บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความ    น่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 35 ปี พร้อมส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย ‘Livable Living Experience’ ให้เป็นบ้านที่ ‘น่าอยู่’ สำหรับทุกคน จัดโปรโมชั่นพิเศษ MAY DAY มี DEAL” รวม 6 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พร้อมรับสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองภายในงานวันที่ 18-19 พ.ค.67 รับความคุ้มค่า 3 ต่อ อาทิ ต่อที่1 ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 400,000 บาท*, ต่อที่2 ฟรี! แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์*, ฟรี! แพ็คเกจเครื่องใช้ไฟฟ้า* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับ 6 โครงการคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมโปรโมชั่น MAY DAY มี DEAL” ได้แก่

1.Lumpini Park Beach Cha-am 2 (ลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ 2) : คอนโดสไตล์รีสอร์ต 4 ชั้น 4 อาคาร ติดทะเล เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเล ขนาดห้องเริ่มต้น 31.50-67.50 ตร.ม. พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะแก่การพักผ่อนทั้งครอบครัว อย่างครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนพักผ่อน และห้องคุณหนู รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารทะเลแบบสดๆ เติมเต็มทุกกิจกรรมการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 9.9 แสน พิเศษเริ่ม 2.70 ล้าน* ปกติ 3.69 ล้าน*

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ*

ต่อที่ 3 แอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่น*

2.Lumpini Seaview Cha-Am (ลุมพินี ซีวิว ชะอำ) : คอนโดวิวทะเล พร้อมอยู่ ใกล้ถนนเลียบชายหาดชะอำ เดินเพียง 200 เมตร ถึงชายหาด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการเป็นเจ้าของโครงการคุณภาพ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นห้อง ที่สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ (รวม 2 เฟส) จำนวนห้องพักอาศัยรวม 989 ยูนิต มีแบบห้องให้เลือกทั้ง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และ 28.50 ตร.ม.

พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 9.6 แสน พิเศษเริ่ม 1.1 ล้าน* ปกติ 2.06 ล้าน*

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ*

ต่อที่ 3 แอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่น*

3.PARK 168 ONNUT (พาร์ค 168 อ่อนนุช)  : คอนโดมิเนียม Low rise โครงการใหม่ จาก LPN ออกแบบการอยู่อาศัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบในคอนเซปท์ Let’s take a breath and give your Soul what it needs หยุดพัก...หายใจให้เต็มปอด และตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนความเร่งรีบให้สงบ ร่มรื่น ท่ามกลาง Modern Japanese Garden ให้เมือง ธรรมชาติ เทคโนโลยี ผสานกันอย่างลงตัว มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลาง 1.8 ไร่ มากกว่า 15 ฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครบครันของคนรุ่นใหม่ มาพร้อมแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ ห้อง Convertible 24, Convertible 28, Standard 34 และ Deluxe 34 ขนาดเริ่มต้น 24 ตร.ม. – 35.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* โดยมีพื้นที่ส่วนกลาง มากกว่า 15 ฟังก์ชัน อาทิ 1. Main Entrance : Torii Gateway 2. Juristic Person 3. Gateway Tunnel 4. J Park Indoor Living 5. J Park Outdoor Living 6. Dry Garden : Karesansui 7. Fitness Zone 8. Upper Terrace 9. Zen Pavilion 10. Swimming Pool 11. Sun Bed Deck 12. The Moon Bridge 13. The Tea Pavilion 14. J Park Living 15. The Tea Garden : Chaniwa 16. Tea Pavilion พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 รับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์ แพ็คเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี ของแถม 7 รายการ*

(แอร์+เครื่องทำน้ำอุ่น+เครื่องดูดควัน+เตาไฟฟ้า* + Digital Door Lock* + IOT* + Internet ฟรี 1 ปี*)

 

4.PARK 168 NOPPARAT RAMINDRA (พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา) : คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น 3 อาคาร โครงการใหม่จาก LPN ใกล้รถไฟฟ้าสถานีนพรัตน์ ติดถนนรามอินทรา ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต ออกแบบทุกฟังก์ชัน ให้คุณอยู่สบายมีห้องให้เลือกหลายรูปแบบ อาทิ Studio Plus 25 ตร.ม. และ 1 Bedroom 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท* พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 5 ไร่ พร้อม Facilities กว่า 19 กิจกรรม อาทิ Fitness, Half Olympic Swimming Pool, Co-Working Space, Living Lounge, Nordic Wellness Hub พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 1 แสนบาท

ต่อที่ 2 ฟรี Gift Voucher แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์ครบ

ต่อที่ 3 ฟรี ชุดครัว Built-in ครบ พร้อมแอร์ 2 เครื่อง

 

