Luxury Watch: Hublot

November 15, 2019 3118

เมื่อกล่าวถึงนาฬิกาลักชัวรี่ (Luxury Timepiece) สนนราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายนั้นคงเป็นที่ทราบกันดีว่าเริ่มต้นตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักหลายล้าน ด้วยราคาที่สูงลิบลิ่วของนาฬิกาลักชัวรี่เหล่านี้

แน่นอนว่าผู้บริโภคย่อมมีเหตุผลต่างๆ นานาเพื่อสนับสนุนว่าทำไมเขาถึงยอมควักกระเป๋าจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งนาฬิกาที่แพงกว่านาฬิกาปกติเป็นร้อยเท่า เมื่อพินิจพิเคราะห์ดูดีๆ นาฬิกาลักชัวรี่อาจไม่สามารถนำเสนอประโยชน์การใช้สอยด้านการบอกเวลาได้เที่ยงตรงเท่ากับนาฬิกาบนมือถือด้วยซ้ำ จึงเป็นการยากที่จะมานั่งหาคำอธิบายเรื่องเหตุทางการตั้งราคา แต่สิ่งที่ทำให้นาฬิกาลักชัวรี่มีราคาสูงลิบลิ่วนั้นเกี่ยวเนื่องกับองค์ประกอบทางด้านลักชัวรี่แบรนด์ที่ได้กล่าวมาแล้วในฉบับที่ผ่านมาคือ Brand History และ Brand Heritage เหนืออื่นใดองค์ประกอบสำคัญที่แบรนด์นาฬิกาลักชัวรี่มีคือ ทักษะการทำงานของช่างที่ประณีต (Workmanship) ช่างทำนาฬิกาต้องอาศัยเวลาและความสามารถอย่างสูงในการประกอบตัวเรือนจากชิ้นส่วนเล็กๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความงามตรงตามการออกแบบของแต่ละแบรนด์

อย่างไรก็ดีแม้ว่าแบรนด์นาฬิกาลักชัวรี่มากมายจะถือกำเนิดมายาวนาน มีประวัติความเป็นมาของแบรนด์อันน่าเชื่อถือ ประกอบกับความเป็นเลิศในการออกแบบและความสามารถด้านการผลิตอันประณีตและพิถีพิถัน แต่การที่แบรนด์จะสามารถคงอยู่ในกระแสและอยู่ในความนิยมของตลาดนั้นย่อมต้องอาศัยกลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์มาเป็นส่วนส่งเสริม ซึ่งนาฬิกาลักชัวรี่แบรนด์ดังอย่างที่ผู้บริโภคคนไทยรู้จักดีอย่าง Hublot ("อูโบลท์) ที่ใช้กลยุทธ์ในการสร้าง Brand Story (เรื่องราวของแบรนด์) ให้ผูกโยงเข้ากับกีฬา และรถซุปเปอร์คาร์ ด้วย Brand Message Element, Brand Association ผ่านการ Co-Branding ดังกรณีศึกษานี้

Hublot History

ปี ค.ศ. 1980 คาร์โล คร็อคโค (Carlo Crocco) ผู้ก่อตั้งนาฬิกาแบรนด์ Hublot คิดค้นการนำ “แผ่นยาง” ธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นสายนาฬิกาบนตัวเรือนทองคำ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกา และยังเป็นสไตล์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งจนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการบุกเบิกนวัตกรรมสำหรับการผลิตนาฬิกา

Hublot Brand Uniqueness

เอกลักษณ์ของนาฬิกา Hublot คือกรอบหน้าปัดทรงกลมคล้ายช่องหน้าต่างใต้ท้องเรือ (port-hole shape) ผสมผสานกับโลหะขัดมันและขัดลาย ตัวหน้าปัดสีดำแนวมินิมัลลิสต์ และสายนาฬิกาทำด้วยยางธรรมชาติสีดำโดดเด่นเป็นพิเศษ

ด้วยความโดดเด่นนั่นเองที่ทำให้บรรดาสมาชิกในราชวงศ์ต่างก็ทรงสนพระทัยในแบรนด์ Hublot ขึ้นมาทันที ตามด้วยเหล่าเซเลบริตี้คนดังทั่วโลกมากมายก็เริ่มหันมาสนใจและซื้อเก็บไว้ในครอบครองบ้าง ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี นาฬิกา Hublot ก็ก้าวขึ้นชั้นมาเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับนาฬิกาชั้นสูง โดยแบรนด์ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการทำวิจัยค้นคว้ากว่าจะคิดค้นการนำยางธรรมชาติมาทำเป็นสายนาฬิกาที่มีคุณสมบัติพิเศษโดยเฉพาะเวลาสัมผัสกับผิวหนังของผู้สวมใส่ และเมื่อลูกค้าซื้อนาฬิกา นับเป็นประสบการณ์พิเศษเฉพาะตัวของแบรนด์นี้

