×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

From Passion to “SkillLane”

August 09, 2018 4443

 

                คำแนะนำสำหรับคนที่อยากจะเป็นสตาร์ทอัพของ ฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ และ เอกฉัตร อัศวรุจิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ SkillLane โรงเรียนออนไลน์ที่มีวิชาเรียนมากกว่า 400 หลักสูตรรอให้ผู้สนใจเข้าไปเลือก คือ

                “ฝันให้ใหญ่ เริ่มให้เล็ก เรียนรู้ให้เร็วและสู้ไม่ถอย”

                ทั้งสองคนช่วยกันอธิบายต่อว่า  ฝันให้ใหญ่ คือการทำสตาร์ทอัพไม่ได้มีเพียงผู้ร่วมก่อตั้ง แต่ยังต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกมากทั้งนักลงทุน ลูกค้า พาร์ตเนอร์ ฝันที่ใหญ่จะเป็นพลังดึงดูดให้คนอื่นอยากมาร่วมงานด้วย

                 เริ่มให้เล็ก หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องเปิดตัวให้ยิ่งใหญ่มีฟีเจอร์ครบทุกอย่าง แต่การทำเช่นนั้นต้องใช้เงินลงทุนมากตามไปด้วย และอาจจะไปผิดทางก็ได้ การเริ่มทีละก้าวแล้วค่อยๆ เรียนรู้จากผู้บริโภคจะช่วยให้ก้าวต่อไปเดินได้มั่นคงกว่า

                 เรียนรู้ให้เร็ว เพราะสตาร์ทอัพเป็นเรื่องการทำธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้จึงจำเป็นมาก ตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถขยายธุรกิจได้ ล้วนมีเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้รอให้ผู้ร่วมก่อตั้งเรียนรู้อยู่เสมอ ทั้งด้านการทำผลิตภัณฑ์หรือบริการ การบริหารงานบุคคล การระดมทุน และอื่นๆ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงและต้องการทักษะความรู้ใหม่ๆ ยิ่งเรียนรู้ได้เร็วก็หมายความว่ายิ่งโตได้เร็ว

                สู้ไม่ถอยคือ หลายคนไม่คิดว่าการทำสตาร์ทอัพจะมีปัญหามากมายรออยู่ทั้งใหญ่และเล็ก หากไม่เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนก็อาจจะรับไม่ได้และล้มหายตายจากไป หากมีเป้าหมายที่ต้องการจะไปและเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับปัญหามาแล้ว ก็จะสามารถสู้ได้โดยไม่ถอย

                คำแนะนำนี้ช่วยให้ภาพการสร้าง SkillLane ของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้นว่า กว่าจะมาเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพระดับนี้ พวกเขาต้องใช้อะไรบ้าง

ฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ และ เอกฉัตร อัศวรุจิกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง SkillLane

 เริ่มด้วย Passion

                จากปัญหาเล็กๆ ที่พวกเขาเคยพบสมัยเรียนต่ออยู่ในต่างประเทศ เมื่อมีคลาสเรียนพิเศษที่ใครๆ ก็บอกว่าต้องไปเรียน ถ้าไม่ไปเรียนรอบนี้ก็จะพลาดโอกาส และเวลาก็ไม่เอื้อให้เขาได้เข้าเรียนคอร์สนั้นจริงๆ

                ต่อมาพวกเขาไปพบว่ามีเนื้อหาที่เหมือนกันสอนอยู่บนออนไลน์ และเมื่อทดลองเข้าไปเรียนดูทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ยุคนี้หากไม่สะดวกไปเรียนในห้องเรียนทุกอย่างสามารถเรียนได้ออนไลน์ได้ และอยากให้เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง SkillLane ขึ้นมา ด้วยความฝันอยากให้คนที่ต้องการพัฒนาทักษะต่างๆ ของตัวเองสามารถเรียนเรื่องที่ต้องการได้ทุกที่ ทุกเวลา