5.PLACE 168 WUTTHAKAT (เพลส 168 วุฒากาศ) : คอนโดมิเนียม High Rise โครงการใหม่จาก LPN เป็นอาคารสูง 22 ชั้น รวม 357 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านวุฒากาศ ที่มาพร้อมกับส่วนกลางลอยฟ้า 3 ชั้น วิวพาโนราม่า และที่สุด… แห่งความเป็นส่วนตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครบครันของคนรุ่นใหม่ ในคอนเซปท์ Right Place, Bright Future มาพร้อมแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ ห้องสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอน พลัส ขนาดเริ่มต้น 25 ตร.ม. – 41.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์ แพ็คเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ*

(แอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น + Hood Hob + Digital door lock)

 

6.PLACE 168 PINKLAO (เพลส 168 ปิ่นเกล้า) :  คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ประกอบไปด้วย 4 อาคารพักอาศัย รวม 807 ยูนิต ทำเลดี ติดถนนใหญ่ ต้นปิ่นเกล้าก่อนถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 500 ม. ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางยี่ขัน มาพร้อมกับความส่วนตัวที่มากกว่า เพียง 8-10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนกลางครบครัน จัดเต็ม 20 รายการ Sky lounge ทุกอาคารพักอาศัย มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย อาทิ Studio 25-29 ตร.ม. / 1 Bedroom 33 ตร.ม. / 2 Bedroom 59 ตร.ม. / 3Bedroom 76 ตร.ม. พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 4 แสน*  พิเศษ 2.09 ล้าน* (ปกติ 2.49 ล้าน*)

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 7 รายการ

ห้ามพลาดกับโปรโมชั่นพิเศษ MAY DAY มี DEAL” ยกขบวน 6 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพโครงการใหม่และพร้อมอยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รับความคุ้มค่า 3 ต่อ สำหรับผู้ที่จองภายในงานวันที่ 18-19 พ.ค.67 เท่านั้น! อาทิ ต่อที่1 ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 400,000 บาท*, ต่อที่2 ฟรี! แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์*, ฟรี! แพ็คเกจเครื่องใช้ไฟฟ้า* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการได้ที่สำนักงานขายทั้ง 6 โครงการ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติมโทร LPN Call Center 02-689-6888 ช่องทางออนไลน์ www.lpn.co.th / Facebook: LPN Connect

“แอล ดับเบิลยู เอส” เปิด 5 ทำเลเหมาะในการพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อสัตว์เลี้ยง ตอบโจทย์กับความต้องการที่อยู่อาศัยของ Pet Parents ที่มีกำลังซื้อสูง

LPN ลุยเปิดการขาย 3 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพ โครงการ พาร์ค 168 อ่อนนุช 19, โครงการ เพลส 168 ปิ่นเกล้า และ โครงการ เอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,067 ล้านบาท ชูจุดเด่นทำเลดี คุ้มค่า น่าอยู่ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พร้อมเติมเต็มคุณภาพชีวิต (Well-Being) ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง โดยทั้ง 3 โครงการได้รับอนุมัติผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA Approved” จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นที่เรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่สนใจโครงการ พร้อมเปิด Sales Gallery ให้ชมห้องตัวอย่างแล้ววันนี้

นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ‘ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการ ได่แก่ โครงการ พาร์ค 168 อ่อนนุช 19, โครงการ เพลส 168 ปิ่นเกล้า และ โครงการ เอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. ได้ผ่านการอนุมัติ EIA Approved” แล้ว เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมคุณภาพที่มาพร้อมกับความ ‘น่าอยู่’ ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้ เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 และมีการเปิดจองรอบ Pre-Sale สร้างกระแสตอบรับดีจากลูกค้าที่สนใจ เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละทำเลทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดมีจำนวนมาก เพราะใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งโครงการยังใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมใหญ่อย่างอมตะนคร จ.ชลบุรี ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาวได้ โดยหลังจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมเร่งงานก่อสร้างโครงการ เพื่อให้แล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ตามกำหนดอย่างแน่นอน’

รายละเอียดโครงการ

1.โครงการ พาร์ค 168 อ่อนนุช 19 (PARK 168 ONNUT19) คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดิน 7 ไร่ เศษ จำนวนห้องพักอาศัยรวม 761 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,634 ล้านบาท โครงการมีทางเข้า-ออก อยู่ทางทิศใต้ติดถนนอ่อนนุช แบ่งเป็น 3 อาคาร A, B และ C เดินทางสะดวก ใกล้ BTS อ่อนนุช ได้ทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ หาของกินง่าย ภายในโครงการออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง ด้วยโทนสีครีมหรือวัสดุลายไม้ จัด Landscape ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวนญี่ปุ่น เช่น Dry Garden (Karesansui), Tea Garden (Chaniwa) เป็นต้น พรั่งพร้อมด้วย facilities อย่างครบครัน อาทิ สวนส่วนกลางขนาดใหญ่, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบเกลือ และพื้นที่นั่งเล่น J Park Indoor and Outdoor Living เป็นต้น ขนาดห้องเริ่มต้น 23.5 – 34.5 ตร.ม.  ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

