เทรนด์การส่งบุตรหลานไปเรียนต่างประเทศของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มีจุดหมายอยู่ที่อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ

จากความต้องการเรียนต่อต่างประเทศทำให้การเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเติบโต ส่งผลให้กว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้มีการเปิดตัวของโรงเรียนนานาชาติในไทย จาก 10 กว่าแห่ง เพิ่มเป็นหลัก 100 และขยับเป็น 234 แห่งในปัจจุบัน กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ 122 แห่ง และในจังหวัดสำคัญ เช่น ภูเก็ต ชลบุรี นนทบุรี เป็นต้น  โดย หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ ระบบอังกฤษ ที่เน้นการเรียนรู้วิชาการ โดยสามารถเลือกเรียน A-Level หรือ IB Diploma ตอน Year 12-13 (ขึ้นอยู่กับโรงเรียน), ระบบอเมริกา เรียนรู้ผ่านกิจกรรมควบคู่ไปกับวิชาการ

โรงเรียนนานาชาติในไทยเติบโตไม่หยุด

การส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนนานาชาติในไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ตัวเลขจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (International Schools Association of Thailand : ISAT) คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในปี 2566 ประมาณ 70,000 ล้านบาท ขณะที่จำนวนนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ขยายตัวเป็น 65,000-75,000 คน เติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี

กลุ่มเป้าหมายหลักมีทั้งครอบครัวคนไทยที่วางแผนส่งลูกเข้าเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยระดับท็อปในต่างประเทศ  รวมทั้งจากครอบครัวผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัว และผู้ปกครองจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา รวมถึงจีน ที่มองไทยเป็นประเทศน่าอยู่ การศึกษาได้มาตรฐาน ค่าเรียนมีความเหมาะสม และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งไปเรียนที่ประเทศอื่น  

Sixth Form เวลาทองของการศึกษา

มร.คริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ (Wellington College Bangkok)  กล่าวว่า Sixth Form หรือ Year 12 และ Year 13 นับเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่สำคัญของการเรียนก่อนก้าวสู่การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก  ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ มีการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่ตนเลือก โรงเรียนจึงมีการช่วยเหลือนักเรียนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย การสมัครเข้าเรียน การเขียนเรียงความ การเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมมากที่สุด รวมถึงยังมีการสอนทักษะที่สำคัญที่ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นการเรียนแบบพึ่งพาตัวเอง และ อาศัยการคิดวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งถ้าหากนักเรียนทำได้ดี มีผลงานโดดเด่น ก็จะเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยชั้นนำ

จากการที่ โรงเรียนเวลลิงตันคอลเลจ เป็นสมาชิกของ CIS หรือ Council of International School ทำให้โรงเรียนมีการติดต่อโดยตรงกับ Admission ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เป็นการช่วยนักเรียนด้านการเตรียมความพร้อมได้อย่างเต็มที่

Realise Your Potential ค้นพบศักยภาพที่เป็นตัวคุณ

เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ใช้หลักสูตร A-Level ในระดับ Sixth Form เพราะ A-Level เป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย หากคะแนน A-Level สูงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดสามารถใช้คะแนน A-Level ยื่นเข้าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องสอบเข้าอีก และมีการเปิดสอนคลอบคลุม ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ การออกแบบและเทคโนโลยี, วิทยาการคอมพิวเตอร์, ธุรกิจ, การละคร, ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และอื่นๆ รวม 20 สาขาวิชา

ขณะเดียวกันที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ยังเน้นส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง และมีความสุขกับการเรียน โดยมีครูผู้มากประสบการณ์ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น Oxford และ Cambridge มาสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กแต่ละคน ที่สำคัญ เวลลิงตันคอลเลจ เป็นโรงเรียนแรกของประเทศอังกฤษที่มีการนำ Happiness & Wellbeing หรือทักษะการมีชีวิตที่ดี เข้ามาอยู่ในหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ สอนให้รู้จักการแก้ไขปัญหาแต่ละด้าน ไปจนถึงการดูแลจิตใจของตัวเอง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและการทำงานที่สำคัญ

