แกร็บ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จในปี 2566 ตอกย้ำความเป็นผู้นำซูเปอร์แอปในตลาดเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี เร่งเครื่องรุกธุรกิจเต็มสูบโดยชูไฮไลท์ “4A” มุ่งรักษาฐานลูกค้าหลัก (Active Users) ผุดบริการใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า (Affordability) ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง (AI Technology) โหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่ (Ads & New Services) พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนโดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและผลักดันโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมการใช้รถ EV การชดเชยคาร์บอน และการพัฒนาศักยภาพ-เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิง

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ แกร็บ ประเทศไทย ภายหลังจากที่เราได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยผลประกอบการทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และความสำเร็จ จากการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ตลอดจนโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการเดินทางที่เติบโตขึ้นอย่างมากภายหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ด้วยอานิสงส์ของนโยบายการเปิดประเทศและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทำให้ใน ปีที่ผ่านมายอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139%1 ขณะที่ธุรกิจเดลิเวอรีของเรา ก็ยังคงแข็งแกร่ง โดยบริการ GrabFood และ GrabMart ยังคงครองใจผู้ใช้บริการยุคใหม่ที่มองหาความสะดวกสบายและบริการ ที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันเราก็ได้พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างบริการรับเองที่ร้าน

(Pickup) บริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) หรือแม้แต่บริการกินที่ร้าน (Dine-in) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนของธุรกิจทางการเงิน เราได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยร่วมมือกับ Alipay และ Kakao Pay พร้อมขยาย ฐานผู้ใช้บริการในต่างจังหวัดผ่านการผนึกพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทยโดยได้เชื่อมต่อระบบชำระเงินของแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) เข้ากับแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT”

“แกร็บมองเห็นสัญญาณเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้ม การเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ2 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดเดลิเวอรี ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15%3 ภายในปี 2568 โดยในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย เตรียมเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยมุ่งเน้นไป ที่ 4 ประเด็นหลัก (หรือ 4A) ควบคู่ไปกับการสานต่อโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับทุกคนในอีโคซิสเต็มของเรา” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

สำหรับในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจโดยเน้นไปที่ 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย

· Active Users: แกร็บให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าหลักโดยมุ่งรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการโดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพ ที่ใช้บริการเป็นประจำ (Quality User) ผ่านการผนึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร อาทิ การร่วมมือกับการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยและ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว การพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าการ ให้ส่วนลดสำหรับสมาชิก GrabUnlimited รวมถึงการเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกแบบรายปีเพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ตลอดจนการพัฒนาสองแฟล็กชิพแบรนด์ของบริการ GrabFood อย่าง #GrabThumbsUp และ Only at Grab เพื่อรักษามาตรฐานและประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

· Affordability: เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ แกร็บได้นำเสนอบริการใหม่โดยชูจุดเด่นใน เรื่องความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก โดยแกร็บได้เปิดตัวบริการ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในราคาประหยัดลงสูงสุดถึง 15% (เมื่อเทียบกับบริการ GrabCar) ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทดลองให้บริการแล้วใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ในระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตรในราคาเริ่มต้นเพียง 26 บาท ในส่วนของธุรกิจเดลิเวอรี นอกจากการเพิ่มทางเลือกในการจัดส่งอาหารแบบประหยัดหรือ “SAVER Delivery” แล้ว ล่าสุด แกร็บได้เปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ “Hot Deals” เป็นเครื่องหมายการันตีความคุ้ม เอาใจสายประหยัดด้วยการนำเสนอเมนูเด็ดที่ลดราคาเป็นพิเศษจากหลากหลายร้านอาหาร มาพร้อมส่วนลดออนท็อป ในทุกช่วงเวลาให้ได้อิ่มคุ้มทั้งวัน

 

· AI Technology: ในปีที่ผ่านมาแกร็บได้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML: Machine Learning) มากกว่า 1,000 โมเดลเพื่อพัฒนาบริการและเสริมประสิทธิภาพ ในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาค สำหรับในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังคงนำเทคโนโลยีที่พัฒนาเองเหล่านี้ มาใช้ต่อยอดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์มให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า อาทิ การนำ AI และ ML มาใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบพิจารณาเครดิตสำหรับการให้สินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ หรือการพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบภายในองค์กร เป็นต้น

· Ads & New Services: แกร็บเตรียมขยายบริการ GrabAds เต็มสูบเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณา โดยนอกจากการ เจาะตลาดลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ในปีนี้แกร็บ ยังเตรียมผลักดัน “Self-serve Ads” เครื่องมือในการโฆษณาสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้า ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และเล็กสามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณาและแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยมีผลตอบแทนจากการโฆษณา (Return on Ad Spend) เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า4 นอกจากนี้ แกร็บยังวางแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงบริการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เรียกรถและเดลิเวอรี อาทิ บริการจองการเดินทางล่วงหน้า (Advance Booking) และกินที่ร้าน (Dine-in) ให้มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น