 

2.โครงการ เพลส 168 ปิ่นเกล้า (PLACE 168 PINKLAO) โครงการคอนโด High Rise 4 อาคาร สูง 23 – 27 – 27 – 28 ชั้น จำนวน 807 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ติดถนนบรมราชชนนี ต้นปิ่นเกล้า ใกล้ห้าง Central ปิ่นเกล้า เพียง 500 เมตร MRT สถานีบางยี่ขัน 750 เมตร และ ใกล้โรงพยาบาลศิริราช มูลค่าโครงการ 2,308 ล้านบาท โดยมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางเน้นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ส่วนพักผ่อนที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ Co – Living Space , ฟิตเนส , สระว่ายน้ำ , Jogging Track รอบโครงการ, ห้อง E-Sport และห้อง Sky Lounge ในทุกอาคาร โดยมีรูปแบบห้องให้เลือกตั้งแต่ สตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท*  มีโปรฯ พร้อม เฟอร์ฯ ครบ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า*

 

3.โครงการ เอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. (EARN by LPN) คอนโดมิเนียม Low Rise แบรนด์ใหม่จาก LPN ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปท์ ‘เปิดรับชีวิตดีๆ อยู่เอิร์นเพลินทุกวัน’ เจาะกลุ่มนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ฟังก์ชันห้องที่สามารถรองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ พร้อมส่วนกลางที่ตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกไลฟ์สไตล์ เดินทางสะดวกใกล้นิคมอมตะซิตี้  ตั้งอยู่ในซอยเรืองอร่าม ตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ 3 งาน ประกอบด้วย อาคารพักอาศัย สูง 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร, อาคารสูง 6 ชั้น 1 อาคารโดยมีจำนวนห้องพักอาศัยรวม 1,810 ยูนิต รูปแบบสตูดิโอ และแบบ 1 ห้องนอน เริ่มต้น 24 - 36 ตรม. และพื้นที่ร้านค้า 14 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,124 ล้านบาท รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันใกล้โรบินสันไลฟ์สไตล์ เพียง 3 กม. เดินทางสะดวกสบายเชื่อมต่อเส้นทางหลักได้หลายสาย ราคาเริ่มต้น 980,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ ณ Sales Gallery ทั้ง 3 โครงการ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร LPN Call Center 02-689-6888  ช่องทางออนไลน์ www.lpn.co.th Facebook: LPN Connect, 168 by LPN / LINE OA : @LPNDEV

ราคาเริ่ม 1.99 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะในงาน 27 – 28 เม.ย.นี้

“แอล ดับเบิลยู เอส” แนะ 5 แนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้สภาวะที่เผชิญกับภาวะโลกร้อนในปัจจุบันและอนาคต

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นถึงแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการประเภทที่อยู่อาศัยและอาคารในเชิงพาณิชย์ ภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่ทำให้สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นภาวะที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตและการอยู่อาศัยของผู้คนในสังคม บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยและอาคารประเภทต่างๆ เพื่อการใช้งานของผู้คนในสังคมจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์และแนวทางในการพัฒนาโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแนวทางในการพัฒนาโครงการเพื่อให้ตอบโจทย์กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและอนาคตประกอบด้วย 5 แนวทางหลักได้แก่

1.การประเมินความเสี่ยงของโครงการที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

ผู้ประกอบการอสังหาฯ ควรทำการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับโครงการที่จะพัฒนาโดยสามารถใช้เครื่องมือหรือมาตรฐานต่างๆ เพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยง เช่น การใช้มาตรฐานการจัดการความเสี่ยง ISO 31000 ช่วยในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และผลที่ตามมาจากภัยพิบัติต่างๆ เช่น พายุ คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาจากสถานที่ตั้ง การออกแบบ อายุการใช้งานของอาคาร ตลอดจนความต้องการของผู้ใช้งานอาคารได้ด้วย

2.กำหนดมาตรการการลดทอนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ (Mitigation) 

ผู้ประกอบการสามารถที่จะพัฒนาโครงการโดยใช้มาตรการที่บรรเทาหรือลดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยแนวทางในการพัฒนาอาคารภายใต้แนวคิดอาคารประหยัดพลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคาร รวมไปถึงบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่อจากปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น โดยแนวทางในการทำงานประกอบด้วย

 

2.1 กำหนดเป้าหมายและดำเนินการลดการใช้พลังงานและน้ำภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดปริมาณการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ และระบบการระบายอากาศ สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ที่ใช้พลังงานและน้ำต่ำ

2.2 กำหนดแผนการตรวจสอบการใช้พลังงานอาคาร ปรับปรุง และซ่อมบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอ

2.3 เลือกใช้พลังงานทดแทน เพื่อส่งเสริมการลดการใช้พลังงานอาคาร

2.4 กำหนดมาตรการบริหารจัดการขยะภายในโครงการเพื่อลดการนำออกของขยะ ซึ่งทำให้เกิดการใช้พลังงานความร้อนในการย่อยสลายขยะ และลดการฝังกลบของขยะชุมชนเมือง

2.5 กำหนดมาตราการรับมือภัยพิบัติ เช่น การเกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำใช้ 

3.กำหนดมาตรการในการพัฒนาโครงการให้สามารถอยู่ในสภาวะที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้ภายใต้แนวคิดของการออกแบบอาคารแบบอาคารเขียว (Green Building) ซึ่งมีแนวทางในการออกแบบดังต่อไปนี้

3.1 การออกแบบและพัฒนาโครงการ โดยออกแบบผังอาคาร กรอบอาคาร ระบบประกอบอาคารอาคาร และเลือกใช้วัสดุทดแทน ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้อาคารสามารถปรับตัวตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้

3.2 การลงทุนใช้เทคโนโลยีอาคารที่ส่งเสริมให้การบริหารอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การออกแบบอาคารอัจฉริยะการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณการระบายอากาศ หรือคุณภาพอากาศ เป็นต้น

3.3 การออกแบบผังรวมโครงการ เพื่อลดการเกิดเกาะความร้อนในเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และเลือกใช้วัสดุปูพื้นดาดแข็งที่ไม่สะสมความร้อน

3.4 การออกแบบส่วนกลางที่ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะและพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการควรมีการออกแบบทางเท้าเพื่อส่งเสริมการเดินเท้า ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะและเลือกใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีจุดจอดรถยนต์ ECO รถยนต์ไฟฟ้า โดยจัดพื้นที่จอดรถไว้ใกล้กับทางเข้าออกอาคารและมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ชาร์ตไฟฟ้า การจัดให้มีพื้นที่จอดจักรยาน และห้องอาบน้ำ การจัดให้มีรถยนต์รับส่งจากขนส่งสาธารณะมายังโครงการ

4.สร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ ลูกค้า และคู่ค้า เพื่อกำหนดเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

การวางแผนบริหารจัดการอาคารจะไม่มีทางสำเร็จเลยหากปราศจากความร่วมมือจากผู้ใช้งานภายในโครงการ ทั้งเจ้าของโครงการ ผู้เช่า เจ้าหน้าที่ หรือแม้กระทั้งชุมชนโดยรอบโครงการ ซึ่งผู้บริหารจัดการโครงการจะต้องสร้างเครือข่ายให้เกิดการทำงานร่วมกัน ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของมาตรการต่างๆของโครงการ เช่น การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้มีการแยกขยะภายในโครงการ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับความยั่งยืน

5.เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในท้ายที่สุดนี้ โครงการจะต้องมีการติดตามผลการดำเนินการ การประเมินผล ซึ่งผู้บริหารจัดการอาคารต้องศึกษาหาความรู้โดยอาจดูจากแนวโน้มต่างๆ งานวิจัย การติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ รวมถึงการสำรวจความเห็นผลดำเนินการจากทุกภาคส่วนทั้งผู้เช่า เจ้าหน้าที่ และพนักงาน เพื่อใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น

จากผลการศึกษาของ Global Climate Risk จาก Germanwatch ระบุว่าประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 9 ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติมากที่สุดจากภาวะโลกร้อน และหากอุณหภูมิยังสูงขึ้นแบบนี้ต่อไป ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050) กรุงเทพมหานครทั้งเมืองอาจจะเกิดน้ำท่วมถาวรจากการที่ระดับน้ำทะเลสูงตัวขึ้นเอ่อล้นเข้าสู่ตัวเมืองจากชายฝั่ง จากผลการศึกษาดังกล่าว จำเป็นที่ประเทศไทยต้องมีแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมที่สำคัญในการพัฒนาเมืองจากแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งจากรายงานล่าสุดของกระทรวงพลังงานพบว่า ปี พ.ศ.2566 การใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคพาณิชยกรรม และที่พักอาศัยมีการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมกันสูงถึง 50.6% ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ ดังนั้นการพัฒนาอาคารทั้งอาคารในเชิงพาณิชย์และอาคารที่อยู่อาศัยให้สามารถประหยัดพลังงานได้จะเป็นประโยชน์และมีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนได้

“ภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัว เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตระหนักถึงปัญหาและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ผู้ประกอบการอสังหาฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคสังคมที่สามารถจะเข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหานี้ได้ การปรับกลยุทธ์และแนวทางในการพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมโดยการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ในการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิดที่รับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว

Page 1 of 12
X

Right Click

No right click