นอกจากนี้ ตลอดการเรียนจะมีกิจกรรมส่งเสริมทักษะเพิ่มเติม ทั้งดนตรี กีฬา หรือ สายเทคโนโลยี โดยส่งเสริมทักษะในรูปแบบของ Personalised Education หรือ จัดการสอนตามความถนัดและศักยภาพของแต่ละคน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรองรับความสนใจที่หลากหลาย

1Million Baht Award โอกาสเข้าถึงแหล่งความรู้ระดับโลก

1 Million baht Award” เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางการศึกษาที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เปิดให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ Year 11 ในโรงเรียนนานาชาติ ที่สนใจอยากมาศึกษาต่อในระดับ Sixth Form (Year 12-13) ที่ เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ ด้วยการมอบทุนการศึกษา 1,000,000 บาท เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลา 2 ปี ที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ก่อนก้าวไปสู่การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลก

“ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ที่เวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ เป็นโรงเรียนที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้นักเรียนทุกคนได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่”

1 Million baht Award โอกาสดี ๆ สำหรับนักเรียน Year 11 (อายุ 15-16 ปี)  ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน ผู้ปกครองที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการรับทุนการศึกษา และ นัดหมายเข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือโทร 02-0878888

เตรียมมอบข้อเสนอพิเศษให้ผู้สำรองห้องพักล่วงหน้า เพื่อสัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ในระดับตำนาน

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้ามอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน มอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ได้รับประสบการณ์สุดพิเศษอิ่มอร่อยเกินคุ้มอย่างต่อเนื่อง กับโปรโมชันสุดพิเศษ กิน 1,000.- ลด 100.- ในแคมเปญTasty Asian” มอบส่วนลด เมื่อใช้บริการ 9 ร้านอาหารเด็ดสไตล์เอเชียน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 30 มิถุนายน 2567 นี้ ดังนี้

สิทธิพิเศษ 1: รับส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารและมียอดใช้จ่ายครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ณ 9 ร้านอาหารชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ ร้านบ้านหญิง ร้านขมิ้น คูซีน & คาเฟ่ ร้านเอี่ยวไถ่ ร้านฮิโตริ ชาบู ร้านมากุโระ ร้านแซมาอึล ร้านแซมาอึล เอ็กซ์เพรส ร้านซูชิโร่ ร้านทงชินราเมง จำกัดส่วนลด 1 สิทธิ์ / โต๊ะ / ใบเสร็จ / วัน / ร้าน โดยตรวจสอบจำนวนสิทธิ์ส่วนลดของแต่ละร้านก่อนใช้บริการ รับสิทธิ์ด้วยการสแกน QR Code ที่สื่อประชาสัมพันธ์แต่ละร้านเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch

สิทธิพิเศษ 2: แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมทุก 1,000 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve infinite และ บัตรเครดิต ttb reserve signature ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 120 บาท บัตรเครดิต ttb อื่น ๆ ทุก 1,000 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 100 บาท จำกัดการแลกคะแนนสะสม 4,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน สูงสุด 12,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย เพียงส่ง SMS ทุกครั้งที่ต้องการแลกคะแนน พิมพ์ TSTY ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลกทุก 1,000 คะแนน แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่หมายเลข 4806026 โดยทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าใช้เท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 73 ปี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่งคงแข็งแกร่งแบรนด์ประกันระดับโลก นำทีมผู้บริหารระดับสูง พนักงาน และตัวแทนฝ่ายขาย ร่วมทำบุญตักบาตรอาหารแห้ง ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 18 รูป พร้อมนิมนต์พระครูสมุห์สมเกียรติ สุรญาโณ (พระอาจารย์กี้) เจ้าอาวาส วัดสบสวรรค์ ประพรมน้ำมนต์เสริมความสิริมงคลให้แก่บริษัทและพนักงานอีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดวัน อาทิ หน่วยบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ สภากาชาดไทย ธนาคารขยะรีไซเคิล จาก Recycle Day ชุมชนแลกเปลี่ยนสินค้าแฟชั่น จาก Swoop Buddy จุดรับบริจาคอาหารเข้าธนาคารอาหาร จัดแพคถุงยังชีพ จากมูลนิธิ SOS ณ สำนักงานใหญ่ อาคารเพลินจิตทาวเวอร์

