นายจาร์กันนาธาน ศรีนิวาสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจระบบไฟ และอุปกรณ์แสงสว่างระดับโลก ผู้บริหารจัดการแบรนด์ฟิลิปส์ (Philips) เข้ารับรางวัล 2024 Thailand’s Most Admired Brand” ในสาขาแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุด หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้า ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารแบรนด์เอจ โดยภายในปีนี้ ยังได้รับรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award แบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรม จากผลิตภัณฑ์ Philips Hue สุดยอดระบบไฟแสงสว่างอัจฉริยะเพื่อบ้าน เพื่อ Home Entertainment และหลอดไฟ LED Bulb รุ่น Ultra Efficient ตอกย้ำความผู้นำอันดับหนึ่ง แบรนด์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างระดับโลก ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 72 ปี ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ

สำหรับรางวัล “2024 Thailand’s Most Admired Brand” นิตยสารแบรนด์เอจได้จัดทำการสำรวจขึ้นมาอย่างต่อเนื่องถึง 24 ปี ตามลักษณะตลาดที่มีความเป็นเซ็กเม้นต์มากยิ่งขึ้น โดยเป็นการสำรวจและวิจัยการรับรู้ในเรื่องของแบรนด์และพฤติกรรมการบริโภคในกลุ่มสินค้า 11 หมวด ซึ่ง “ฟิลิปส์” ยังสามารถคว้ารางวัลนี้ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 ด้วยคะแนนโหวตสูงสุดในการเป็น   แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจที่สุดของผู้บริโภคคนไทยทั่วประเทศ

นายจาร์กันนาธาน ศรีนิวาสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่าสำหรับปีนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ “ฟิลิปส์” ได้เข้ารับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 และยังได้รับรางวัลพิเศษ Innovation Brand Award แบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรม เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์เหนือคู่แข่งทางการตลาดในด้านการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม สำหรับผลิตภัณฑ์ Philips Hue และหลอดไฟ LED Bulb รุ่น Ultra Efficient ถือเป็นนวัตกรรมแสงสว่างที่รักษ์โลก ให้ความสว่างมากแต่กินไฟน้อยกว่า LED ปกติถึง 50% พร้อมมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 50,000 ชม.  ซึ่งเป็นหลอดไฟที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน และขอขอบคุณผู้บริโภคทั่วประเทศ ที่ไว้วางใจในแบรนด์ สินค้า และนวัตกรรมไฟส่องสว่างของ “ฟิลิปส์” และขอบคุณพนักงานทุกคน พันธมิตรทางการค้า และร้านค้าไฟฟ้าที่ได้ร่วมส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพให้ถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ รวมทั้งนิตยสารแบรนด์เอจ สำหรับผลงานวิจัย ที่ช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 แบรนด์อุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่างระดับโลกให้แก่เรา”

โดยล่าสุด ฟิลิปส์ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มฟิลิปส์ ฮิว “Philips Hue” นวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำของอุปกรณ์แสงสว่าง IoT อัจฉริยะ ที่เข้ามาเติมเต็ม และช่วยยกระดับภาพ เสียง และแสงแบบ Seamless & Dynamic เต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความบันเทิงภายในบ้าน เพิ่มสีสัน ความสนุก รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจส่วนบุคคล ทั้งคอ ซีรีส์ คอหนัง แฟนกีฬา สายฟังเพลง สายเกม Console สาย PC gaming/E-sport หรือแม้แต่สายทำ Content  ด้วยระบบไฟ IoT อัจฉริยะที่เปลี่ยนแสงได้ถึง 16 ล้านเฉดสีรุ่นใหม่เน้นด้าน Home entertainment และ PC gaming ที่มาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ เข้ามาช่วย Upgrade กลุ่มลูกค้าที่มี Philips Hue อยู่แล้วที่บ้าน และสร้างประสบการณ์แสงเหนือระดับให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการเพิ่มอรรถรสความบันเทิงภายในบ้าน หรือคอนโดสุดหรู ได้แก่ Philips hue Play HDMI Sync Box กล่องอัจฉริยะสำคัญ ที่จะปลดล็อกประสบการณ์ Entertainment ซึ่งจะทำหน้าที่ sync ภาพ และเสียงจากแหล่งภาพ Philips hue Play Gradient Strip for TV ไฟเส้นอัจฉริยะ 16 ล้านเฉดสีที่สามารถไล่หลายเฉดสีในเส้นเดียวสำหรับติดกับหลัง TV ทั่วไป Philips hue Play Gradient Strip for PC ไฟเส้นอัจฉริยะ 16 ล้านเฉดสีที่สามารถไล่หลายเฉดสีในเส้นเดียวสำหรับติดกับหลังจอมอนิเตอร์ PC ทั่วไป และ Philips hue Play Light Bar ไฟแท่งอัจฉริยะ 16 ล้านเฉดสีที่ปรับใช้ได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน และยึดติดหลัง TV เสริม Ambience การดูหนังฟังเพลงเล่นเกมในจุดที่คุณต้องการได้ตามจินตนาการคุณ

สามารถติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของทางฟิลิปส์เพิ่มเติมได้ที่ www.lighting.philips.co.th หรือที่ Facebook : PhilipsLightingThailand

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) นำโดย นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ขวา) และนายประกอบ เพียรเจริญ (ซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ประกาศความสำเร็จคว้ารางวัลใหญ่ด้านความยั่งยืน Best Bank for Sustainable Finance” จาก The Asset Triple A Awards for Sustainable Finance 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังคว้ารางวัล “Best Sustainable Bank” จาก FinanceAsia Awards 2024 ในฐานะที่กรุงศรีเป็นธนาคารที่ให้ความสำคัญและมีบทบาทในการสนับสนุนภาคธุรกิจในเรื่องของการเงินเพื่อความยั่งยืน และมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม พร้อม รางวัลด้านความยั่งยืนจากเวทีระดับประเทศและระดับสากล ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย ผู้ให้คำปรึกษา ผู้สนับสนุนทางการเงิน และผู้จัดการเงินกู้ร่วมให้กับลูกค้าธุรกิจต่างๆ ประกอบไปด้วย

รางวัลจากเวที The Asset Triple A Awards 2024 จัดโดยนิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย The Asset ได้แก่

  • รางวัล Best Green and Blue Bond จากการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • รางวัล Best Green Bond สำหรับความสำเร็จในการออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 3,500 ล้านบาท
  • รางวัล Best Sustainability-Linked Loan จากการเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วมและผู้ประสานงานด้านดัชนีความยั่งยืน สนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ให้กับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 11,500 ล้านบาท
  • รางวัล Best Green Loan จากการเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อสีเขียว และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว ให้กับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) จำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อสีเขียวระยะยาวเป็นครั้งแรกของ SCGP

รางวัลจากเวที ThaiBMA Best Bond Awards 2023 จัดโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้แก่

  • รางวัล Leading Underwriter for Corporate ESG Bond ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สถาบันผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ที่เป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวที่ออกภายใต้มาตรฐาน และกรอบหลักเกณฑ์ในการระดมทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม/สังคม/ความยั่งยืน (Green, Social, Sustainable Financing Framework)
  • รางวัล State Owned Enterprise ESG Bond of the Year สำหรับการออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 3,500 ล้านบาท

นอกจากความเชี่ยวชาญและความสำเร็จทางธุรกิจในด้าน ESG จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านความยั่งยืน กรุงศรียังได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงิน รวมถึงบริการด้านวาณิชธนกิจในดีลสำคัญอีกมากมาย จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ ได้แก่ รางวัล Best Bond Adviser – Domestic และรางวัล Best New Bond จากเวที The Asset Triple A Awards 2024

ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ เพื่อมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมลูกค้าในการเปลี่ยนผ่าน ให้พร้อมก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับดูราเพาเวอร์ ผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบลิเธียมไอออนระดับโลก ส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกจากโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในไทยให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย นับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนตลาดรถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกขนาดใหญ่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความสำเร็จของผู้นำจาก 3 ธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าและการลดคาร์บอน การส่งมอบแบตเตอรี่ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของโรงงานประกอบแบตเตอรี่ดีพี เน็กซ์ ในประเทศไทย ภายใต้บริษัท ดีพี เน็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์

