พร้อมเปิดตัว Brand Ambassador มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ ตั้งเป้า AUM โต 40% ในปีนี้

รับฟรี! ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายวัน 500 บาทต่อวัน

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยฝ่ายนวัตกรรมหลักสูตรและการสอน สายงานวิชาการ เปิดเวทีให้นักศึกษา เรียนรู้ประสบการณ์จริง จัดโครงการ DPU Hackathon  ประจำปีการศึกษา 2566 ภายใต้แนวคิด Carbon Hero” ครั้งที่ 4  มีนักศึกษาสมัครเข้าร่วมโครงการ 18 ทีม โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และวิทยากรพิเศษ “สรัญธรณ์ สุนทรโอฬารรัตน์” ศิษย์เก่า DPU และ CEO กระเป๋าแบรนด์ Ally Bag มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจจากสิ่งที่ชอบในหัวข้อ “ประสบการณ์ตัวแม่กับธุรกิจตัวโฮ่ง” และ อติยา อาวัชนาการ จากทีม Sustainability Management บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)  ณ ห้องประชุมสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)

ผศ.ไพรินทร์ ชลไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะหัวหน้าโครงการ DPU Hackathon กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า DPU มุ่งมั่นในการจัดการเรียนการสอนส่งเสริมให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์จริง และเป็นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะการแก้ปัญหา การคิดเชิงวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม การนำเสนอ การคิดเชิงสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และการเป็นผู้ประกอบการ โครงการ DPU Hackathon  เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้จากวิทยากรที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง

จากเทรนด์ของโลกรวมถึงประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนไปสู่องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน (Low Carbon and Sustainable Business) ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะสถาบันการศึกษาซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างบัณฑิตให้เป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพ และสามารถก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โจทย์สำหรับโครงการ DPU Hackathon ปี 4 จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Carbon Hero” โดยนักศึกษาทั้ง 18 ทีมต่างนำเสนอโครงงานที่มีแนวคิดในการช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ การลดปริมาณขยะ หรือ การนำขยะกลับมา Reuse ให้กลายเป็นสินค้าใหม่แทน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ CARBON GAME ซึ่งจะเป็นเกมที่นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้วยังทำให้ผู้เล่นได้เข้าใจและตระหนักถึงสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ส่วน FOOD’N WASTE การ์ดเกม ที่เกิดจากความคิดที่จะให้คนหันมาสนใจและใส่ใจปัญหาเศษขยะจากอาหารเหลือและถูกทิ้งกันมากขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า  หรือ ตู้จำหน่ายลิปสติกรีฟิลอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาขยะ  และ  UNDER SEA BOARD GAME เกมที่จะให้ผู้เล่นได้รับความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์น้ำ พร้อมสร้างความตระหนักรู้ถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล ฯลฯ

สำหรับผู้ชนะเลิศการประชันไอเดียในโครงการ DPU Hackathon ภายใต้แนวคิด “Carbon Hero”  ปีนี้ คือ ทีม Day Dreamers (Shin Shop) ซึ่งได้เสนอแนวคิดในการนำเสื้อผ้าเก่าหรือเศษผ้ามาทำให้เกิดเป็นสินค้าใหม่ ลดการปล่อยก๊าซตคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่ชั้นบรรยากาศ

คุณศิริพร วุฒิกุล CEO and Director: Mind2Market Company Limited (BizzUp) หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินโครงการนี้ กล่าวว่า  ทีม Day Dreamers ชนะเลิศอันดับ 1 เป็นทีมที่มีความแตกต่างจากทีมอื่น ๆ ในด้านของ Model Business ที่ไม่ใช่แค่การลงไปในภาคสนามเพื่อจะสำรวจตลาดเก็บข้อมูลตัวอย่างจริงจากผู้บริโภคเหมือนทีมอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังสร้างความแตกต่างและตรงกับความต้องการของคณะกรรมการ คือ เป็นทีมเดียวที่มีการเปิด Workshop ให้ผู้บริโภคสามารถนำเสื้อผ้าเก่าของตนเองมาสร้างให้เกิดงาน Craft จนเกิดเป็นสินค้าใหม่ได้จริง

นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการหลากหลายไม่ว่าจะเป็นงานปัก การเย็บ การเพ้นท์ การสกรีน สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างงาน Craft ที่หลากหลายรูปแบบ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้จริงในการนำเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่าไม่ใช้แล้ว มาสร้างให้เป็นสินค้าใหม่ก่อให้เกิดรายได้จริง แทนการทิ้งให้กลายเป็นขยะเหลือใช้ไป

นางสาวกิตติยา พานิชชา นักศึกษาชั้นปี 3 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) ตัวแทนทีม Day Dreamers กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำเรื่องนี้ มาจาก Pain Point เรื่อง Fast Fashion ของเสื้อผ้าที่มีคนจำนวนมากที่ซื้อเสื้อผ้ามาแล้วบางครั้งก็ใส่แป๊บเดียว สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดการสร้างมลพิษ จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่มาจากกระบวนการผลิตเสื้อผ้าจำนวนมาก โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.7 พันล้านตันต่อปี ส่งผลกระทบต่อโลกมาก ทั้งปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาภัยแล้ง ฯลฯ

ทีมเราจึงอยากมีส่วนช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการนำขยะที่มาจากเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่า มาทำให้เกิดธุรกิจหมุนเวียนด้วยการเปิดเป็นร้าน Shin Shop เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่า มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นงาน Craft  ชิ้นใหม่ เพื่อช่วยลดปริมาณการทิ้งขยะเหลือใช้ และ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ที่เกิดจากการผลิตและทอผ้า อนาคตก็อยากจะเปิดร้าน Shin Shop ขึ้นมาจริง ๆ 

พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ควบคู่กับการเสริมสร้างทักษะด้าน AI และสนับสนุนชุมชนนักพัฒนาในประเทศไทย

เรทติ้ง A+ เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 7 9 พฤษภาคม 2567 ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ

พบกับสุดยอดสินค้าจากไต้หวันได้ตั้งแต่วันนี้ – 5 พฤษภาคมนี้ ณ บูธ P105-P106 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในมหกรรมสถาปนิก 67 งานแสดงสถาปัตยกรรมชั้นนำของอาเซียน ที่นอกจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างอุตสาหกรรมของไต้หวัน ไทย และอาเซียนแล้ว ยังเป็นการพยายามนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอย่าง “ภาวะโลกเดือด” เพื่อให้มนุษย์ได้ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายไบรอัน ลี ผู้อำนวยการบริหารสายงานการตลาด Taiwan Excellence สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) กล่าวว่า “มหกรรมสถาปนิก’ 67 เป็นงานแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้างและการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน ในขณะเดียวกัน ไต้หวันซึ่งต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม และภัยแล้งมาอย่างยาวนาน จึงมีประสบการณ์ในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เคารพธรรมชาติ และยกระดับอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กัน”

“ดังนั้นในงานแสดงสินค้าครั้งนี้ Taiwan Excellence จึงมุ่งหวังที่จะร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางกับภาคอุตสาหกรรมไทยและอาเซียน เพื่อบรรลุความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจและเทคโนโลยี ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยอย่างยิ่งเฉพาะในด้านปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งมีบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญอย่างเฉพาะทางอย่าง SanJeou, Hiss, และ AMA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์หรือความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ที่จะสามารถนำพาประเทศไทยไปสู่การบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นวัตกรรมจากไต้หวันสำหรับประเทศไทยใส่ใจในทุกมิติ

เนื่องจากทั่วโลกมีความต้องการโซลูชันเกี่ยวกับความยั่งยืนและนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไต้หวันจึงได้มุ่งสู่การเป็นแนวหน้าด้านนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรม โดยมีการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีระดับสูงสุดกับประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมจากไต้หวันสำหรับประเทศไทยใส่ใจในทุกมิติ” นำโดยบริษัทชั้นนำของไต้หวันอย่าง San Jeou, HISS, และ AMA Tech ซึ่งได้นำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ให้แก่ภาคเทคโนโลยีการก่อสร้างของประเทศไทย