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ปรับโครงสร้างสายงานธุรกิจประกันภัยตามภูมิภาคเพื่อความคล่องตัวในด้านการบริหาร พร้อมแต่งตั้ง มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง (Generali Investments Holding หรือ GIH) โดยมี มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Mr. Philippe Donnet) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ รับตำแหน่งประธานกรรมการของ เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง

มร.อันเดรีย ซิโรนี ประธาน คณะกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ อนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ที่สะท้อนถึงธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ตามที่ มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ เสนอต่อที่ประชุม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป กลุ่มเจนเนอราลี่จะดำเนินงานในฐานะกลุ่มบริษัททางการเงินที่ให้บริการครบวงจร โดยมุ่งเน้น 2 ธุรกิจหลัก อันได้แก่ ภาคธุรกิจประกันภัย และการบริหารจัดการสินทรัพย์

การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญนี้ มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและตอบสนองต่อเป้าหมายทางธุรกิจหลักทั้งธุรกิจประกันภัยและธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth ในการเป็นเพื่อนผู้เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เจนเนอราลี่สามารถคว้าโอกาสในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะต่อไป

โดยแต่งตั้งให้ มร. จูลิโอ แตร์ซาริโอล (Mr. Giulio Terzariol) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย บริหารงานในส่วนของ “ธุรกิจประกันภัย” อันมีเป้าหมายในการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจประกันภัยทั่วโลก มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างความสอดคล้องของกลยุทธ์ และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตลาดมากขึ้น เพื่อให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับและคล่องตัว โดยได้บูรณาการหน่วยธุรกิจ DACH (เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์) และหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จัดโครงสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของสายงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจระดับประเทศ ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ และ 3 ภูมิภาค ได้แก่ เมดิเตอร์เรเนียนและละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออกตอนกลาง และเอเชีย โดยมี มร.ไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ (Mr. Jaime Anchústegui) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย และเป็นตัวแทนในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่น บริหารความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมทุน ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการประกันภัยระดับโลก และ มร. จิโอวานนี่ ลิเวรานี่ (Mr. Giovanni Liverani) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจ DACH จะเข้ามารับบทบาทใหม่

ด้านธุรกิจ “เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง” (Generali Investments Holding หรือ GIH) จะเข้ามาแทนที่หน่วยธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งเดิม โดยจะดูแลกิจกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดทั่วโลกภายในกลุ่มบริษัท ยกเว้นบางส่วนที่ดำเนินการในประเทศจีน GIH มุ่งเน้นการมอบประสิทธิภาพและบริการระดับโลกให้แก่ลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจไปยังลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัททั่วโลก และเพื่อให้เป้าหมายนี้บรรลุผล GIH จะอาศัยทั้งศักยภาพการลงทุนที่มีอยู่เดิม เสริมด้วยศักยภาพใหม่ ๆ ที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Conning Holdings Limited) และบริษัทในเครือ รวมถึงความแข็งแกร่งจากความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ (Cathay Life) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยมี มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง และจะยังคงบทบาทปัจจุบันในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ทางด้าน มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ จะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง ขณะที่ มร. คาร์โล ตราบัตโตนี่ (Mr. Carlo Trabattoni) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง จะเข้ารับหน้าที่ใหม่ภายใต้สายงานบริหารสินทรัพย์

นอกเหนือจากนี้ ธนาคารเจนเนอราลี่ (Banca Generali) ภายใต้การบริหารของ มร.เจียน มาเรีย มอสซา (Mr. Gian Maria Mossa) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและโซลูชั่นการบริหารความมั่งคั่งอย่างคลอบคลุมต่อไป