ปี 2567 ตลาดรถบัสไฟฟ้าในเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่า* 44,740 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 73,880 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 10.55% ในปี 2572 ถือเป็นภูมิภาคที่ตลาดรถบัสไฟฟ้าเติบโตเร็วที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยได้รับอานิสงส์จากองค์กรด้านการขนส่งในหลายประเทศที่ส่งเสริมการใช้รถบัสไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ภาครัฐของไทย** ได้ประกาศโร้ดแมปซึ่งคาดว่าจะมีการใช้งานรถบัสไฟฟ้าสาธารณะ 3,000 คันในประเทศภายในปี 2568 ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรถบัสที่จดทะเบียนมากกว่า 150,000 คันเมื่อปี 2566 และมีแผนที่จะนำรถบัสไฟฟ้ามาใช้แทนรถบัสสันดาปไม่น้อยกว่า 40,000 คันภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยเมื่อโรงงานดีพี เน็กซ์ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เปิดดำเนินการประกอบแบตเตอรี่เต็มรูปแบบแล้ว จะส่งมอบผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการชาร์จเร็วโดยเฉพาะและมีความจุสูงสำหรับรถบัสและรถขนส่งขนาดใหญ่

สำหรับแบตเตอรี่ชุดแรกที่ส่งมอบให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในรถบัสไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) สมรรถนะสูงที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลถึง 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้เวลาในการชาร์จรวดเร็วเมื่อเทียบกับลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ช่วยให้ผู้ประกอบการรถบัสสามารถยกระดับประสิทธิภาพการบริการขึ้นไปอีกขั้น โดยโรงงานแห่งนี้จะรองรับความต้องการใช้แบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้งานในอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิก เช่น รถบัส รถบรรทุก และรถขนส่งเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในไทยส่งผลให้ความต้องการแบตเตอรี่สูงขึ้นตามไปด้วย จากปี 2565 ตลาดแบตเตอรี่ในประเทศ*** มีมูลค่า 1,140 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,010 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 17.0% ในช่วงปี 2566 – 2573 บ้านปู เน็กซ์ มุ่งมั่นที่จะเป็น Net-Zero Solutions Provider ให้กับองค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิก เราพร้อมสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ภายใต้ความร่วมมือที่บ้านปู เน็กซ์ รับผิดชอบด้านโอกาสทางการตลาดในประเทศไทย โดยนอกจากจะให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคและบริการหลังการขายที่ครบวงจร เราตั้งใจจะส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ซึ่งมีแผนจะนำไปใช้กับรถบัสประมาณ 100 คันภายในปี 2568”

นายเคลวิน ลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดูราเพาเวอร์ กล่าวว่า “ดูราเพาเวอร์มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และมีเทคโนโลยีขั้นสูง เรามั่นใจที่ได้ส่งมอบแบตเตอรี่คุณภาพสูงที่กักเก็บพลังงานได้ยาวนาน พร้อมคุณสมบัติชาร์จเร็ว น้ำหนักเบา และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ อีกทั้งเรายังนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงออกแบบโมดูลและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เราให้ความสำคัญกับการส่งมอบโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าในไทยและเอเชียแปซิฟิก ไปพร้อมกับการเดินหน้าความร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ และเชิดชัยมอเตอร์เซลส์”

