ได้รับแรงสนับสนุนจากธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศ และกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดแถลงข่าวแนวนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ คปภ. อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จึงได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและธุรกิจประกันภัยในมิติต่าง ๆ ตลอดจนโครงการและแนวนโยบายในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาปรับปรุงและต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตนจึงให้ความสำคัญกับ
การทำงานร่วมกับพนักงาน คปภ. และได้รับความร่วมมือจากพนักงาน คปภ. อย่างดียิ่ง จึงสามารถกำหนดแนวนโยบายและทิศทางในการกำกับธุรกิจประกันภัยนับจากนี้ให้ออกมาชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

จากข้อมูลการเติบโตของเบี้ยประกันภัยในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ได้ส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนว่าหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจประกันภัยมีความเข้มแข็ง โดยเห็นได้จากการที่ธุรกิจมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต 3.92% ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัย มีอัตราการเติบโต 5.16% โดยคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2566 เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ (891,621 – 927,377 ล้านบาท)

สำหรับแนวโน้มและความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อสำนักงาน คปภ. และธุรกิจประกันภัยไทยมี 7 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน และสถานีหรือจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังถูกพัฒนาและเพิ่มจำนวนขึ้น ประเด็นที่ 2 สังคมผู้สูงอายุและชีวิตหลังเกษียณ ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ในปี 2575 ถือเป็นโอกาสของภาคธุรกิจประกันภัยที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ประเภท ประกันภัยสุขภาพ ประกันชีวิตแบบบำนาญ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดผู้สูงอายุ ประเด็นที่ 3 ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ นอกเหนือจากสังคมผู้สูงอายุที่เป็นปัจจัยเร่งแล้ว การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ Medical inflation ส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยสุขภาพ และมีความต้องการประกันภัยสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ประเด็นที่ 4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โจทย์คือทำอย่างไร ธุรกิจประกันภัยจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น ภายใต้การดูแลลูกค้าที่เหมาะสมและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ ประเด็นที่ 5 การเข้าถึงลูกค้า โดยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เฉพาะบุคคลมากขึ้น ประเด็นที่ 6 การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) และประเด็นที่ 7 การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยการออกกฎเกณฑ์และมาตรฐานใหม่ ๆ เช่น PDPA TFRS17 ICPs และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ เลขาธิการ คปภ. กล่าวถึง แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ใน 5 มิติหลัก ๆ คือ มิติแรก การยกเครื่องการกำกับดูแลความเสี่ยงและการตรวจสอบบริษัทประกันภัย มุ่งสร้างความแข็งแกร่ง มั่นคง และความน่าเชื่อถือให้กับระบบประกันภัย เพื่อตอกย้ำความมั่นใจและสร้างศรัทธาให้กับประชาชน โดยยกระดับมาตรฐานการกำกับความมั่นคงและการตรวจสอบบริษัทประกันภัย อาทิ มุ่งสู่การตรวจสอบเชิงรุก ยกระดับระบบตรวจสอบความเสี่ยงและสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า
การเพิ่มศักยภาพในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย ยกระดับการอนุมัติกรมธรรม์ และส่งเสริมบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย มิติที่ 2 สร้างความแข็งแกร่ง มั่นคง และความน่าเชื่อถือให้กับระบบประกันภัย เพื่อตอกย้ำความมั่นใจและสร้างศรัทธาให้กับประชาชน โดยกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อมุ่งสู่ Consolidation แก้ไขกฎหมายในกลุ่มที่ 2 และ 3 เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจประกันภัย และขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยไปพร้อมกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน โดยการจัดทำ Service Level Agreement (SLA) ของธุรกิจประกันภัย มิติที่ 3 ผลักดันให้การประกันภัยเป็นกลไกขับเคลื่อนชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของคนในชาติ “ประชาชนทำประกันภัยด้วยความเชื่อมั่น บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ประเทศมีความมั่งคั่ง” โดยส่งเสริมให้การประกันภัยเป็น Financial Well-being ของประชาชนทุกคน “ประกันภัยที่ประชาชนเข้าถึงได้ เข้าถึงง่าย และอยากเข้าถึง” ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้าไปรองรับทุกช่วงการใช้ชีวิตของคนตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ และตาย อย่างตรงจุด ยุติธรรม เต็มไปด้วยคุณค่า และเปิดให้มีการลงทุนประเภทใหม่ของบริษัทประกันภัย ภายใต้หลัก Risk Proportionality มิติที่ 4 ยกระดับประกันภัยไทยให้ก้าวล้ำนำสมัยในระดับสากล โดยเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับการประเมินโครงการ Financial Sector Assessment Program หรือ FSAP และผลักดันให้มี Insurance Community หรือ Insurance Institute ระดับนานาชาติ และมิติที่ 5 การสร้างคนให้มีความสามารถอย่างโดดเด่น มีคุณภาพสูง และมีเป้าหมายเดียวกันในการขับเคลื่อนให้สำนักงาน คปภ. เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย โดยการปรับโครงสร้างการทำงานของสำนักงาน คปภ. ให้เป็น Team-based Structure หรือ Matrix Structure เพื่อให้การกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในภาพรวมมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้บุคลากรแสดงศักยภาพโดยมุ่งเน้นความสำเร็จของงานผ่านการวางเป้าหมายและวัดผลที่ชัดเจน

