ไมโครซอฟท์พร้อมพาผู้ใช้และองค์กรทั่วโลกเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในแทบทุกด้าน ด้วยระบบแชตและโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models) ที่สามารถตอบสนองคำสั่งในรูปของภาษาเขียนและภาษาพูดได้อย่างชาญฉลาด นำไปสร้างสรรค์ชิ้นงานต่อยอดหรือลงมือทำตามคำสั่งได้อย่างแม่นยำ เป็นเสมือนผู้ช่วยหรือ “Copilot” ที่พร้อมสนับสนุนคุณในทุกภารกิจ ต่อยอดจากฟีเจอร์ AI มากมายที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพลตฟอร์ม GitHub การทำงานใน Microsoft 365 การค้นหาข้อมูลผ่าน Bing และ Edge หรือการทำงานผสานกับหลากหลายแอปในพีซีของคุณด้วย Windows

ไมโครซอฟท์พร้อมแล้วที่จะรวบรวมทุกคุณสมบัติและความสามารถไว้ในประสบการณ์ AI เพียงหนึ่งเดียว ภายใต้ชื่อ Microsoft Copilot โดยผสมผสานทั้งข้อมูลและความรู้จากโลกออนไลน์ ข้อมูลในองค์กรของผู้ใช้งาน และสิ่งที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่บนพีซี เพื่อช่วยให้ทุกภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น โดยที่ยังมั่นใจได้ในความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคุณ และสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ไร้รอยต่อ ทั้งใน Windows 11, Microsoft 365, Edge และ Bing เรียกใช้งานได้ทั้งในรูปของแอปและตัวช่วยในเมนูที่ปรากฎขึ้นเมื่อคลิกเมาส์ปุ่มขวา ทั้งนี้ Microsoft Copilot จะได้รับอัปเดตที่เพิ่มความสามารถใหม่ๆ และเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันอื่นๆ บนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ เพื่อมอบประสบการณ์หนึ่งเดียวที่ผสานกับชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว

Copilot พร้อมเปิดใช้งานแล้ววันนี้ ผ่านอัปเดตฟรีสำหรับ Windows 11 ก่อนจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมทั้งใน Bing, Edge และ Microsoft 365 Copilot ในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้เปิดตัวคุณสมบัติและความสามารถใหม่ๆ อีกมากมายเพื่อยกระดับการทำงาน ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ และตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของทั้งผู้ใช้ทั่วไปและภาคธุรกิจ

· อัปเดตล่าสุดสำหรับ Windows 11 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ถึง 150 รายการ นับตั้งแต่ผู้ช่วย Copilot ไปจนถึงคุณสมบัติใหม่จาก AI ในแอปอย่าง Paint, Photos, Clipchamp และอื่นๆ อีกมากมาย

· Bing พร้อมรองรับศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของโมเดล DALL.E 3 จาก OpenAI และสามารถตอบคำถามอย่างเฉพาะเจาะจง ตรงความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนมากขึ้นด้วยการอ้างอิงจากประวัติการค้นหา พร้อมด้วย

ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มี AI เป็นตัวช่วย และอัปเดตใหม่สำหรับ Bing Chat Enterprise ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนและการทำงานกับรูปภาพ

· Microsoft 365 Copilot จะเปิดให้ลูกค้าองค์กรได้เริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป โดยมาพร้อมกับ Microsoft 365 Chat ผู้ช่วย AI ตัวใหม่ที่พร้อมเข้ามาพลิกโฉมวิธีการทำงานของคุณ

อัปเดตใหม่ Windows 11 จัดเต็มกว่า 150 ฟีเจอร์ พร้อมแนะนำผู้ช่วยอัจฉริยะ Copilot สำหรับพีซีทุกเครื่อง

Windows จะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมมอบประสบการณ์ AI ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ด้วยอัปเดตล่าสุดสำหรับ Windows 11 ที่พร้อมให้ติดตั้งและใช้งานแล้ววันนี้