นายเจฟเฟอรี ฮุง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท SanJeou เปิดเผยว่า “ด้วยประสบการณ์ในงานด้านการก่อสร้างที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความแม่นยำสูง เช่น การสร้างโครงการกันซึมขนาดใหญ่สำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดินไทเป และอู่ซ่อมบำรุงอากาศยาน SanJeou จึงมีความรู้ความชำนาญอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงในเขตเมือง เราเชื่อว่าโซลูชันและเทคโนโลยีการก่อสร้างของเรา จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับประเทศไทย”

นายเบ็นสัน เทียน ฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท Hiss เล่าว่า “บริษัท Hiss เป็นแบรนด์ชั้นนำในไต้หวันสำหรับผลิตภัณฑ์บ้านหรู เช่น ประตูและหน้าต่าง ซึ่งมีคุณภาพและความแม่นยำสูง ล่าสุดได้เปิดตัวเทคโนโลยีหน้าต่างอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับวัดระดับฝุ่น PM 2.5 และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ภายในอาคาร และยังสามารถเปิดปิดอัตโนมัติได้อีกด้วย ดังนั้นเทคโนโลยีของเราจึงมีประโยชน์และเหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากประชาชนชาวไทยกำลังเผชิญกับปัญหาคุณภาพอากาศในช่วงฤดูร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

นายเซเลสติโน ลี ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท AMA Tech เสริมว่า “ในช่วงการระบาดของโควิด-19 การระบายอากาศที่ไม่ดีในโรงงานก่อให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ AMA จึงนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องฟอกอากาศ ช่วยรักษาคุณภาพอากาศที่ดีในโรงงานและปกป้องคนงานจากก๊าซที่เป็นอันตราย ดังนั้นแนวระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของประเทศไทยที่เป็นแหล่งรวมการลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตจากต่างประเทศ สิ่งนี้จึงจำเป็นต่อการทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานเป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน”

ไต้หวันให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับประเทศไทยมากกว่าการค้าระหว่างประเทศ โดยมุ่งหวังผนึกกำลังความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันแก้ไขปัญหาระดับโลก ก่อนแสวงหาโอกาสธุรกิจ ซึ่งมีเป้าหมายเปลี่ยนบทบาทจากผู้ส่งออกเป็นผู้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทย ผ่านถ่ายทอดองค์ความรู้แก้ปัญหาจากประสบการณ์ปรับตัวในไต้หวัน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคีพันธมิตรไทยรับมือความท้าทายการพัฒนาประเทศ ทั้งสองประเทศมีวัฒนธรรมหลากหลาย ระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ และเผชิญโจทย์ใหญ่ระดับโลกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือนี้หวังสร้างสัมพันธภาพยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานความไว้วางใจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจ BCG และยกระดับคุณภาพชีวิตในภูมิภาค เสริมสร้างขีดความสามารถการรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้จัดแสดงจากไต้หวันในมหกรรมสถาปนิก’ 67 ได้ตั้งแต่วันนี้ – 5 พฤษภาคมนี้ ณ บูธ P105-P106 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Taiwan Excellence TH Facebook ที่ https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH/

ยกระดับสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ พัฒนาเขตนวัตกรรม เชื่อมกลไกระดับนานาชาติ สนับสนุนเทคโนโลยีและเงินทุนสู่เป้าหมาย Net Zero Emission

ออเนอร์ (HONOR) ผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะชั้นนำระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยผ่านสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ HONOR X8b ภายใต้คอนเซปต์ “ถ่ายภาพสนุก ความจุเต็มพิกัด” ชูไฮไลต์เด่นกล้องหลังความละเอียดสูง ด้วยระบบกล้อง 3 ตัว กล้องหน้าเซลฟี่ 50 ล้านพิกเซล พร้อม Soft Flashlight ที่ยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพที่ดีที่สุด ผสานหน้าจอ AMOLED สีสันสว่างสดใส ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ตลอดจนประสิทธิภาพการใช้งานที่ไร้ขีดจำกัดด้วยความจุที่ให้มาเยอะที่สุด เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนในระดับราคาใกล้เคียงกัน เตรียมพร้อมเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 และโปรโมชันพิเศษรับฟรีแก้วเก็บอุณหภูมิ มูลค่า 499 บาท เมื่อซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2567 เริ่มจำหน่ายวันแรกตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

