นำเทคโนโลยีกล้องสมาร์ทโฟนสร้างสรรค์ผลงานส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ชูสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนผ่านมุมมองเยาวชนคนรุ่นใหม่

“เอ็น.ซี.ซี.” เปิด 3 งานใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" (ไทยแลนด์กอล์ฟ แอนด์ ไดฟ์ เอ็กซ์โป พลัส เอาท์ดอร์ เฟสท์ 2023) ยกขบวนสินค้า บริการจากในและต่างประเทศเอาใจสายเที่ยว กีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้ง มั่นใจ 4 วัน เงินสะพัด 180 ล้านบาท ด้าน ททท. หนุนจัดงานฯ หวังเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ กำลังซื้อสูง นักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจไทย

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" (ไทยแลนด์กอล์ฟ แอนด์ ไดฟ์ เอ็กซ์โป พลัส เอาท์ดอร์ เฟสท์ 2023) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน และดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งการจัด 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ให้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม โดยการจัดงานในครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อีกด้วย

ภายในงานได้รวบรวมสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวจากกลุ่มผู้ประกอบการกว่า 450 บูธ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ และยังมีแพ็กเกจต่าง ๆ พร้อมส่วนลดสูงสุดกว่า 80% ไว้ให้เลือกช้อปกันมากมาย ซึ่งคาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีมูลค่าเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท

สำหรับการจัดงาน "Thailand Dive Expo" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร ได้รวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ อาทิ คอร์สเรียน และทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 16”  และยังมีกิจกรรมสร้างจิตสำนึกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยร่วมมือกับหลากหลายองค์กรในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ได้แก่ โครงการรักษ์ทะเล ร่วมกับ CPAC และ SCG สร้างปะการังเทียม คืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ทางทะเล โดยผู้เข้าชมงานสามารถร่วมโหวตรูปแบบชิ้นงานปะการัง เพื่อนำไปจัดสร้างและนำไปวางใต้ท้องทะเล อ.สัตหีบ จ.ระยอง, โครงการ “TDEX You Give…We Share” ร่วมกับเพจ “DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” นำชุดดำน้ำและอุปกรณ์มือสองสภาพดี บริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในปฏิบัติการกู้ภัยสาธารณประโยชน์, โครงการจัดทำกระเป๋าผ้าร่วมกับ คุณเเม็ค ศิลปินวาดภาพที่มีนามปากกาว่า เเม็คชา (Mackcha) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Connect the Dot” บอกเล่าเรื่องราวของ ชาล็อต เด็กผู้หญิงผู้เป็นตัวแทนของความฝัน ที่ได้ผจญภัยเคียงข้างไปกับฉลามวาฬ เพื่อพบเจอโลกใบใหม่ที่น่าตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน โดยรายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบให้มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล (FMRF), โครงการ “มาหยา Shark Watch Project” กับ “Love Wildlife” เพื่ออนุรักษ์ฉลามในอ่าวมาหยา  และกิจกรรมเสวนา “TDEX Divers Talk” แชร์ประสบการณ์ด้านการดำน้ำ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และ Influencers ชื่อดังจากหลากหลายวงการท่องเที่ยวและกีฬา

งาน "Thailand Golf Expo" งานแสดงสินค้าและบริการสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ ซึ่งจะมีผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าเข้ามานำเสนอแพ็คเกจกรีนฟีสนามกอล์ฟ การเปิดบูธจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง พร้อมกิจกรรมไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจในทุกๆปี คือการแข่งขันกอล์ฟ 1 พัตต์ 1 แสน” และกิจกรรมกอล์ฟ “Swing Quick Fix” จาก Golfing Ground Performance Center เพื่อพัฒนาขีดความสามารถนักกอล์ฟทุกระดับตั้งแต่มือใหม่จนถึงระดับโปรทัวร์