นอกจากการพัฒนาในด้านธุรกิจแล้ว แกร็บ ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นเจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน ในสังคมควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้เรายังเดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ GrabEV เพื่อผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 2569 โครงการ Carbon Offset ที่ยังคงร่วมปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง เพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้คนไทย” นายวรฉัตร กล่าวทิ้งท้าย

ผุดบริการใหม่ SAVER เน้นความคุ้มค่า ใช้ AI เสริมแกร่ง-พัฒนาอีโคซิสเต็ม

แกร็บฟู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม เผยรายชื่อ 60 “สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” ที่ได้รับรางวัล #GrabThumbsUp Awards ประจำปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Journey of Passion” เพื่อยกย่องและการันตีสุดยอดร้านอาหารอร่อยยกนิ้วที่เต็มเปี่ยมด้วย Passion ในการรังสรรค์เมนูและประสบการณ์ความอร่อยเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า คัดสรรโดยแกร็บและผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารและไลฟ์สไตล์ระดับประเทศ นำโดย หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ “เชฟต้น” ธิติฏฐ์ เจ้าของร้านอาหารระดับมิชลินและเจ้าของรางวัลอันดับ 1 Asia's 50 Best Restaurants “คัตโตะ” ยูทูปเบอร์แถวหน้าสายกิน และภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล บรรณาธิการ THE STANDARD LIFE พร้อมเปิดตัวสาขารางวัลใหม่ที่สะท้อนเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน อาทิ สุดยอดร้านรัก(ษ์)โลกและสิ่งแวดล้อมแห่งปีอย่าง theCOMMONS สุดยอดร้าน Celebrity แห่งปีกับร้านมาการองสุดฮอตอย่าง SOURI โดยวิน-เมธวิน สุดยอดเมนูใหม่ขวัญใจมหาชนกับ “ชาองุ่น” จากร้าน BEARHOUSE รวมถึงรางวัลพิเศษที่มอบให้กับผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหารนำโดย มาวิน ทวีผล จากเพจ Mawinfinferrr

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นปีที่สามแล้วที่แกร็บฟู้ดได้จัดงาน #GrabThumbsUp Awards เพื่อยกย่องสุดยอดร้านอาหารอร่อยยกนิ้วที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจากหลายแสนร้านอาหารทั่วประเทศที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเรา ตั้งแต่ร้านสตรีตฟู้ด คาเฟ่ ไปจนถึงระดับไฟน์ไดนิ่ง สำหรับในปีนี้งานประกาศรางวัลของเราจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Journey of Passion’ เพื่อยกย่องสุดยอดร้านอาหารจากทั่วประเทศที่มี

ความมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพและรสชาติของอาหารให้ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค โดยเรายังคงความเข้มข้นของการคัดเลือกผ่านเกณฑ์การตัดสินในด้านต่างๆ ทั้งรสชาติอาหาร ชื่อเสียง และความนิยมของร้านซึ่งสะท้อนผ่านยอดขายและการรีวิว โดยต้องได้รับคะแนนจากผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 4.5 (จากคะแนนเต็ม 5) และได้รับการรีวิวเชิงบวกไม่ต่ำกว่า 100 เสียง ที่สำคัญในปีนี้เรายังได้เพิ่มเกณฑ์ตัดสินใหม่ โดยพิจารณาจากแนวคิดในการดำเนินธุรกิจและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของร้าน ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึง Passion ของร้านอาหารต่างๆ ที่พยายามยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ”

สำหรับในปีนี้ รางวัล #GrabThumbsUp Awards 2024 ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารระดับประเทศมาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินเพื่อคัดเลือก “สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” อันได้แก่ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ หรือ “คุณอิ๊งค์” กูรูด้านอาหารและนักชิมแถวหน้าของเมืองไทย กรรมการรายการแข่งขันทำอาหารยอดฮิตอย่าง MasterChef Thailand และ IRON CHEF Thailand ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร หรือ “เชฟต้น” เชฟและเจ้าของร้าน Le Du ระดับมิชลิน 1 ดาว และรางวัลอันดับ 1 จาก Asia's 50 Best Restaurants ปี 2023 อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล หรือ “คัตโตะ” ยูทูปเบอร์สายอาหารเจ้าของเพจ “เสือร้องไห้” และภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล บรรณาธิการ THE STANDARD LIFE สำหรับในปีนี้มี 488 ร้านอาหารจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัลการันตีความอร่อยยกนิ้วจาก #GrabThumbsUp โดยมี 60 ร้านที่คว้ารางวัล “สุดยอดร้านอาหารแห่งปี” ในสาขาต่าง ๆ ไปครอง โดยมีสาขารางวัลใหม่ที่สะท้อนพฤติกรรมและเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน อาทิ

