December 13, 2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมกับ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา ในคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา (กลาง) ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศ มอบ “กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” จำนวน 25,000 สิทธิฟรี และสนับสนุนหมวกนิรภัยจำนวน 100 ชุด ให้แก่ประชาชนทั่วไป และผู้ขับขี่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ที่ 2 จากขวา) ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ โดยกรมธรรม์มีระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความอุ่นใจในการวางแผนเดินทาง สอดคล้องตามคำมั่นสัญญา ‘เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน Healthier, Longer, Better Lives’ โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก พันตำรวจเอกโอฬาร เอี่ยมประภาส รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ขวาสุด) และนายอนิรุทธ์ สิงหศิริ อนุกรรมาธิการ (ซ้ายสุด) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กองบังคับการตำรวจทางหลวง กรุงเทพมหานคร

ตั้งเป้าดูแลลูกค้าด้วยบริการวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งสู่ทายาทอย่างยั่งยืน

เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้ามอบความคุ้มครองเชิงรุกผ่านแคมเปญล่าสุด “Fight Dengue” ภายใต้โครงการ “Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีนมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอให้สามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี เพื่อป้องกันความรุนแรงจากการติดเชื้อโรคที่พบบ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่ปัจจุบันถือเป็นภัยเงียบสำหรับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังคงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และมีอัตราการระบาดได้ทุกฤดูตลอดทั้งปี ซึ่งวิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญ “Fight Dengue”  ที่เอไอเอมุ่งเสริมเกราะป้องกันโรคไข้เลือดออกให้กับคนไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยรุนแรงและภาระค่ารักษาพยาบาล พร้อมส่งเสริมให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยในงานยังได้ คุณชาย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ และคุณวิกกี้ สุนิสา เจทท์ มาร่วมพูดคุยเรื่องการดูแลสุขภาพและการป้องกันให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและคนในครอบครัว 

 

คุณเอกรัตน์ ฐิติมั่นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจประกันสุขภาพ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ เชื่อว่าการมีชีวิตที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การวางแผนทางการเงินที่รอบคอบ แต่ยังรวมไปถึงการวางแผนเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงควบคู่กันไปด้วย ปีนี้เราจึงได้ริเริ่มโครงการ ‘Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีน’ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการและนวัตกรรมการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในทางเลือกของการป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคที่พบบ่อยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้มีการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง อย่างเช่นโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยมาโดยตลอด นอกจากตัวผู้ป่วยเองจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคแล้ว ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลแก่ชีวิตหากมีโรคประจำตัวหรือภาวะแทรกซ้อน ซึ่งจากสถิติในปีที่ผ่านมาเราพบว่าในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อมากถึงหลักแสนราย และมีลูกค้าเอไอเอจำนวนมากที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคไข้เลือดออก อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนไม่น้อย และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ละครั้งยังต้องใช้ระยะเวลาเฉลี่ยถึง 4 – 5 วัน ดังนั้น ผู้ป่วยอาจต้องหยุดงาน หยุดเรียน ขาดรายได้ รวมถึงขาดโอกาสอื่น ๆ ในชีวิตช่วงที่รักษาตัว ขณะที่คนในครอบครัวย่อมได้รับผลกระทบตามมาเช่นเดียวกัน  แคมเปญ ‘Fight Dengue’ จึงเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าเอไอเอได้เข้าถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ส่งผลถึงค่ารักษาพยาบาลที่ย่อมลดน้อยลง ตลอดจนยังทำให้ลูกค้าของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น ตามพันธกิจสำคัญของเอไอเอที่ต้องการส่งเสริมผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ” 

นพ. วีรวัฒน์ มโนสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และ นายแพทย์ระดับทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้ทุกช่วงวัย โดยอาการอาจมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงอาการรุนแรงสู่ภาวะช็อก หัวใจหยุดเต้น และอาจเสียชีวิตได้ในระยะเวลาไม่กี่วัน ผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถติดเชื้อซ้ำได้ เพราะไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ และครั้งที่สองมักมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานหรือผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงก็สามารถติดเชื้อและอาการอาจจะรุนแรงได้เช่นกัน จากสถิติในปี 2567 พบว่าผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมในไทยตลอดปีมีมากถึง 105,250 ราย และเสียชีวิตถึง 112 ราย กระจายทั่วประเทศ โดยกลุ่มอายุที่มีอัตราเสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในช่วงกลุ่ม 35-44 ปี ตามมาด้วยกลุ่ม 35-44 ปี และกลุ่ม 65 ปีขึ้นไป1 โดยโรคนี้สามารถระบาดได้ตลอดปี จึงควรป้องกันอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การป้องกันยุงกัด การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้าน และที่สำคัญคือเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80-90%* การป้องกันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว” 

