เครื่องดื่มเป๊ปซี่ โดยบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และนางลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเป๊ปซี่ เดินหน้าเสิร์ฟความสดชื่น ท้าทายแสงแดดอันร้อนแรงของเมืองไทย ผ่านกลยุทธ์   มิวสิกมาร์เก็ตติ้งเต็มกำลัง ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สุดซ่าขวัญใจวัยรุ่นเมืองไทย พร้อมครีเอตความสนุกจัดเต็มแบบทำถึง ต่อยอดคอนเซปต์ Thirsty For More “ซ่าหน่อยมั้ย” ด้วยการเปิดตัวซัมเมอร์แคมเปญสุดฮอต “ถ้าใจว่าใช่ก็ต้องซ่าหน่อยมั้ย” ที่ขอชวนเหล่า Gen Z ออกมาระเบิดพลังความซ่า ปล่อยจอยความสนุกไปกับทุกจังหวะที่ใจว่าใช่! รับซัมเมอร์กันแบบยกแก๊ง กับกิจกรรมสุดซ่าที่เตรียมยกขบวนมาสร้างสีสันให้ใจฟูอย่างต่อเนื่อง นำทีมโดย 6 หนุ่มสุดฮอตวง PROXIE ซึ่งร่วมงานกับแบรนด์เป็นปีที่ 2 และเพิ่มความซ่า สดใสกับอีก 1 ศิลปินสาวชื่อดังระดับเอเชีย NENE (เนเน่ พรนับพัน) ในฐานะพรีเซนเตอร์ของแคมเปญอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมทีมปลุกความซ่าให้ทุกโมเมนต์ฮอตรับหน้าร้อน ประเดิมจังหวะซ่าเซอร์ไพรส์แรกด้วยซิงเกิลพิเศษรับซัมเมอร์ “ใจว่าใช่ (100% You)” ที่รับประกันความฟินฉ่ำถึงใจแน่นอน ดู MV ฉบับเต็ม ที่ทำถึงแบบสุด ๆ ได้ทาง YouTube: Pepsi Thailand แล้วมาออกสตาร์ตจังหวะซ่าแบบจัดเต็มไปกับเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลพร้อมกันในเดือนเมษายน 2567 นี้

นางลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดเครื่องดื่มเป๊ปซี่ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ เป๊ปซี่ เตรียมพาทุกคนเปิดประตูความซ่า พร้อมรีเฟรชความ  สดชื่น เพื่อก้าวสู่โลกใบใหม่ของเป๊ปซี่นิวลุค ภายใต้คอนเซปต์ ‘ซ่าหน่อยมั้ย’ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของทั้งเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความอร่อย ซ่า สดชื่น ไม่หยุดทำตามแพสชันที่ฝันไว้ และเข้ากับทุกกิจกรรมที่ชื่นชอบได้เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดเราเปิดตัวซัมเมอร์แคมเปญ ‘ถ้าใจว่าใช่ก็ต้องซ่าหน่อยมั้ย’ เพื่อสร้างสีสันในช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่ โดยในปีนี้เราได้หนุ่ม ๆ วง PROXIE มารับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ของแคมเปญเป็นปีที่ 2  ร่วมด้วย NENE (เนเน่ พรนับพัน) ที่จะมาช่วยเพิ่มความสนุก ความสดใส ปล่อยจอยความซ่า และชวนแฟน ๆ มาสนุกไปกับการคอลแลบเพลงสุดพิเศษ ‘ใจว่าใช่ (100% You)’ ที่พร้อมปล่อยให้ฟังกันในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา และสานต่อความสนุกสุดมันส์ด้วยกิจกรรมทางการตลาดที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม   ทั้งดิจิทัลแคมเปญ กิจกรรมออนกราวน์ สื่อ ณ จุดขาย อินฟลูเอนเซอร์ ทั่วประเทศ และกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ที่จะมีมาให้ได้กรี๊ดกันตลอดซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน ซึ่งแฟน ๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทุกกิจกรรมซ่ากับทางเป๊ปซี่ได้เพิ่มเติมทาง Facebook: PepsiThai ตลอดหน้าร้อนนี้”

