‘กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์’ นายหน้าประกันภัย ภายใต้ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เดินหน้าบุกตลาดประกันภัยยานยนต์ วางกลยุทธ์ชู 3 คุณสมบัติเด่น ‘คุ้มค่าตามงบ - เข้าถึงง่าย - ใส่ใจทุกความต้องการ’ ด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านประกันภัยที่เข้าใจผู้บริโภค ช่วยลูกค้าเปรียบเทียบเลือกกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ที่สุด  เพื่อความคุ้มค่าของเจ้าของรถ ผ่านการเปิดตัวแคมเปญซีรี่ส์ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ ‘เปรียบเทียบประกันจริงจัง ได้ดีลปังแบบออโต้’ ที่มุ่งเน้นสื่อสารให้ลูกค้าใส่ใจในเรื่องของความคุ้มครองตัวบุคคลหรือตัวรถเพิ่มขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้บริการประกันภัยยานยนต์ พร้อมมอบโปรโมชันส่วนลดพิเศษตลอดปี 2567

นางสาวชญาน์ธิป พันธุ์มณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความสำเร็จของ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราอำนวยความสะดวกลูกค้าด้วยการเปรียบเทียบกรมธรรม์เพียงแค่บอกงบ และไม่หยุดนิ่งที่จะต่อยอดบริการเพื่อดูแลเจ้าของรถให้ดียิ่งขึ้น ด้วยจุดแข็งของเราคือความน่าเชื่อถือของการเป็นผู้นำด้านสินเชื่อยานยนต์ ความโปร่งใสในเรื่องของราคา การให้รายละเอียดลูกค้าที่ครบถ้วน เพื่อเลือกประกันที่คุ้มค่าจากพันธมิตรบริษัทประกันภัยยานยนต์กว่า 15 ราย และพร้อมให้บริการในทุกแพลตฟอร์มตามช่องทางที่ลูกค้าสะดวก จึงเป็นที่มาของ 3 คุณสมบัติเด่น ‘คุ้มค่าตามงบ - เข้าถึงง่าย - ใส่ใจทุกความต้องการ’ โดยเราทำการสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ ‘เปรียบเทียบประกันจริงจัง ได้ดีลปังแบบออโต้’ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมไปถึงโปรโมชันพิเศษตลอดทั้งปีที่พร้อมนำเสนอให้กับลูกค้าทุกกลุ่มของ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์”

3 คุณสมบัติเด่นของบริการและผลิตภัณฑ์จาก กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ประกอบไปด้วย

  • คุ้มค่าตามงบ - เปรียบเทียบประกันภัยที่ใช่ เหมาะสมกับงบที่ลูกค้าต้องการและประเภทยานยนต์ของลูกค้า ทั้งรถยนต์ และ บิ๊ก ไบค์
  • เข้าถึงง่าย - มีหลากหลายช่องทางให้เลือกใช้บริการตามความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ krungsriautobroker.com LINE Official Account @krungsriautobroker แอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto สาขากรุงศรี ออโต้ ทั่วประเทศ พนักงานการตลาดในโชว์รูมและเต็นท์รถมือสองหรือ ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ที่ 0 2740 7400
  • ใส่ใจทุกความต้องการ - ทีมที่ปรึกษามีความเชี่ยวชาญประกันภัยยานยนต์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เข้าใจความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า มีการแจกแจงรายละเอียดและข้อยกเว้น โดยปีนี้เราจะสร้างความตื่นตัว เน้นเรื่องของความคุ้มครองตัวบุคคลหรือตัวรถเพิ่มขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้บริการประกันภัยยานยนต์ โดยให้ลูกค้าได้เข้าใจก่อนการทำประกันภัย ไม่ใช่เพียงแค่หาประกันภัยราคาถูกอย่างเดียว แต่คำนึงถึงความคุ้มค่า และประกันที่เหมาะสมกับรถของลูกค้า เพื่อให้ได้รับความสบายใจ ตลอดระยะเวลาการรับประกัน

“การชู 3 คุณสมบัติเด่น การเปิดตัวหนังโฆษณาเรื่องใหม่ ‘เปรียบเทียบประกันจริงจัง ได้ดีลปังแบบออโต้’ และโปรโมชันพิเศษตลอดปีที่เรานำเสนอให้กับลูกค้า ถือเป็นกลยุทธ์หลักของ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ในปีนี้ โดยเรามีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมผู้ใช้รถในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าเบี้ยประกันยานยนต์ของปี 2567 เติบโต 15%-20% เรามั่นใจว่า กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ของเราจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของผู้ใช้รถในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” นางสาวชญาน์ธิป กล่าวปิดท้าย

