กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย เดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand ผ่านการสำรวจมุมมองลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ พบจุดแข็งที่เหนือกว่าด้วย BLA Every Care บริการเสริมด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกช่วงเวลา จนได้รับการยอมรับให้เป็นแบรนด์ที่ “ใส่ใจ”  ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เตรียมสานต่อปี 2567 ด้วย 3 แคมเปญใหญ่และกิจกรรม CRM ตลอดปี

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตให้ก้าวสู่ The Most Caring Brand หรือ แบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เพื่อเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการวางแผนทางการเงิน และการบริการที่ประทับใจผ่านตัวแทน คู่ค้า และพนักงาน อย่างมืออาชีพ

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการวางเป้าหมายเป็น The Most Caring Brand มาจากการทำ Brand Survey ผ่านกระบวนการ Focus Group คนหลายกลุ่ม โดยสิ่งที่ค้นพบคือผู้บริโภคมีความรู้สึกถึงความใส่ใจในการให้บริการของกรุงเทพประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ BLA Every Care บริการเสริมที่ดูแลลูกค้าได้มากกว่าและถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากประกันชีวิตรายอื่น

“คำว่า ใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้งในมุมมองของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้เกินความคาดหวัง ซึ่ง ใส่ใจ ต้องเริ่มจากคำว่า เข้าใจ และจริงใจก่อน เช่น เมื่อพูดถึงประกัน ลูกค้าจะมองที่เรื่องการเคลมเป็นหลัก เมื่อซื้อประกันแล้วไม่สบาย ต้องเคลมได้ ครบถ้วน รวดเร็ว จากการที่ทำสำรวจมา ทำให้เข้าใจได้ว่า ลูกค้ามองว่าเราสามารถดูแลได้มากกว่า เช่น บริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือการดูแลช่วงพักฟื้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่แข็งแรง”นางสาวอรนาฏกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเป็น The Most Caring Brand จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ๆที่ตอบโจทย์ และบริการเสริมใหม่ๆจาก  BLA Every Care ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ในปี 2024 ได้ตั้งเป้าหมายการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่  2 กลุ่ม คือ  1. กลุ่มคนอายุ 30-45 ปี ที่อยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง คือ กำลังสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก จึงมีมุมมองเรื่องความมั่นคงทางการเงิน และมองหาหลักประกันในชีวิต  2. กลุ่มคนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-35 ปีที่กำลังสร้างตัวและต้องการบริหารจัดการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งมีความกังวลต่อการเจ็บป่วยซึ่งเริ่มปรากฎในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านการทำ content ที่เป็นเรื่องราวดีๆและเป็นประโยชน์ รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจจากลูกค้า

“แคมเปญ “ใส่ใจ” ที่จะทำในปีนี้ มี 3 โครงการใหญ่ คือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งน่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการใส่ใจสตอรี่ คือ คลิปวีดีโอ เรื่องเล่าจากลูกค้าจริงที่ประทับใจในความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมีให้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากที่ทำไปในปีที่แล้ว 4 ตอนจากทั้งหมด 12 ตอน  โดยได้ผลตอบรับที่ดีด้วยจำนวนผู้ชมรวมกว่า 6 ล้านวิว และ การ collaborations กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เรื่องความใส่ใจจากแบรนด์ รวมถึงการที่ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กยากไร้ที่จะเป็นอนาคตของชาติ และผู้สูงอายุที่จะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมคนไทย ผ่านการทำ CSR มากขึ้น

“เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังเปิดตัวกิจกรรม CRM ใหม่เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ตาม Lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1 Heath มอบ package ตรวจสุขภาพ และ บริการเสริมด้านสุขภาพบางตัวมาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน 2 Travel  ซึ่งอยู่ใน Lifestyle ของทุกคน 3 Personalized สิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบสิทธิประโยชน์มาเพื่อสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันคลอดลูก วันที่ลูกรับปริญญา 4 Edutainment คอร์สสัมมนาเสริมความรู้ให้ลูกค้าเราในด้านสุขภาพกายใจและความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ และ 5 Exclusive Experience การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์จัดกิจกรรมพิเศษมากมายซึ่งอยากให้ทุกคนได้ติดตามตลอดปีนี้” นางสาวอรนาฏกล่าวในที่สุด

กรุงเทพประกันชีวิต ออกประกันสะสมทรัพย์ใหม่ “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ให้เลือก 3 แบบ ตามระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการทั้งแบบ 15 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง  หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญา รับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมกับ 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และเพิ่มความอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ หากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา รับเพิ่มสูงสุด 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เพื่อดูแลคนข้างหลังให้อุ่นใจด้วยความคุ้มครองที่มั่นคง นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ จ่ายตามจริงสูงสุด 5 เท่าของเบี้ยประกันชีวิตรายเดือนต่อครั้งที่เข้ารักษา