เลขาธิการ คปภ. ขอเน้นย้ำว่า ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง รวมถึงสำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยไทย และมุ่งหวังให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีบริษัทที่อาจมีความเสี่ยงด้านฐานะและความมั่นคงทางการเงิน สำนักงาน คปภ. จะใช้มาตรการเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ สั่งให้บริษัทวางเงินสำรองเพิ่มเติมให้ครอบคลุมกับภาระหนี้สินที่มีต่อผู้เอาประกันภัย เพื่อเป็นหลักประกันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

“ในช่วง 4 ปี นับจากนี้ไป ผมอยากเห็นอุตสาหกรรมประกันภัยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และมุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยของประชาชนอย่างยั่งยืน และสนับสนุนประกันภัยให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการบริหารความเสี่ยงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ยกขบวนสินค้าราคาสุดคุ้มมาให้ช้อป พร้อมแจกโค้ดส่วนลดเพิ่มอีก 15%

ภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่าง ๆ รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในทุกมิติ ในปัจจุบัน หลายองค์กรได้บูรณาการความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ซึ่งหมายความว่าหลายภาคอุตสาหกรรมจะต้องการผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเติมเต็มความต้องการที่กำลังเติบโตในสายงานด้านนี้ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังขาดแคลนความแตกต่างหลากหลายของผู้มีความรู้ความสามารถ ความไม่สมดุลของจำนวนเพศชายและหญิงยังคงปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนในสายงานด้านนี้ โดยพบว่า ในปี 2565 มีผู้หญิงจำนวนคิดเป็นสัดส่วนแค่ 25%[1] ที่ทำงานในด้านนี้ ทั้งนี้ ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมผู้มีความรู้ความสามารถเพื่อให้รองรับกับความท้าทายที่เกิดจากอาชญากรไซเบอร์ในปัจจุบัน  หนึ่งในความพยายามดังกล่าวคือความร่วมมือระหว่างหัวเว่ย และ สกมช. ในการจัดการแข่งขัน 'Women Thailand Cyber Top Talent 2023' โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความรู้ความสามารถให้แก่แรงงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างภูมิทัศน์ดิจิทัลที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น

พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้กล่าวถึงโครงการจัดการแข่งขันครั้งนี้ว่า “ในประเทศไทยมีจำนวนผู้หญิงที่ทํางานในสายไซเบอร์ซีเคียวริตี้คิดเป็น 3% ของแรงงานทั้งหมด เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 10% เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับหัวเว่ยในการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์หญิงในประเทศและส่งเสริมความหลากหลายทางเพศให้กับอุตสาหกรรมไอทีด้วยการจัดการแข่งขัน ‘Women Thailand Cyber Top Talent 2023’ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ เพิ่มทักษะ และพัฒนาประสบการณ์ ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นอกจากนี้ หัวเว่ย และ สกมช. ไม่เพียงแต่มองเห็นการเสริมศักยภาพของผู้หญิงในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เท่านั้น แต่ทั้งสององค์กรมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตซึ่งให้ความสำคัญกับความหลากหลายซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรมและความเป็นเลิศในโลกดิจิทัลที่พัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว”

