×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.ภัทร) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรสนับสนุนพลังทางความคิดและความเป็นผู้นำของเยาวชน ด้วยการสนับสนุนผู้แทนเยาวชนไทยเข้าร่วมงาน APEC Voices of the Future การประชุมผู้นำเยาวชนเอเปค ที่เมืองพอร์ตมอร์สบี ที่เมืองปาปัวนิกินี ซึ่งจัดในช่วงวันที่12-18 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา คู่ขนานไปกับการประชุม APEC 2018 โดยเชิญผู้แทนเยาวชนและนักการศึกษาจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคเข้าร่วม ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 80 คน จาก 14 เขตเศรษฐกิจ ผู้แทนเยาวชนไทย 5 คน  หัวข้อหลักสำหรับงานในปีนี้คือ การสร้างโอกาสในการลดความเหลื่อมล้ำในยุคดิจิตอล (Harnessing Inclusive Opportunities, Embracing the Digital Future)

ตัวแทนเยาวชนจากแต่ละเขตเศรษฐกิจได้ออกมานำเสนอในประเด็นบทบาทของเยาวชนในเขตเศรษฐกิจของตัวเองตามหลักหัวข้องาน สำหรับเยาวชนไทยได้ยกประเด็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรไทยซึ่งตัวแทนเยาวชนไทยระบุว่าเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในกลุ่มประเทศไทย นอกจากเข้าร่วมอภิปรายในระดับผู้นำเยาวชนแล้ว ผู้แทนเยาวชนไทยยังได้เข้าร่วมการประชุม APEC CEO Summit 2018 ในปีนี้กี่กล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำระดับประเทศทั้งประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง สาธารณรัฐประชาชนจีน รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ นายกรัฐมนตรีมาหาเธร์ โมฮัมหมัด ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งการกล่าวสุนทรพจน์โดยผู้นำจีนและสหรัฐ ต่างก็ได้รับความสนใจจากเข้าผู้ร่วมประชุมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความตึงเครียดทางด้านการค้าระหว่างสองประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

นอกจากประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจเยาวชนขตเศรษฐกิจต่างๆ ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนในเชิงวัฒธรรม ในส่วนของประเทศเจ้าภาพปาปัวนิวกินี ซึ่งมีชนเผ่าต่างๆ ถึงกว่า 1,000 เผ่า และมีภาษาที่ใช้กว่า 800 ภาษา ได้มีการจัดการแสดงวัฒธรรมจากบางชนเผ่าและการออกร้านค้าพื้นเมืองและสินค้าอื่นๆจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เยาวชนไทยยังได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเยาวชนในประเทศอื่นด้วยการแต่งชุดไทยโบราณ นำเสนอเพลงไทยร่วมสมัย และแลกเปลี่ยนของที่ระลึกที่สะท้อนศิลปะและวัฒนธรรมไทย

นอกจากนั้นงาน APEC CEO Summit 2018 ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้พบปะกับผู้บริหารของบิษัทเอกชนแบะองค์กรภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟฟิก ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับฟังมุมมองและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารชั้นสูงจากบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟฟิก เยาวชนไทยได้พปะกับประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและเลชาธิการสมาคมธนาคารไทยซึ่งได้ให้เกียรติอธิบายแนวคิดเป้าหมาย และกระบวนการการทำงานขององค์กรการภาคธุรกิจที่เป็นสมาชิกของ APEC Business Advisory Council (ABAC) ในการส่งเสริมการร่วมมือทางการค้าและการลงทุน

สำหรับโครงการนี้ประเทศไทยได้ส่งตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมมา 6ปีแล้ว บล.ภัทรได้ให้การสนับสนุนเป็นปีแรกและเล็งเห็นประโยชน์ที่เยาวชนจะได้จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเวทีระกับโลกเพื่อนำกลับมาต่อยอดในการทำงานและเป็นกำลังสำคัญร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต แนวคิดการทำงานที่ทางภัทรได้ให้กับน้องเยาวชน สอดคล้องกับแนวคิด Philosophy of Wealth ซึ่งเป็นหลักการทำงานที่ภัทรใช้ในธุรกิจความมั่งคั่ง หรือ Wealth Management การบริหารความมั่งคั่งไม่ได้เป็นแค่เพียงการเพิ่มพูนมูลค่าของเงินลงทุน แต่ต้องเสริมสร้างด้วยมิติของปรัชญาที่ผูกโยงอยู่กับ วิธีการทำงานที่ต้องใช้ทั้งเวลา ความรู้ และความเข้าใจ เพื่อสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่า ปัจจุบันภัทรเองก็มีโปรแกรม internship ซึ่งเป็นโปรแกรมการฝึกงานที่เน้นให้ผู้ฝึกงาน ได้เอาความรู้ในห้องเรียนมาทดลองงานในสนามจริง ไปพร้อมๆ กับเรียนรู้แนวทางการทำงานบนปรัชญาแห่งการเรียนรู้และเพาะบ่มประสบการณ์