นายอดิศร เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ โรงงานอุตสาหกรรมเชิดชัย กล่าวว่า “เชิดชัยฯ ให้บริการรถโดยสารสำหรับการเดินทางและท่องเที่ยว เรามีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนและปรับทิศทางธุรกิจให้สอดรับกับเทรนด์โลก จึงเปลี่ยนจากการใช้รถสันดาปเป็นรถบัสไฟฟ้าให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน เรากำลังพัฒนารถบัสของเราที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางไกลโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำมาใช้บนเส้นทางเดินรถสายหลักจากจังหวัดนครราชสีมาไปยังกรุงเทพฯ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผลิตรถบัสไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดประเทศไทย เราเลือกใช้แบตเตอรี่จากโรงงานดีพี เน็กซ์ เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการเชิงเทคนิคและการใช้งานเฉพาะด้านของเรา ทั้งยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในประเทศคอยให้คำปรึกษาและบริการหลังการขาย เราจึงมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของโรงงานแห่งนี้ โดยแบตเตอรี่ชุดแรกที่เราได้รับจากบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์ เป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถบัสไฟฟ้า และตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในด้านความยั่งยืน”

แบตเตอรี่จากโรงงานดีพี เน็กซ์ จะนำมาใช้กับรถบัสไฟฟ้าของเชิดชัยมอเตอร์เซลส์บนเส้นทางสายหลัก กรุงเทพฯ - นครราชสีมา และในอนาคตมีแผนจะนำแบตเตอรี่ไปใช้กับรถบัสไฟฟ้าบนเส้นทางสายอื่นๆ โดยนอกจากเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ บ้านปู เน็กซ์ ยังนำเสนอแบตเตอรี่ให้กับธุรกิจขนส่งเชิงพาณิชย์หลายราย อาทิ ผู้ให้บริการรถบรรทุก ผู้ผลิตรถแทรกเตอร์ไฟฟ้า และผู้ผลิตเรือไฟฟ้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608

ธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจโซลูชันแบตเตอรี่ สามารถเยี่ยมชมบูธของดูราเพาเวอร์ หมายเลข MC17 โซนสิงคโปร์พาวิลเลี่ยน ในงานนิทรรศการและงานประชุม Future Mobility Asia 2024 ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต  “เคทีซี” หรือ บริษัท  บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในโอกาสที่ ซีไลฟ์ แบงคอก (SEA LIFE Bangkok) อควาเรียมมาตรฐานระดับโลก เปิดตัวแคมเปญ The Jelly fish Universe” เปิดโลกแมงกะพรุนสุดมหัศจรรย์ ซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมของเด็กๆ เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับ บริษัท เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด เชิญชวนสมาชิกบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” พาบุตรหลานเปิดประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน และร่วมสำรวจโลกใต้ทะเลกับสัตว์น้ำสายพันธุ์ต่างๆ จากทุกมุมโลก สนุกสนานไปกับการผจญภัยป่าดิบชื้นและแนวปะการัง ภารกิจใกล้ชิดฉลาม ลอดอุโมงค์ใต้น้ำ ชมความน่ารักของเพนกวินบนโลกน้ำแข็ง และพบกับกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับเด็กๆ เช่น ชมภาพยนตร์ 4 มิติ สำรวจใต้ท้องทะเลเสมือนจริงผ่านแว่น VR นั่งเรือท้องกระจกชมความสวยงาม ทัวร์เบื้องหลังการจัดแสดงดำน้ำกับฉลาม สำรวจสิ่งมีชีวิต พร้อมชมการให้อาหารสัตว์แสนน่ารัก เช่น ปลาฉลาม กระเบน เพนกวิน นากเล็กเล็บสั้น ม้าน้ำและปลาเสือพ่นน้ำ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย”

แพ็กเกจ FUN PACKAGE ประกอบด้วย บัตรเข้าชม ซีไลฟ์ แบงคอก และบัตรชมภาพยนตร์ 4 มิติ ราคา 650 บาท (วันจันทร์ - ศุกร์) และราคา 700 บาท (วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 พิเศษ! รับส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกรายปีสำหรับเข้าชมวันธรรมดา ผู้ใหญ่ 990 บาท(ราคาปกติ 1,190 บาท) และเด็ก 890 บาท (ราคาปกติ 1,090 บาท) ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 พิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้จ่ายที่ SEA LIFE Bangkok และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดซื้อ”

“ทั้งนี้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสถานที่ท่องเที่ยว (Attraction) ในไตรมาส 1 ของปี 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 37% และมีจำนวนสมาชิกใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้น 29%”

