ปัจจุบันพ่อแม่ยุคใหม่มักต้องทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ส่งผลให้ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างเต็มที่เนื่องจากมีเวลาจำกัด โดยเฉพาะเด็กในช่วงวัย 0-6 ปี ที่จำเป็นต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลานาทีทองที่จะส่งผลต่ออนาคตของเด็กไปตลอดชีวิต และจากความสำคัญดังกล่าว ทำให้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย จับมือกันเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลเด็กในช่วงปฐมวัย เพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่ดีให้แก่คนในสังคม ผ่านกิจกรรม “เลี้ยงถูก ลูกดี” ที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่ยุคใหม่ได้เติมเต็มความรู้ในการเลี้ยงลูกและได้ใช้เวลาที่มีคุณภาพร่วมกันในครอบครัว

ความสำคัญของ “นาทีทอง” ที่มีต่อพ่อแม่และเด็ก

.ดร.นุชนาฏ รักษี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าถึงความสำคัญของเด็กในวัย 0-6 ปี ว่า เป็นช่วงเวลาที่สมองพัฒนาสูงสุด โดยเด็กในวัยนี้จะเหมือนกับฟองน้ำที่พร้อมดูดซับความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้จากการอบรมเลี้ยงดู ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและสมอง อันเป็นพื้นฐานสำคัญที่ต่อยอดไปถึงทักษะการเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ และการเข้าสังคมของเด็ก รวมทั้งยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อทัศนคติ บุคลิกภาพ และพฤติกรรมในอนาคตเมื่อเป็นผู้ใหญ่

เลี้ยงลูกให้ “เก่ง ดี มีสุข” ด้วยการสร้างประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมที่ดี

เป้าหมายสูงสุดของพ่อแม่ทุกคน คือการเห็นภาพลูกเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ สามารถเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ได้ แก้ปัญหาเป็น รวมทั้งรู้จักแยกแยะถูกผิด มีคุณธรรม และระเบียบวินัย ในขณะที่มีสุขภาพจิตใจมั่นคงแข็งแรง และมีความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) พันธุกรรม 2) สุขภาพ โภชนาการ และ 3) ประสบการณ์การเรียนรู้และสิ่งแวดล้อม แม้พันธุกรรมจะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่องค์ประกอบอื่นอย่างอาหารการกินเป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถคัดสรรให้เพียงพอและถูกต้องตามหลักโภชนาการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประสบการณ์การเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมที่พ่อแม่เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดคุณภาพและรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับลูกในแต่ละช่วงวัย ซึ่งองค์ประกอบข้อนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการของสมอง ซึ่งถือเป็นกระดุมเม็ดแรกที่จะส่งผลต่อเด็กในด้านอื่น ๆ 

5 หลักการดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ (Nurturing Care Framework)

Nurturing Care Framework (NCF) เป็นหลักการดูแลเอาใจใส่เด็กทั้ง 5 ด้าน ที่องค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟได้จัดการประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพื่อวางกรอบการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยให้สามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. สุขภาพที่ดี หมายถึงสุขภาพที่ดีทั้งของเด็กและของผู้ดูแล ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เช่น การตรวจสุขภาพเด็กเป็นประจำ การฉีดวัคซีน และการส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อเป็นการออกกำลังกาย รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย จะช่วยให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่
  2. โภชนาการที่เพียงพอ ทั้งร่างกายและสมองต่างต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนและพอเหมาะ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการเติบโต หากเด็กได้รับสารอาหารน้อยหรือมากเกินไป อาจมีภาวะทุพโภชนาการได้ เช่น โรคขาดสารอาหาร หรือ โรคอ้วน ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กในระยะยาว รวมทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
  3. คุ้มครองให้ความปลอดภัยและมั่นคง หมายถึงสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและครอบครัว เพราะเด็กเล็กไม่สามารถป้องกันตนเองได้และมีความเปราะบางต่ออันตรายต่างๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งจะช่วยให้เด็กรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เพราะการปกป้องให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเพียงพอ รับรู้ถึงความรัก ความผูกพันมั่นคง เน้นการให้กำลังใจ จะสร้างความพร้อมให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีในอนาคต
  4. ให้โอกาสในการเรียนรู้ ในขวบปีแรกๆ เด็กจะเรียนรู้และได้รับทักษะและความสามารถจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านรอยยิ้ม การสบตา การพูดคุย ร้องเพลง การเลียนแบบ และการละเล่นง่าย ๆ เช่น โบกมือบ้ายบายหรือจ๊ะเอ๋ เมื่อเด็กโตขึ้น ควรมีกิจกรรมและการเล่นกับลูก อย่างการอ่านนิทาน การปั้นดินน้ำมัน หรือการวิ่งเล่น ที่ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ กระตุ้นพัฒนาการ และจุดประกายความใคร่รู้ รวมทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้น
  5. มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก การที่พ่อแม่คอยตอบสนองลูกอย่างเอาใจใส่ และรับฟังความต้องการของลูกอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนการวางรากฐานชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงให้กับลูก ทำให้พัฒนาการด้านต่าง ๆ ตามวัยสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหนคือ ความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจที่จะหลอมรวมกันจนกลายเป็นตัวตนของเด็ก และติดตัวจนโตเป็นผู้ใหญ่ไปตลอดชีวิต