มร .เดวิด ซิส (Mr. David Cis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มเจนเนอราลี่ ซึ่งรายงานตรงต่อ มร.มาร์โก เซซานา (Mr. Marco Sesana) ผู้จัดการทั่วไป โดยจะเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารของกลุ่มฯ มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการบริการให้เป็นเลิศ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ และการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วม มาประยุกต์ใช้

ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท (Group Head Office) ยังคงรับผิดชอบกำหนดยุทธศาสตร์หลักและเป้าหมายองค์กร ควบคู่ไปกับการบริหาร จัดการ และสนับสนุนหน่วยธุรกิจทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับแผนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ

มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “กลุ่มเจนเนอราลี่ ประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ระดับโลกด้านธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน ความมุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคำนึงถึงความยั่งยืน ในส่วนของสายงานบริหารสินทรัพย์นั้น การเข้าซื้อกิจการของบริษัทคอนนิ่งตลอดจนถึงความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน เสริมฐานลูกค้าต่างชาติ มุ่งขยายธุรกิจกับลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัท และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดสำคัญต่างๆ  เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มเจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งใน 10 ผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรป สำหรับสายงานประกันภัย มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในตลาดหลัก ผ่านความเป็นเลิศด้านเทคนิค การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และการปรับบริการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าแม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างองค์กรใหม่ที่เน้นธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์ และความคล่องตัวในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทฯ จะสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจในอนาคต สนับสนุนการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะยาว”

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ปรับโครงสร้างสายงานธุรกิจประกันภัยตามภูมิภาคเพื่อความคล่องตัวในด้านการบริหาร พร้อมแต่งตั้ง มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง (Generali Investments Holding หรือ GIH) โดยมี มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Mr. Philippe Donnet) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ รับตำแหน่งประธานกรรมการของ เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง

มร.อันเดรีย ซิโรนี ประธาน คณะกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ อนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ที่สะท้อนถึงธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ตามที่ มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ เสนอต่อที่ประชุม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป กลุ่มเจนเนอราลี่จะดำเนินงานในฐานะกลุ่มบริษัททางการเงินที่ให้บริการครบวงจร โดยมุ่งเน้น 2 ธุรกิจหลัก อันได้แก่ ภาคธุรกิจประกันภัย และการบริหารจัดการสินทรัพย์

การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญนี้ มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและตอบสนองต่อเป้าหมายทางธุรกิจหลักทั้งธุรกิจประกันภัยและธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth ในการเป็นเพื่อนผู้เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เจนเนอราลี่สามารถคว้าโอกาสในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะต่อไป

โดยแต่งตั้งให้ มร. จูลิโอ แตร์ซาริโอล (Mr. Giulio Terzariol) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย บริหารงานในส่วนของ “ธุรกิจประกันภัย” อันมีเป้าหมายในการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจประกันภัยทั่วโลก มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างความสอดคล้องของกลยุทธ์ และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตลาดมากขึ้น เพื่อให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับและคล่องตัว โดยได้บูรณาการหน่วยธุรกิจ DACH (เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์) และหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จัดโครงสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของสายงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจระดับประเทศ ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ และ 3 ภูมิภาค ได้แก่ เมดิเตอร์เรเนียนและละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออกตอนกลาง และเอเชีย โดยมี มร.ไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ (Mr. Jaime Anchústegui) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย และเป็นตัวแทนในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่น บริหารความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมทุน ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการประกันภัยระดับโลก และ มร. จิโอวานนี่ ลิเวรานี่ (Mr. Giovanni Liverani) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจ DACH จะเข้ามารับบทบาทใหม่

