จากสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจนส่งผลกระทบต่อประชาชน บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายนิยม มูลศรี (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการสาขาอุตรดิตถ์ เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบเครื่องกรองน้ำพกพา จำนวน 25 ชุด และน้ำดื่ม จำนวน 220 แพ็ก ให้แก่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในการป้องกันรักษาป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายบทมากร ศรีสุวรรณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นผู้แทนรับมอบ ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 (แพร่) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567

เอสซีจี ได้แต่งตั้ง นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

สำหรับนาย นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิคร่ำหวอดในธุรกิจปิโตรเคมีมานานกว่า 35 ปี โดยผ่านตำแหน่งบริหารสำคัญ ๆ ใน เอสซีจี และ SCGC หลายตำแหน่ง อาทิ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ และรองผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจไวนิล เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC, Country Director – Vietnam, SCG เอสซีจี, กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี เพอร์ฟอร์มานซ์ เคมิคอลส์ จำกัด รวมทั้งตำแหน่งกรรมการในบริษัทย่อย บริษัทร่วม และบริษัทอื่น ๆ ของ SCGC อีกหลายบริษัท

ชูนวัตกรรมการเงินดอกเบี้ยผ่อนปรนทุกขนาดธุรกิจตลอด Green Export Supply Chain

ชู ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ ปลดล็อกทางเลือกลงทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว

หัวเว่ยจัดงานประจำปีอย่างยิ่งใหญ่ "ไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ ซัมมิต 2024" ภายใต้ธีม “ความร่วมมือเพื่อยุคแห่งการแบ่งปัน (Joining Hands for a Shared Era)” ตอกย้ำความเชื่อมั่นของเหล่าพาร์ทเนอร์ในการจับมือไปพร้อมกันในประเทศไทย พร้อมประกาศเร่งเครื่องตลาด HUAWEI eKit และกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรม สร้างแรงจูงใจให้พาร์ทเนอร์ เร่งความอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรมดึงเทคโนโลยีองค์กรขั้นสูง เสิร์ฟตลาดองค์กรในทุกระดับ

นายแชนด์ เฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและการจัดการพาร์ทเนอร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ หัวเว่ย ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ อิงค์ ระบุว่าปริมาณยอดการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 6.8% และคาดว่ายอดการใช้จ่ายด้านไอทีในประเทศไทยจะมีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก โดยจะมาจากกลุ่มธุรกิจบริการด้านไอทีซึ่งลงทุนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินงานในองค์กร ขณะเดียวกัน หัวเว่ยยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มส์ที่มีความยั่งยืนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านสำหรับการก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยปัจจุบัน หัวเว่ยมีพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในตลาดระดับองค์กรทั่วโลกกว่า 40,000 ราย สำหรับในไทย บริษัทยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพาร์ทเนอร์สำคัญในอุตสาหกรรมไอซีทีทั้ง “วีเอสที อีซีเอส” และ “ซินเน็ค” ซึ่งช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้กับธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งนี้ หัวเว่ยมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและล้ำหน้าในด้านการสื่อสารข้อมูล ออพติคัล พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสําเร็จทางธุรกิจ และได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและยุคอัจฉริยะ โดยหัวเว่ยจะยังคงทํางานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อเร่งขับเคลื่อนระบบอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรม และยังอํานวยความสะดวกในการพัฒนาระบบดิจิทัลและเศรษฐกิจอัจฉริยะให้กับลูกค้าในประเทศไทยอีกด้วย”

นายวิล ชิล รองประธานธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเสริมว่า บริษัทจะเน้นในด้านการทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ในทุกระดับ โดยการส่งเสริมทั้งการพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าในการทำงาน รวมถึงสนับสนุนการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร นอกจากนี้ ในปีนี้หัวเว่ยยังจะเดินหน้าตามแผนการขยายตลาดใหม่ในกลุ่มองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางขึ้นไป หลังได้มีการเปิดตัว "HUAWEI eKit" ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยที่มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการทำตลาดในกลุ่มเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ

"HUAWEI eKit เป็นอีกหนึ่งในแพลตฟอร์มสำคัญของเราที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานของพาร์ทเนอร์ ในการเพิ่มโอกาสและช่องทางการนำเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเรามีรากฐานที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้วในตลาดองค์กรขนาดใหญ่ เป็นการเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เหมาะสมมาประยุกต์และทำราคาในระดับที่ธุรกิจเล็กก็เข้าถึงได้และใช้งานได้ไม่ซับซ้อน ถือเป็นการช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเติบโตได้ดีมากขึ้นด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีที่เทียบชั้นการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ แต่จะมีราคาที่จับต้องได้และใช้งานได้ง่าย" นายชิลกล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำ เปิดเผยว่า ในปีนี้วีเอสทีได้เตรียมพร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และทีมงานพร้อมทั้งออฟฟิศจัดจำหน่าย 11 สาขาทั่วประเทศ เพื่อรองรับธุรกิจในกลุ่มคอมเมอร์เชียลและเอ็นเตอร์ไพรส์ที่เป็นธุรกิจฐานใหญ่ของบริษัท  การขยายตัวของตลาด และการเติบโตขององค์กรขนาดย่อมที่เป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ในประเทศไทย

สำหรับอุตสาหกรรมไอซีที หัวเว่ยเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับใช้งานอย่างแพร่หลายอันดับต้น ๆ และได้มีการทำงานร่วมกันกับบริษัทมาอย่างยาวนาน และล่าสุดบริษัทได้เข้าเป็นพาร์ทเนอร์หลักในการผลักดันตลาดดิสทริบิวชัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากในขณะนี้

"เราเป็นพาร์ทเนอร์กับหัวเว่ยมาอย่างยาวนาน ผ่านความท้าทายในธุรกิจมาหลายฤดูกาลกว่า 10 ปี และเราก็ยังมองเห็นสัญญาณที่ดียิ่งขึ้นในปีนี้ โดยหัวเว่ยก็ยังคงให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดีเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การพัฒนาทักษะของทีมงาน รวมไปถึงแรงจูงใจในการขายต่าง ๆ จากการเป็นพาร์ทเนอร์ในการผลักดันผลิตภัณฑ์ HUAWEI eKit ทำให้เรามีเครื่องมือและสินค้าที่เหมาะกับธุรกิจรายย่อยมากขึ้น และน่าจะส่งเสริมแผนการเติบโตธุรกิจให้กับเราได้เป็นอย่างดี” นายสมศักดิ์กล่าว

ขณะที่นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับซินเน็คเองในปีนี้มีแผนที่จะเน้นบริหารจัดการกลุ่มสินค้าให้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปที่สินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งหัวเว่ยถือเป็นแบรนด์ที่เติบโตได้เป็นอย่างดีในกลุ่มสินค้าองค์กรสำหรับซินเน็ค และบริษัทก็จะยังเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยสินค้าและบริการที่ครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ทุกกลุ่ม รวมถึงในระดับองค์กรด้วยเช่นกัน

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับหัวเว่ย และเติบโตไปพร้อมกับพาร์ทเนอร์คนสำคัญของเรา ซึ่งเทคโนโลยีที่ดี ประกอบกับบริการที่ดี จะเป็นแกนหลักในการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อการเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน ภายใต้สโลแกน Trusted by Synnex ” นางสาวสุธิดากล่าว

หัวเว่ย ยึดมั่นที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางด้านดิจิทัลในประเทศไทย เป็นไปตามพันธกิจที่ว่า ‘เติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย’ และ ‘นำทุกฝ่ายก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง’ โดยในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าส่งมอบโซลูชันล้ำสมัยเพื่อช่วยส่งเสริมการเติบโต การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันทางธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมการทำงานร่วมกันในระดับท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เดินหน้าเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียนในอนาคต

นำเสนอ JW GARDEN โครงการเปิดใหม่ที่เป็นตัวกำหนดนิยามของคำว่าการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืน ส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมชาติ ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเกษตรอย่างยั่งยืน การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยไปใช้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ สยามคูโบต้า ตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของโดรนการเกษตร DJI AGRAS T25 และ DJI AGRAS T50 ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ เฉพาะช่วง Pre-booking! รวมมูลค่าสูงสุด 13,000 บาท ให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใคร

โดรนการเกษตร DJI AGRAS T25 ขนาดบรรจุ 20 ลิตร และ DJI AGRAS T50 ขนาดบรรจุ 40 ลิตร ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การทำงานทางการเกษตรเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความสามารถในการหว่านปุ๋ยและพ่นยาที่แม่นยำ มาพร้อมระบบฉีดพ่นแบบ 4 หัวฉีด ปรับระดับละอองได้  อัตราการฉีดพ่น 24 ลิตรต่อนาที (4 หัวฉีด) และ 16 ลิตรต่อนาที (2 หัวฉีด) ด้วยความเร็วในการฉีดพ่นสูงสุด 133 ไร่ต่อชั่วโมง (เฉพาะ DJI AGRAS T50)  มั่นใจได้ว่าการดูแลแปลงนาและสวนของคุณจะได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและเต็มประสิทธิภาพ ทำงานได้ไม่มีสะดุดด้วยการควบคุมผ่านรีโมตแบบใหม่ทำให้การใช้งานง่าย นอกจากนี้ สยามคูโบต้ายังมีการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยทีมช่างผู้ชำนาญงานและอะไหล่ครบครัน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานเดียวกับสยามคูโบต้า

สำหรับลูกค้าที่สนใจจองเลยวันนี้ พร้อมรับโปรโมชันส่วนลดพิเศษเฉพาะช่วง Pre-booking! รวมมูลค่าสูงสุด 13,000 บาท ประกอบด้วย 1. ส่วนลดสินค้า 5,000 บาท 2. ส่วนลดแบตเตอรี่ ก้อนละ 500 บาท สูงสุด 4 ก้อน/ลำ รวมมูลค่า 2,000 บาท 3.ส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.5% มูลค่าสูงสุด 6,000 บาท โดยสามารถลงทะเบียนออนไลน์ ได้ที่ คลิก https://www.siamkubota.co.th/prebooking/campaign/registration-dji-t25-t50/ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2567 นี้ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KUBOTA CONNECT 02-029-2747 หรือเข้าชมเว็บไซต์ www.siamkubota.co.th

YouTrip (ยูทริป) ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย พร้อมด้วย 3 พันธมิตร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของคนไทย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และ Klook แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย เปิดเวทีเสวนาเชิงลึก เผยอินไซต์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 พาเจาะลึกไปกับกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง รวมทั้งความชอบและแรงจูงใจที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของนักเดินทางยุคใหม่ในประเทศไทย และจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย

  • คุณจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย
  • คุณวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย
  • คุณภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย
  • คุณมิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์​

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ซึ่งปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับการมีจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเพิ่มมากขึ้น ตามข้อตกลงการเดินทางแบบทวิภาคี 

คุณจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากเหล่าผู้นำที่ได้รับการยกย่องในแวดวงอุตสาหกรรมจากทั้ง เมืองไทยประกันภัย การบินไทย และ Klook ให้มาร่วมงานเสวนา YouTrip Travel Trend Insights ครั้งแรกของเราในวันนี้ โดย YouTrip มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งการรวมตัวกันของผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทำให้เราเข้าใจถึงเทรนด์ล่าสุดและแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นสู่การวางแผนสานต่อความร่วมมือกับผู้เล่นหลักในภาคการท่องเที่ยว เพื่อทำให้ทุกการเดินทางสนุกสนาน ไร้รอยต่อ และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน พร้อมเสริมสร้างศักยภาพให้ทุกคนออกไปสำรวจโลกได้ด้วยความมั่นใจ”

เงินเยนอ่อนค่า หนุน “ญี่ปุ่น” ครองแชมป์จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทย

ญี่ปุ่นยังคงครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ YouTrip ที่เดินทางไปต่างประเทศ เลือกมุ่งหน้าเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายยอดนิยมคือ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว อาหารท้องถิ่นแสนอร่อย และแหล่งช้อปปิ้งหรู ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนของญี่ปุ่นที่อ่อนค่าลง (JPY) ยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การท่องเที่ยวคึกคัก ทั้งนี้ จากข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายเพื่อการช้อปปิ้งสูงเป็นอันดับ 1 (58%) และในหมวดหมู่ประเภทสินค้าของนักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นนิยมซื้อคือ สินค้าแบรนด์หรู ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นของคนไทย โดยมียอดใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

