ Exclusive Gift Set หรือคอลเลคชั่น KAPALIKKO Lucky Set เป็นของขวัญที่ไม่เหมือนใครซึ่งออกแบบมาเพื่อ นำความโชคดี ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย และความสุขมาสู่ปี 2567 นี้ โดยในเซ็ตนั้นประกอบด้วย เสื้อ KAPALIKKO รุ่น classic ที่ผลิตมาจำนวนจำกัด และกระเป๋า fortune cookies หรือคุกกี้แห่งความโชคดี ซึ่งออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยการออกแบบสัญลักษณ์และข้อความต่างๆ ที่จะดึงดูด พลังด้านบวกและโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง อีกทั้งยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการนำของขวัญเซ็ตนี้ไปสวัสดีปีใหม่ให้กับคนที่คุณรัก นอกจากนี้ยังมีคอลเลคชั่นผ้าพันคอ เพื่อต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาเยือน กับคอลเลคชั่น LUCKY TO SHINE โดยความพิเศษของผ้าพันคอคอลเลคชั่นนี้ ทำจากซาตินเกรดพรีเมียม นุ่ม ลื่น เรียกได้ว่าจะเพิ่มความหรูหราและความโชคดีให้กับผู้ครอบครอง ควรต้องมีติดตู้เสื้อผ้าอีกด้วย

สำหรับแบรนด์ KAPALIKKO ถูกสร้างมาเพื่อส่งต่อความโชคดีในทุกๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้หรือผู้รับ ถ้าได้ครอบครองสินค้าของแบรนด์ KAPALIKKO แล้วล่ะก็ จะได้รับพลังงานที่ดี สิ่งที่ดีจะเกิดขึ้น ช่วยดึงดูดสิ่งมงคลทั้งปวง อีกทั้งทุกๆ คอลเลคชั่นยังนำเอาความสวยงามของโลกแฟชั่นมาผสมผสานให้เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น

“ทั้งนี้โปรโมชั่นสุดพิเศษต้อนรับปีใหม่ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าคอลเลคชั่นใดก็ได้ภายในแบรนด์ KAPALIKKO รับฟรี! กระเป๋าลิมิตรุ่น fortune cookies มูลค่า 2,950 บาท จำนวน 1 ใบเลยทันที หากใครสนใจพบกันได้ที่ช้อปหน้าร้านทั้ง 8 สาขา ได้แก่ เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ชั้น 1, เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 1, เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 3 (Event Hall), เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชั้น 1, ศูนย์การค้า พารากอน ชั้น 1, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ชั้น 1, ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ชั้น 1, เมกาบางนา ชั้น 1” นางสาวยุฤดี กล่าวทิ้งท้าย

อ.ส.ค.เตรียมจัดงาน "เทศกาลโคนมแห่งชาติ" ประจำปี 2567 เพื่อน้อมรำลึก"พระบิดาแห่งการโคนมไทย" อย่างยิ่งใหญ่

ตอกย้ำหลักธรรมาภิบาลบริหารองค์กรก้าวสู่อันดับ1กลุ่มธุรกิจ Service Industrial

คว้าโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงและชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,000,000 บาท

มอบกรมธรรม์อุบัติเหตุฟรี ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาทต่อกรมธรรม์

X

Right Click

No right click