HONOR X8b สมาร์ตโฟนระดับกลางใหม่ล่าสุดจาก HONOR X Series มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย จับถนัดมือ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เน้นจับกลุ่มวัยรุ่น สายแฟชั่น คนทำงาน รวมถึงผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยสมาร์ตโฟน โดยรุ่นนี้อัดแน่นด้วยคุณสมบัติพรีเมียมมากมาย ชูจุดขายด้วยประสิทธิภาพกล้องความละเอียดสูง พร้อมระบบกล้องถึง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 108MP, กล้อง Wide + Depth ความละเอียด 5MP และกล้องมาโครความละเอียด 2MP ทำให้เก็บได้ทุกรายละเอียด ได้ภาพที่คมชัดระดับมืออาชีพทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมด้วยกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 50MP กับ Soft Flashlight ที่ให้ภาพถ่ายสว่างสดใส ดูเป็นธรรมชาติ ผสานศักยภาพการใช้งานเต็มพิกัดด้วยความจุถึง 512GB ที่ให้พื้นที่การจัดเก็บข้อมูลกับผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนเติมเต็มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงด้วยหน้าจอแสดงผล AMOLED สีสันสดใส ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินและรับประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด

ห้ามพลาด! เตรียมสัมผัสประสบการณ์การถ่ายด้วยกล้องมือถือที่ดีที่สุด ถ่ายภาพสนุกทั้งวันกับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HONOR X8b เริ่มวางจำหน่ายสินค้าที่ HONOR Experience Store ทุกสาขา และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมรับโปรโมชันของแถมสุดพรีเมียม ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hihonor.com/th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ก HONOR Thailand

ดอกเบี้ยต่ำ 2.31% ผ่อนน้อย 3,100 บาท/เดือน จัดหนัก แจกของแถมสูงสุด 31 รายการ

บริษัท อัลติเมท เดสตินี่ จำกัด (ULTIMATE DESTINY) ร่วมกับ บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “แพลตฟอร์ม U-Destiny” แพลตฟอร์มแรกที่ให้บริการ ดูดวงแบบ AI Astrology มาพร้อม 12 ฟีเจอร์เด่น เอาใจสายมูให้สามารถเข้าถึงทุกโหราศาสตร์หลายแขนง ได้ทุกที่ทุกเวลา ที่จะพาทุกคนเปิดจักรวาลพรหมลิขิต ด้วยฟีเจอร์แรกสุดล้ำ โหงวเฮ้ง AI ศาสตร์การอ่านใบหน้า ที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ประมวลผลเพื่อให้ได้ผลการทำนายที่มีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว นำทีมโดย นางสาวอันธิกา ลิมปิอนันต์ชัย (ซินแสมาสเตอร์อลิซ) นายเชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติเมทเดสตินี่ จำกัด นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายธนัท เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม บริษัท บิทคับ มูนช็อต จำกัด ร่วมเปิดตัว ณ สยามพารากอน กรุงเทพฯ

2 ผู้ก่อตั้ง U-Destiny นำทัพโดย ซินแสมาสเตอร์อลิซ และ นายเชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ กล่าวว่า “U-Destiny นั้นมีที่มาจาก Your Destiny พรหมลิขิตของคุณอยู่ที่ปลายนิ้วสัมผัส แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้สายมูทุกท่านได้เข้าถึงการดูดวง โหงวเฮ้ง คาแรกเตอร์ที่ซ่อนในตัวคุณ ด้วยการวิเคราะห์โดยใช้โหราศาสตร์ผสมผสาน AI ได้อย่างแม่นยำ ทุกที่ทุกเวลา เสมือนมีเพื่อนคู่คิด (Companion) ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยสร้างกำลังในใจการทำงาน การใช้ชีวิต เสริมสร้างความมั่นใจในทุกๆวัน ซึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ U-Destiny คือ โหงวเฮ้ง AI ที่นำเทคโนโลยี AI นำมาใช้ในการสแกนเพื่อวิเคราะห์ใบหน้าแบบเรียลไทม์ โดยไม่มีการเก็บข้อมูลของลูกค้า และสามารถผสานรวมการวิเคราะห์ทุกศาสตร์ไว้ที่เดียวไม่ว่าจะเป็น การทำนายวาสนา ดวงชะตาด้านการเงิน การงาน และความรัก มาพร้อมกับอีก 2 ฟีเจอร์ยอดนิยมของสายมู คือ ฟีเจอร์คาแรกเตอร์ที่ซ่อนในตัวคุณ และฟีเจอร์ Daily Mood ที่สามารถวิเคราะห์ดวงประจำวันได้ครบ 365 วัน” ซึ่งมีการสาธิตการใช้งาน ฟีเจอร์ โดยได้รับเกียรติจากนักธุรกิจหญิงดาวรุ่ง คุณวริสรา เตชะวิเชียร CEO Green Life Printing และ Infinite Paper Lab มาเล่าความประทับใจในการมูกับ U-Destiny ที่ช่วยเสริมความปังทั้งในธุรกิจและชีวิตส่วนตัว