· สุดยอดร้านรัก(ษ์)โลกและสิ่งแวดล้อมแห่งปี ซึ่งให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านแคมเปญรณรงค์ในด้านต่าง ๆ โดยรางวัลนี้เป็นของ “theCOMMONS” ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ที่มีความตั้งใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีดีกลับสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม

· สุดยอดเมนูใหม่ขวัญใจมหาชน กับเมนู “ชาองุ่น” จากร้าน “BEARHOUSE” ที่สร้างกระแสให้คนพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องในโลกออนไลน์และยืนยันด้วยยอดขายถล่มทลาย

· สุดยอดร้าน Celebrity แห่งปี กับร้าน “SOURI” ร้านมาการองสุดฮอตของหนุ่มวิน เมธวิน กับคอนเซ็ปต์พาสเทลสีสันสดใส โดดเด่นด้วยไส้หนาแบบสไตล์เกาหลี ขายดีจน Sold Out แทบทุกวันและกลายเป็นกระแสไวรัล

· สุดยอดร้านระบบการจัดการยอดเยี่ยม คือ “Lucky’s Hungry” และ “ข้าวหมูย่างคุณหญิง” ที่ไม่เพียงมียอดขายสูง แต่ยังมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดการคำสั่งซื้อ การเตรียมอาหาร รวมถึงการส่งมอบอาหารให้กับไรเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าได้รับอาหารที่สดใหม่ ไม่ต้องรอนาน

· รางวัลพิเศษที่มอบให้กับ “ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปีในวงการอาหาร” นำโดย มาวิน ทวีผล ตัวพ่อสายรีวิวจากเพจ Mawinfinferrr จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์ พิธีกรตัวแม่ที่หันมาเอามาดีกับการรีวิวร้านอาหารที่เจ้าตัวชื่นชอบผ่าน Instagram Junesawitri และปรางแก้ว บัณฑรรุ่งโรจน์ ยูทูปเบอร์จากช่องรีวิวอาหารสุดฮอตอย่าง Bim กินแหลกล้างโลก

“เราหวังว่ารางวัล #GrabThumbsUp Awards จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญให้กับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารที่ได้ทุ่มเทพัฒนาคุณภาพอาหารและมาตรฐานการให้บริการตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง Passion ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารอื่นๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มในการส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการในอนาตต ทั้งนี้ แกร็บฟู้ดจะยังคงพัฒนาบริการของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริการเดลิเวอรี และจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของเราเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไป” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ #GrabThumbsUp Awards 2024 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.grab.com/th/blog/grabthumbsup-awards-2024/

แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ #WomenWelcome เพื่อฉลองวันสตรีสากลประจำปี 2567 ตอกย้ำพันธกิจในการสร้างโอกาสทางอาชีพและพัฒนาศักยภาพให้กับคนทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้หญิง ผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยมุ่งเน้นใน 3 ประเด็นหลัก คือ การส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิงเพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการเดลิเวอรี โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง การส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพภายใต้โครงการ GrabAcademy ด้วยการพัฒนา 5 คอร์สอบรมออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงโดยเฉพาะ และการสร้างความอุ่นใจในการให้บริการผ่านการพัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการสร้างเครือข่ายในกลุ่มคนขับผู้หญิงเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงอาชีพและการเสริมศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจให้กับผู้คนในสังคมถือเป็นพันธกิจหลักของแกร็บมาโดยตลอดโดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมาแกร็บได้เปิดให้คนทุกกลุ่มสามารถใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นเครื่องมือในการหารายได้และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างเท่าเทียม โดยไม่จำกัดเพศ วัย เชื้อชาติ หรือการศึกษา อย่างไรก็ตามคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงถือเป็นกลุ่มที่ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเข้าถึงอาชีพและการทำงาน ปัจจุบันประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิง แต่คิดเป็น 42% ของภาคแรงงานเท่านั้น และถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดและสนับสนุนการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมให้กับผู้หญิง ในปีนี้แกร็บทั่วทั้งภูมิภาคจึงได้ริเริ่มโครงการสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง โดยมุ่งใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของแกร็บเพื่อให้พวกเธอสามารถเข้าถึงอาชีพที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านรายได้และความยืดหยุ่นในการทำงาน”