โดยเพลงพิเศษ ใจว่าใช่ (100% You) เป็นการคอลแลบกันระหว่าง 6 หนุ่มวง PROXIE อย่าง กัน, คิม, โชกุน, อองรี, กร และวิคเตอร์ กับ NENE (เนเน่ พรนับพัน) ที่โดดมาร่วมปล่อยพลังความซ่ารับซัมเมอร์กับเครื่องดื่มเป๊ปซี่แบบเต็มตัวเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดความน่ารัก สดใส ของเหล่าวัยซนที่มุ่งมั่นและเต็มที่กับทุกแพสชันที่เลือกในทุกบทบาทกับคอนเซปต์ Thirsty For More “ซ่าหน่อยมั้ย” ที่ถ้าใจว่าใช่ อย่าลังเล หรือกลัวอะไร งานนี้ถ้าชัวร์แล้วก็ลุยเลย เพราะเป๊ปซี่พร้อมซัปพอร์ตอยู่ข้าง ๆ ทุกคนเสมอ พร้อมเดินหน้าเชียร์อัพ ส่งต่อเอนเนอร์จีความมั่นใจให้แก่คนรอบข้างด้วยเสียงเพลงเพราะ ๆ ในบรรยากาศสนุกสนานของซัมเมอร์ที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเรียกว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ อย่างล้นหลามในทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อต้นเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา เล่นเอาทั้ง 7 คนปลื้มปริ่มและใจฟู หายเหนื่อยกันแบบสุด ๆ พร้อมการันตีด้วยว่าเพลงนี้น่ารัก สดใส สนุก ซ่า แสบ ซน และมั่นใจว่าติดหูแฟน ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งแฟน ๆ สามารถรับฟังได้จากทุกสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มชั้นนำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แล้วอย่าลืมชวนเดอะแก๊งค์สุดซี้ มาเปิดตี้สุดมันส์ พร้อมเปลี่ยนโลกมุมมองใหม่ไปกับเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล ไปกับจังหวะซ่าในสไตล์ของคุณได้ตลอดซัมเมอร์นี้ พร้อมเกาะติดกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซิฟของ PROXIE และ NENE ที่ยังรอเซอร์ไพรส์แฟน ๆ อีกเพียบ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: PepsiThai LINE Official Account: @Pepsi Twitter: Pepsi-Cola และ YouTube: Pepsi Thailand   

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการ เลขานุการ และเหรัญญิก มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และคณะ เพื่อร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop ครั้งที่ 1 หารือแนวทางการทำงานร่วมกัน พร้อมนำเสนอแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย อย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียม อันเนื่องมาจากการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี และ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย “ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย (Early Childhood Development: ECD)” ณ อาคารบีเจซี เฮ้าส์

นอกจากนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ยังเล็งเห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว และบทบาทการเป็นพ่อแม่ เพราะเด็กจะเติบโตได้ดีเมื่อรู้สึกปลอดภัย ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ ตลอดจนการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในครอบครัว จึงได้มีสวัสดิการสำหรับดูแลพนักงานทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ขยายครอบคลุมไปถึงครอบครัวของพนักงาน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิ์การลาคลอดสำหรับพนักงานหญิงและการลาเลี้ยงดูบุตรสำหรับพนักงานชาย ห้อง Kids Zone และ “ห้องอิ่มอุ่น” หรือห้องให้นมบุตร ค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุมไปถึงคู่สมรสและบุตรพนักงาน ทุนการศึกษาสำหรับบุตรพนักงาน ตลอดจน Long Vacation Leave ส่งเสริมการใช้สิทธิลาพักผ่อนประจำปีต่อเนื่อง

สิ้นสุดการรอคอยงาน PET EXPO THAILAND 2024 ประกาศจัดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 24 ปีของการจัดงาน รวบรวมเหล่าสัตว์เลี้ยงมาประชันโฉมในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก รับกระแส Petsumer และเทรนด์ Pet Humanization - Pet Celebrity ทำตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตแรงต่อเนื่อง พร้อมจัดกิจกรรมการประกวดมากมายตลอด 4 วัน รวมทั้งโซนสัตว์น่ารักที่ยกขบวนมาโชว์แบบใกล้ชิด ส่วนสายช้อปห้ามพลาดกับสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 700 บูธภายในงาน ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ยังคงเป็นกระแสยอดนิยม และขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังมีข้อมูลที่น่าสนใจจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุว่า นอกจากกระแสของ Pet Humanization แล้ว สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจากสมาชิกในครอบครัวปกติ จนกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ ผ่านรูปแบบลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ “Pet Celebrity”