ในช่วงกลางของยุค 90 “ยาง” วัสดุกลายมาเป็นหนึ่งในวัสดุที่บรรดานาฬิกาแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มุ่งให้ความสนใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแบรนด์ต่างๆ ได้ออกคอลเลคชั่นนาฬิกาในสไตล์นี้ ในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย แต่สำหรับ Hublot ยางไม่ได้เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ทางแฟชั่น แต่ถือเป็นการก่อร่างสร้างปรัชญาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นไลฟ์สไตล์บวกกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ Hublot ที่ได้ฟูมฟักพัฒนามาตั้งแต่ดั้งเดิมเลยทีเดียว Hublot เป็นหนึ่งในผู้ทำธุรกิจนาฬิกาแบรนด์สุดท้ายที่บริหารโดยครอบครัวและมีแนวคิดจำหน่ายสินค้าเพียงประเภทเดียวที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ทางบริษัทมีอิสระทางการบริหารการจัดการ จึงทำให้ Hublot ยังคงสามารถรักษาบุคลิกเฉพาะตัวของแบรนด์ และขยายคอลเลคชั่นเป็นผลงานออกมาได้อย่างหลากหลาย บางรุ่นก็มีกลไกพิเศษเฉพาะ และบางรุ่นก็เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น คอลเลคชั่น

Hublot Watch: Co-Branding

​ผลงานตระกูลมาสเตอร์พีซนาฬิกาทูร์บิญองกลไกไขลานรุ่น ลา เฟอร์รารี่ (La Ferrari) สุดยอดนวัตกรรมบอกเวลาที่มีความพิเศษสูง ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยฉีกกฏทุกเรือนเวลากับหน้าปัดจำลองเสมือนจริงมาจากเครื่องยนต์ของรถยนต์เฟอร์รารี่ แรงบันดาลใจของรุ่นนี้มาจากรุ่น “ลา เฟอร์รารี่” ของสุดยอดรถซูเปอร์คาร์ม้าลำพอง โดยใช้ชื่อรุ่นเฉกเช่นเดียวกับรถ และได้ออกแบบควบคู่กับทีมของเฟอร์รารี่มาโดยตลอด ด้วยส่วนประกอบของนาฬิกามากถึง 637 ชิ้น พิเศษด้วยสถิติโลกล่าสุดกับการสำรองพลังงานที่สะสมได้นานถึง 50 วัน และผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียงแค่ 50 เรือนเท่านั้น

​ทัวร์ ออโต้ 2014 คลาสสิค ฟิวชั่น โครโน (Tour Auto 2014 Classic Fusion Chrono) นับเป็นปีที่สองที่อูโบลท์ได้เป็นแบรนด์เครื่องบอกเวลาอย่างเป็นทางการของงานจัดแสดงรถยนต์คลาสสิคอันเก่าแก่ของยุโรป "The Tour Auto Optic 2000" เพื่อเฉลิมฉลองการแข่งขันทัวร์ ออโต้ 2014 อูโบลท์จึงเปิดตัว รุ่นทัวร์ ออโต้ 2014 คลาสสิค ฟิวชั่น โครโน ซึ่งผลิตลิมิเต็ด อิดิชั่นพร้อมซีเรียลนัมเบอร์เพียงแค่ 100 เรือนเท่านั้น นาฬิกาตัวเรือนไทเทเนียมขัดเงาขนาด 45 มิลลิเมตร หรูหราด้วยหน้าปัดซาตินซันเรย์สีดำโดดเด่นด้วยเส้นสายกราฟฟิกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 1970s และแถบธงชาติฝรั่งเศสที่พาดผ่านหน้าปัดเรื่อยมาจนถึงสายรัดหนังลูกวัวสีดำเย็บติดกับยาง ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟ สำรองพลังงานได้ 42ชั่วโมง กันน้ำลึก 50 เมตร

​นอกเหนือจากสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับเรือนเวลาแล้ว อูโบลท์ยังได้สวมบทเสมือนหนึ่งในผู้เล่นบนสนามแข่งขันฟุตบอลระดับโลก จากการเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการ (Official Watch) และผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ (Official Timekeeper) ของฟุตบอลโลกที่บราซิลซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไป ล่าสุดผลิตนาฬิการุ่นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติแก่โค้ชฟุตบอลชื่อดัง โชเซ มูรินโญ อย่าง คิง เพาเวอร์ ‘สเปเชียล วัน’ (King Power ‘Special One’) ครั้งแรกกับการเปิดตัวนาฬิกาพร้อมกับการแสดงเวลาแบบไบ – เรโทรเกรด ทำงานด้วยกลไลอัตโนมัติฟลายแบ็กโครโนกราฟ ผลิตพิเศษเพื่อเอาใจคอฟุตบอลโดยเฉพาะ ตัวเรือนขนาด 48 มิลลิเมตร มีให้เลือกทั้งแบบตัวเรือนไทเทเนียม และตัวเรือน คิง โกลด์ 18K ที่มีจำนวนจำกัดพิเศษเพียง 100 เรือนเท่านั้น

Depeche Mode

วงร็อคสุดเก๋าจากเกาะอังกฤษสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและการร่วมมือกันเพื่อการกุศลอย่างต่อเนื่อง กับแบรนด์นาฬิกาอย่างอูโบลท์ รังสรรค์นาฬิการุ่น บิ๊ก แบ็ง ดีเพชเชโมด สตีล 000/250 (Big Bang Depeche Mode Steel 000/250) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวล่าสุดในปี 2014นี้ เป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นพร้อมซีเรียลนัมเบอร์เพียงแค่ 250 เรือนทั่วโลกเท่านั้น นาฬิกากลไลจักรกลไขลานอัตโนมัติแอโร แบ็ง สตีล โครโนกราฟ ตัวเรือนสตีลขนาด 44 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนตกแต่งด้วยลวดลายหมุด Clous Pyramide หน้าปัดไมโครบลาสต์โอเพ่นเวิร์คสเกเลตันสีเทา มาพร้อมสายหนังลูกวัวสีเทาไล่เรียงโทนสีสวยงามเย็บติดกับยาง ตกแต่งด้วยสตั๊ดดีไซน์เช่นกัน โดยรายได้เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่หวังผลกำไรอย่าง 'Charity : Water' ในการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการมีน้ำดื่มสะอาดที่พอเพียง

บิ๊ก แบ็ง ยูนิโค ฟีฟ่า (Big Bang Unico Fifa) เพื่อเฉลิมฉลองการเป็นแบรนด์ผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของฟีฟ่า เวิล์ดคัพ 2014 ที่ประเทศบราซิลที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่อูโบลท์ใช้กลไกแบบไบ-เรโทรเกรด โครโนกราฟ มาพร้อมหน้าปัดโฉบเฉี่ยวที่ประดับด้วยสีเหลืองและสีเขียว ซึ่งเป็นสีประจำธงชาติเจ้าบ้านอย่างบราซิล มีให้เลือกสองแบบระหว่างตัวเรือนคิงโกลด์ 18k คาร์บอน มีให้ครอบครองเพียงแค่ 100 เรือนเท่านั้น และตัวเรือนเซรามิกคาร์บอน ผลิตเพียง 200 เรือนเท่านั้น

จากกรณีศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นว่า “การมุ่งเน้นความหลากหลาย” หรือพูดได้อีกนัยหนึ่งว่า มุ่งไปยังที่ที่มีลูกค้าที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ การที่ Hublot ร่วมทุนในกิจกรรมด้านต่างๆ หลากหลายด้านรวมทั้งกิจกรรมการแข่งขันเรือใบผ่านทางการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจในงานแข่งขันเรือใบระดับโลกอย่าง Monaco Yacht Club (YCM) ซึ่งมีเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโค เป็นประธาน หรือการเข้าร่วมสนับสนุน Real Club Nautico de Palma และ Hublot Palma Vela regatta โดยเรือ Wally หรือสนับสนุนทีม Luna Rossa ในการแข่งขัน “America’ s Cup 2007” นอกจากนี้ Hublot ยังเข้าร่วมกิจกรรมด้านกีฬาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กอล์ฟ โปโล สกี การแข่งรถ และเทนนิส ในการสนับสนุนการแข่งขันโดยตรงหรือผ่านทางแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Hublot

ในโลกของกีฬาฟุตบอล Hublot เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูระดับ Luxuryแบรนด์แรกที่เข้าไปร่วมในการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน อย่างเช่นครั้งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งก็คืองาน Euro 08 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เมื่อปีที่แล้ว


 

เรื่อง : ดร.กรรวิภา เมธานันทกูล

-----------------------
นิตยสารMBA ฉบับที่ 182 November - December 2014

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Friday, 15 November 2019 11:37
X

Right Click

No right click