สำหรับงาน "Outdoor Fest" งานที่รวมกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง บก-น้ำ-อากาศ มาไว้ในที่เดียว โดยจะมีผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ นำสินค้าและบริการมาจำหน่าย อาทิ อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็คเกจท่องเที่ยวเชิงผจญภัย พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมเสวนาบนเวทีร่วมกับ Coffee Traveler ในพื้นที่ “Cozy Coffee in Camp” บรรยากาศแคมป์ปิ้งที่มีทั้ง Slow Bar และ Speed Bar ให้ได้นั่งจิบกาแฟ พร้อมร่วมพูดคุยกับแขกรับเชิญ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมไลฟ์สไตล์ “Camp” และยังมีกิจกรรมสนุกๆ ท้าทายความสามารถ อาทิ การแข่งขันปีนหน้าผาจำลอง “Thailand Bouldering Competition” ครั้งที่ 10 ชิงเงินรางวัล และร่วมกับ Decathlon จัดกิจกรรมการแข่งขันกางเต็นท์ “Tent set up challenge”

“ในปีนี้ เราได้ร่วมมือกับ Lazada จัดแคมเปญเพื่อแจกคูปองส่วนลด on top พิเศษ เมื่อซื้อสินค้าและบริการภายในงานนี้ผ่านช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์มในช่วงเวลาการจัดงานด้วย  และสำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน นอกจากได้ของถูกใจแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้ร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่กลับบ้าน อาทิ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับในประเทศจาก Thai Smile และ Thai Vietjet คอร์สเรียนดำน้ำ ทริปดำน้ำ อุปกรณ์กอล์ฟ และของที่ระลึกมากมาย” นายศักดิ์ชัย กล่าว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน การท่องเที่ยวกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงต้นปี 2566 ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนมีนาคม มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในไทยกว่า 78 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 464,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการท่องเที่ยวของไทยเรากลับมาคึกคักใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติแล้ว

ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับทุกๆกลุ่มเป้าหมาย จึงได้กำหนดนโยบายและแผนงาน ในการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความหลากหลายของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพของสินค้าและบริการ รวมไปถึงการร่วมสนับสนุนการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest มาอย่างต่อเนื่อง ที่มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ  นักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ ที่ชื่นชอบกิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง อาทิ การดำน้ำ การเล่นเซิร์ฟบอร์ด การเดินป่า ตั้งแคมป์ และกิจกรรมกอล์ฟ เป็นต้น  ซึ่งในประเทศไทยมีสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานอยู่หลายแห่ง และแหล่งดำน้ำทางภาคใต้ของไทยก็เป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนี้การท่องเที่ยวกลางแจ้งในรูปแบบแคมป์ปิ้งที่เป็นกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen-Y และกลุ่มผู้มีรายได้สูง

โดยความพิเศษของปีนี้ ททท.มีแนวคิดที่จะต่อยอดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เข้ากับการส่งเสริมวัฒนธรรม Soft Power 5F ได้แก่ อาหาร (Food), ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film), การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion), ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และเทศกาล (Festival) ซึ่งนับเป็นการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะเป็นสร้างรายได้ที่เกิดจากการใช้จ่ายในกิจกรรมดำน้ำ กอล์ฟ และแคมป์ปิ้ง รวมไปถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่นักท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ต่อทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาภายใต้แนวคิด BCG Model และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยอีกด้วย

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023 ได้ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์(RSTA) ปักธงเดสติเนชั่นความอร่อยของเมืองไทยใจกลางกรุงเทพฯ ผนึกกำลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมูลนิธิโครงการหลวง ขานรับนโยบายภาครัฐ หนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการเกษตร จัดเทศกาลอาหารนานาชาติ “Taste It All @Ratchaprasong 2022: The Royal Delights” ชูสุดยอดวัตถุดิบเฉพาะฤดูกาล สดสะอาด จากโครงการหลวงสู่ 9 เมนูพิเศษรังสรรค์โดย 9 เชฟ จากโรงแรมและทีรูมชื่อดังในย่านราชประสงค์ ยกระดับความอร่อยภายใต้คอนเซ็ปต์ “From Hearts To Table” ที่นักชิมห้ามพลาด! ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม– 30 พฤศจิกายน 2565

นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “จากข้อมูลรายงาน Global Culinary Tourism Market 2022-2027 ชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวเชิงอาหารของโลกกำลังเติบโตอย่างสดใสที่เฉลี่ยปีละ 16.6% โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 5.4 พันล้านคนต่อปี ซึ่ง ททท. พิจารณาเห็นถึงโอกาสอันดีที่จะนำอาหารไทยและการท่องเที่ยวมาตอบสนองความต้องการตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน กระตุ้นให้เดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น จึงให้การสนับสนุนเทศกาลอาหารนานาชาติ “Taste It All @Ratchaprasong” ที่ทางสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา กว่า 17 ปี สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่มุ่งความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตด้วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ World Gastronomy Destination ยกระดับให้เมืองไทย เป็น ‘เมืองหลวงของอาหาร’ ในภูมิภาคเอเชีย และถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย สำหรับความพิเศษของเทศกาลอาหารครั้งนี้ คือการร่วมมือกับ 8 โรงแรมและ 1 ทีรูมชั้นนำในย่านราชประสงค์ รังสรรค์เมนูสุดพิเศษจากสุดยอดเชฟของเมืองไทย ปรุงด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดของประเทศไทยจากมูลนิธิโครงการหลวง ให้กลายเป็นซิกเนเจอร์เมนูของซีซั่นนี้ นอกจากนี้ ททท. เชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพด้านการประกอบอาหารของเชฟทุกท่านที่ปรุงทุกจานด้วยความตั้งใจ ตลอดจนคุณภาพความสดใหม่ของวัตถุดิบที่เหล่าพี่น้องเกษตรกรไทยเพาะปลูกทุกผลผลิตด้วยความใส่ใจนั้น จะสร้างประสบการณ์แห่งรสชาติ สู่ความประทับใจและนำมาซึ่งการสร้างแบรนด์สินค้าทางการท่องเที่ยว และเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้มีความคึกคัก และส่งเสริมความแข็งแกร่งต่อเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”

ด้าน นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวว่า “อาหารคือจุดขายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนประเทศไทยและปรารถนาจะได้สัมผัสกับอาหารเลิศรส ด้วยศักยภาพของย่านราชประสงค์ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร และเป็นหนึ่งในศูนย์รวมด้านอาหารและเครื่องดื่มจากเชฟฝีมือระดับโลก ทำให้เทศกาลอาหารนานาชาติ หรือ Taste It All @Ratchaprasong ถือเป็นซิกเนเจอร์เฟสติวัล ที่สามารถดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสในรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์จากฝีมือเชฟระดับแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งความพิเศษของปีนี้ ทางสมาคมฯ ได้เชิญโรงแรมและทีรูมชั้นนำในย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคม มาร่วมยกระดับความอร่อยด้วยคอนเซ็ปต์ “From Hearts To Table” โดยส่งเชฟฝีมือดีร่วมครีเอทซิกเนเจอร์เมนูประจำซีซั่น และร่วมจัดโปรโมชั่นพิเศษ

ไว้สำหรับให้การต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวและนักชิมจากทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2565 และในปีนี้การจัดงานยังคงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตรทั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งมาร่วมสร้างสรรค์เทศกาลแห่งความอร่อยจากอาหารนานาชาตินำไปสู่ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ความประทับใจ ที่จะช่วยตอกย้ำถึงความเป็นเดสติเนชั่นแห่งการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหารของกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง”