ชมวิดีโอแนะนำ Copilot ใน Windows 11 ได้ที่นี่

สำหรับฟีเจอร์เด่นในอัปเดตนี้ ได้แก่:

· Copilot สำหรับ Windows (รุ่นพรีวิว) พร้อมช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนสร้างสรรค์ชิ้นงานและทำภารกิจให้เสร็จสิ้นอย่างสบายใจยิ่งขึ้น ด้วยผู้ช่วย Copilot ที่พร้อมเข้ามาเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพียงคลิกเรียกที่ taskbar หรือกดปุ่มลัด Win+C ก็สามารถขอความช่วยเหลือและทำงานคู่กับแอปได้ทันที

· Paint อัปเดตใหม่ เติมพลัง AI ด้วยฟีเจอร์การลบพื้นหลังภาพและการรองรับเลเยอร์ แถมด้วยพรีวิวของ Cocreator ระบบ generative AI ที่จะช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะให้กับคุณ

· แอป Photos ก็เติมพลัง AI มาช่วยงานแต่งภาพให้ง่ายยิ่งกว่าเดิม อย่างฟีเจอร์ Background Blur ที่ทำเอฟเฟกต์หน้าชัดหลังเบลอได้ในคลิกเดียว แถมยังหาภาพจากคลังเก็บใน OneDrive ได้ง่ายๆ ด้วยระบบค้นหาที่แยกแยะได้ทั้งสิ่งที่อยู่ในภาพและสถานที่ที่ถ่ายแต่ละภาพ

· เครื่องมือแคปหน้าจอ Snipping Tool สามารถดึงข้อความจากภาพออกมาให้ใช้งานต่อได้ หรือจะสั่งให้ช่วยปิดชื่อและข้อมูลที่เป็นความลับในภาพหน้าจอก็ยังได้ และนอกจากจะแคปภาพได้แล้ว อัปเดตนี้ยังเพิ่มการอัดเสียงทั้งจากตัวเครื่องและผ่านไมโครโฟน จึงอัดหน้าจอเป็นวิดีโอเพื่อทำคอนเทนต์ได้แบบง่ายๆ

· แอปตัดต่อวิดีโอ Clipchamp สามารถเสนอไอเดียการจัดซีน ตัดคลิป หรือลำดับเรื่อง จากภาพและวิดีโอของคุณแบบอัตโนมัติด้วยฟีเจอร์ auto compose ทำให้ตัดคลิปแค่ฉับเดียวก็อัปโหลดและแชร์ได้แล้ว

· Notepad จะเซฟเนื้อหาที่คุณพิมพ์ค้างไว้แบบอัตโนมัติตลอดเวลา จึงสามารถปิดแอปทิ้งแล้วกลับมาเปิดทำต่อได้แบบหายห่วง แถมยังเปิดหลายไฟล์พร้อมกันในแบบแยกแท็บได้อีกด้วย

· Outlook for Windows เวอร์ชั่นใหม่ ที่รวบรวมอีเมลจากทุกบัญชีและแพลตฟอร์มของคุณ (รวมถึง Gmail, Yahoo, iCloud และอื่นๆ ด้วย) มาไว้ในแอปเดียว พร้อมตัวช่วยมากมายสำหรับการเขียนอีเมลให้มีเนื้อหาตรงเป้า กระชับ ฉับไว และแนบไฟล์จาก OneDrive ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Outlook ใหม่นี้ สามารถอ่านได้ ที่นี่

· File Explorer ปรับโฉมใหม่ด้วยหน้าจอหลัก ช่องพิมพ์แอดเดรส และช่องค้นหาที่ออกแบบมาให้คุณสามารถเข้าถึงทุกคอนเทนต์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสะดวกสบายกว่าด้วยไฮไลท์การปรับแก้ล่าสุดในไฟล์ต่างๆ และฟีเจอร์ Gallery สำหรับการเปิดอัลบั้มรูปโดยเฉพาะ

· ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการใช้เสียงแทนการพิมพ์ และเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเดิมในแอป Narrator ทื่เข้ามาสานต่อพันธกิจของไมโครซอฟท์ในการพัฒนาให้ Windows 11 เป็น Windows รุ่นที่รองรับผู้ใช้ทุกกลุ่มมากที่สุด

· Windows Backup ช่วยให้การย้ายไฟล์ไปยังพีซี Windows 11 เครื่องใหม่ของคุณง่ายยิ่งกว่าเดิม โดยสามารถถ่ายโอนไปได้หมดทั้งไฟล์ แอปที่ติดตั้งไว้ และการตั้งค่าต่างๆ จึงตามไปให้ใช้งานบนเครื่องใหม่ได้แบบไร้รอยต่อ

Copilot สำหรับ Windows และฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของอัปเดตสำหรับ Windows 11 รุ่น 22H2 ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดและติดตั้งใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนเป็นต้นไป

Bing และ Edge ยกระดับประสบการณ์หลากหลายในโลกออนไลน์

ส่วน Bing และ Edge ก็พร้อมเติมความสามารถใหม่ๆ ให้กับทุกวันของคุณด้วยโมเดล AI รุ่นล่าสุด โดยคุณสามารถใช้งาน Bing Chat ได้ผ่าน Microsoft Edge หรือทาง bing.com/chat และจะได้สัมผัสฟีเจอร์ใหม่เร็วๆ นี้

· คำตอบตรงประเด็น ปรับแต่งสำหรับผู้ใช้แต่ละคน ด้วยประวัติการแชตในอดีตที่สามารถนำมาผสมผสานกับคำตอบใหม่ๆ ใน Bing Chat ได้ เช่น ถ้าคุณเคยใช้ Bing ติดตามข่าวคราวของทีมฟุตบอลทีมโปรด เมื่อคุณใช้ Bing วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในครั้งต่อไป Bing จะสามารถบอกได้ในทันทีว่าทีมโปรดของคุณมีเกมเตะในเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของคุณหรือไม่ ทั้งนี้ คุณสามารถเลือกปิดฟีเจอร์นี้ได้ในเมนูการตั้งค่าของ Bing หากไม่ต้องการคำตอบที่อ้างอิงประวัติการแชตในอดีต

· Copilot สำหรับ Microsoft Shopping ให้คุณใช้ Bing หรือ Edge ค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยเมื่อคุณถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า Bing จะถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้จากข้อมูลนั้น เพื่อให้สามารถแนะนำสินค้าได้ตรงใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยความคุ้มค่าจากการเปรียบเทียบเพื่อหาราคาที่ดีที่สุด โดยตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้ที่ซื้อสินค้าผ่าน Microsoft Edge ได้พบกับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายที่สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้กว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 144,880 ล้านบาท) และอีกไม่นาน คุณจะสามารถนำภาพถ่ายหรือไฟล์รูปที่เซฟไว้มาใช้หาสินค้าเพื่อช้อปต่อได้อีกด้วย

· โมเดล DALL.E 3 จาก OpenAI ใน Bing Image Creator มาพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่าแบบก้าวกระโดดสำหรับการสร้างรูปภาพที่สวยงามยิ่งกว่าเดิม และการลงรายละเอียดที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นสำหรับส่วนประกอบภาพอย่างนิ้วมือและดวงตา นอกจากนี้ DALL.E 3 ยังเข้าใจคำสั่งของผู้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าที่เคย จึงได้ภาพที่ถูกต้องตามโจทย์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ไมโครซอฟท์ยังได้ผนวก Microsoft Designer เข้ากับ Bing โดยตรง เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่งภาพหรืองานออกแบบได้ง่ายกว่าเดิม

· แยกแยะภาพที่สร้างโดย AI ด้วย Content Credentials เครื่องมือที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนา Generative AI โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยระบบ Content Credentials นำเทคนิคการเข้ารหัสมาทำการใส่ลายน้ำดิจิทัลที่มองไม่เห็นลงในภาพที่ใช้ AI สร้างขึ้นผ่าน Bing โดยระบุวัน-เวลาที่รูปภาพถูกสร้างขึ้นไว้ด้วย นอกจากนี้ เรายังเตรียมที่จะนำเครื่องมือนี้ไปผนวกไว้ใน Paint และ Microsoft Designer อีกด้วย