เห็นได้จากสัตว์เลี้ยง Celebrity ที่มีชื่อเสียงมากมายที่กลายเป็น Petfluencer มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดียหลักแสน และสามารถสร้างรายได้ผ่าน Content ต่างๆ ที่ผู้เลี้ยงได้นำเสนอออกมาสู่โลกออนไลน์ ประกอบกับผู้ประกอบการก็ต่างพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคขั้นสุด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลุ่ม Petsumer หรือผู้บริโภคสินค้าบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจตลาดของสัตว์เลี้ยงในภาพรวมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในปี 2567 ทาง เอ็น.ซี.ซี.ฯ เตรียมจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 งานแสดงสินค้าและบริการ ด้านสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ ภายในงานยังมีกิจกรรมสนุกๆ ไว้มากมาย งานจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 24 ตอบรับกระแสของตลาดและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จัดขึ้นในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก “Friendship Treasure ขุมทรัพย์เพื่อนรักสุดขอบฟ้า” ภายในงานได้รวบรวมสินค้าและบริการ สำหรับสัตว์เลี้ยงจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 บริษัท 700 บูธ ซึ่งงานจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5-10% อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 นี้คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท มูลค่ายอดใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยต่อคนที่สูงถึง 10,000 - 20,000 บาทต่อปี” นายสุรพล กล่าว

สำหรับไฮไลท์ภายในงาน PET EXPO THAILAND 2024 ได้รวบรวมกิจกรรมการแข่งขันและการประกวดชิงรางวัลสนุก ๆ ของเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย พร้อมของรางวัลแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน รวมถึงการโชว์ตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ Blue Holicer Rabbit กระต่ายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 52 ของโลก และยังมีเหล่าผู้ประกอบธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงที่พาเหรดยกทัพสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำมาให้ผู้รักสัตว์เลี้ยงได้เลือกซื้ออย่างจุใจ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งกลุ่มอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ อาหารเสริม แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงขน อุปกรณ์ตัดแต่งขน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ และอุปกรณ์และของเล่นพัฒนาทักษะ นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการมากมาย โดยเฉพาะบริการทางด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำของไทยมาให้เลือกใช้บริการ และรับคำปรึกษา แนะนำจากสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด

โซนกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ ในปีนี้ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้ปีก่อนๆ โดยโซนกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ ได้ยกขบวนความน่ารัก ของเจ้าแก๊งโจรสลัดขนฟูนุ่มนิ่ม มาไว้ที่โซนสัตว์ฟันแทะ ทั้งเจ้ากระต่ายสุดน่ารัก หลากหลายสายพันธุ์ เจ้าหนูเควี่สีสันแปลกตา เจ้าหนูแฮมสเตอร์พันธุ์ขนหยิก และเจ้าก้อนชินชิล่า นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ท่านจะได้ชมการประกวดกระต่ายระดับโลกมาตรฐานสายพันธุ์ ARBA การประกวดหนูเควี่ และหนูแฮมเตอร์ ตัดสินโดยกรรมการ 3 ท่านจากสหรัฐอเมริกา

โซนสัตว์ Exotic Pet หรือโซนสัตว์พิเศษได้รวบรวมสัตว์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์พิเศษที่หาดูได้ยาก เช่น งูหลามบอล ทามารินมือทอง ตุ๊กแกหางอ้วนแอฟริกา จิ้งจอกทะเลทราย สกั๊งค์ กบต้นไม้  ตัวกินมด หนูไร้ขน หมาน้ำ แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการประกวดแมงมุม Thailand's Grand Tarantulas ครั้งที่ 1  ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567

โซน Pet Village ท่านจะได้พบกับคาพิบาร่า วัววาตูซี จิ้งโจ้แคระ แพะแองโกล่า แกะคาทาดิน White Face Owl นกแก้วซันคอนัว และอีกมากมาย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งขันบริเวณลานกิจกรรมพร้อมของรางวัลมากมาย อาทิ เกมฮาเฮ เหมียวหม่ำๆ เหมียวยอดนักตบ ด่านกำแพใสไหนทางออก การแข่งขันหมาน้อยลมกรด การแข่งขัน My Dog Anywhere การแข่งขัน Dog Agility เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลา 4 วันของการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 180,000 คน

สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งต้องการเลือกชมสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สามารถเข้าชมได้ภายในงาน “PET EXPO THAILAND 2024” จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub

ตอกย้ำความสำเร็จ Ultherapy นวัตกรรมเครื่องยกกระชับผิว ครบ 2.6 ล้าน ทรีตเมนต์ทั่วโลก

รุกสร้างระบบนิเวศเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อโอกาสลงทุนในอาเซียน

นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 (Tourism Management Program for Executives: TME5) โดยมี นายธีระศิลป์  เทเพนทร์ รองผู้ว่าการ ด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา (ททท.) ร่วมพิธีเปิดการจัดอบรมภายใต้แนวคิด Reshaping The Future of Tourism ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของหลักสูตร เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ผ่านการดำเนินงานอย่างสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของโลก ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว (Sustainable Tourism) โดยมีผู้บริหาร ททท. และผู้เข้ารับการอบรมร่วมงาน ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่

นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้เท่าทัน ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มพลัง ความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการรักษาสมดุลทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ เพื่อจุดพลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่การเป็น Tourism Hub ของภูมิภาค ด้วยการยกระดับประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในทุกมิติ ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น พำนักในประเทศไทยนานขึ้น และใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ

นายธีระศิลป์  เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา ททท. กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยแล้วกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จากการขยายตัวและการแข่งขันสูงของธุรกิจการท่องเที่ยว ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องเรียนรู้ เข้าใจ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการท่องเที่ยว สร้างผลกระทบเชิงบวกและคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มประสิทธิภาพ ททท. จึงส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแก่บุคลากรด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านโครงการอบรม “หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 ซึ่งศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดท่องเที่ยว (TAT Academy) จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ภายใต้แนวคิด Reshaping The Future of Tourism ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจากกูรูเฉพาะด้านโดยตรง อาทิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และด้านศิลปะวัฒนธรรม-ประวัติศาสตร์โบราณคดี เป็นต้น รวมถึงกรณีศึกษาต่าง ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนสอดรับกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของโลก

หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 มีระยะเวลาอบรมตลอดโครงการ 54 ชั่วโมง การอบรมจำนวน 12 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม - 31 กรกฎาคม 2567 รวมถึงการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ  ผ่าน 5 Module (TRIPS) ได้แก่ 1. T - Trends in Tourism: Thailand, Global & Customer เปิดมุมมองแนวโน้มการท่องเที่ยวและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในระดับต่าง ๆ 2. R - Responsible & Sustainable Tourism แลกเปลี่ยนกลยุทธ์และแนวทางการนําแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบไปปฏิบัติจริงในเชิงธุรกิจ 3. I - Innovation in Tourism Management ค้นพบนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนและเพิ่มคุณค่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล 4. P - Persona, Communication & Soft Power ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจํา ผ่านเรื่องราวของวัฒนธรรมไทยที่มีความหลากหลาย และ 5. Strategic Ecosystem Mobilization for Future of Tourism ขับเคลื่อนสู่อนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผ่านการผนวกรวมทักษะหลากหลายแขนงสู่ความยั่งยืน โดยในการอบรมครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 29 คน จากหลากหลายสาขาอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจนำเที่ยว

The Power of Sustainable Design จุดพลัง สร้างสรรค์งานดีไซน์ อย่างยั่งยืน” ความกลมกลืนอย่างสร้างสรรค์ของความแตกต่าง

เอ็น.ซี.ซี.ฯ จับมือ ททท. และภาคธุรกิจท่องเที่ยว จัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งขยายตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ - ดำน้ำ - ท่องเที่ยวกลางแจ้ง หนุนการท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มตลาดพรีเมียมมูลค่าสูง พร้อมนำผู้ประกอบการกว่า มาร่วมจัดแสดงสินค้าและบริการ  พร้อมข้อเสนอแพ็กเกจพิเศษมากมาย คาดมีผู้เข้าชมงานกลุ่มเป้าหมายกว่า 55,000 คน เกิดเงินสะพัดในงานกว่า 200 ล้านบาท