นางสาวสุภัทรา ลิ้มประภากรชัย หัวหน้างานขาย กรุงเทพฯ จากมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า “นับแต่เริ่มสถานการณ์โควิด-19 จนกระทั่งในปี 2022 เทรนด์ของผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะการรับประทานอาหารจากพืช และอาหารเพื่อสุขภาพอื่น ๆ ในกลุ่มซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) ซึ่งมี จุดขายในหลายมิติทั้งในแง่คุณค่าทางโภชนาการและความยั่งยืน โดยนอกจากที่ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญในเรื่องของความสด สะอาด รสชาติอร่อยแล้ว ยังใส่ใจกับที่มาของวัตถุดิบตั้งแต่การเพาะปลูก และด้วยกระแสนิยมดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้การดูแลของมูลนิธิโครงการหลวง เราจึงได้มีส่วนร่วมในฐานะของผู้คัดสรรผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบจากเกษตรกรไทยบนพื้นที่สูง ที่ให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สู่อาหารจานอร่อยโดยในช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน ซึ่งเป็นฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวนี้ เรามีวัตถุดิบพืชผลทางการเกษตรมากมายที่น่าสนใจและยังหารับประทานยากไม่ว่าจะเป็น ข้าวดอยซ้อมมือ มะเขือเทศเชอรี่แดง ซูกินี่ เบบี้แครอทอินทรีย์ คอสอินทรีย์ อะโวคาโดแฮสส์ แตงกวาญี่ปุ่น ลูกฟิก ไทม์ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมส่งมอบผลผลิตเมืองหนาวจากพื้นที่สูงของประเทศไทยสู่ครัวใหญ่กลางกรุง ส่งมอบต่อให้กับเชฟยอดฝีมือจากทุกโรงแรมและร้านอาหารในย่านราชประสงค์ที่มีส่วนร่วมในเทศกาลอาหารนานาชาติประจำปี Taste It All @Ratchaprasong2022 ไปเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ โดยนักท่องเที่ยวและนักชิมทุกท่านจะได้สัมผัสกับรสชาติของอาหารจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ทั้งสด สะอาด ปลอดภัยไร้สารพิษ และยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากแก่พี่น้องเกษตรกรชาวไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย”

สำหรับไฮไลท์ของเทศกาลอาหารนานาชาติ “Taste It All @Ratchaprasong 2022: The Royal Delights - From Hearts To Table” ที่นักท่องเที่ยวและเหล่านักชิมไม่ควรพลาด คือ 9 เมนูพิเศษเลิศรสด้วยฝีมือการรังสรรค์เมนูจากความใส่ใจทุกรายละเอียดของเซเลบริตี้เชฟจาก 9 โรงแรมและร้านอาหารชั้นนำในย่านราชประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นเมนู น้ำพริกไข่ปูและผักโครงการหลวงแกะสลักและข้าวดอยซ้อมมือ โดย เชฟพร-ธัญญานันท์ อริยศิริรัชต์ จากห้องอาหาร เวนติซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ พาสต้าหมึกดำคาเวียร์ ไข่หอยเม่นและหอยเชลล์โดย เชฟแก้ว-เกศิณี ดำรงสกุล จากห้องอาหาร วูว์ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ปลาเทราต์สีรุ้งทรงเครื่อง โดย เชฟสเตฟาน ฌอง จาก ห้องอาหาร ลา ทาโวลา โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โพรวองซาล บายัลดี โดย เชฟเดวิด ซีเนียร์ จากห้องอาหาร สปาสโซ่ บิสโทร โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่าง เสิร์ฟกับบาร์บีคิวกะหล่ำปม และเบบี้แครอทย่าง ราดซอสเกรวี่แกะและสมุนไพรไทม์ โดย เชฟอุทัยรัตน์ อุระพันธมาศ จากห้องอาหาร บูล แอนด์ แบร์ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ข้าวโพดปิ้งเม็กซิกัน โดย เชฟแอรอน คาร์เตอร์ จากห้องอาหาร เบียร์ รีพับบริค โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ ยำปลาเทราต์ฟูกับผักออแกนิคโครงการหลวง โดย เชฟหมิว -สมฤทัย นิลบรรจง จากห้องอาหารโมโม่ คาเฟ่ โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท

ปลาหิมะอบพร้อมฟองครีมไข่ขาว เสิร์ฟคู่กับควินัวและสลัดโครงการหลวง โดย เชฟผึ้ง-กานต์กมล มงคลมิตร จากห้องอาหารเดอะสแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ และชุดน้ำชา Royal Delight High Tea Set โดย คุณตี้ - วรภัทร พรประเสริฐสม จาก ร้าน 1823 ทีเล้าจ์ บาย รอนเนอเฟล จากเกษรวิลเลจ พร้อมสิทธิพิเศษจากบัตรเครติด TTB เฉพาะในเทศกาลอาหารนี้เท่านั้น

 

Airbnb ยกประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับการทำงานทางไกลระดับโลก เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลออนไลน์ของประเทศไทยสำหรับกลุ่มคนทำงานทางไกล เผยในไตรมาส 1 ปี 2565 นักเดินทาง solo travel จากต่างประเทศค้นหาที่พักระยะยาวในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562

Page 4 of 5
X

Right Click

No right click