                และจากการทำข้อมูลพบว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยวัยทำงานมีทักษะที่อยากเรียนเพิ่มเติม แต่ 93เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่มนี้ยังไม่ได้ลงมือเรียนสิ่งที่ต้องการ เพราะว่าไม่มีเวลา ก็เป็นตัวเลขที่ยืนยันการพัฒนาคอร์สเรียนออนไลน์ให้ทุกคนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ตามความสะดวกของแต่ละคนให้หนักแน่นมากขึ้น

                ฐิติพงศ์และเอกฉัตรมุ่งมั่นกับการทำธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ยังเรียนอยู่ ตั้งแต่แบ่งกันลงวิชาเรียนที่คิดว่าจำเป็นต่อการมาทำธุรกิจในอนาคต เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญให้กับแต่ละคน รวมถึงการไปหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเช่น แยกไปฝึกงานกับเวนเจอร์แคปปิทัล และสตาร์ทอัพเพื่อได้เรียนรู้วิธีคิด วิธีทำงานต่างๆ ก่อนจะมาทำของตัวเองอย่างเต็มตัว

                พวกเขาใช้เวลากลางวันเรียนหนังสือ ตกเย็นก็จะมาร่วมกันออกแบบเว็บไซต์ และผลิตคอร์สเรียนคอร์สแรกเพื่อทดลองว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็นจริงหรือไม่  ซึ่งผลที่ออกมาทำให้เห็นว่ามีคนสนใจอยากจะพัฒนาตัวเองจำนวนมาก และทำให้มีกำลังใจพัฒนาธุรกิจต่อไป

                แม้การเรียนจบเอ็มบีเอจะสามารถไปหางานทำในบริษัทเอกชนได้เงินเดือนสูงๆ แต่ทั้งสองคนเลือกที่จะมาตั้งธุรกิจกันเอง ตามความเชื่อของทั้งคู่ที่คิดว่า ความรู้คือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของคนดีขึ้นได้ SkillLane จึงเป็นงานที่ทำให้ทุกเช้าเมื่อตื่นขึ้นมาทั้งสองคนได้ทำในสิ่งที่เชื่อ และมุ่งมั่นที่จะไปข้างหน้ากับธุรกิจนี้

                จากจุดเริ่มต้นที่ทำงานกันทุกอย่าง 2 คน ผ่านไป 4 ปี วันนี้ SkillLane มีทีมงานทั้งหมด 23 คน นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วพอสมควร และบทบาทของผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 คนก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป

 ทั้งสองคนแบ่งงานกันโดยเอกฉัตรจะดูแลฝั่งซัพพลายคือดูแลเรื่องเนื้อหาหลักสูตรที่จะมาลงในเว็บไซต์ โดยฐิติพงศ์ดูแลฝั่งดีมานด์คือด้านการตลาดติดต่อกับพาร์ตเนอร์ภายนอกและสร้าง SkillLane ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

                พวกเขาวางเป้าหมาย SkillLane คือการเป็น First Destination for On Demand Skill คือไม่ว่าใครที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะด้านใดก็สามารถมาหาที่นี่ได้ตามต้องการทันที ผ่านคอร์สต่างๆ ที่ผลิตมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ โดยสิ่งที่พวกเขาจะทำต่อไปคือการคัดสรรเนื้อหาที่ครอบคลุมความรู้ทั้งที่มีคนสนใจมากและคอร์สที่มีประโยชน์ต่างๆ รวมถึงพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดีขึ้น

                 คำว่า First Destination ในความหมายของสองผู้ก่อตั้งคือ ไม่ว่าอยากจะเรียนอะไร สามารถไปที่ Skilllane เป็นที่แรกและสามารถเรียนได้เลย สามารถมีความรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ทันที โดยSkilllane จะทำเนื้อหาที่ครอบคลุมความต้องการของผู้เรียนเพิ่มขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ที่มีการพัฒนามากขึ้นในอนาคต

เรียนรู้ให้เร็ว

            ในฐานะสตาร์ทอัพที่สามารถอยู่รอดและพัฒนาธุรกิจจนเติบโตขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง สองผู้ก่อตั้งพูดถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อองค์กรเริ่มขยายตัวทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ให้เร็วขึ้น เพราะความรู้ที่เคยใช้เมื่อปีที่ผ่านมาอาจจะไม่เหมาะกับการใช้ทำธุรกิจในปีนี้