นายสุรพล อุทินทุ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยก็ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ส่งผลให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และกระจายไปทุกตลาดการท่องเที่ยว โดยหนึ่งในตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่เติบโตในระดับสูง ก็คือ การท่องเที่ยวกลางแจ้งทั้งการเล่นกอล์ฟ การดำน้ำ และกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวเป้าหมายของรัฐบาล ที่มียอดการใช้จ่ายต่อหัวสูง และมีระยะเวลาการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป จึงได้มีการจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่เป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567  เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งแต่ปีแรกของการจัดงาน ทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เตรียมจัดเต็มงานแสดงสินค้า ทั้งโปรโมชั่นสินค้าท่องเที่ยว และกิจกรรมภายในงาน หลังปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งกระแสท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ในปี 2567 นี้ ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปีนี้ครบรอบ 20 ปีของงาน "Thailand Dive Expo” ด้วย  ดังนั้นจึงต้องรวบรวมสินค้าแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ยอดนิยม มาจัดแสดงให้มากที่สุด ครบที่สุด พร้อมโปรโมชั่นที่พิเศษที่สุด เพื่อตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 500 บูธ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25% ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการต่างชาติประมาณ 20% สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้มีแบรนด์ดังเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษที่มีส่วนลดสูงถึง 80% และมีกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วมอย่างมากมาย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้ามาร่วมงานไม่น้อยกว่า 55,000 คน และมียอดซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมนี้กว่า 200 ล้านบาท โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี

ไทยขึ้นแท่นผลิตนักดำน้ำมืออาชีพเบอร์ 1 ของเอเชีย Thailand Dive Expo คอมมูนิตี้เสริมแกร่งตลาดเที่ยวดำน้ำไทย พร้อมตอกย้ำความสำเร็จ 20 ปี

สำหรับ การจัดงานครั้งนี้ จะพบกับ 3 งานใหญ่ ได้แก่ งานแรก คือ งาน "Thailand Dive Expo :TDEX" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร เป็นการรวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำอุปกรณ์เสริมแบรนด์ดัง อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “TDEX Diver’s Talk” ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ การดำน้ำกับวาฬออร์กา ฯลฯ นิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 17”  และคลิปวิดีโอใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Moment VDO Contest” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 แสนบาท โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดรวมกว่า 600 ภาพ และ 130 คลิปวิดีโอ และจะประกาศผลผู้ชนะในพิธีเปิดงาน และเนื่องจากปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของการจัดงาน Thailand Dive Expo จึงได้จัดทำของที่ระลึกสุดพิเศษ Limited Edition 3 รูปแบบ ได้แก่ “Aroma Book กลิ่น Aqua de TDEX” สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าภายในงานครบ 25,000 บาท (จำนวนจำกัด ตามเงื่อนไขที่กำหนด) เซทผ้าปิดตา “TDEX Eyerest & Escape Set” และตุ๊กตาผ้าห่มสีสันสดใส “TDEX Box Fish” มาจำหน่ายภายในงาน  โดยรายได้ส่วนหนึ่งนำไปมอบให้กับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สำหรับผู้เข้าชมงานทั้ง 3 งาน  จะได้รับสิทธิ์ลุ้นของรางวัลต่าง ๆ  อาทิ  คอร์สเรียนดำน้ำขั้นพื้นฐาน ขั้นแอดวานซ์ และฟรีไดวิ่ง, อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง, Gadget นักดำน้ำ และรางวัลอีกมากมาย  พร้อมชิมกาแฟหอมกรุ่นสูตรพิเศษจาก Nespresso (จำนวนจำกัดต่อวัน)

นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมผู้ประกอบการในธุรกิจดำน้ำมาร่วมจัดงานมากกว่า 285 บูธ และสุดยอดอุปกรณ์ดำน้ำจากแบรนด์ชั้นนำ กล้องถ่ายภาพและวิดีโอใต้น้ำพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ สถาบันสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน ทริปดำน้ำ บริการเรือ Liveaboard และ Dive site สวย ๆ ที่พักสุดคุม และอื่น ๆ อีกเพียบ ในราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ

ในช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวดำน้ำ ก็ยังทำกิจกรรมดำน้ำเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 ตลาดดำน้ำในไทย โดยเฉพาะ โรงเรียนสอนดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำ และเรือท่องเที่ยวดำน้ำ มีมูลค่าตลาดรวมถึง 1,330 ล้านบาท