ด้านธุรกิจ “เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง” (Generali Investments Holding หรือ GIH) จะเข้ามาแทนที่หน่วยธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งเดิม โดยจะดูแลกิจกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดทั่วโลกภายในกลุ่มบริษัท ยกเว้นบางส่วนที่ดำเนินการในประเทศจีน GIH มุ่งเน้นการมอบประสิทธิภาพและบริการระดับโลกให้แก่ลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจไปยังลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัททั่วโลก และเพื่อให้เป้าหมายนี้บรรลุผล GIH จะอาศัยทั้งศักยภาพการลงทุนที่มีอยู่เดิม เสริมด้วยศักยภาพใหม่ ๆ ที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Conning Holdings Limited) และบริษัทในเครือ รวมถึงความแข็งแกร่งจากความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ (Cathay Life) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยมี มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง และจะยังคงบทบาทปัจจุบันในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ทางด้าน มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ จะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง ขณะที่ มร. คาร์โล ตราบัตโตนี่ (Mr. Carlo Trabattoni) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง จะเข้ารับหน้าที่ใหม่ภายใต้สายงานบริหารสินทรัพย์

นอกเหนือจากนี้ ธนาคารเจนเนอราลี่ (Banca Generali) ภายใต้การบริหารของ มร.เจียน มาเรีย มอสซา (Mr. Gian Maria Mossa) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและโซลูชั่นการบริหารความมั่งคั่งอย่างคลอบคลุมต่อไป

มร .เดวิด ซิส (Mr. David Cis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มเจนเนอราลี่ ซึ่งรายงานตรงต่อ มร.มาร์โก เซซานา (Mr. Marco Sesana) ผู้จัดการทั่วไป โดยจะเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารของกลุ่มฯ มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการบริการให้เป็นเลิศ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ และการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วม มาประยุกต์ใช้

ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท (Group Head Office) ยังคงรับผิดชอบกำหนดยุทธศาสตร์หลักและเป้าหมายองค์กร ควบคู่ไปกับการบริหาร จัดการ และสนับสนุนหน่วยธุรกิจทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับแผนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ

มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “กลุ่มเจนเนอราลี่ ประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ระดับโลกด้านธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน ความมุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคำนึงถึงความยั่งยืน ในส่วนของสายงานบริหารสินทรัพย์นั้น การเข้าซื้อกิจการของบริษัทคอนนิ่งตลอดจนถึงความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน เสริมฐานลูกค้าต่างชาติ มุ่งขยายธุรกิจกับลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัท และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดสำคัญต่างๆ  เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มเจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งใน 10 ผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรป สำหรับสายงานประกันภัย มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในตลาดหลัก ผ่านความเป็นเลิศด้านเทคนิค การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และการปรับบริการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าแม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างองค์กรใหม่ที่เน้นธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์ และความคล่องตัวในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทฯ จะสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจในอนาคต สนับสนุนการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะยาว”

เนื่องในโอกาสวันคุ้มครองโลก วัตสัน แบรนด์สุขภาพและความงามชั้นนําของ เอเอส วัตสัน กรุ๊ป ได้ถือโอกาสเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษ ‘Blue Beauty’ ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Naturals by Watsons ในตลาดฮ่องกง ไทย และไต้หวัน พร้อมกลยุทธ์ขยายตลาดไปยังมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

ในแต่ละปี มหาสมุทรต้องประสบปัญหาขยะพลาสติกมากถึง 14 ล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนักของปลาวาฬสีน้ำเงินกว่า 140,000 ตัว โดยภายในปี 2593 น้ำหนักของพลาสติกในมหาสมุทรคาดว่าจะมีน้ำหนักมากกว่าปลาที่อาศัยอยู่ โดยปัจจัยหลักของปัญหาเกิดจากการจัดการขยะที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ขยะพลาสติกเหล่านี้มาจากบริเวณห่างจากชายฝั่งไม่เกิน 50 กิโลเมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลอย่างน้อย 700 ชนิด และนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของสัตว์ทะเลมากถึง 100 ล้านตัวต่อปี

