×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 805

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขององค์กรที่มีจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง นับว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญในอันดับต้นๆของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้า ที่ได้ชื่อว่ายึดมั่นในการประกอบกิจการ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในประเทศไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมปลูกต้นดาวเรืองในพื้นที่ของสำนักงานและโรงงานซีพีเอฟทุกแห่ง ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย รวมถึงในเวียดนามและฟิลิปปินส์ เพื่อให้ดอกดาวเรืองบานเหลืองอร่ามอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เดือนตุลาคมนี้ 

 

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวว่า ผู้บริหารและพนักงานของซีพีเอฟที่ปฏิบัติงานในต่างประเทศต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนในทุกมุมโลก ที่ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อเป็นการถวายความอาลัยอีกครั้ง จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมปลูกต้นดาวเรืองกว่า 1 แสนต้น ในพื้นที่สำนักงานและโรงงานของประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ พร้อมกับโรงงานและสำนักงานซีพีเอฟในประเทศไทย 

 

ทั้งนี้ ประเทศเวียดนาม โดย บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ได้จัดกิจกรรม “รวมใจปลูกดาวเรืองให้บานสะพรั่งทั่วเวียดนาม” โดยเริ่มต้นที่ สำนักงานใหญ่ในกรุงโฮจิมินซิตี้ และฟาร์มของบริษัท 9 แห่งทั่วประเทศเวียดนาม อาทิ กรุงฮานอย เมืองด่องนาย เป็นต้น โดยจะนำต้นดาวเรืองที่ออกดอกและบานสะพรั่งไปมอบแด่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ใช้ประดับตกแต่งสถานที่ 

 

เช่นเดียวกันกับผู้บริหาร และพนักงานของซีพีเอฟ ฟิลิปปินส์ โดยโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ ที่ตั้งอยู่บนเกาะซามาล ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้ร่วมกันปลูกดาวเรือง เพื่อประดับตกแต่งพื้นที่โรงงาน โดยดอกดาวเรืองที่ปลูกในฟิลิปปินส์จะบานสะพรั่งพร้อมกัน ในช่วงพระราชพิธีเดือนตุลาคมศกนี้พอดี

 

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดยนายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จัดงาน TIPlife เติมพลังใจให้น้องครั้งที่ 3  “พาน้องดูหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Cars 3”  โดยเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนยากไร้ในถิ่นทุรกันดารจังหวัดลพบุรีจำนวนกว่า 250 คน ซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีโอกาสร่วมชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดนิยมเรื่อง Cars 3 โดยมี ดร กรรณชฎา พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. และคณะผู้บริหารจากบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมชมด้วย  เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560  ณ โรงภาพยนตร์ SF เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 9

ซึ่งเด็กๆ กว่า 250 คน ที่มาจากโรงเรียนอนุบาลพระเพนียด, โรงเรียนบ้านเขาแหลม, โรงเรียนบ้านท่งตาแก้ว จังหวัดลพบุรี ต่างก็ดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมกระเป๋า อุปกรณ์การเรียน กระปุกออมสิน พร้อมทั้งทุนอาหารกลางวัน ตลอดจนถึงป๊อบคอน และน้ำดื่ม ไว้ให้น้องๆ อย่างเต็มที่

นายนพพร กล่าว“ในปัจจุบันโครงสร้างทางสังคมไทยยังคงมีช่องว่างและความเหลื่อมล้ำอยู่มาก เราในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจประกันชีวิต จึงมีความต้องการให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมของบริษัทฯ จะให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือสังคมในทุกมิติ โดยไม่เจาะจงหรือแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา อย่างงาน“TIPlife เติมพลังใจให้น้องก็เป็นโครงการช่วยเหลือสังคมที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริม สนับสนุนเด็กและเยาวชน  เพราะเราเห็นความสำคัญของเด็กในวันนี้ ต่อการขับเคลื่อนอนาคตของชาติ หากเราไม่สนับสนุน ไม่มอบโอกาสที่ดี หรือไม่ใส่ใจในเสียงเล็กๆ ของเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้  ผมเชื่อว่าพวกเราไม่เพียงแค่ละเลยฟันเฟืองสำคัญของสังคม แต่ยังอาจจะเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดปัญหากลับสู่สังคมอย่างไม่ตั้งใจ