ในส่วนของโปรโมชันพิเศษภายใต้แคมเปญ ‘เปรียบเทียบประกันจริงจัง ได้ดีลปังแบบออโต้’ ครอบคลุมทั้งรถยนต์ และ บิ๊ก ไบค์ สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัยยานยนต์ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567* รับส่วนลดทันที สูงสุด 3,000 บาท นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ยังพร้อมมอบโปรโมชันแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567

หากสนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยยานยนต์ของ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.krungsriautobroker.com, LINE Official Account @Krungsriautobroker, แอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto และปรึกษาพนักงานกรุงศรี ออโต้ ที่สาขา กรุงศรี ออโต้ โชว์รูมรถยนต์ และเต็นท์รถยนต์มือสองที่เป็นพันธมิตรกรุงศรี ออโต้ ทั่วประเทศ หรือโทร. 0 2740 7400

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ กำหนด ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.krungsriautobroker.com

โชว์นวัตกรรมไบโอเทคอีสาน รวมสุดยอดเครื่องมือแล็บ รับการลงทุนจากทั่วโลก

วิเคราะห์ข้อมูลการขายเชิงลึก ครบทุกมิติ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ พร้อมด้วย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ร่วมแถลงผลการดำเนินงานพร้อมตอบข้อซักถามจากผู้ถือหุ้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งจัดในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ผ่านการถ่ายทอดสดจากห้องประชุม บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อาคารสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 โดยการประชุมสำเร็จลุล่วงเป็นไปได้ด้วยดี ที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 ตลอดจนการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และมีมติอนุมัติครบทุกวาระตามที่คณะกรรมการเสนอ

โดยในปี 2566 TIPH เน้นเข้าลงทุนในธุรกิจที่ก่อให้เกิด Insurance Ecosystem และมุ่งเน้นการปรับ Business Foundation ในบริษัทที่ TIPH เข้าร่วมลงทุน ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2566 ของ TIPH และบริษัทที่ TIPH เข้าร่วมลงทุนล้วนมีกำไรสุทธิ มีเพียงบริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัย ดิจิทัลเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ที่ยังอยู่ในช่วงเร่งสร้าง Brand Awareness แต่อย่างไรก็ดี  ยอดกรมธรรม์ของอินชัวร์เวิร์สมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 916% ในช่วง 3 เดือนหลังของปีที่ผ่านมา ขณะที่ เบี้ยประกันภัยรับ ของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 เบี้ยประกันภัยรับของ ทิพยประกันภัย มีการเติบโต 6.8% ซึ่งเติบโตมากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 3.5%

ผสานเอกลักษณ์ท้องถิ่น-เติบโตเคียงข้างชุมชน ก้าวสู่การเป็นหนึ่งใน Soft Power ไทย

ร่วมให้และได้บุญไปพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่วันที่ 24 – 26 เมษายน 2567

เคทีซีจับมือคาเธ่ย์ ปลูกต้นโกงกางที่ป่าชายเลนในประเทศไทยภายใต้โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” โดยโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความยั่งยืนที่คาเธ่ย์ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ และรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น เคทีซีจึงได้ร่วมสนับสนุนและต่อยอดโครงการดังกล่าว ด้วยการสมทบจำนวนต้นไม้สำหรับปลูกในป่าชายเลนเท่าจำนวนบัตรโดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่จำหน่ายผ่าน KTC World Travel Service และชำระด้วยบัตรเครดิต KTC ในปี 2566 ทั้งนี้ ทีมงานเคทีซีและคาเธ่ย์ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 4,000 ต้น ณ ป่าชายเลนบางปู สมุทรปราการในวันที่ 23 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เคทีซีดำเนินธุรกิจบนแนวคิดด้านความยั่งยืนโดยคำนึงถึงทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การร่วมมือกับพันธมิตรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบและบรรเทาปัญหาภาวะสิ่งแวดล้อมก็เป็นแนวคิดของเคทีซีด้วยเช่นกัน การร่วมมือกับ คาเธ่ย์ เพื่อต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นส่วนหนึ่งที่เคทีซีต้องการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และรณรงค์ให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการปลูกต้นโกงกางในป่าชายเลน ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดโลกร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับป่าบกทั่วไป ด้วยป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่มากกว่า เคทีซีจึงได้ร่วมสมทบต้นโกงกางเพิ่ม 1 ต้น เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจองบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ทุกๆ 1 ใบ ผ่าน KTC World Travel Service โดยโครงการดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระยะยาวระหว่างสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคและเคทีซี เริ่มต้นขึ้นในปี 2566 ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีจำนวนต้นโกงกางที่ได้รับจากโครงการนี้ถึง 4,000 ต้น  และในปีนี้ สมาชิกเคทีซียังคงสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  ได้ตลอดทั้งปี 2567 คาเธ่ย์ ดำเนินโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ประเทศไทย และได้ขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำไปสู่การปลูกป่าชายเลนมากกว่า 27,000 ต้นทั่วทั้งภูมิภาค