 

คุณชาย-ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ นักแสดงและคุณพ่อลูก 2 กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่าไข้เลือดออกเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะเป็นคนดูแลสุขภาพและไม่ค่อยป่วยหนัก คิดว่าตัวเองแข็งแรงมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วเพราะคนที่แข็งแรงก็สามารถป่วยจากโรคนี้ได้ และผมได้เห็นเพื่อนและคนรอบตัวต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากอาการที่รุนแรง เราจึงเริ่มเข้าใจว่าโรคนี้ไม่ใช่แค่โรคทั่วไป อีกอย่างเราเป็นหัวหน้าครอบครัวเรายิ่งต้องป้องกันตัวเองจากการเจ็บป่วย นอกจาการเตรียมพร้อมในการมีประกันสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยแล้ว การที่ประกันสุขภาพสามารถเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงการฉีดวัคซีนเพื่อเสริมเกราะป้องกันและลดอาการรุนแรงของโรคไข้เลือดออกเป็นการตอบโจทย์ความต้องการทางสุขภาพของลูกค้า เพราะเราไม่อยากพลาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียน หรือแม้แต่ช่วงเวลาดี ๆ ที่ควรได้ใช้ร่วมกับครอบครัวและคนสำคัญ”

“นอกจากจะต้องห่วงลูกๆ จากโรคยอดฮิตแล้วไข้เลือดออกก็เป็นอีกโรคที่สำหรับคนเป็นแม่ละเลยไม่ได้เลย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ายุงจะมากัดลูกหรือเราเมื่อไหร่ อีกอย่างไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มียุงหมด สิ่งที่วิกกี้บอกกับครอบครัวเสมอคือเราต้องใส่ใจกับการป้องกัน เพราะไข้เลือดออกมันระบาดได้ทั้งปี ไม่ใช่แค่ในช่วงหน้าฝน เราจึงไม่ควรมองข้ามเพราะไข้เลือดออกใกล้ตัวและอันตรายกว่าที่คิด วิธีป้องกันที่เริ่มจากตัวเราเองได้เช่นการเก็บบ้านไม่ให้รก เปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีบริเวณน้ำขัง เก็บขยะไปทิ้งทุกวัน อย่างกับลูกวิกกี้จะทากันยุงเมื่อต้องไปในที่ที่เสี่ยงโดนยุงกัด และอีกหนึ่งทางเลือกคือการฉีดวัคซีนที่สามารถทำควบคู่กันไปกับการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะเป็นไข้เลือดอกเมื่อไหร่ ฉะนั้นยิ่งถ้าไม่รู้ เรายิ่งต้องป้องกันค่ะ” คุณวิกกี้-สุนิสา เจทท์ นักแสดงและคุณแม่มากความสามารถ กล่าวทิ้ง

ท้ายสำหรับแคมเปญ “Fight Dengue” เอไอเอ จะมอบสิทธิพิเศษในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกสำหรับลูกค้าทั่วไป และสมาชิก AIA Prestige Club โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ลูกค้าเอไอเอสามารถเข้ารับบริการผ่านโรงพยาบาลในโครงการ AIA Smart Network ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทางสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page และ Line Official Account

เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ จัดงาน “Recruitment Kickoff 2025 - ยกระดับ “นักสร้าง” สู่ความสำเร็จ” เดินหน้าสร้างตัวแทนคุณภาพให้มีอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ พร้อมกับยกระดับตัวแทนประกันชีวิตของไทยสู่การเป็นที่ปรึกษามืออาชีพในด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ หรือ AIA Financial Advisor (AIA FA) รวมทั้งมุ่งผลักดันให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ เพื่อส่งมอบการดูแลและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่คนไทย ตลอดจนสามารถช่วยคนไทยเตรียมความพร้อมหลังเกษียณ รองรับสังคมผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต ผ่านการวางแผนสุขภาพและการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจากที่ปรึกษามืออาชีพของเอไอเอ ให้คนไทยได้มีความมั่นคงและต่อยอดความมั่งคั่งที่ยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

 

นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่เอไอเอมุ่งผลักดันในด้านการสร้างตัวแทนคุณภาพและสนับสนุนให้ตัวแทนประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่งช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางขายหลักของเอไอเอ โดยปัจจุบันเรามีตัวแทนที่ดูแลลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 55,000 ท่าน มากที่สุดในอุตสาหกรรม และในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนที่เข้าร่วมโปรแกรม AIA Financial Advisor (AIA FA) เพิ่มมากขึ้นและสามารถพิชิต Career Achievement Bonus ได้มากถึง 88 ท่าน ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด และในปีนี้เรายังคงมุ่งส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่สายอาชีพ ที่ปรึกษามืออาชีพด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ หรือ AIA Financial Advisor (AIA FA) โดยเรามีแผนที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพให้กับ AIA FA ในทุก ๆ ด้าน ผ่านคอร์สฝึกอบรมที่ทันต่อยุคสมัย ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ AIA FA Prime โดยเฉพาะ นอกจากนี้ เรายังพร้อมสนับสนุนเครื่องมือในการทำงานให้กับที่ปรึกษาของเรา ให้ทุกท่านทำงานได้ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มุ่งไปที่การส่งมอบประสบการณ์การดูแล การบริการ และคำแนะนำด้านการวางแผนสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้คนไทยมีความมั่นคงและมั่งคั่งในระยะยาว”

 

นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต เอไอเอจึงมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทนเพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการด้านประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ โดยมุ่งไปที่การสร้างที่ปรึกษาในโครงการ AIA FA Prime ที่จะสามารถช่วยลูกค้าวางแผนชีวิตหลังเกษียณให้มีความมั่นคงได้อย่างประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจำนวนตัวแทนของเอไอเอที่มี IC License มากเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในไทย ทำให้เรามีโอกาสในการช่วยสนับสนุนและดูแลด้านการเงินให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เอไอเอยังมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้านที่จะช่วยพัฒนาความสามารถของพลังตัวแทน และยกระดับศักยภาพให้เติบโตในอาชีพ ซึ่งอาชีพที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ ถือเป็นอาชีพที่มีคุณค่า และมีส่วนสำคัญในการส่งมอบความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ตลอดจนมอบอิสรภาพทางการเงินจากการวางแผนที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”

 

สำหรับงาน Recruitment Kickoff 2025 ได้รับเกียรติจากวิทยากรรับเชิญพิเศษ นายปีเตอร์ ยู ผู้อำนวยการภาคอาวุโส เอไอเอ ฮ่องกง ที่มาร่วมบรรยายและแชร์ประสบการณ์ที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว Face of FA Prime จำนวน 6 ท่าน เพื่อเป็น Brand Ambassador ในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่ปรึกษามืออาชีพด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะของความเป็นเจ้าของธุรกิจและคนรุ่นใหม่มากขึ้น เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่สนใจก้าวสู่สายอาชีพ เพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมไทยไปด้วยกันกับ เอไอเอ

มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18; กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี เพิ่มขึ้นร้อยละ 12;
ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10;
ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9;
เงินปันผลประจำปีต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10; โครงการซื้อหุ้นคืน มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

ผลประกอบการของธุรกิจใหม่

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็น 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • ทุกภาคส่วนธุรกิจ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เป็น 8,606 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • กำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 9 จุด เป็นร้อยละ 54.5

มูลค่าพื้นฐานของกิจการ

  • ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ต่อหุ้น
  • กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 10,025 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ต่อหุ้น
  • อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย อยู่ที่ร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้น 200 จุด จากร้อยละ 12.9 ในปี 2566

รายงานทางการเงิน (IFRS)

  • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,605 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อหุ้น
  • กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569
  • อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ร้อยละ 8 เพิ่มขึ้นมา 130 จุด จากร้อยละ 13.5 ในปี 2566

เงินกองทุนส่วนเกิน

  • มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,327 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อหุ้น
  • เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG)(3) อยู่ที่ 4,020 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่
  • อัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้น(4) อยู่ที่ร้อยละ 236 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567

เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน

  • เงินปันผลประจำปีเเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
  • โครงการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐ(5) เป็นไปตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา
  • ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 ผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า:“เอไอเอมีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมมากในปี 2567 จากผลกำไรของธุรกิจใหม่ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และเงินกองทุนส่วนเกิน เรายังคงมุ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจากการดำเนินงานและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเราได้คืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เป็นมูลค่ากว่า 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทุกภาคส่วนธุรกิจมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของธุรกิจของเรา ธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรต่อเนื่องส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัยต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หลังจากการจ่ายคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน

“ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ คณะกรรมการได้แนะนำให้เพิ่มเงินปันผลประจำปีร้อยละ 10 คิดเป็น 130.98 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดเงินปันผลรวมต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในปี 2567 นอกจากนี้ ตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเรา คณะกรรมการได้ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงินจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายปันผลร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิประจำปี (Net FSG) และเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามการตรวจสอบสถานะเงินทุนของกลุ่มบริษัทเป็นประจำ เมื่อรวมกันแล้ว การจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนรวม(6) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 สำหรับผู้ถือหุ้น

“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ดีและแตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในตลาดที่มีความน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายอันแน่วแน่ของเรา ผมมั่นใจว่าโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอยังคงยอดเยี่ยม เราจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเราได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเรา”

X

Right Click

No right click