คุณมาลีนา ไหง ประธานกรรมการบริหาร เอเอส วัตสัน  กล่าวว่า "พลาสติกในมหาสมุทรส่งผลกระทบในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลหรือสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของมนุษย์ วัตสันได้เข้าใจถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ Blue Beauty รุ่นพิเศษของ Naturals by Watsons ที่ขวดของผลิตภัณฑ์ทํามาจากพลาสติกรีไซเคิล 100% จากมหาสมุทร โดยแนวคิดนี้ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญของเราในการส่งเสริมความยั่งยืนอย่างไม่หยุดยั้ง ความมุ่งมั่นของเราในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าร่วมรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้พวกเขาดูแลความสวยงามของผิวพรรณพร้อมกับดูแลโลกของเราอย่างยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน"

สืบเนื่องจากการบรรลุเป้าหมายของโครงการรณรงค์สิ่งแวดล้อมในครั้งก่อน ที่การซื้อผลิตภัณฑ์ Naturals by Watsons แต่ละครั้งของผู้บริโภคจะมีค่าเท่ากับการปลูกต้นไม้หนึ่งต้น ปัจจุบัน วัตสัน ประเทศไทย ได้ขยายความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมระบบนิเวศทางทะเลมากยิ่งขึ้นในปี 2567 ภายใต้ความเข้าใจถึงบทบาทสําคัญของมหาสมุทรที่มีต่อระบบนิเวศและสุขภาพของผู้คนทั่วโลก วัตสันได้ร่วมมือกับมูลนิธิรักษ์ไทยเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ทางทะเล โดยทุกชิ้นของผลิตภัณฑ์ Naturals by Watsons ที่ถูกซื้อ วัตสันจะนำยอด 1 บาทต่อหนึ่งขวด ไปบริจาคให้กับโครงการทําความสะอาดขยะทะเลที่เกาะเต่าภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิรักษ์ไทย ที่มีเป้าหมายในการมุ่งลดมลพิษ อีกทั้งยังปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเล รักษาความงามและความหลากหลายทางชีวภาพของมหาสมุทรในประเทศไทย วัตสัน ประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงพันธกิจในการดูแลและปกป้องสิ่งแวดล้อมทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าโลกจะมีสุขภาพดีขึ้นสําหรับคนรุ่นต่อไป

"ทุกการตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีบทบาทสําคัญในการปกป้องโลกของเราทั้งหมด ความพยายามของเราจึงนำมาสู่การเพิ่มจํานวนผลิตภัณฑ์ Sustainable Choices กว่า 9,700 รายการ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ส่วนตัว เราทําให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนได้มากขึ้น ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกในชีวิตประจําวัน เราหวังว่าจะช่วยให้ลูกค้าของเราดูดี ทําดีและได้รับความรู้สึกดี ๆ ไปพร้อมกับเรา จากการดูแลโลกใบนี้" คุณมาลีนา กล่าวเสริม

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (กลางซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 29,402,285 บาท สมทบทุนเข้าโครงการอุปการะเด็กในมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ครอบครัวและชุมชนยากไร้ ซึ่งเผชิญกับปัญหาความยากจน รวมทั้งช่วยให้ครอบครัวและชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้ร่วมกันบริจาคผ่านการใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER และบัตรเครดิตเคทีซี โดยมีดร.สราวุธ ราชศรีเมือง (กลางขวา) ผู้อำนวยการ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ให้เกียรติรับมอบ ณ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง เมื่อเร็วๆ นี้ 

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรสาธารณกุศลเพื่อการพัฒนาและการรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคม โดยดำเนินพันธกิจช่วยเหลือเด็ก ผ่านการทำงานร่วมกับครอบครัวและชุมชน เพื่อเอาชนะปัญหาความยากจนและความไม่ยุติธรรมในสังคม ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตเด็ก และชุมชนที่เปราะบางยากไร้ที่สุดโดยไม่มีการแบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ภาษาและศาสนา โดยมูลนิธิฯ มีเป้าหมายจะช่วยเหลือเด็ก 3 ล้านคนที่อยู่ในภาวะเปราะบางให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นภายในปี 2025 ปัจจุบันมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ดำเนินงานใน 36 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย และมีเด็กในความอุปการะ 38,479 คน