ปัจจุบัน เรือท่องเที่ยวดำน้ำที่เปิดให้บริการในประเทศไทยทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งทะเลอ่าวไทย มี 2 ประเภทคือ ประเภทกินนอนบนเรือ (Live aboard) และเรือดำน้ำแบบเช้าไปเย็นกลับ (Day Trip) เรือท่องเที่ยวดำน้ำทั้ง 2 ประเภท มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 380 ล้านบาทต่อปี

ในส่วนของการเรียนการสอนดำน้ำ ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้ที่สนใจเรียนดำน้ำจากทั่วโลก เดินทางเข้ามาเรียนและสอบจนสำเร็จเป็นนักดำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเรียนในพื้นที่ เกาะเต่า/ สมุย/ ภูเก็ต/ กระบี่/ พัทยา จนทำให้ยอดการผลิตนักดำน้ำที่เรียนจบจากประเทศไทยในหลักสูตรต่างๆ ขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียโดยในปี 2023 คาดว่ามีผู้ที่เรียนดำน้ำจบจากประเทศไทยเป็นจำนวนกว่า 20,000 คน  โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท (*ตัวเลขจำนวนผู้เรียนดำน้ำ อ้างอิงจากการออกใบรับรองของ PADI ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันรับรองการดำน้ำที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด)

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาตลาดของอุปกรณ์ดำน้ำในเมืองไทย เป็นราคาที่ค่อนข้างดี ไม่แพงมากนัก และในบางช่วงเวลา อาจจะถูกกว่าซื้อในต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2567 ยอดขายรวมของธุรกิจดำน้ำในประเทศไทย จะเพิ่มสูงขึ้น

งาน Thailand Golf Expo 2024 พร้อมอัพเกรดสู่งานแสดงสินค้าและบริการด้านธุรกิจกอล์ฟประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

งานที่สองคือ "Thailand Golf Expo 2024" ปีนี้นับเป็นปีที่ 10 ของการจัดงาน เป็นงานแสดงสินค้าและบริการสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ ที่มีผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าเข้ามานำเสนอแพ็กเกจกรีนฟีสนามกอล์ฟ การจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง สำหรับการจัดงาน Thailand Golf Expo ในปีนี้ เป็นการสานต่อความสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟอย่างต่อเนื่อง ประชาสัมพันธ์กอล์ฟรีสอร์ตและสนามกอล์ฟของประเทศไทยไปยังกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  อีกทั้งยังมีกิจกรรมแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” ซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลต์ของงานนี้ มาท้าทายฝีมือการพัตต์ของนักกอล์ฟทุกรุ่น  และกิจกรรม “Swing Quick Fix” กับเครื่อง Golf Simulator ที่จะช่วยนักกอล์ฟปรับวงสวิงให้ตีกอล์ฟได้ดีขึ้น  ทั้งนี้ประเทศไทยมีจำนวนสนามกอล์ฟอยู่ประมาณ 200 กว่าแห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสนามกอล์ฟของภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ประมาณ 160 แห่ง อีก 40 แห่งเป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงาน ราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสนามกอล์ฟของประเทศไทย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากราคาค่าบริการสนามกอล์ฟในประเทศไทยมีราคาที่ถูกกว่าในหลายประเทศ อีกทั้งการให้บริการของสนามกอล์ฟมีคุณภาพและได้มาตรฐาน  จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักกอล์ฟชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟกันมากขึ้น ประกอบกับความนิยมในการเล่นกอล์ฟที่มีมากขึ้น ธุรกิจสนามกอล์ฟยังคงมีแนวโน้มเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ตามกระแสนิยมกีฬากอล์ฟที่ยังมาแรงในกลุ่มนักกอล์ฟคนไทย โดยเฉพาะตลาดครอบครัว ทำให้ตลาดนักกอล์ฟคนไทยขยายตัวกว้างขวางครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่กลุ่มเยาวชนไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ

ความต้องการเที่ยวกลางแจ้ง ผจญภัยเพิ่มต่อเนื่อง เอ็น.ซี.ซี. รุกจัด Outdoor Fest 2024 พร้อมรวมโปรโมชั่นสินค้า บริการ และกิจกรรมแน่น

