×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 808

สราวุธ ชีวรัตนาพันธ์ ว่าที่นักเรียน Sloan School of Management

July 06, 2017 4131
สราวุธ ชีวรัตนาพันธ์ สราวุธ ชีวรัตนาพันธ์

“ความยืดหยุ่น” ในการมองโลกธุรกิจ คือสิ่งที่ “การ์ด-สราวุธ ชีวรัตนาพันธ์” หวังว่าจะได้จากการไปเรียนต่อ “MIT (Massachusetts Institute of Technology) Sloan School of Management” เพื่อนำมาผสานกับ “ความคิดที่เป็นระบบ” ในสายวิศวกรรมเครื่องกลที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ให้กลายเป็น “ส่วนผสม” ที่ลงตัวที่สุดที่คนคนหนึ่งจะมีได้ ในฐานะคนที่กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีให้สังคมไทย

Q: เห็นบอกว่าความรู้ด้าน “วิศวกรรมศาสตร์” กับ “การตลาด” คือ Combination ที่ดีในการทำธุรกิจ อะไรทำให้คิดอย่างนั้น
A:  ปกติ ผมจะเก่งเรื่องการคิดเป็นระบบ แต่มุมมองเรื่องธุรกิจ ผมยังขาดอยู่ การเรียนวิศวะเราจะอยู่กับเรื่องตัวเลข ทุกอย่างมันจะเป๊ะตามนั้น แต่ในโลกความจริงของธุรกิจ มันไม่มีอะไรแน่นอน มันยืดหยุ่นได้มากกว่า และจากการคุยกับเพื่อน BBA พอมีไอเดียอะไรมาปุ๊บ เขาจะไม่เสียเวลามานั่งคำนวณนู่นนี่เท่าเรา เขาจะลองลงมือทำดูก่อนโดยใช้ Tool ที่เรียนมา ผมก็เลยมองว่าอยากจะไปเติมเต็มตัวเองในส่วนนี้

Q: คิดว่าคุณสมบัติไหนในตัวที่ทำให้มหาวิทยาลัยเลือกเรา
A: คงเป็นเรื่องการสร้าง Strategy ซึ่งค่อนข้างตรงกับงานที่ผมรับผิดชอบ ต้องวาง Strategy เรื่องการส่งน้ำมันเข้า-ออกของทั้งประเทศ โชคดีตรงที่ผมได้ไปแก้ปัญหาใหญ่ๆ เรื่องรัฐบาลไม่ให้ส่งออกน้ำมันดิบ ต้องสร้างกลยุทธ์ ร่วมจับมือกับ Party อื่นๆ เพื่อโน้มน้าวรัฐบาล และล่าสุด นโยบายเรื่องนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว
จุดนี้แหละครับที่ผมคิดว่าทำให้ทางมหาวิทยาลัยเขาชอบมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับนโยบายของประเทศ สุดท้ายมันก็มาสู่คอนเซ็ปต์ที่ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่นั่น คุณได้สร้าง Impact อะไรให้เกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า

Q: มีไอดอลหรือคนดังๆ ที่จบมาจากที่นี่ไหม
A: ต้องพูดถึงคนนี้เลยครับ “Elumbus Reisen” ที่เป็นคนคิดค้น Tesla Motor (บริษัทเจ้าแห่งรถพลังไฟฟ้า) ผมว่าความคิดเขาแหวกแนวสุดๆ เป็นไอดอลของผมเลย ผมอ่านเรื่องของเขา เขาคิดทุกวันว่าจะเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้นยังไง จะเปลี่ยนวิถีชีวิตคนได้ยังไง เขาเป็นคนแรกๆ ที่ทำให้โมเดลของรถพลังงานไฟฟ้าเกิดขึ้นและมีคนใช้จริง

Q: ถ้าให้กลับมามองตัวเอง ในฐานะที่จะจบมหาวิทยาลัยเดียวกันไอดอล เราคาดหวังอะไรกับตัวเองบ้าง
A: ที่ผมอยากจะทำให้ได้แน่ๆ เลยก็คือ ผมอยากเอาความรู้จากที่นี่ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของนวัตกรรมด้านไอที กลับมาใช้ในสังคมไทยให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อยากทำให้ประเทศไทยเข้าสู่เวทีโลกเรื่องเทคโนโลยี แล้วก็อยากจะใช้เทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงเรื่องระบบการศึกษาของบ้านเราด้วย จากที่เคยเรียนมาทั้งระบบไทยและระบบนานาชาติ ผมพบว่าโรงเรียนไทยจะไม่ได้เน้นสอนให้คิดจริงๆ และไม่ได้สอนให้ให้ค่าความสามารถที่หลากหลาย ซึ่งผมอยากจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติตรงนี้ มันกลายเป็นว่ามีเด็กรักดนตรีแต่กลัวตกงาน เลยต้องไปเลือกเรียนสายวิทย์คณิต ผมไม่ชอบอะไรแบบนั้นและอยากให้มันเปลี่ยนแปลง คือผมไม่ได้เลือกวิธีการว่าจะต้องแก้ไขตรงนี้ได้ยังไง แต่มองไว้ว่ามันมีการเรียนคอร์สออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์ เรียนเต้น หรืออะไรก็ตาม ผมแค่อยากทำให้เด็กๆ ได้เห็นว่าสิ่งที่เขารัก ไม่ว่าจะเลือกทำอะไร มันก็มีคุณค่าและเลี้ยงตัวเองได้ในอนาคต

Rate this item
(2 votes)
Last modified on Thursday, 06 July 2017 09:40
X

Right Click

No right click