เอสซีจีได้รับการยอมรับจากดัชนีความยั่งยืนชั้นนำของโลกหรือ ESG Risk Rating เป็น ESG Industry Top Rated ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม (Industrial Conglomerates) จาก Morningstar Sustainalytics และได้รับ MSCI ESG Rating ระดับ AA (Leader) กลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) จาก Morgan Stanley Capital International (MSCI) ผลการประเมินดังกล่าวมาจากการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG 4 Plus มุ่งแก้วิกฤตภาวะโลกเดือด ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ปี 2593 พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมโซลูชัน เทคโนโลยีดิจิทัลใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อม บริหารงานตามมาตรฐานสากล โปร่งใส เปิดเผยข้อมูล มีกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจท่ามกลางความผันผวนของวิกฤตซ้อนวิกฤต ควบคู่กับการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เอสซีจีมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus “มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ” โดยยึดหลักเชื่อมั่นและโปร่งใส ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 เร่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชัน เทคโนโลยีดิจิทัล ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก อาทิ SCG Cleanergy ผู้ให้บริการซื้อ-ขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดครบวงจร สำหรับภาครัฐ ธุรกิจและอุตสาหกรรม ด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Grid) ให้ซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้สะดวก รวดเร็ว ขณะเดียวกัน ได้ลงทุนกับ Rondo Energy สตาร์ทอัพด้านพลังงานสะอาดระดับโลก ผู้พัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อน (Thermal Energy Storage) อุณหภูมิสูงที่สุดในโลก เพื่อจ่ายพลังงานความร้อนให้โรงงานทดแทนการใช้บอยเลอร์ (Boiler) หรือเครื่องผลิตไอน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพร้อมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ นวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพอากาศและประหยัดพลังงาน SCG Active AIR Quality, SCG Bi-ion และ SCG Air Scrubber โซลูชันจัดการคุณภาพอากาศ กำจัดเชื้อโรค ลดการใช้พลังงานในอาคาร SCGC GREEN POLYMERTM นวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสินค้าภายใต้ฉลาก Green Choice กว่า 250 รายการ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี ขณะเดียวกันยังมุ่งลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วยการพัฒนาทักษะอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชนและ SMEs ให้โอกาสทางการศึกษา และยกระดับสุขภาวะ รวม 50,000 คน เช่น อาชีพช่างก่อสร้าง พนักงานขับรถบรรทุก การแปรรูปและการขายสินค้าทางออนไลน์ ทั้งยังร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งไทย อาเซียนและโลก ให้ดำเนินงานด้วย ESG เพื่อส่งต่อโลกที่ยั่งยืนให้คนรุ่นถัดไป

เอสซีจี มีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง ดังนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

เดินหน้าทดสอบโครงการ Retail CBDC ระยะทดลองใช้ในวงจำกัดร่วมกับแบงก์ชาติ ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ครั้งแรกของไทย

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด นำโดย นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business และร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นำโดย นายชาตรี โกวิทานุพงศ์ Executive Project Director Development ร่วมลงนามสัญญาเพื่อสานต่อโครงการต้นแบบศูนย์การค้า Net Zero หนึ่งในความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยและยกระดับศูนย์การค้าในเครือ เซ็นทรัลพัฒนา สู่ Pathway to NET ZERO Building โดยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายใต้เงื่อนไขความร่วมมือซึ่งกันและกัน ประเดิมที่แรก เซ็นทรัล อยุธยา

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “การลงนามสัญญาครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำและเดินหน้าขับเคลื่อน ยกระดับอาคารและศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา ให้มุ่งสู่การเป็น Net Zero Building หรือต้นแบบศูนย์การค้าที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ถือเป็นพันธกิจของสังคมโลกที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อน ครั้งนี้ เอสซีจี โดยธุรกิจ SCG Smart Building Solution ผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานในอาคาร และการบริหารจัดการอาคารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มาต่อยอดร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งมีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของสังคม

โดยโครงการเซ็นทรัล อยุธยา เป็นโครงการแรกของเซ็นทรัลพัฒนา ที่ได้ดำเนินการติดตั้งโซลูชันเพื่ออาคารประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมดูแลคุณภาพอากาศ ด้วยระบบ SCG Air Scrubber ซึ่งเป็นระบบบำบัดอากาศเสียในอาคาร และลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ สามารถลดการใช้พลังงานในอาคารได้สูงสุดถึง 30% ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้มีเป้าประสงค์ลดการใช้พลังงานในศูนย์การค้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากที่สุด โดยในอนาคตมีแผนเร่งดำเนินการไปสู่โครงการต่าง ๆ ในเครือ อาทิ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล นครปฐม, และเซ็นทรัล นครสวรรค์ เพื่อเป็นต้นแบบของศูนย์การค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม หวังว่าการร่วมมือที่ดีในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านพลังงานหรือแผนงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต”   

นายชาตรี โกวิทานุพงศ์ Executive Project Director Development บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรสีเขียว หรือ “Green Partnership” เพื่อแบ่งปันและส่งเสริมความเชี่ยวชาญระหว่างกัน ดังเช่นโครงการ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline ที่ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งการลงนามสัญญาติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน SCG Air Scrubber โดยเริ่มที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ที่จะมีส่วนผลักดันให้ทั้งสองบริษัทไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน
ที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างเป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้เซ็นทรัลพัฒนา มีวิสัยทัศน์ที่สำคัญคือ ‘Imagining better futures for all’ พร้อมตั้งเป้าหมายการเป็นองคก์ร NET Zero ภายในปี 2050 เพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง โดยพัฒนาพื้นที่ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงดูแลชุมชนและสังคม ภายใต้การดำเนินธุรกิจหลัก ได้แก่ ศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าหากันทั้งระบบ เพื่อสร้าง ‘The Ecosystem for All’ ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน

X

Right Click

No right click