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/attractions/sea-life-bangkok-funpackage หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card  สมัครบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” คลิก https://ktc.today/KTC-PROUD หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี สำหรับผู้ถือบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว 

แนวทางสู่โลกทั้งใบ: ผลิตภัณฑ์และความงามที่ยั่งยืน คอนเซ็ปต์ร้านรักษ์โลก รวมพลังพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม และการขนส่งสีเขียว

ร่วมสำรวจโอกาสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิก

เพิ่มทักษะแต่งหน้าให้กับ นศ. เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีสู่มืออาชีพด้านการบริการ

ภายใต้แนวคิด “SCG Forward into Future Living: Sustaining Space and Technology” ตอกย้ำผู้นำโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ผู้นำเรื่องเงินฝากให้มากกว่า เสนอโซลูชันทางการเงินด้านฉลาดออมกับประเภทบัญชีเงินฝากที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การออมเงินครอบคลุมนักออมทุกกลุ่ม ทั้งสายออมสั้น ออมยาว ออมประจำ ออมเน้นสภาพคล่อง หรือออมด้วยสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อร่วมส่งเสริมให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต

นางสาวกนกวรรณ เพชรพิสิฐโชติ ประธานกลุ่ม บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกรรมธนาคาร และความมั่งคั่งทางการเงิน ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบี เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายในการส่งเสริมให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต โดยเฉพาะในมิติด้านการออม อันเป็นรากฐานสำคัญสู่ความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมวินัยการออมและจูงใจให้คนไทยหันมาสะสมเงินเพิ่มความมั่งคั่งส่วนบุคคลมากขึ้นนั้นก็คือการมีบัญชีเพื่อออมเงินที่เหมาะสม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเงิน และตรงใจกับความต้องการของผู้ออมมากที่สุด

ธนาคารตระหนักว่าบัญชีเงินฝากที่ดีที่สุด ต้องมีมากกว่าแค่เรื่องดอกเบี้ย เพราะบัญชีที่ดีที่สุด คือ บัญชีที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ทางการเงินของแต่ละบุคคลที่มีจุดประสงค์แตกต่างกันไป ธนาคารจึงมุ่งพัฒนาโซลูชันด้านการออมอย่างไม่หยุดยั้งจนปัจจุบันก้าวสู่การเป็นผู้นำเรื่องเงินฝากที่ให้มากกว่า โดยมีผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มนักออม และสามารถรองรับไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวของนักออมแต่ละคนได้อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทีทีบีผู้นำเรื่องเงินฝากให้มากกว่า” 

ปัจจุบัน ทีทีบี มีบัญชีเงินฝากหลากหลายแบบ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักออมทุกสไตล์ เพื่อมุ่งหวังให้มีการเงินที่ดี ชีวิตดี อาทิ

