นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต และนายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและบริหารข้อมูลลูกค้า “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วีซ่า ประเทศไทย และ ครั้งแรกกับการรวมตัวของ 10 โรงแรมลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯ เปิดตัวแคมเปญ “Layers of love”

เพื่อส่งต่อความรักผ่านงานศิลปะ ด้วยการนำผลงานภาพวาดจากศิลปินร่วมสมัย “นพัฐห์ ปูคะวนัช” ผู้รังสรรค์ชิ้นงานจากความรู้สึกที่มีต่อความรัก ความเชื่อและความหวัง ในรูปแบบของการบีบสีที่ผสมผสานลงในขวดซอส และใช้เทคนิคการปาดและการสะบัดสี มาจัดพิมพ์บนผืนผ้าพันคอ (Scarf) ที่คัดสรรเป็นพิเศษสำหรับ 10 โรงแรมพันธมิตรชั้นนำในกรุงเทพฯ ซึ่งแต่ละลวดลายของผืนผ้าบ่งบอกถึงบุคลิกของแต่ละโรงแรมที่มีความยูนีคแตกต่างกันไป ด้วยหวังให้สมาชิกที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการรับประทานอาหารภายในโรงแรม ได้ประทับใจกับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ผ้าพันคอ Layers of love รวมถึงร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรักอย่างคุ้มค่า เพียงสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า รับสิทธิพิเศษและส่วนลดสูงสุด 59% ที่ห้องอาหาร 10 โรงแรมที่ร่วมรายการและเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 4,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป (ยอดสุทธิหลังหักส่วนลด) โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลก รับทันที! ผ้าพันคอ Layers of love (Limited Edition) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 – 31 มีนาคม 2566

สำหรับ 10 โรงแรมชั้นนำที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวประกอบด้วย

โรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ 

โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ 

โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ 

โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ

โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ

โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพ 

โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท

และโรงแรมสินธร เคมปินสกี กรุงเทพ

งานเปิดตัวแคมเปญ “Layers of love” ดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ โรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://ktc.promo/hotel-dining-layers-of-love-fb สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ http://bit.ly/apply-ktc

ธนาคารกรุงไทย” เผยผลประกอบการปี 2565 ยังเติบโต ทำกำไรสุทธิ 33,698 ล้านบาท โดยเพิ่มถึงร้อยละ 56 จากปีที่ผ่านมา และกำไรไตรมาส 4 ปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากรายได้รวมที่ขยายตัวได้ดี โดยสินเชื่อเติบโตอย่างสมดุล รายได้ดอกเบี้ยเติบโตตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย เดินหน้าดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบางปรับตัวรับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดี กิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศทยอยกลับมาเป็นปกติมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง จากสงครามรัสเซียและยูเครนกดดันราคาพลังงานให้เพิ่มขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อคุมภาวะเงินเฟ้อ และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารตระหนักถึงผลกระทบต่อลูกค้าประชาชน จึงพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาปกติ ผ่านมาตรการความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้า เพื่อรองรับทิศทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว พร้อมดูแลผู้ฝากเงินให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งเสริมการออมเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 33,698 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 56.1 สาเหตุหลักจากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 8.3 จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อที่มุ่งเน้นคุณภาพ โดยสินเชื่อไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ เติบโต ร้อยละ 4.3 จากสิ้นปี 2564 และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวม ทำให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 43.68 ลดลงจากร้อยละ 45.54 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง และติดตามภาพรวมของเงินให้สินเชื่ออย่างใกล้ชิด โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) ร้อยละ 3.26 ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับร้อยละ 3.50 อีกทั้ง พิจารณาอย่างรอบคอบถึงปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน โดยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ลดลงร้อยละ 25.2 จากช่วงเดียวกันของปี ซึ่งยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 179.7 เทียบกับร้อยละ 168.8 เมื่อสิ้นปี 2564

ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 8,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.0  มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 15.8 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการเติบโตของสินเชื่อที่มุ่งเน้นคุณภาพทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย พร้อมรักษาสมดุลของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยองค์รวม ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 45.30 ลดลงจาก ร้อยละ 49.16 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 7,532 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.5 โดยยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2565 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 32.9 ซึ่งเป็นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังพร้อมกับการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบถึงปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน จากค่าครองชีพ ค่าแรงงาน อัตราดอกเบี้ย ราคาพลังงาน และเงินเฟ้อที่สูงขึ้น กระทบกลุ่มเปราะบางต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจของโลก ส่งผลให้ NPLs Ratio-Gross เท่ากับร้อยละ 3.26 และยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 179.7 โดยธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 9.7 จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวม ทำให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 45.30 ณ 31 ธันวาคม 2565 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 16.50 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 19.68 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท. ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2565 ธนาคารได้ออกตราสารด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 จำนวน 18,080 ล้านบาทเพื่อเตรียมพร้อมทดแทนตราสารด้อยสิทธิที่ไถ่ถอนจำนวน 20,000 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นการไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนดเพื่อช่วยรักษาระดับของอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้แข็งแกร่งและรองรับการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ ในปี 2565 ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยภายใต้วิถีใหม่ (New Normal) ทั้งในด้านการชำระเงิน พัฒนา “เป๋าตังเปย์” เป็นซูเปอร์วอลเล็ตสำหรับคนรุ่นใหม่ เติมเต็มฐานลูกค้าให้ตอบโจทย์ทุกฐาน จับมือพันธมิตรทำ โครงการ “Point Pay” นำคะแนนสะสมของพันธมิตรทั้ง AIS บางจาก และ MAAI by KTC มาใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสขายสินค้า เพิ่มรายได้ให้กับร้านค้าถุงเงินซึ่งเป็นร้านค้าขนาดเล็ก การออมและการลงทุน ธนาคารประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การออมและการลงทุนดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทำสถิติขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว โดยในปี2565 เสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลทั้งหมด 8 รุ่น วงเงินรวม 26,000 ล้านบาท พันธบัตรวอลเล็ต สบม. เปิดขาย 2 รุ่น วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท และ Gold Wallet ซึ่งมีพันธมิตรร้านทองชั้นนำ 3 ร้าน คือ MTS Gold แม่ทองสุก วายแอลจี และออโรร่า มีลูกค้าเปิดบัญชีแล้ว 150,000 บัญชี สนับสนุนบริการภาครัฐ ร่วมกับ “ศาลยุติธรรม” เปิดบริการ “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง” ฟ้องออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง จับมือ “กรมศุลกากร” ต่อยอด Customs Trader Portal ให้นิติบุคคลลงทะเบียนออนไลน์ และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ครั้งแรกของประเทศ จับมือ “กรมบัญชีกลาง” เปิดตัวบริการ e-GP Transformation for Thailand’s Future และพัฒนาบริการเชื่อมสิทธิข้าราชการเข้ากระเป๋าสุขภาพแบบเรียลไทม์ ร่วมกับ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” MOU ดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สำคัญธนาคารยังพัฒนาบริการสำหรับผู้พิการทางสายตาผ่านตู้ ATM ให้สามารถเข้าถึงบริการทางเงินได้สะดวก เท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ทำให้ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกแพลตฟอร์ม โดยสิ้นปี 2565 มีผู้ใช้บริการแอปฯเป๋าตังกว่า 40 ล้านคน Krungthai NEXT 16 ล้านคน Krungthai Connext 18 ล้านคน และแอปฯ ถุงเงิน 1.7 ล้านร้านค้า

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2566 Krungthai Compass คาดว่า จะขยายตัวได้ในระดับ 3.4% ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทาย จากภาคการส่งออกที่มีสัญญาณการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่ภาวะต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงตามราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า และทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ธนาคารจึงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบาง สนับสนุนการปรับตัวรองรับกับทิศทางภาวะเศรษฐกิจ พร้อมเดิมหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกมิติ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นทุกวัน ยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล(ESG) โดยนำกรอบเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน(SDGs) มาปรับใช้ในกระบวนการดำเนินงานทุกด้าน อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”

“ธนาคารกรุงไทย”จับมือ“ไอร่า แอนด์ ไอฟุล” เปิดให้บริการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ชำระเงินออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

นายยูจิ ฟุคาดะ (Mr.Yuji Fukada) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสด “เอมันนี่ (A money)” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A money บัดดี้เรื่องเงิน” กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการ ทั้งในด้านของการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการ และเพิ่มช่องทางการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งปัจจุบันเป็นแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก

บัตรกดเงินสด A money ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย และพร้อมก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สำหรับการเพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สะดวกสบาย ปลอดภัย จ่ายออนไลน์ที่ไหนก็ได้ ตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ได้แบบไร้ขีดจำกัด” นายฟุคาดะ กล่าว

สำหรับวิธีการใช้งานสำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระเงินผ่าน Krungthai NEXT เพียงติดตั้งแอปพลิเคชัน A money และ Krungthai NEXT (รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS) พร้อมลงทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน หลังจากนั้น เข้าไปที่แอปพลิเคชัน A money กดเช็คยอดที่ต้องการชำระเลือกช่องทางการชำระแบบ “ชำระเงินผ่าน Mobile Banking” แล้วกดเลือกบัญชีเป็นธนาคารกรุงไทย กดดำเนินการต่อ หลังจากนั้น จะสลับไปที่แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งสามารถใส่รหัสผ่าน และกดชำระเงิน ได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ A money โทร. 0-2004-5000

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จํากัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “Krungthai NEXT” กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยและบริษัท อินฟินิธัสฯ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะบริการด้านการชำระเงิน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Ecosystem ที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยความร่วมมือกับบริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ในการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านKrungthai NEXT ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า A money ทั่วประเทศ ช่วยให้การชำระเงินสะดวก รวดเร็ว สากล ทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลา บนมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ที่มุ่งทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล

“ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” วลีฮิตที่ไม่เคยตกยุค ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าเพศไหน วัยไหน หรือชาติใด เรื่องความงามเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานร่วมถวายแจกันดอกไม้ และลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ววัน เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

Page 3 of 6
X

Right Click

No right click