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์  จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ และ จูเลียส แบร์ (Julius Baer) ประกาศแต่งตั้ง นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด คนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567

“บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์  จูเลียส แบร์ จำกัด” (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง “ธนาคารไทยพาณิชย์” ธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกของประเทศ และ “จูเลียส แบร์” (Julius Baer) ผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และหนึ่งในสี่ผู้ให้บริการธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งรายใหญ่ของเอเชีย ประกาศแต่งตั้งนายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด คนใหม่ เพื่อนำทัพไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย

นายพีรพงศ์มีประสบการณ์การทำงานด้านการเงินการลงทุนมากว่า 27 ปี ในสถาบันการเงินชั้นนำ ครอบคลุมด้านการบริหารความมั่งคั่งในผลิตภัณฑ์การลงทุนและทรัพย์สินหลากหลายประเภท การสร้างกลยุทธ์การลงทุนให้กับลูกค้า รวมถึงการวางแผนการดำเนินงานเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจให้กับองค์กร

นอกจากนี้ นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบัน จะดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ด้านนโยบายภาพกว้าง เพื่อความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแนวทางการทำงานและดำเนินธุรกิจขององค์กรต่อไป

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ พร้อมนำความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การวางแผนและบริหารความมั่งคั่ง ตลอดจนประสบการณ์ในการดูแลลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงทั่วโลกกว่า 130 ปี ของจูเลียส แบร์ มาผสานเข้ากับจุดแข็งของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง มาใช้ในการดูแลเพื่อเพิ่มคุณค่าและขยายโอกาสในการลงทุนทั่วโลกแบบไร้พรมแดน ให้แก่ลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงชาวไทยที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้งนายพีรพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ โดยนายพีรพงศ์ เป็นผู้บริหารที่คร่ำหวอดในแวดวงการเงินการลงทุนเป็นอย่างดี และมีประสบการณ์ในตลาดเงินตลาดทุนมานานกว่า 27 ปี ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมกองทุนรวมระดับประเทศ ครอบคลุมทุกมิติของการบริหารจัดการความมั่งคั่ง เราเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำทัพของนายพีรพงศ์จะสามารถขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs/ HNWIs) ของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงจุดยืนของการเป็นผู้นำบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแก่ลูกค้าแบบมืออาชีพที่ได้มาตรฐานระดับเวิลด์คลาส ตอกย้ำความมุ่งมั่นYour Legacy. Our Promise.” ของ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ผ่านการรักษาคุณค่าและช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญสามารถวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน”

มร.จิมมี่ ลี (Jimmy Lee) ประธานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ธนาคารจูเลียส แบร์ และกรรมการบริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด เปิดเผยว่า “เราเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนของนายพีรพงศ์ ผนวกกับประสบการณ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งระดับสูงของนางสาวลลิตภัทร แสดงให้ถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการยกระดับบริการเวลธ์แมเนจเม้นท์ของเรา จากประสบการณ์ในการดูแลลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงระดับสากลอันยาวนานผสานกับความก้าวหน้าทางนวัตกรรมที่ช่วยเสริมแกร่งศักยภาพของเราให้โดดเด่นเสมอมา นับเป็นข้อพิสูจน์ถึงคำมั่นสัญญาของ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ในการเสนอบริการและคำแนะนำที่เหนือระดับแก่ลูกค้า พร้อมช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเราจะยังคงยืนหยัดเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าสามารถเชื่อมั่นในศักยภาพท่ามกลางอุตสาหกรรมเวลธ์แมเนจเม้นท์ของเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตอกย้ำบทบาทผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงอย่างแท้จริง” 

เดินหน้าปลูกป่า 1 ล้าน ตร.ม. สร้างพื้นที่สีเขียว มุ่งสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนครบวงจร ตามปรัชญา “Go Beyond Dreams”

X

Right Click

No right click