· อัปเดตล่าสุดสำหรับ Bing Chat Enterprise ที่เปิดตัวไปเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน Microsoft 365 กว่า 160 ล้านคนที่สามารถใช้งาน Bing Chat Enterprise ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ท่ามกลางเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้ใช้งานจริง ในโอกาสนี้ เราจึงเปิดให้ Bing Chat Enterprise สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ ผ่านทางแอป Microsoft Edge และเร็วๆ นี้ คุณจะสามารถค้นหาข้อมูลด้วยภาพและใช้ Image Creator สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ได้ผ่าน Bing Chat Enterprise

สรุปข้อมูลเชิงลึกจากรายงาน Work Trend Index ฉบับปี 2023 ที่เจาะลึกมุมมองพนักงานและผู้บริหาร พร้อมขยายบริการ Microsoft 365 Copilot ให้ลูกค้ามากขึ้น

ชูแพลตฟอร์ม Microsoft 365 เสริมความคล่องตัวในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ครอบคลุมข้าราชการกว่า 105,000 คน พร้อมปั้นข้าราชการเป็นนักพัฒนาด้วย Power Platform

มุ่งเป้ายกระดับทักษะบุคลากรเอไอเอส ให้เติมศักยภาพ พร้อมก้าวสู่ Cognitive Tech-Co

 

ไมโครซอฟท์และ LinkedIn ได้ร่วมกันเผยถึงก้าวต่อไปในโครงการ Skills for Jobs

โดยจะเปิดให้ผู้เรียนได้เข้าถึงหลักสูตรต่างๆ เพิ่มเติมอีกกว่า 350 คอร์สโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมด้วยประกาศนียบัตรระดับ “Career Essentials” หรือพื้นฐานอาชีพ ที่รับรองทักษะสำคัญใน 6 ตำแหน่งงานอันเป็นที่ต้องการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์และ LinkedIn ยังพร้อมมอบสิทธิในการเป็นสมาชิก LinkedIn Premium รายปี รวมกว่า 50,000 ราย ให้ผู้เรียนมีโอกาสเข้าถึงความรู้และทักษะเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา เพื่อปูทางสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดในอาชีพการงาน

ภายใต้โครงการนี้ ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะยกระดับทักษะเชิงดิจิทัลให้กว่า 10 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2025 โดยนับเป็นการต่อยอดจากโครงการ Global Skills Initiative (GSI) ที่ได้ช่วยให้ผู้คนกว่า 80 ล้านคนทั่วโลกได้เข้าถึงทรัพยากรเพื่อการเรียนรู้ทักษะเชิงดิจิทัล และปูทางไปสู่อาชีพการงานที่ดีกว่า ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ได้ให้การสนับสนุนกับผู้เรียนรวมกว่า 14 ล้านคนในทวีปเอเชีย ผ่านทางแพลตฟอร์มการเรียนรู้อย่าง LinkedIn และ Microsoft Learn โดยจากจำนวนนี้ คิดเป็นผู้เรียนชาวไทยรวมกว่า 534,000 ราย

สำหรับหลักสูตรและประกาศนียบัตรใหม่ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจาก LinkedIn และสถาบัน Burning Glass Institute โดยไมโครซอฟท์นำรายการตำแหน่งงานที่เปิดรับบุคลากรมาประมวลผลเพื่อค้นหา 6 ตำแหน่งงานที่มีความต้องการสูงสุด ซึ่งได้แก่ พนักงานธุรการ (Administrative Professional), ผู้จัดการโครงการ (Project Manager), นักวิเคราะห์เชิงธุรกิจ (Business Analyst), ผู้ดูแลระบบไอที (Systems Administrator), นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) และนักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) โดยสำหรับประเทศไทย จะมีการนำเสนอหลักสูตรเต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ LinkedIn Learning Pathways สำหรับทักษะและสายงานต่างๆ ดังนี้: Critical Soft Skills, Project Manager, Digital Marketing Specialist, Financial Analyst, Data Analyst และ Sales Development Representative

