กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร (กลาง) ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล นางสาวกนกวรรณ ศุภนันตฤกษ์ (ซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย และนายวิน พรหมแพทย์, CFA (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ รับรางวัล ‘LAUNCH OF THE YEAR’ จากเวที Private Banker International Global Wealth Awards 2023 ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันด้านการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (Ultra High Net Worth) อาทิ บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ การลงทุนตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมต่างประเทศ หุ้นต่างประเทศ และพันธบัตรต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Notes ที่ออกในสกุลดอลล่าร์ เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดีด้วยอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่น ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank หรือธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุนอย่างแท้จริง

กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายวิน พรหมแพทย์ (กลาง) CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเวทีสัมมนาเพื่ออัปเดตสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลก พร้อมชี้โอกาสในการต่อยอดความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้กับกลุ่มลูกค้ากรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในหัวข้อ Global Fixed Income Outlook - Bonds are Back? โดยได้รับเกียรติจาก Ms. Tina Adatia (ซ้าย) Executive Vice President, Fixed Income Strategist of PIMCO และ Ms. Clara Ng (ขวา) Vice President, Account Manager of PIMCO มาร่วมแบ่งปันมุมมองการลงทุน พร้อมเจาะลึกสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารต่างประเทศทั่วโลก

โดยความเห็นส่วนหนึ่งของ Ms. Tina Adatia ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดย PIMCO มองว่าเฟดน่าจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะยังคงตรึงไว้ในกรอบเดิมสักระยะหนึ่งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า สำหรับตลาดตราสารหนี้ มีการปรับขึ้น Yield ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันตราสารหนี้สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับตราสารทุนที่ 5-7% โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงจนเกินไป เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าสะสมตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพสูง และลงทุนในจังหวะช่วงที่เฟดใกล้จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว

X

Right Click

No right click