การที่ทิพยประกันชีวิต ได้จัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Cars 3 ให้เด็กๆ ด้อยโอกาสได้ชม ก็เพื่อเป็นการช่วยเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ เติมเต็มประสบการณ์นอกห้องเรียน สร้างสรรค์พัฒนาการ สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมมอบความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ เป็นการเติมพลังใจให้น้องๆ และยังมีอีกนัยสำคัญคือเราต้องการบอกว่าเราเห็นคุณค่าในตัวพวกเขา  ผมหวังว่าเด็กๆ เหล่านี้จะได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีตัวตน เห็นคุณค่าในตนเอง หากพวกเราที่ยังมีกำลัง ช่วยกันส่งเสริมก็จะเป็นการสนับสนุนให้เด็กๆ เหล่านี้ได้เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของสังคม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องๆ ที่ได้มีโอกาสมาชมภาพยนตร์ในวันนี้ จะมีความสุข มีกำลังใจที่จะประพฤติตนเป็นเด็กดี และเมื่อมีโอกาสที่ดีในอนาคตก็หวังว่าเด็กเหล่านี้จะมอบโอกาสให้แก่ผู้อื่นต่อไปครับ”

ซึ่งกิจกรรม TIPlife เติมพลังใจให้น้อง  มีแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในการสนับสนุนเด็กยากไร้ทั่วประเทศให้ได้รับโอกาสหลากหลายด้าน เพื่อความเป็นอยู่อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ในการสร้างสรรค์สังคมไทยให้มีความเข้มแข็งและก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการ สมาคมธนาคารไทย นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานชมรม CSR สมาคมธนาคารไทย พร้อมธนาคาร แห่ง ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และนักศึกษา วปอ. รุ่น 2552 มอบคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์เพื่อการใช้งานให้กับสภากาชาดไทย โดยมีคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม นายเตช บุนนาค นายพระนาย สุวรรณรัฐ รับมอบ ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานคนพิการที่ปฏิบัติงานในสำนักงานส่วนกลางของสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด 76 แห่ง และกิ่งกาชาดอำเภอ 240 แห่งทั่วประเทศ

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดยนายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่, นายศุภชัย จงศุภวิศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานประกันกลุ่มและสถาบัน พร้อมด้วยพนักงานของบริษัทฯ ร่วมถวายกุฏิ ให้แก่วัดป่าสถิตธรรม และถวายเทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน ให้แก่วัด จำนวน 9 วัดในจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย พระธาตุนาดูน พระธาตุพนม และพระธาตุจอมศรีสัมมาสัมพุทธเจดีย์ ณ จังหวัดมหาสารคาม

เพื่อสืบสานหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดี บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยการถวายกุฏิ ให้แก่พระอาจารย์ภิญโญ วัดป่าสถิตธรรม อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นกุฏิสร้างขึ้นใหม่แทนกุฏิเดิมที่ถูกแม่น้ำชีเซาะพัง พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมถวายเทียนพรรษา และผ้าอาบน้ำฝนแก่วัดจำนวน 9 วัด ในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วย วัดป่าศรัทธาธรรมวิทยา, วัดป่าประชาบำรุง, วัดเจริญผล, วัดท่าเรียบบ้านบางบัว, วัดใหม่ขุนเขวา, วัดป่าธรรมอุทยาน, วัดป่าวังเลิง, วัดป่าบุญญาภิบาล, วัดศรีเวียงชัย และถวายแก่พระธาตุอีก 3 แห่ง ได้แก่พระธาตุนาดูน พระธาตุพนม และพระธาตุจอมศรีสัมมาสัมพุทธเจดีย์ โดยมีพระครูวินัยวรญาน (ธ) เจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และ เจ้าอาวาสวัดป่าศรัทธาธรรมวิทยา เป็นประธานสงฆ์ ณ วิหารขันติวิริยาคุณานุสรณ์ จ. มหาสารคาม

นายนพพร กล่าว “นอกจากหลักธรรมคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาที่ผมนำมาประพฤติปฏิบัติในการบริหารงานแล้ว การบำรุงพระพุทธศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนามั่นคง เจริญงอกงาม ก็เป็นหน้าที่สำคัญของทิพยประกันชีวิต อย่างการที่ได้มาถวายเทียนจำนำพรรษา ผ้าอาบน้ำฝนให้แก่วัดทั้ง 9 วัดในจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วยพระธาตุนาดูน พระธาตุพนม และพระธาตุจอมศรีสัมมาสัมพุทธเจดีย์ ซึ่งเป็นศาสน-สถานศักดิ์สิทธิ์ประจำภาคอีสานนั้น ก็เพื่อสืบสานหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดี ในการนี้บริษัทก็ยังได้มีโอกาสมาถวายกุฏิให้แก่พระอาจารย์ภิญโญ วัดป่าสถิตธรรม คือก่อนหน้านี้มีชาวบ้านมาร้องขอความช่วยเหลือว่ากุฏิหลังเก่าของพระอาจารย์ถูกน้ำเซาะพังไป อย่างที่ทราบกันดีของคนในพื้นที่ อ.กันทรวิชัย ว่าบริเวณนี้อยู่ใกล้แม่น้ำชี ประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี ซึ่งหลังจากที่ดำเนินการสร้างจนแล้วเสร็จก็ได้มีโอกาสมาถวายในครั้งนี้