 

 อภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร KKP เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2561 มียอดการเติบโตของสินเชื่อที่ 10.2% ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการออกมาดีเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยมีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 3,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% จากงวดเดียวกันของปี 2560 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของกลุ่มธุรกิจฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งสายช่องทางการตลาดและพัฒนาฐานลูกค้า และการยกระดับกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) และการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ซึ่งทำให้ธนาคารวิเคราะห์จำแนกกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ได้โดยละเอียด และสามารถลดสินเชื่อกลุ่มที่ไม่มีคุณภาพ และขยายสินเชื่อกลุ่มที่ให้ผลกำไรเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อ KK SME นอกจากนั้น ยังได้รับแรงสนับสนุนในด้านต้นทุนการเงินจากผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อการลงทุน KKPSS (KK Phatra Smart Settlement) ที่ให้ดอกเบี้ยสูงเหมือนเงินฝากประจำสำหรับลูกค้า Wealth Management ของ บล. ภัทรโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นการระดมเงินฝากจำนวนมากให้กับธนาคารโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนในด้านสาขาและบุคลากรเพิ่มเติม ทั้งนี้ หลังเปิดตัวเพียงเมื่อต้นปี 2561 ปัจจุบันมียอดกว่า 2 หมื่นล้านบาท

 ชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ให้รายละเอียดผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ของธนาคารเกียรตินาคิน และบริษัทย่อยว่า กลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 3,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% จากงวดเดียวกันของปี 2560 เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) (ทุนภัทร) และบริษัทย่อย ได้แก่ บล.ภัทร และ บลจ.ภัทร จำนวน 824 ล้านบาท  มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ  5,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9%จากงวดเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อยู่ที่ 2,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7%  และรายได้อื่น 1,160 ล้านบาท รวมเป็นรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 8,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 จากงวดเดียวกันของปี 2560 ครึ่งปีแรกสินเชื่อโดยรวมขยายตัวที่ 10.2% โดยสินเชื่อมีการขยายตัวในทุกประเภท รวมถึงสินเชื่อเช่าซื้อที่ยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่องที่ 2.8 % จากสิ้นปี 2560 ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังคงปรับลดลง ณ สิ้นไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 4.5% ลดลงเมื่อเทียบกับ 5.0% ณ สิ้นปี 2560  ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 16.27% โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ12.72% แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2561 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับ 17.35% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 13.80%

  อภินันท์กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า กลุ่มธุรกิจฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา Business Model ใน 3 ธุรกิจหลัก เพื่อกระจายโครงสร้างรายได้ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. ด้านธุรกิจสินเชื่อยังคงมุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าที่เลือกแล้วว่ามีอัตราผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง (risk-adjusted return) ที่เหมาะสม หรือสามารถนำไปสู่รายได้ด้านอื่นแก่กลุ่มธุรกิจฯ  อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อลอมบาร์ด สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าขนาดใหญ่หรือบริษัทจดทะเบียน 2. ด้านธุรกิจ Wealth Management จะมุ่งเติบโตทั้งในด้านสินทรัพย์ของลูกค้า และสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการให้บริการของกลุ่มธุรกิจฯ ในกระเป๋าของลูกค้า (share of wallet) โดยขยายผลผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนอย่าง บัญชี KKPSS, หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Note), Shark-Fin Note, Daily Range Accrual Note (DRAN), Fund Linked Note ซึ่งจะเป็นทั้งฐานเงินฝากและค่าธรรมเนียมของธนาคารต่อไป ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากมีลูกค้า Wealth Management จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สนใจโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจฯ จึงจะเปิดตัวบริการการลงทุนในต่างประเทศ (Offshore Investment) โดยร่วมกับ Investment Bank และ Asset Management ของต่างประเทศ ประมาณ 10 แห่ง ที่ผ่านการกลั่นกรองโดยทีมวิจัยลูกค้าบุคคล (CIO Office) และนำเสนอต่อลูกค้าแต่ละรายโดยทีมที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Consultant) และทีมที่ปรึกษาวางแผนการลงทุน (Investment Advisor) พร้อมกันนั้น ยังยกระดับสาขาธนาคารให้เป็น Financial Hub หรือศูนย์บริการทางการเงินครบวงจรที่สามารถให้บริการในด้านการลงทุนให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันมี 3 สาขา  คือ เซ็นทรัลเวิลด์ ทองหล่อ และเยาวราช  3. ด้านธุรกิจสินเชื่อบรรษัท ธุรกิจตลาดการเงิน และธุรกิจวานิชธนกิจ ของกลุ่มธุรกิจฯ ยังเติบโตก้าวกระโดดจากการผสานความร่วมมือและบูรณาการอย่างเป็นผลระหว่างบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจากสินเชื่อที่เติบโตกว่า 60% และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้ที่เกิดจากการทำงานร่วมกัน

Page 7 of 7
X

Right Click

No right click