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การซื้อประกันชีวิตเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับการวางแผนการเงิน ซึ่งควรพิจารณาเป้าหมายของตนเองตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน ไม่ว่าจะเพื่อสร้างครอบครัว, มีบุตร, เป็นทุนในการประกอบธุรกิจ จนถึงการวางแผนเพื่อใช้หลังเกษียณ อย่างไรก็ตาม การเลือกประกันชีวิต นอกจากคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากการได้รับเงินคืนเมื่อครบสัญญาแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความสามารถในการเบิกค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ กรุงเทพประกันชีวิต จึงได้ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ตัวใหม่ล่าสุด “กรุงเทพ สุดคุ้ม” ที่นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ยังมอบความคุ้มครองเพิ่มเติมด้านอุบัติเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกย่างก้าวของการดำเนินชีวิตจะได้รับความคุ้มครองรอบด้านเพื่อให้แผนการออมเงินไปสู่ความสำเร็จ โดยมีแบบประกันให้เลือกตามระยะเวลาที่ต้องการ 3 แบบ คือ  กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9 , 18/12  และ 21/15   โดยรับประกันตั้งแต่อายุ 15 – 65 ปี ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตา ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ

สำหรับรายละเอียดของแบบประกัน กรุงเทพ สุดคุ้ม 15/9  มีระยะเวลาเอาประกันภัย 15 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี เมื่อมีชีวิตจนครบสัญญารับเงินคืน 115% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง กรุงเทพ สุดคุ้ม 18/12  ระยะเวลาเอาประกันภัย 18 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 12 ปี รับเงินคืน 118 % ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และ กรุงเทพ สุดคุ้ม 21/15 ระยะเวลาเอาประกันภัย 21 ปี ชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี รับเงินคืน 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญารับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมกับ 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง นอกจากนี้กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ รับเพิ่มอีก 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุ จ่ายตามค่าใช้จ่ายจริง สูงสุด 5 เท่าของเบี้ยประกันชีวิตรายเดือน (ต่อครั้งที่เข้ารักษา)

“กรุงเทพ สุดคุ้ม” เป็นแบบประกันที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน จากระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่แตกต่างกันตามเป้าหมายของลูกค้าแต่ละราย โดยสามารถเลือกชำระได้ทั้งแบบรายเดือน, ราย 3 เดือน, ราย 6 เดือน จนถึงรายปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลตามที่กรมสรรพากรกำหนดได้อีกด้วย

กรุงเทพประกันชีวิต ออกประกันสะสมทรัพย์ใหม่ ซื้อ 1 ได้ถึง 2 “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” สนับสนุนทุกครอบครัวออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาลูก กับ 3 แบบประกัน ให้เลือกตามระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการ 15 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115%, 118% หรือ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง พร้อมอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ และ 4 โรคร้ายแรงในเด็ก รวมทั้งคุ้มครองไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย หากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ลูกจะได้ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยและรับเงินก้อนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน พร้อมมั่นใจได้ว่าลูกจะมีเงินทุนเรียนต่อจนจบการศึกษาเพราะครบกำหนดสัญญามีเงินก้อนคืนให้

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันการเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่แรกเกิด จนเข้าสู่วัยเรียนและจบการศึกษาเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงการคลอดบุตร และการเลี้ยงดูในแต่ละช่วงวัย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนมีการปรับตัวสูงขึ้นตามยุคสมัย โดยพบว่า *ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาชั้นอนุบาล อายุ 4 – 6 ปี จะอยู่ระหว่าง 24,000 – 530,000 บาท/ ปี, ชั้นประถม อายุ 7 – 12 ปี จะอยู่ระหว่าง 26,000 – 668,000 บาท/ ปี , ชั้นมัธยม อายุ 13 – 18 ปี จะอยู่ระหว่าง 30,000 – 765,000 บาท/ ปี และระดับชั้นปริญญา อายุ 19– 22 ปี จะอยู่ระหว่าง 26,000 – 1,000,000 บาท/ ปี (*ข้อมูลค่าเทอมจากเว็บไซต์ของโรงเรียนต่าง ๆ ในประเทศไทย ปี 2566)

“จากตัวเลขดังกล่าว เราตระหนักได้ว่า หากทุกครอบครัวเริ่มต้นวางแผนทางการเงินที่ดีให้กับลูกตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยสร้างความอุ่นใจทั้งในเรื่องทุนการศึกษาไม่ว่าจะเติบโตในช่วงวัยไหน โดยกรุงเทพประกันชีวิตได้ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ใหม่เพื่อสนับสนุนให้ทุกครอบครัวได้สร้างวินัยในการออมเงินเพื่อเป้าหมายลูกน้อยในอนาคตกับ “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” แบบประกันที่ตอบโจทย์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการวางแผนเก็บเงินให้ลูกเพื่อเป็นทุนการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นชั้นมัธยมปลาย ปริญญาตรี หรือปริญญาโท”

“กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์”  มีแบบประกันให้เลือกถึง 3 แบบ ตามระยะเวลาความคุ้มครองที่เหมาะสม  ประกอบด้วย กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ 15/9 ชำระเบี้ยประกันภัย 9 ปี คุ้มครอง 15 ปี เมื่ออยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง, กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ 18/12  ชำระเบี้ยประกันภัย 12 ปี  คุ้มครอง 18 ปี เมื่ออยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 118% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง และ กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์ 21/15  ชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี คุ้มครอง 21 ปี เมื่ออยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินคืน  121%  ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง สามารถสมัครได้ตั้งแต่แรกเกิด – อายุ 14 ปี และชำระเบี้ยประกันภัยคงที่เริ่มต้นเพียง 200 บาทต่อเดือน

“กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์”  นอกจากช่วยสร้างวินัยการออมเงินแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมที่หลากหลายและยังครอบคลุมสุขภาพของลูก อาทิ ความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุด้วยวงเงินค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 5 เท่าของเบี้ยรายเดือนต่อครั้งที่เข้ารักษา ความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรงในเด็ก ได้แก่ โรคไข้รูห์มาติก ที่ทำให้หัวใจผิดปกติ  โรคคาวาซากิ ที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนของหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคน้ำไขสันหลังในสมองมาก ซึ่งเกิดภายหลังและต้องใส่ท่อระบาย รับเงิน 50% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และยังเพิ่มความคุ้มครองให้กรณีพ่อหรือแม่ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รับเงินทันที 50% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย โดยลูกจะยังคงได้รับความคุ้มครองของกรมธรรม์ต่อไปจนสิ้นสุดสัญญา

“จุดเด่นของแบบประกัน“กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” เป็นการซื้อ 1 ได้ถึง 2 คือ ได้ออมเงินให้ลูกได้มีกองทุนเพื่อการศึกษาตามที่ตั้งใจ ทั้งยังคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยประกันภัย กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน คุณพ่อคุณแม่ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ลูกจะได้ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัย รวมทั้งยังจะได้รับเงินก้อนสำหรับเป็นค่าใช้จ่าย มั่นใจได้ว่าลูกจะมีเงินทุนเรียนต่อจนจบการศึกษา เพราะครบกำหนดสัญญามีเงินก้อนคืนให้ และสำหรับตัวลูกเอง คุณพ่อคุณแม่จะหมดกังวลกับค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเล็กๆน้อยๆ เช่น หกล้ม มีดบาด หรือเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง ตลอดจนยังมอบความคุ้มครองกรณีลูกเสียชีวิตทุกกรณี นอกจากนี้หากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตาจากอุบัติเหตุ รับเพิ่มอีก 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย” นายโชนกล่าว

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายโชน  โสภณพนิช (ที่ 2 จากขวา)  กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจักรพงศ์ แสงแก้ว (ขวาสุด) ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน และ นายปรัชญ์ สิงหเสนี (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมผู้บริหารฝ่ายขาย ร่วมแสดงความยินดีกับ นายนนทรัฐ จริงจิตร (กลาง) ผู้จัดการภาค ในโอกาสเปิดสำนักงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงินแห่งใหม่ในอำเภอเมือง จังหวัดเลย ซึ่งถือเป็นสำนักงานตัวแทนแห่งที่ 2 เพื่อรองรับการขยายฐานตลาดของฝ่ายขายที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น และเพิ่มการบริการลูกค้าในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ตามแนวทางการดำเนินงานด้วยความ “ใส่ใจ” ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric เพื่อสร้างความมั่นใจและพึงพอใจในระยะยาวให้กับลูกค้าในจังหวัดเลย และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเข้ารับการบริการของ กรุงเทพประกันชีวิต ได้อย่างเต็มรูปแบบได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

กรุงเทพประกันชีวิตให้ความสำคัญการสร้างรากฐานความมั่นคงในระยะยาวให้กับตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน มุ่งเน้นการพัฒนาผู้บริหารตัวแทนให้มีความเป็นมืออาชีพและสนับสนุนความพร้อมในทุกๆด้าน ทั้งการสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ และการสร้างผลงานเบี้ยประกัน ตลอดจนสนับสนุนให้ผู้บริหารฝ่ายขายสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ ด้วยการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงินในฐานะคู่ค้าของบริษัท เพื่อสร้างความยั่งยืนในอาชีพต่อไป

X

Right Click

No right click