“สำหรับในประเทศไทย ที่ผ่านมาแกร็บได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมและให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้หญิงไม่ว่าจะเป็น ผู้ใช้บริการหรือพาร์ทเนอร์คนขับ อาทิ การริเริ่มบริการ GrabCar for Ladies ในปี 2564 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารผู้หญิงที่ต้องการเดินทางด้วยความอุ่นใจไปกับพาร์ทเนอร์คนขับที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน โดยไทยถือเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ให้บริการนี้ นอกจากนี้ เรายังได้ทำแคมเปญและกิจกรรมพิเศษต่างๆ กับกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญ เช่น วันสตรีสากล วันครอบครัว รวมถึงวันแม่ เป็นต้น โดยปัจจุบันมีผู้หญิงไทยจำนวนมากที่ใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อหารายได้ ทั้งบริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการจัดส่งอาหาร-สินค้า โดยเฉพาะในช่วงโควิด ซึ่งมีอัตราการเติบโตของจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงสูงขึ้นกว่า  45%[1] การเปิดตัวแคมเปญ #WomenWelcome ในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแกร็บที่จะช่วยสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับผู้หญิง และมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง (Diversity & Inclusion)” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

แคมเปญ #WomenWelcome ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการส่งเสริมศักยภาพผู้หญิง” (Grab’s Women Programme) ซึ่งแกร็บได้ริเริ่มในปีนี้และจะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทั้งภูมิภาค ครอบคลุมทั้งประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม รวมถึงไทย เพื่อมุ่งสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้าที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ ครอบคลุมประเด็นต่างๆ อาทิ การเปิดโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้อย่างเท่าเทียมผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ การส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และการพัฒนาความรู้ ตลอดจนทักษะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิง สำหรับในประเทศไทย แกร็บจะมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ

  • การส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิงเพื่อสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มของแกร็บ: โดยในปีนี้แกร็บจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยมีทางเลือกในการหารายได้เสริมจากการให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ และบริการเดลิเวอรีของแกร็บ ผ่านการทำแคมเปญเพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนผ่านกลุ่มคอมมูนิตี้คนขับทั่วประเทศและช่องทางโซเชียลมีเดียพร้อมมีทีมงานที่คอยให้คำปรึกษา โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงในประเทศไทยให้มากขึ้น นอกจากนี้ แกร็บยังเตรียมมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงตลอดทั้งปี อาทิ แพคเกจตรวจสุขภาพสำหรับผู้หญิงจาก Doctor Anywhere ส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้อสินค้าประเภทความงามผ่านแอปพลิเคชัน Lazada ชุดของขวัญจากแบรนด์เครื่องสำอางศรีจันทร์ เป็นต้น

  • การส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง: ที่ผ่านมาแกร็บได้พัฒนาคอร์สอบรมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพให้กับทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ร้านค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการ GrabAcademy สำหรับในปีนี้ แกร็บเตรียมพัฒนาและเปิดตัว 5 คอร์สอบรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย คอร์สสอนวิธีการดูแลรักษาและซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้น คอร์สเสริมสร้างบุคลิกภาพและหัวใจบริการ โดยครูน้ำฝน ภักดี จาก Pronality Academy คอร์สสอนเทคนิคการแต่งหน้าเบื้องต้น คอร์สการรับมือกับภัยคุกคามบนท้องถนนและในที่สาธารณะ โดยลอรีอัล ประเทศไทย และคอร์สสอนศิลปะการป้องกันตัวสำหรับผู้หญิง

  • การสร้างความอุ่นใจในการทำงานให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิง: นอกจากการพัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย อาทิ Safety Centre (ศูนย์รวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของแกร็บ) และ Trip Monitoring (ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ผ่าน GPS และระบบแผนที่อัจฉริยะ) ที่ช่วยลดความกังวลและสร้างความมั่นใจในการให้บริการกับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงแล้ว ในปีนี้แกร็บยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันของพาร์ทเนอร์คนขับที่ชื่อ “Women Passenger Preferred BETA” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงที่อาจมีความกังวลใจในการให้บริการ โดยสามารถเลือกให้บริการกับผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงเป็นหลักได้ ซึ่งจะเริ่มทดลองใช้ในจังหวัดขอนแก่นและโคราช และขยายไปในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ แกร็บยังเตรียมสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงภายใต้ชื่อ “Grab SUPER SHERO” ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและการจัดกิจกรรมออฟไลน์เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้หญิงในสายอาชีพเดียวกันได้ทำความรู้จักกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์ในการให้บริการและการพัฒนาตัวเอง

พิเศษ! เพื่อร่วมต้อนรับวันสตรีสากล (ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี) แกร็บมอบส่วนลดสำหรับบริการ GrabCar for Ladies และ GrabCar Premium เพียงใส่รหัส WOMEN รับส่วนลด 10% (สูงสุดไม่เกิน 50 บาท) ตลอดเดือนมีนาคมนี้[2]


[1] เปรียบเทียบจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับผู้หญิงระหว่างเดือนมกราคม 2564 และ มกราคม 2567

[2] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

แกร็บ ประเทศไทย เผยอินไซต์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่สะท้อนผ่านพฤติกรรมการเดินทางและการใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในปี 2566 

Page 1 of 5
X

Right Click

No right click