ซึ่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายช่วยเหลือสังคมของบริษัทฯ เพราะวัดถือว่าเป็นศูนย์กลางสำหรับการบำเพ็ญกุศล การฝึกอบรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน พระภิกษุสามเณรนอกจากมีหน้าที่ในการศึกษา- ปฏิบัติธรรม ก็ยังเป็นผู้เผยแพร่พระธรรมคำสอนเพื่อให้ประชาชนเป็นคนดีมีคุณธรรม ดังนั้นชาวพุทธที่ดีจึงควรช่วยอุปถัมภ์ บำรุงและส่งเสริมพระภิกษุสามเณร เพื่อให้มีกำลังในการปฏิบัติศาสนกิจ สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไปครับ” 

 บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือสังคมด้วยการกำหนดนโยบายเพื่อนำสู่การปฏิบัติงานอย่างแท้จริง โดยมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคมในทุกด้าน เพื่อร่วมสร้างความมั่นคง และยั่งยืนให้แก่ประเทศ

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า “จากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เอไอเอสมีความห่วงใยลูกค้าในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงได้วางแผนและมีมาตรการในการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ โดย 

1. ในส่วนของการดูแลเครือข่ายนั้น เนื่องจากในภาพรวมของพื้นที่อุทกภัยมีการตัดกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้นเราจึงมีการระดมอุปกรณ์ปั่นไฟ และน้ำมัน รวมถึงทีมงานวิศวกรจากพื้นที่ใกล้เคียง เข้าไปในบริเวณซึ่งได้รับผลกระทบหนักๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารให้ได้มากที่สุด 

2. เอไอเอสได้ระดมพนักงานอุ่นใจอาสาลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ โดยการมอบอาหาร และน้ำดื่ม ให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ด้วย 

3. เพื่อให้ลูกค้าทั้งระบบเติมเงิน และรายเดือน ใช้โทรศัพท์มือถือในการสื่อสารได้ตามปกติ อย่างไม่ติดขัด เอไอเอสให้ลูกค้าทุกท่านในพื้นที่ อ.เมือง และอ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โทรฟรีทุกเครือข่าย 50 นาที เป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะได้รับ SMS แจ้งยืนยันก่อน นอกจากนี้ เอไอเอสยังขยายระยะเวลาการชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือน จนถึงวันที่ 4 ส.ค. 60 ด้วย 

เอไอเอส จะยังคงเฝ้าติดตามและเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจเกิดน้ำท่วมขึ้นได้”

“อยู่ที่ไหนต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ เก่ง ดี แต่ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่มีความหมาย” คือคำกล่าวแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่น และยังเป็น Motto สำคัญของ Benja-Wins องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการเสริมสร้างความร่วมมือและเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าในการบริหารธุรกิจของผู้ประกอบการ ไทย และ ญี่ปุ่น ในประเทศไทย

 

ฮิเดโตชิ อูเมกิ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เบญจ-วินส์ จำกัด (Benja-Wins Co.,Ltd) ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาของ Benja-Wins ว่า “ตลอดเวลาการทำงานของผมกว่า 20 ปีทั้งในประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งมาทำงานในประเทศไทย ผมเพียรพยายามในการหาคำตอบตลอดเวลาว่า อะไร? หรือ สิ่งไหน? คือคีย์สำคัญที่ทำให้กิจการจำนวนมากมายของญี่ปุ่นสามารถดำรงอยู่อย่างยาวนานนับร้อย นับพันปี โดยมีเป้าหมายในเรื่องคือ การค้นหาแนวทาง หากเพื่อว่าเราจะสามารถหยิบจับเคล็ดลับที่ซุกซ่อนอยู่ มาประยุกต์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจในประเทศไทย” 

 

ด้วยความมุ่งมั่นและความต้องการที่จะหาคำตอบ ในที่สุดผู้บริหารลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ฮิเดโตชิ อูเมกิ ก็ค้นพบคำตอบ กิจการโดยส่วนใหญ่ที่ยั่งยืนอยู่มายาวนานในประเทศญี่ปุ่น ล้วนเกิดจากการบริหารกิจการบนรากฐานของความเชื่อในปรัชญา

 

 