  • สายออมยาวๆ ยิ่งฝากนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูง กับบัญชีเงินฝากประจำ อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน รับดอกเบี้ยสูงสุด 50% ต่อปี นาน 6 เดือน จุดเด่น คือ ยิ่งฝากนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูง รับดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน มีความยืดหยุ่นสูง ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ถูกลดดอกเบี้ย (รับอัตราดอกเบี้ยตามขั้นเดือนที่ถอน) เหมาะกับคนที่ต้องการดอกเบี้ยสูง สามารถฝากเงินได้นานถึง 24 เดือน
  • สายออมเพลินๆ แต่รับดอกเร็ว กับบัญชีเงินฝากประจำดอกเบี้ยด่วน 12 เดือน รับดอกเบี้ยสูงถึง 15% ต่อปี จุดเด่น คือ รับดอกเบี้ยเร็วทั้งก้อนภายใน 7 วันหลังฝากเงิน เหมาะกับคนที่มีเงินก้อน ฝากเพียง 12 เดือน และได้ดอกเบี้ยไปใช้ต่อยอดการเงินได้ทันที
  • สายออมสั้นๆ รับดอกสูง กับบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน รับดอกเบี้ยสูงสุด 15% ต่อปี จุดเด่นคือ รับดอกเบี้ยทุกเดือน ยิ่งยอดฝากสูง ก็ยิ่งได้รับดอกเบี้ยสูงขึ้น บัญชีเงินฝากประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเงินก้อน อยากออมเงินระยะสั้นที่ต้องการดอกเบี้ยมากกว่าการฝากเงินทั่วไป
  • สายออมเงินสกุลต่างประเทศได้ดอกสูง กับบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) รับดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี จุดเด่น คือ ช่วยลดความเสี่ยง ความผันผวน จากอัตราแลกเปลี่ยน วางแผนการเงิน ค่าใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศได้ง่าย เลือกฝากสั้น ฝากยาวก็ได้​ ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน (ตามระยะเวลาที่ฝากจริง​) เหมาะกับคนที่มีแผนการใช้จ่ายเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ไม่ว่าจะซื้อของจากต่างประเทศ หรือ มีแผนส่งลูกเรียนต่างประเทศในอนาคต
  • สายออมแบบมีวินัย ดอกสูง ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ กับบัญชีดิจิทัล ME save รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี รับดอกเบี้ยสูงตั้งแต่บาทแรก จุดเด่นคือ เรื่องความยืดหยุ่น สามารถฝากถอนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่มีขั้นต่ำ และให้ดอกเบี้ยที่สูงรวมโบนัสถึง 2.2% ต่อปี สำหรับยอดเงินฝากตั้งแต่ 0 - 100,000 บาทแรกเพียงฝากมากกว่าถอนในแต่ละเดือน และรับดอกเบี้ยทุก 6 เดือน พร้อมด้วยฟีเจอร์ Savings Goal ช่วยเก็บเงินตามเป้าหมายการออม ช่วยให้การบริหารเงินง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการทยอยออมเงินเรื่อย ๆ แบบต่อเนื่อง และรับดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป
  • สายออมแบบคุ้มค่า ใช้คุ้มในแต่ละวัน แถมได้ความคุ้มครองฟรี ต้อง บัญชี ทีทีบี ออลล์ ฟรี (ttb all free) จุดเด่น คือ เรื่องการทำธุรกรรม "ฟรีค่าธรรมเนียม" ไม่ว่าจะเป็น กดเงิน โอนเงิน จ่ายเงิน เติมเงิน ต่าง ๆ ที่สำคัญยังได้รับฟรีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ และ ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุ 20 เท่าของยอดเงินที่ฝากในบัญชี (สูงสุด 3 ล้านบาท) เพียงแค่มีเงินฝากขั้นต่ำ 5,000 บาท นอกจากนี้ บัตรเดบิต ttb all free ยังสามารถรูดใช้ที่ต่างประเทศทั้งร้านค้าทั่วไปและร้านค้าออนไลน์ ฟรีค่าแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท (DCC) 1% และฟรีค่าธรรมเนียมจากการแปลงสกุลเงิน  (FX Rate)5% เมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับการเป็นบัญชีแรก สำหรับการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันพร้อมได้ความรับคุ้มครองจากอุบัติเหตุ ที่คุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล และ คุ้มครองชีวิตด้วย

ทีทีบี เชื่อมั่นว่า บัญชีเงินฝากทีทีบีที่มีอยู่หลากหลายประเภท และจากจุดเด่นของแต่ละบัญชีที่ให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าบัญชีทั่วไป จะช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจเรื่องการออมเงินมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงจะช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินส่วนบุคคลดีขึ้น แต่จะช่วยให้ภาพรวมสภาพคล่องทั้งระบบดีขึ้นด้วย

เหล่านักออมสามารถเลือกเปิดบัญชีออมเงินที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพื่อรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต ได้แล้ววันนี้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือเปิดบัญชีออนไลน์ด้วยตนเองได้ง่ายๆ ผ่านแอป ทีทีบี ทัช

พร้อมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ประจำปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งแผ่นดินไทย

Page 6 of 612
X

Right Click

No right click