นาย ธัญญราช มีนะนันทน์(กลาง) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจเพื่อรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ นางสาวศันสนีย์ เหล่ากาวี(ที่สามจากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดพิเศษให้ลูกค้า “วิเคราะห์ศาสตร์แห่งตัวเลขความโชคดีและโชคลาภในการลงทุน” โดย คุณแมน การิน(สองจากขวา) นักออกแบบตัวเลขชื่อดัง มาเผยความลับของตัวเลขมงคลที่มาแรงในปีนี้ ร่วมกับ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากพรูเด็นเชียลฯ ที่มาเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนในการสร้างมั่นคงและมั่งคั่งในอนาคต ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายด้านการลงทุนไปกับเมย์แบงก์ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ณ โรมแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

ผ่านแบรนด์แคมเปญล่าสุด “ชีวิตมีกัน ... ทุกวันดีกว่า” (Empowering Life Together) สนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตทุกมิติ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมวิ่ง-เดิน "Prudential Thailand Run for Growth" ซึ่งพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตปทุมวัน กำหนดจัดขึ้น โดยเชิญชวนพนักงานร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างสุขภาพกายใจที่แข็งแรง พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนโครงการ "Green Bangkok 2030" ของกรุงเทพมหานคร ด้วยการมอบกล้าต้นไม้ 1,750 ต้น และจักรยาน 28 คัน เนื่องในสัปดาห์วันสิ่งแวดล้อมโลก

"กรุงเทพมหานครตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้ถึง 10 ตารางเมตรต่อคน จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนและภาคีเครือข่ายภายใต้ โครงการ "Green Bangkok 2030" ภายในปี 2573 รวมถึงเพิ่มพื้นที่สาธารณะสีเขียวที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ในระยะ 400 เมตร และเพิ่มพื้นที่ร่มไม้ในเมือง ซึ่งกิจกรรมของพรูเด็นเชียลฯ ถือเป็นกิจกรรมที่ดี และทางกรุงเทพมหานคร รู้สึกยินดีที่พรูเด็นเชียลฯได้ช่วยส่งเสริมและผลักดันให้กรุงเทพฯมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ผ่านการสนับสนุนโครงการในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นี่จะเป็นก้าวแรกสู่ก้าวที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ (พรูเด็นเชียล ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้น หน้าที่ของเราคือ การเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบทั้งต่อลูกค้า พนักงาน ชุมชน และสังคม หนึ่งในพันธกิจสำคัญของบริษัทฯเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน (ESG) คือการบริหารจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อน จึงได้จัดกิจกรรม "Prudential Thailand Run for Growth" โดยเชิญชวนพนักงานมาร่วมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงด้วยการวิ่ง-เดิน พร้อมส่งมอบกล้าต้นไม้และจักรยานให้กับกรุงเทพมหานคร ด้วยการร่วมสนับสนุนโครงการ Green Bangkok 2030”

ทั้งนี้ กิจกรรม 'Prudential Thailand Run for Growth" จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ พรูเด็นเชียล ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 175 ปี และพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจครบรอบ 28 ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากพนักงาน รวมถึงกรุงเทพมหานครและสำนักงานเขตปทุมวัน ด้วยการร่วมกิจกรรมวิ่ง-เดิน เพื่อสะสมระยะทาง โดยทุกระยะของการวิ่ง-เดิน 60 วินาที จะเปลี่ยนเป็นกล้าไม้ 5 ต้น ซึ่งตั้งเป้าหมายมอบกล้าไม้ให้กับกรุงเทพมหานคร และเขตปทุมวัน จำนวน 1,750 ต้น แบ่งเป็น ต้นทองอุไร จำนวน 1,000 ต้น ต้นเฟื่องฟ้าสีม่วง จำนวน 250 ต้น ต้นเฟื่องฟ้าสีขาวจำนวน 200 ตัน ต้นชะแมบทอง จำนวน 300 ต้น และมอบจักรยานให้แก่เจ้าหน้าที่เขตปทุมวันอีก 28 คัน เพื่อใช้ในการทำงาน

Page 2 of 4
X

Right Click

No right click