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เปิดเผยว่า “แพลตฟอร์ม U-Destiny เป็น Use case แรก ๆ ที่นำศาสตร์การทำนายดวงชะตากับเทคโนโลยี AI เข้ามาผสมผสานกัน จนออกมาเป็นแอปพลิเคชันดูดวงที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเท่าเทียมกันมากขึ้น เนื่องจากคนไทยกับมูเตลูเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมานาน อย่างบิทคับ กรุ๊ปที่แม้จะเป็นบริษัทฟินเทคสัญชาติไทย แต่ก็เอาความเชื่อในสายมูเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบริษัทให้มีการเติบโตและประสบความสำเร็จเช่นกัน ส่วนทิศทางของเทคโนโลยี AI นั้น ในปี 2566 ถูกเรียกว่าเป็นปีแห่งการทดลองเล่น ซึ่งคนในวงทั่วไปก็จะได้รู้จัก ChatGPT กันมากขึ้น แต่ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการใช้งานจริง เราจะได้เห็น AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้นผ่านแอปพลิเคชันพื้นฐานต่าง ๆ เช่น Line, Microsoft apps, Evernote ฯลฯ โดยจะมี AI Function เป็นทางเลือกให้ได้รับการบริการที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อย แต่แลกกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งตนเชื่อว่า ปีนี้คนไทยจะได้เห็นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้แก้ไขหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้น”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีช่วงสุดพิเศษ “มูกับ U-Destiny” ที่ได้รับเกียรติจาก Speakers ที่ฮอตที่สุดในศตวรรษนี้ มาเสวนาร่วมกับ 2 ผู้ก่อตั้ง U-Destiny ในเรื่องความสำเร็จของแต่ละท่านและความมูที่ทั้ง 3 ท่านมา x หรือ “มูกับ U-Destiny”

ท่านแรก คุณจิรพิสิษฐ์ รุจน์เจริญ กรรมการผู้จัดการ Event Gold เจ้าของ Character Design Lazy Cat (เจ้าเมื่อย) พลังซอฟท์พาวเวอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก มาพร้อมกับแคมเปญพิเศษ หน้าจอมงคล “เจ้าเมื่อย  X  U-Destiny” กับการขอพร 9 ประการ

ท่านที่สอง คุณทัพไทย ฤทธาพรม CEO และ Co-founder DreamDesk Co.,Ltd. และCEO บริษัท JYT E-Commerce (เจ้าของแบรนด์ HAAB) มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 10X Success งานกลยุทธ์ที่เน้นทั้งศาสตร์และศิลป์มูฮวงจุ้ยธุรกิจเสริมความปังจนฉุดไม่อยู่

ท่านที่สาม คุณโสฬส เตียวเดชวรรณ CEO บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ความสำเร็จในการต่อยอดจากแบรนด์แก้วของฝาก พัฒนาขนมไทยสู่ตลาดโลก ด้วยแคมเปญ กล่องมังกร ทองม้วน กับการ์ด 8 เทพมงคลกับมาสเตอร์อลิซ U-Destiny ที่สร้างความมูและความปังพร้อมกัน

สำหรับสายมูเตลูและผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ LINE OA: @udestiny หรือโทร: 094-193-5659, 098-824-6999

Page 4 of 612
X

Right Click

No right click