งานที่สามคืองาน  "Outdoor Fest 2024"  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่  5  เป็นโปรไฟล์ที่ขยายออกมา  เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง  ทั้งทางบก  น้ำ และอากาศ  โดยจะมีผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ ยกขบวนเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงานครั้งนี้ โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวกลางแจ้ง การผจญภัย การท่องเที่ยวทางเลือก และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความก้าวหน้าของตลาดในด้านเทคโนโลยี และการโฆษณา จึงทำให้การท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาดที่รวดเร็ว ทำให้ในการจัดงาน Outdoor Fest 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้เลือกซื้อสินค้าในเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

โดยการจัดงาน Outdoor Fest 2024 จะระดมร้านค้าในธุรกิจนี้อย่างครบวงจรที่ตรงตามเป้าหมายของทุกกลุ่มนักท่องเที่ยวกลางแจ้ง พร้อมด้วยข้อเสนอดีที่สุดของกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย รวมทั้งการสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมผจญภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสวนาบนเวทีกับ Travel Influencer, นักเดินทางสายอนุรักษนิยม, ช่างภาพชื่อดัง และร่วมลุ้นโชคที่จะแจกรางวัลมากมายภายในงาน

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมในงาน ได้แก่ โซนคอมมูนิตี้คอกาแฟ Caff ‘n Camp (คาฟ แอนด์ แคมป์), โดมดูดาวและดวงจันทร์จำลอง จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) และโปรโมชั่นกับบัตร KTC และ Central รับ cash back, e-Coupon และของสมนาคุณในงานมากมาย

ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยว เดือน ม.ค.-มีนาคม 2567 จำนวน 89,225,989 ล้านคน-ครั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 67,990,479 ล้านคน-ครั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21,235,510 ล้านคน-ครั้ง สำหรับในปี 2567 ททท. มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้ เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ผ่าน Soft Power ประเทศไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นสร้างการรับรู้และนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมกลางแจ้งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ กิจกรรมทางน้ำ แคมป์ปิ้ง และกิจกรรมกอล์ฟ  โดยหลายพื้นในประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาทิ ภาคใต้มีหมู่เกาะต่าง ๆ เป็นที่นิยมสำหรับการดำน้ำ ทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และ Free Dive ส่วนสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานชั้นนำหลายๆ แห่ง กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ อีกทั้งการท่องเที่ยวกลางแจ้งแบบแคมป์ปิ้งได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างสูง

สำหรับการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2024 นั้น  ททท. ได้ให้การสนับสนุนบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯ ในการจัดงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกิดจากการซื้อขายแพ็กเกจท่องเที่ยว อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนได้อีกด้วย การจัดงานในครั้งนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี คาดว่าจะมีการซื้อขายจำนวน 26,874 แพ็กเกจ และสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวประมาณ 200 ล้านบาท

 

ขณะที่นางสาวสุทธิวรรณ อมาตยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ ISMED เนื่องจากเป็นธุรกิจที่กระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วนลงลึกถึงฐานราก และมีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในการจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ที่กระจายไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และยังเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง

ดังนั้น ISMED จึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024 โดยเฉพาะที่สนับสนุนได้ทันทีโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งจะได้รับเงินอุดหนุนสูงถึง 80% ในการเข้าร่วมงาน รายละเอียด ข้อมูล https://bds.sme.go.th/Service/Detail/1021 

มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19  พฤษภาคม  2567  เวลา  11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดำน้ำได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX)  หรือ www.ThailandDiveExpo.com กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.ThailandGolfExpo.com กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com

เดินหน้านวัตกรรมกรีนต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจในตลาดเติบโตสูง

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) มอบผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทนให้กับมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อใช้ในการผลิตชิ้นส่วนขาเทียมจำนวนทั้งสิ้น 920 กิโลกรัม มูลค่า 85,400 บาท โดยมีคณะผู้บริหารขอมูลนิธิขาเทียมเป็นผู้รับมอบ โดยกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยให้การสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 บริจาคผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทนสำหรับการทำขาเทียมแล้วกว่า 40,000 ขา รวมถึงจัดการอบรมต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงและพัฒนาระบบการผลิตเพื่อเพิ่มมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย

Page 1 of 605
X

Right Click

No right click