                ทั้งสองคนร่วมกันตอบว่า สตาร์ทอัพต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ รอบด้านเพราะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เมื่อเรียนรู้แล้วก็ต้องนำมาทดลองใช้ปฏิบัติจริง และเมื่อองค์กรขยายตัวขึ้น ความรู้แต่ละอย่างที่เคยมีมาก็ต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้อง เช่น ด้านการบริหารงานบุคคล จากจุดเริ่มต้นที่ทำกันเพียง 2 คน สู่การบริหารทีม 10 คน สู่ทีม 20 คน การบริหารจัดการก็แตกต่างกัน

                เช่นเดียวกับการระดมทุนที่แต่ละรอบคำถามของนักลงทุนก็จะแตกต่างกันไป แต่เมื่อถึงเวลาตัวผู้ประกอบการก็จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว

                ในด้านการทำงานก็ต้องมีการใช้เครื่องมือต่างๆ มากขึ้น ทั้งเพื่อการวางแผน วิเคราะห์ กิจกรรมต่าง

                “ณ วันนี้ผมคิดว่าผมเก่งกว่าตัวเองเมื่อปีที่แล้วเยอะมาก แต่ผมยังคิดว่า ณ วันนี้ผมยังเก่งไม่พอกับเป้าหมายที่ผมต้องการไปปีหน้า หน้าที่ผมคือต้องเรียนรู้ให้เยอะและเก่งให้พอให้ทันกับเป้าหมายที่ต้องไปไปในปีหน้าให้ได้” ฐิติพงศ์กล่าว

                ทั้งสองคนบอกว่าการเรียนบางเรื่องก็เรียนจาก Skilllane แต่ก็มีการไปเรียนคอร์สของต่างประเทศด้วย รวมถึงการหาความรู้จากการอ่านหนังสือ นอกจากนี้สำหรับสตาร์ทอัพยังมีชุมชนที่สามารถเข้าไปขอคำปรึกษาจากคนในชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันได้

                การสร้าง Skilllane ของ เอกฉัตรและฐิติพงศ์ เป็นบทเรียนที่ทำให้เห็นวิถีการสร้างตัวของสตาร์ทอัพ ไม่เพียงต้องมีฝันมีความใส่ใจ มุ่งมั่นอดทนเพื่อบรรลุเป้าหมาย เริ่มจากจุดเล็กๆ เพื่อไปสู่ฝันที่ใหญ่กว่าของผู้ก่อตั้ง และยังต้องมีการเรียนรู้รองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในและนอกองค์กร

                นั่นคือวิธีการสร้างกิจการในแบบที่ผู้ก่อตั้งทั้งสองคนได้ทดลองทำมาแล้ว และผู้ที่สนใจก็สามารถศึกษาและนำไปปรับใช้ได้ เช่นเดียวกับคอร์สเรียนออนไลน์ใน Skilllane ที่เปิดโอกาสให้คนทุกคนได้เรียนสิ่งที่สนใจทุกที่ทุกเวลา เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาตนเอง

 

SkillLane

  • SkillLane มีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ประเภทคือ คอร์สเรียนสำหรับบุคคลทั่วไป (B2C) ที่ปัจจุบันเน้นที่ทักษะเพื่อใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ อาทิ Microsoft Excel, Powerpoint, การขาย การตลาด ภาษาต่างประเทศ การเงินการลงทุน ทักษะการพูดการนำเสนอต่างๆ เป็นต้น  
  • อีกด้านหนึ่งคือ B2B ที่เป็นลูกค้าองค์กร โดย SkillLane จะเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ให้กับองค์กรตามที่ต้องการ
  • ปัจจุบันมีผู้เรียนผ่าน SkillLane ไปแล้วกว่า 180,000 คน
  • คอร์สเรียนต่างๆ ใน Skilllane จำนวนกว่า 400 หลักสูตร

 

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Thursday, 17 March 2022 07:16
X

Right Click

No right click