การแข่งขัน ‘Women Thailand Cyber Top Talent 2023’ ประกอบไปด้วยการแข่งขันในรอบคัดเลือกผ่านระบบออนไลน์ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 218 ทีมจากสามระดับ ได้แก่ ระดับนักเรียน (Junior) ระดับนักศึกษา (Senior) และระดับประชาชนทั่วไป (Open) รวมผู้เข้าแข่งขันทั้ง 3 ระดับ กว่า 407 คน และมีการจัดการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศแบบออนไซต์ เพื่อเฟ้นหาทีมชนะเลิศในแต่ละระดับจากทีมที่ได้รับคัดเลือกจํานวน 30 ทีม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้าน ICT ให้แก่ผู้หญิงและผู้มีเพศสภาพหญิง ซึ่งจะปูทางไปสู่การสร้างผู้มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัลที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ การแข่งขันยังเป็นการยกระดับความรู้ ทักษะ ให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงศักยภาพด้านต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ และยังช่วยให้ประเทศไทยมีแรงงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอกับความต้องการในปัจจุบันและในอนาคต

น.ส. พิมพ์ชนก อุตตะมี ตัวแทนผู้ชนะจากทีม 'NR01' ในระดับนักเรียน (Junior) กล่าวว่า "การได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน ‘Women Thailand Cyber Top Talent 2023’ ถือเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นครั้งแรก ประสบการณ์ที่ได้รับค่อนข้างเป็นสิ่งใหม่ซึ่งช่วยเปิดโอกาสอันมากมายให้ได้เรียนรู้และแสดงความสามารถ และทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ซึ่งมีความสนใจในสายงานด้านนี้ บทบาทสำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ การเผยแพร่ความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ผู้อื่นเท่าที่จะทำได้ และเราทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกของเยาวชนไทยในการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติหรือการรู้เท่าทันถึงภัยคุกคามไซเบอร์”

“เทคโนโลยีจากหัวเว่ยและองค์กรเอกชนอื่น ๆ จะมีบทบาทอย่างมากในการช่วยยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยในมิติต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับและป้องกันกิจกรรมที่ละเมิดกฎหมายไซเบอร์ เช่น การใช้ประโยชน์จาก AI ในการตรวจจับและคาดการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนี้ การสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความรู้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างความเข้าใจอันแข็งแกร่งเกี่ยวกับความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับคนไทย” น.ส. พิมพ์ชนก กล่าวเสริม

ร.ท.หญิง รติรส แผ่นทอง ร.น. และ จ.ส.ต.หญิง ณัฐธยาน์ เรื่อศรีจันทร์ จากทีม ‘hacKEr4nDtHECA7-1’ ในระดับประชาชนทั่วไป (Open) กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนศูนย์ไซเบอร์ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งปฏิบัติงานด้านไซเบอร์ของกองทัพไทยโดยตรง เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัลชนะเลิศครั้งนี้ เพราะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพหน่วยงานของเราในการปกป้องความปลอดภัยระบบนิเวศทางไซเบอร์ของประเทศไทย อีกทั้งเป็นการวัดระดับขีดความสามารถของพวกเราเมื่อเทียบกับบุคคลภายนอก พร้อมเป็นการส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและการพัฒนาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริงในกับหน่วยงานได้”

“เราอยากจะสนับสนุนให้ผู้หญิง หรือผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิง รวมไปถึงเพศสภาพอื่นๆ (LGBTIQA+) ให้ลองออกมาทำในสิ่งที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น เช่น การเพิ่มความรู้ด้านเทคโนโลยี ด้วยการยกระดับทักษะและการเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมศักยภาพแรงงานดิจิทัลของทั้งอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การสร้างสรรค์ให้เกิดความหลากหลายภายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้วยการเพิ่มจำนวนผู้หญิงและผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิง (LGBTIQA+) จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนผู้มีความรู้ความสามารถและส่งเสริมไอเดียนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งนี้ ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น ภาคเอกชนก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังเช่นหัวเว่ยซึ่งให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และบุคลากรมาโดยตลอด ความร่วมมือนี้จะมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศต่อไป” ร.ท.หญิง รติรส กล่าวเสริมในตอนท้าย