นอกจากนี้ YouTrip ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้มีการแลกเงินบาท (THB) เป็นเงินเยน (JPY) ผ่านกระเป๋าเงิน JPY ภายในแอปฯ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินบาท และการล็อคเรทล่วงหน้าง่ายภายในแอปฯ YouTrip  ล้วนส่งผลให้ญี่ปุ่นครองแชมป์จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง

ด้านคุณมิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์​ เปิดเผยว่า “จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีอากาศเย็น โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป เน้นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย รวมทั้งยังนิยมเที่ยวตามคอนเทนต์และการรีวิวในโซเชียลมีเดีย”

สอดคล้องกับข้อมูลจาก คุณวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย ที่ระบุว่า “นักท่องเที่ยวไทยยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 เนื่องจาก อากาศที่ดี การเดินทางที่สะดวกสบาย และสถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย โดยหลังโควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวไทยหันมาให้ความสำคัญกับการซื้อประกันเดินทางมากขึ้น ซึ่งนอกจากการคุ้มครองจากประกันพื้นฐาน ยังมีการเพิ่มเรื่องของการประกันของสูญหาย การยกเลิกเที่ยวบิน หรือกรณีเที่ยวบินล่าช้า รวมถึงภัยธรรมชาติ”

คุณภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย กล่าวว่า “หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด คนไทยเริ่มกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยลักษณะการเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นแบบ FIT (Free Independent Travelers) ซึ่งเป็นการจองตั๋วเพื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้นิยมใช้บริการจากบริษัททัวร์”

ฟรีวีซ่าดัน “จีน” ผงาดขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

ความสนใจของนักท่องเที่ยวในจีนเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยหลังจากมีการประกาศข้อตกลงเดินทางปลอดวีซ่าระหว่างไทยและจีน ในเดือนเมษายน 2567 YouTrip พบว่า มีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 466% และจีนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ที่มีการเดินทางไปมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเมืองยอดนิยมที่ผู้ใช้ YouTrip ชื่นชอบ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู

คุณภิรมย์ทิศ กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนจำนวนมาก โดยมี ยอดการจองตั๋วผ่านการบินไทยเต็ม 100% ทุกเที่ยวบิน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนโยบายฟรีวีซ่า”

คุณวาสิต กล่าวว่า “ประเทศจีนถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายการท่องเที่ยวของคนไทยที่กำลังมาแรง สะท้อนได้จากยอดการซื้อประกันภัยการเดินทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง”

ส่วนทางด้าน คุณมิเชล ระบุว่า “จากนโยบายฟรีซีซ่าไทย-จีน ดึงดูดให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนมากขึ้น ทำให้ยอดจองทำกิจกรรมต่าง ๆ ในจีนผ่าน Klook เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า”

“แม้การแลกเปลี่ยนเงินตราอาจเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป เพราะการใช้งาน YouTrip ร่วมกับ Alipay และ WeChat Pay จะช่วยให้การเดินทางไปจีนง่ายขึ้น และช่วยขจัดความยุ่งยากเรื่องการชำระเงินในประเทศจีน เพียงนักท่องเที่ยวผูกบัตร YouTrip เข้ากับ Alipay หรือ WeChat Pay ก็สามารถสแกนจ่ายในประเทศจีนได้ทันที ไม่ต้องแลกเงินล่วงหน้าและหมดกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม DCC (Dynamic Currency Conversion)” คุณจุฑาศรี กล่าวเสริม

มองเทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทย

คุณจุฑาศรี กล่าวถึง แนวโน้มการท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทย ว่า “หลังโควิดได้เกิดเทรนด์การเที่ยวล้างแค้นขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และการเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยไปแล้ว แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เทรนด์ “ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด” เป็นสิ่งที่พบเห็นมากขึ้น และจากการเข้ามาของเทคโนโลยีทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจุดหมายปลายทางหลักในระยะสั้นและระยะกลางยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น”