นางสาวเคอรี่ ลุย ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สานต่อความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืนและตอบแทนชุมชนที่เราให้บริการ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป และต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมมาร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแก่โลกของเรา ในโอกาสนี้ เราจึงได้เชิญเด็กด้อยโอกาส 10 คนมาร่วมกิจกรรมกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ตรงในการปลูกป่า และฟูมฟักแนวความคิดด้านความยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเคทีซี พันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในการเดินทางเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567) ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเฟ้นหาและอนุรักษ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศไทย ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และสร้างต้นแบบเกษตรกร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมข่าวคุณภาพสูงเป็นหลัก และยังมีการเชื่อมโยงการตลาดให้เกษตรกรผู้ชนะการประกวดเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร

กว่า 4.7 ล้านครัวเรือน และประชาชนในประเทศส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก สะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทยที่เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ดำเนินนโยบาย พัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมชาวนา ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

นายภูมิธรรมเน้นย้ำว่า ข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวในตลาดข้าวพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว  มีเม็ดยาวเรียวสวย สีมันวาว หุงแล้วมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบเตย รสสัมผัสนิ่มนวล จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวชนิดอื่นแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การยกระดับเชิงนโยบายทั้งด้านการผลิตและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิชั้นเลิศของโลก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยในปี 2566 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.76 ล้านตัน นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 178,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28 โดยข้าวหอมมะลิยังคงรักษาระดับการส่งออกได้ดีแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยมีปริมาณส่งออกในปี 2566 อยู่ที่ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.6 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และฮ่องกง

“ตนเดือนเดินทางไปหลายประเทศได้รับความชื่นชมในข้าวไทย ไม่ว่าจะเป็นจีนในหลายมณฑล สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทุกคนต่างชื่นชมถึงแม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่ยังสัมผัสได้ในความพิเศษของข้าวหอมมะลิไทย ”นายภูมิธรรมกล่าว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร ในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจาก 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดจำนวนรวม 967 ตัวอย่าง และได้นำตัวอย่างข้าวขาวของผู้ที่สมัครเข้าร่วมประกวดฯ ตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ทั้งเคมีและกายภาพ ส่งให้คณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศพิจารณาคัดเลือกจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวมจำนวน 21 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรรายบุคคล 18 ราย และสถาบันเกษตรกร 3 ราย เป็นโล่รางวัลเกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล รวมกว่า 625,000 บาท

โดยในวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัลแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโรงสี ผู้ผลิตข้าวสารคุณภาพ ผู้ชนะการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2566 รวม 11 รางวัล ในประเภทต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย และข้าวสารเหนียวเมล็ดยาว สำหรับรายชื่อผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย

ประเภทเกษตรกรรายบุคคล : ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ นายณรงค์  จันทรุ่ง จ.อุบลราชธานี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 นางจันทร์สมสบบง จ.พะเยา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 นายสุเรียนสังข์ลาย จ.สุรินทร์

ประเภทสถาบันเกษตรกร :  ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิสงเปลือย ม.5 ต.เมืองทอง จ.ร้อยเอ็ด

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด จ.นครพนม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษตำบลแม่อ้อ จ.เชียงราย

โดยภายในงานได้มีการ MOU ซื้อ-ขายข้าวเปลือกหอมมะลิล่วงหน้าในราคานำตลาด สูงกว่าราคาตลาด 500 บาท/ตัน จำนวน 6 คู่ กว่า 343.4 ตัน ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้าวที่มีคุณภาพสูงมีตลาดรองรับ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th หรือ Line@ MR.DIT

X

Right Click

No right click