ทั้งนี้ หัวเว่ยดำเนินงานในประเทศไทยมาเป็นเวลา 24 ปี และบริษัทได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็วของประเทศ เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลและเพิ่มศักยภาพให้กับบุคลากรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเหล่าพาร์ทเนอร์รายสำคัญ สร้างสรรค์มาเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะ ช่วยให้ประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ตามพันธกิจ ‘เติบโตในประเทศไทย เพื่อประเทศไทย’ (In Thailand, For Thailand) และ ‘ก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง’ (Leading Everyone Forward and Leaving No One Behind) ของหัวเว่ย บริษัทจะยังคงลงทุนในประเทศไทยต่อไปเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับสถานะของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค


[1] https://cybersecurityventures.com/women-in-cybersecurity-report-2023/

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สนับสนุนให้ลูกค้าได้ให้เวลากับครอบครัวเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ จัดกิจกรรม “KTAXA Kid Fun Day 2024” ณ Harbor Land ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ทั้งใน กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดอุดรธานี โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณนิสิต สีหะวงษ์ Head of Customer Relations & Event Management ให้การต้อนรับลูกค้า ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนความไว้วางใจจากลูกค้าคนสำคัญ พร้อมสร้างประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับคุณหนูๆ และครอบครัวได้มีความสุข ความสนุกสนาน ร่วมกันในวันสำคัญดังกล่าว นอกจากนั้นกิจกรรมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้ากว่า 400 ครอบครัว เข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษในครั้งนี้

กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมลูกค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://ktaxa.live/customer-activity-pr หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ โทร 1159 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนโครงการประกวด Campus Star 2023” ซึ่งเป็นโครงการประกวดเพื่อเฟ้นหาหนุ่มสาว ที่มีความสามารถด้านการแสดงเพื่อเป็นนักแสดงสังกัดค่าย MONO 29 โดยคุณนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัล TIPlife Smart Star ให้กับ นายณพวิทย์ เทวพันธ์กุล (ปาร์คกี้) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นางสาวกานต์พิชชา ศิริโชคทวีทรัพย์ (ฟาง) มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยรับมอบทุนการศึกษาคนละ 10,000 บาท และ TIPlife กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ทุนประกัน 100,000 บาท จากการประกวดรอบชิงชนะเลิศ Campus Star 2023” ณ  ชั้น 1 โซน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ  เมื่อวันก่อน  

ตอกย้ำผู้ประกอบการ “คิดถึงธุรกิจ คิดถึงดีพร้อม” คาดกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท

ขาช้อปห้ามพลาด! ปริ้นเตอร์ มัลติฟังก์ชันอิงค์แท็งก์ รุ่นยอดนิยมอย่าง DCP-T220 ลดแรงช็อตฟีลเหลือ 3,490 บาท จากราคาปกติ 4,490 บาท มาพร้อมกับรุ่น DCP-T520W ลดเหลือเพียง 4,990 บาท จากปกติ 5,790 บาท เพื่อให้ลูกค้าทุกคนเริ่มต้นปี ด้วยช่วงเทศกาลแห่งความสุขทั้งปีใหม่ต่อเนื่องถึงตรุษจีนนี้ เป็นปีแห่งความราบรื่น เสมือนงานพิมพ์ที่ใช้ ปริ้นเตอร์ บราเดอร์ ทำงานอย่างราบรื่นไม่มีสะดุดในทุกสถานการณ์ พร้อมฟังก์ชั่นระบบ AI ล้างหัวพิมพ์อัตโนมัติ ป้องกันอาการหมึกตัน ช่วยยืดอายุการทำงาน และใช้หมึกพิมพ์ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

ไม่เพียงเท่านี้ เต็มอิ่มกับแพ็คเกจสุดพิเศษ ด้วยชุดหมึกพิมพ์แท้ภายในกล่อง สามารถผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ย 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการฯ (เฉพาะรุ่น DCP-T520W) และรับประกันศูนย์ทั่วประเทศนานถึง 2 ปี ไม่ช้อปรอบนี้ จะช้อปอีกทีเมื่อไหร่! ตั้งแต่วันนี้  – 15 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น

พร้อมเตรียมปั้นสุดยอดนักขายกับโครงการ 'Shopee Mentor 2024' ถ่ายทอดสูตรแห่งความสำเร็จบนโลกอีคอมเมิร์ซ

ส่งนวัตกรรมสร้างสมดุล “ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร” เดินหน้ายกระดับการรักษาแบบองค์รวม

X

Right Click

No right click