คุณวาสิต กล่าวว่า “การเข้ามาของเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการเดินทางให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้คนหันมาเลือกเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้นแทนการเที่ยวแบบกลุ่มทัวร์ เช่น  Google Map ที่ช่วยให้คนเดินทางได้ง่ายขึ้น ส่วนในด้านการใช้จ่ายก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด เพราะมีบริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังมีการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้เห็นความสำคัญในการซื้อประกันการเดินทางเพิ่มขึ้นตาม”

คุณภิรมย์ทิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทรนด์การเดินทางด้วยตัวเองมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเทคโนโลยีทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน และการจองที่พัก รวมถึงการใช้จ่าย ซึ่งการบินไทยมองเห็นความต้องการในจุดนี้ จึงได้พัฒนาระบบการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเดินทางด้วยตัวเอง”

ปิดท้ายที่ คุณมิเชล กล่าวว่า “แนวโน้มการท่องเที่ยวหนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวมีอายุน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่นิยมออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมทั้งยังเปิดรับจุดหมายปลายทางในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากญี่ปุ่นและจีน”

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ PIZZA HUT มอบสิทธิพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ได้อิ่มไม่อั้นเมื่อ   รับประทาน HUT บุฟเฟต์ ที่ร้าน ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2567 – 30 พฤษภาคม 2567 ดังนี้

สิทธิพิเศษ 1 สำหรับวันจันทร์ – พฤหัสบดี:  HUT บุฟเฟต์ รับสิทธิ์อัปเกรดบุฟเฟต์เป็นราคา 499 บาท โดยจ่ายเพียง 399 บาท รับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch ด้วยการสแกน QR Code ก่อนชำระเงิน สิทธิ์อัปเกรดราคาบุฟเฟต์ 1 โค้ดต่อการอัปเกรด 1 ท่าน ไม่จำกัดการรับสิทธิ์ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ ต้องแจ้งความประสงค์การใช้สิทธิ์แก่พนักงานก่อนชำระเงิน

สิทธิพิเศษ 2 สำหรับทุกวัน: รับเครดิตเงินคืน 8% เมื่อมียอดใช้จ่าย 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 80 บาท / บัญชีบัตรหลัก / เดือน สูงสุด 160 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งเดียวใช้ได้ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ผ่านทางแอป ttb touch หรือส่ง SMS  พิมพ์ PZH ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve รับสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน

สิทธิพิเศษ 3 สำหรับทุกวัน: แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% ใช้คะแนนสะสมทุก 500 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป บัตรเครดิต ttb reserve ทุก 500 คะแนนรับเครดิตเงินคืน 60 บาท บัตรเครดิต ttb อื่น ๆ ที่มีคะแนนสะสม ทุก 500 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 50 บาท จำกัดการแลกคะแนนสะสมสูงสุด 2,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน และจำกัดการแลกคะแนนสูงสุด 4,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ลงทะเบียนทาง SMS พิมพ์ PPZH ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลกทุก 500 คะแนน แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026  

ทีทีบีมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าวางแผนใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชันนี้ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/cc/pro  

โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) ชวนลองเมนูล่าสุด ขอแนะนำ ใหม่ !!! โออิชิ อีทโตะ แซนวิช ดับเบิ้ลปูอัด (Double Crab Stick Sandwich) ให้คุณเติมพลัง เต็มอิ่ม ได้ง่าย ๆ ด้วยขนมปังแซนวิช เนื้อนุ่มฟู เป็นเอกลักษณ์ มากับไส้แน่น ๆ ปูอัดคามาโบโกะ แท็กทีมมากับปูอัดอลาสก้า ปรุงรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม อร่อยแบบดับเบิ้ล ซึ่งสามารถรับประทานแบบแช่เย็นได้ทันทีโดยไม่ต้องอุ่นร้อน สะดวก...เหมาะสำหรับเริ่มต้นยามเช้า หรือช่วงเวลาเร่งรีบ โดยวางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ววันนี้ ในราคาชิ้นละ 27 บาท ที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิอีทโตะ : www.facebook.com/OishiEatoThailand

Page 3 of 612
X

Right Click

No right click