ปรัชญาญี่ปุ่น คือสินทรัพย์อันมีคุณค่า และเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมที่ถมทับ และสืบทอดต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น และไม่เคยสูญหายไปไหน “คนญี่ปุ่น” ถูกหล่อหลอมทั้ง แนวความคิด จิตวิญญาณ และแนวทางในการปฏิบัติตน และเพื่อเป็นการกระจายแนวคิด แนวปรัชญาการบริหารกิจการของญี่ปุ่นมายังคนไทย ตลอดจนผู้ประกอบการไทย บนเป้าหมายที่มุ่งหวังว่า ภูมิปัญญาที่เคยเป็นแก่นสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งให้กับสังคม และเศรษฐกิจญี่ปุ่น จะมีส่วนร่วมสร้างความมั่งคั่งให้กับสังคมไทยด้วยเช่นกัน จึงเป็นที่ของการก่อตั้ง Benja-Wins พร้อมด้วยกิจกรรมทางธุรกิจที่ประกอบไปด้วย การผลิตหนังสือเพื่อส่งเสริมสาระประโยชน์ทางความรู้ความคิด ดั่งเช่น หนังสือซามูไร-ซากุระ ที่จัดพิมพ์ทั้งภาษาไทย และ 2 ภาษา (ไทย-ญี่ปุ่น) จนมาถึง หนังสือ SAMPO-YOSHI/BENJA-WINS โดยหนังสือทั้ง 2 เล่ม ได้ทำการถ่ายทอดเรื่องราวของ ปรัชญาญี่ปุ่น อันได้แก่ “บูชิโด” (วิถีนักรบ) และ “ซัมโป โยชิ” (ดี 3 ฝ่าย) ซึ่งเป็นแนวคิดแนวทางการค้าขายอันนำมาสู่ความยั่งยืน นอกจากนั้น BENJA-WINS ยังดำเนินกิจกรรมธุรกิจในรูปแบบการจัดสัมมนา ในหัวข้อ “บริหารธุรกิจ คิดแบบญี่ปุ่น” อย่างต่อเนื่อง และไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ทำในรูปแบบ CSR เพราะต้องการส่งเสริมความรู้ และส่งเสริมความร่วมมือเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจระหว่าง SMEs ไทย และ SMEs ญี่ปุ่น ร่วมกัน 

  

ความหมายของ BENJA–WINS

ฮิเดโตชิ อูเมกิ เล่าถึง ประสบการณ์ที่ทำงานแห่งแรกคือ ITOCHU (บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ในหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องดูแลการตลาดของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนที่จะมาเป็นซีอีโอ ของบริษัท โตโย บิซิเนส เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ในประเทศไทย จนกระทั่งเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เบญจ-วินส์ ขึ้นนั้น นอกจากประสบการณ์และความเข้าใจในการทำธุรกิจและการตลาดกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในอุตสาหกรรมค้าปลีกในญี่ปุ่นเป็นอย่างดีแล้ว เขายังได้เรียนรู้ และซึมซับในปรัชญาอันเป็นรากฐานของการก่อตั้งกิจการของ อิโตชู นั่นคือ ซัมโป โยชิ (SAMPO YOSHI) หรือ ดี 3 ฝ่าย อันเป็นปรัชญาของพ่อค้าโอมิ เมื่อกว่า 300 ปีที่ยึดเป็นแนวทางในการค้าขาย ภายใต้การคิดคำนึงถึงผลประโยชน์ของ 3 ฝ่ายอันได้แก่ ผู้ขายดี ผู้ซื้อดี และสังคมดี ซึ่งปรัชญา ซัมโป โยชิ คือสิ่งที่ อิโต จูเบ ผู้ก่อตั้ง ITOCHU ยึดถือและปฏิบัติ จนได้รับการขนานนามอย่างยอมรับและนับถือกันว่า เป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และการดำเนินชีวิต และบริหารธุรกิจบนแนวทางของปรัชญา “ซัมโป โยชิ อย่างเข้มแข็ง และมั่นคง” ด้วยความเชื่อมั่นบนแนวปรัชญา “ซัมโป โยชิ” ที่เป็นจุดเริ่ม และนำมาสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของหลายกิจการในประเทศญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ ITOCHU ได้สร้างแรงบันดาลใจและ พลังผลักดัน ให้ ฮิเดโตชิ อูเมกิ ตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท เบญจ์-วินส์ จำกัด (Benja-Wins Co.,Ltd) ขึ้น ภายใต้การประยุกต์และต่อยอดในแนวทางจาก ดี 3 ฝ่ายในอดีต โดยพัฒนาแนวคิดว่าในปัจจุบัน แนวทางการบริหารธุรกิจจะยั่งยืนได้ พึงควรคำนึงถึง การดี 5 ฝ่าย นั่นก็คือ ผู้ขายดี, ผู้ซื้อดี, สังคมดี, พนักงานดี, และหุ้นส่วนดี ที่ ฮิเดโตชิ อูเมกิ ขนานนามแนวคิดนี้ว่า คือ เบญจ์-วินส์ Benja–Wins และนั่นคือ เคล็ดลับ และคำตอบของการบริหารกิจการอย่างยั่งยืน ที่เขาค้นหาจนค้นพบในที่สุด 

 

 

เรื่องและภาพ : กองบรรณาธิการ

X

Right Click

No right click