ส่วนประกาศนียบัตรระดับ Career Essentials จะช่วยให้ผู้เรียนได้เดินหน้าต่อ จากการสร้างเสริมทักษะดิจิทัลในระดับพื้นฐาน สู่ทักษะเชิงเทคนิคที่ลงลึกยิ่งขึ้น และต่อยอดไปสู่ประกาศนียบัตรและการรับรองมาตรฐานความรู้อื่นๆ ที่ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสในการทำงานมากขึ้น เมื่อเรียนรู้จนสำเร็จหลักสูตรหนึ่งแล้ว ผู้เรียนจะได้รับตรารับรองจาก LinkedIn ซึ่งเป็นเครื่องหมายบ่งบอกให้องค์กรผู้ว่าจ้างเล็งเห็นถึงทักษะของผู้เรียน

การประกาศขยายโครงการในครั้งนี้จะช่วยสานต่อพันธกิจของไมโครซอฟท์ในการเปิดให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมมากขึ้น ผ่านทางทักษะ เทคโนโลยี และช่องทางในการมุ่งสู่ความสำเร็จ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงเคลื่อนเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยทุกหลักสูตรในโครงการนี้สามารถเรียนได้ผ่าน LinkedIn ที่เว็บไซต์ opportunity.linkedin.com นอกจากนี้ ผู้เรียนยังสามารถพบกับหลักสูตรเพิ่มเติมอื่นๆ จากไมโครซอฟท์ได้ทาง Microsoft Community Training (MCT) ขณะที่องค์กรไม่แสวงผลกำไรก็ยังสามารถดาวน์โหลดหลักสูตรไปปรับใช้กับระบบการเรียนการสอน (Learning Management Systems; LMS) ของตนเองได้อีกด้วย คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ระบุว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตด้วยอัตราระดับสองหลักในปี 25661 แต่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะไปในทิศทางใด ไมโครซอฟท์ก็มีความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของประเทศไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคโนโลยี จากศักยภาพของนวัตกรรมระดับโลกที่มั่นใจได้ในความปลอดภัย ด้านความร่วมมือ กับเครือข่ายพันธมิตรในหลากหลายภาคส่วนที่ขับเคลื่อน Digital Transformation ไปด้วยกัน และในด้านบุคลากร กับเป้าหมายในการเสริมทักษะให้คนไทย 10 ล้านคน การประกาศหลักสูตรเพิ่มเติมจาก LinkedIn ในโอกาสนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราอีกครั้ง ภายใต้เป้าหมายที่จะผลักดันให้คนไทย ธุรกิจไทย และเศรษฐกิจไทย ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงสู่ยุคแห่งการสร้างธุรกิจและนวตกรรมในประเทศที่ Born in Thailand อย่างเต็มตัว”

ผู้ที่สนใจเสริมสร้างทักษะเชิงดิจิทัลในประเทศไทย สามารถเรียนรู้จากหลักสูตรออนไลน์ของโครงการ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของพันธมิตรทั้งหมด ซึ่งให้บริการแก่ผู้เรียนภายในโครงการทั้งหมด รวมถึงบุคคลทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษาตลอดหลักสูตรจะได้รับใบรับรองประกาศนียบัตรอีกด้วย ทั้งนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ของพันธมิตร ประกอบด้วย · สถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล กระทรวงแรงงาน: ฝึกทักษะออนไลน์หมวดโปรแกรมคอมพิวเตอร์และทักษะดิจิทัล · สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน): https://e-training.tpqi.go.th/ · ยูเนสโก: https://lll-olc.net/th/ · สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa): www.digitalskill.org/

Page 2 of 6
X

Right Click

No right click