กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าติดเครื่องผู้ประกอบการ SME ไทยให้แกร่งเกินร้อย ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ให้ SME ที่กำลังมีแผนลงทุนขยายกิจการ หรือต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม ได้เดินหน้าธุรกิจอย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ SME ขนาดเล็กที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดถึง 2 เท่าของมูลค่าหลักประกัน ผ่อนได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อตลอดอายุการกู้ ให้ธุรกิจพร้อมเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่งเกินร้อย

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีโจทย์ความต้องการทางการเงินที่แตกต่างกัน กรุงศรีจึงออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า SME แต่ละกลุ่มแตกต่างกัน  สำหรับในช่วงปัจจุบันที่แนวโน้มเศรษฐกิจอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว ผู้ประกอบการ SME ส่วนมากจะมองหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เตรียมพร้อมรับกับโอกาสธุรกิจที่เข้ามา โดยหากพิจารณาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งจะพบว่า กลุ่ม SME ขนาดเล็ก ที่เป็นบุคคลธรรมดา มักมีข้อจำกัดในเรื่องหลักประกันที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการสินเชื่อ กรุงศรีจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับกับความต้องการของ SME รายเล็ก ที่ต้องการวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยธนาคารสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินให้สูงสุดถึง 2 เท่า ของมูลค่าหลักประกัน หรือเกินร้อยเปอร์เซ็นต์จากหลักประกันที่มี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อนุมัติทั้งวงเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะยาวในคราวเดียวกัน อีกทั้งฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ซึ่งผู้ประกอบสามารถเลือกใช้วงเงินสินเชื่อได้ตามความต้องการ ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และเพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจระยะยาว”

สำหรับ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” เป็นสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่อนุมัติวงเงินกู้เริ่มตั้งแต่ 3 แสน - 10 ล้านบาท ผ่อนชำระได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน MRR + 3.0% โดยสามารถใช้หลักประกันเป็นเงินฝาก หรือหลักทรัพย์  ได้แก่ อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม) ไม่รวมที่ดินว่างเปล่า และมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ไม่มีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อตลอดอายุการกู้ โดยสามารถยื่นเอกสารสมัครขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ทั้งนี้ ระยะเวลาในการสมัครขอสินเชื่อขึ้นอยู่กับวงเงินค้ำประกันสินเชื่อคงเหลือของ บสย. หรือการเปิดรับการค้ำประกันตามระยะเวลาที่ บสย. กำหนด

“กรุงศรีคาดว่า “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” จะเป็นกำลังสนับสนุนให้ลูกค้า SME สามารถเดินหน้าและหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยธนาคารตั้งเป้ายอดการขอสินเชื่อนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้กรุงศรีพร้อมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการตลอดจนความรู้และสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจให้ความไว้วางใจอย่างแท้จริง” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อกลุ่มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจรายย่อย โทร. 02-296-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการและถือหุ้นในสัดส่วน 75% ของ PT. Home Credit Indonesia (Home Credit Indonesia) ซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน PT Adira Dinamika Multi Finance, Tbk (Adira Finance) บริษัทในเครือ Bank Danamon หนึ่งในสมาชิกของ MUFG ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 9.83% ของ Home Credit Indonesia ด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้กรุงศรีเติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาค (Regional Bank) และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ตามแผนธุรกิจระยะกลางของกรุงศรีที่ต้องการขยายและสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรียังคงขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าในอาเซียน ซึ่งจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ครั้งนี้ ทำให้มีธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นประเทศล่าสุด และยังมีสำนักงานตัวแทนซึ่งตั้งอยู่ในเมียนมาด้วย นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งของกรุงศรีในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาคอาเซียนให้ชัดเจนขึ้น”

“อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.0% ต่อปีในช่วง 5 ปีนับจากนี้ อีกทั้งยังมีอัตราการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Home Credit Indonesia นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียมาเป็นเวลาราว 10 ปี ปัจจุบันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 17 ล้านรายและฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านราย โดยหลังจากนี้ เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและกรุงศรีจะใช้ความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและการบริหารจัดการความเสี่ยงในการขยายเครือข่ายพันธมิตรใหม่ ๆ สร้างความเติบโตให้กับฐานลูกค้า รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น” นายยามาโตะ กล่าวเพิ่มเติม

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ในครั้งนี้ สำหรับ Adira Finance  นี่คือก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการผสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง Adira Finance และบริษัทในเครือ MUFG ในการนำเสนอบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ” Dewa Made Susila, President Director, Adira Finance กล่าว

“สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและความแข็งแกร่งของ Home Credit Indonesia นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 Home Credit ได้นำเสนอบริการทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและหลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ และความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการรายหลัก และลูกค้านั้นได้ส่งผลให้เกิดอิโคซิสเต็มส์ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ น่าเชื่อถือ และมีราคาที่เหมาะสม” Animesh Narang, Chief Executive Officer, Home Credit Indonesia กล่าว

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยการเติบโตสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคใน สปป.ลาว มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทาย

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 ของ บริษัท กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (สปป.ลาว) หรือ Krungsri Leasing Services (Lao PDR) เริ่มเห็นปริมาณความต้องการสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้น โดยมียอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นราว 36% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่กรุงศรีได้มีการปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในสปป.ลาว มากขึ้น โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่สามารถช่วยเสริมสภาพคล่องและตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของลูกค้า เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเดินหน้าและก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ปัจจุบันไปได้”

ล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างสินเชื่อคาร์ ฟอร์ แคช (Car4Cash) มียอดสินเชื่อรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2563 จนเป็นอันดับหนึ่งด้านการรับรู้ของลูกค้าเมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งมีจุดเด่นด้านอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเช่นกัน โดยกรุงศรีได้ส่งต่อความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการบริหารทีมขาย การสื่อสาร การวิเคราะห์ และทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจนถึงเดือนสิงหาคม 12% ของจำนวนสินเชื่อใหม่เป็นการสมัครสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล และยังมีแนวโน้มในการเติบโตผ่านช่องทางนี้ในอัตราที่สูงขึ้นตามแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว ของปี 2566 เป็นช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 มีการปรับตัวที่ดีขึ้นแม้ยังมีความเปราะบาง โดยการลงทุนจากประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ที่ชะลอแผนการลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ได้กลับมาดำเนินการ อาทิเช่น ธุรกิจค้าปลีก และพลังงานสะอาด ขณะที่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปีที่สูงกว่า 40% โดยวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นในระยะสั้น โดยได้รับแรงหนุนจากภาคบริการ ที่มีการฟื้นตัวหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามการเติบโตของเศรษฐกิจลาวยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด โดยคาดว่าการเติบโตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4.0% ต่อปี เทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดอยู่ที่ 6.4%
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจ กรุงศรียังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ควบคู่กับการดูแลคุณภาพของสินทรัพย์ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และยึดถือแนวปฏิบัติด้านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ พิจารณาถึงความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าด้วย โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ธุรกิจกรุงศรีในสปป. ลาว มีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ในระดับที่ ต่ำกว่า 1% และโดยภาพรวมปีนี้กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (สปป.ลาว) ทำได้ดี ซึ่งจากนี้ กรุงศรีจะยังคงเดินหน้าสานต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีในการดำเนินงาน ศักยภาพของบุคลากร รวมไปถึงพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในสปป. ลาว และสามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทาย เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้าย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่ผลงานโฆษณาล่าสุดของธนาคารกรุงศรี จากการปรับแบรนด์ (Brand Refresh) และเปิดตัวคำมั่นสัญญาใหม่ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ได้รับ 2 รางวัลใหญ่จาก 2 เวทีระดับโลก ได้แก่ รางวัล Bronze ในสาขา Online Films จากงาน AdForum PHNX Awards 2023 และ รางวัล Crystal ในสาขา Entertainment Video Stars จากงาน MAD STARS 2023 โดยหนังโฆษณากรุงศรีเป็นหนึ่งใน 3ผลงานของคนไทยจากผู้เข้าชิงทั่วโลกที่คว้ารางวัลจากงาน AdForum PHNX Awards ได้ในปีนี้ ต่อด้วยคว้าอีก 1 รางวัลจากงาน MAD STARS 2023 นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในด้านการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์กรุงศรี สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้ามี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ผ่านกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นและเข้าใจง่าย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) นำโดย นายกฤตภัค สุวรรณผ่อง (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล และนางสาวศรีสุดา นิตติวัฒน์ (ที่สองจากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารความสัมพันธ์กับธุรกิจ ร่วมด้วยคณะผู้บริหารกรุงศรี คว้า 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจจากงาน “HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023” ประกอบไปด้วย รางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 องค์กรดีเด่นที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย และรางวัล HR Asia Most Caring Company Awards 2023 องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่พนักงานทั้งในส่วนของการใช้ชีวิตและการทำงาน ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยมากที่สุด (The Best Place to Work for)

งานมอบรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดย นิตยสาร HR Asia ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชีย ณ ทรูไอคอน ฮอลล์  ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click