เช้าวันนี้ (24 ก.พ.) เศร้า หดหู่ กับวิกฤติการเมืองเมืองไทยมากครับ

NTT Ltd., ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เผยถึงการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2020 ใน Future Disrupted : 2020  โดยชี้แนวโน้ม 6 เทคโนโลยีสำคัญช่วยพัฒนาธุรกิจ สอดรับการพลิกโฉมและยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล

โดยแนวโน้มเทคโนโลยีที่สำคัญทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย

เทคโนโลยีด้าน Disruptive (Disruptive Technologies)

การรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity)

รูปแบบสถานที่ทำงาน (Workplace)

โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)

ธุรกิจ (Business)

และการบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Services)

Ettienne Reinecke ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท NTT Ltd. คาดการณ์ว่า "การใช้เทคโนโลยีด้าน Disruptive ( disruptive technologies ) ที่จะเกิดเป็นกระแสหลักในปี 2020 โดยจะเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูล ระบบอัตโนมัติ และ IoT (Internet of Things) เข้าด้วยกันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อของเมืองและสังคมให้เชื่อมโยงถึงกัน"

เอ็นทีที ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2020 หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยกล่าวถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะมีการเชื่อมต่อกันเพื่อนำไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะที่มีความชาญฉลาด รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน และธุรกิจยุคใหม่ที่เชื่องโยงถึงกันบนพื้นฐานของความปลอดภัย

ทั้งนี้ ระบบข้อมูล เทคโนโลยีด้าน  AI (Artificial Intelligence) และระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการออกแบบมาโดยตรง จะเป็นหัวใจที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอุปกรณ์ต่างๆ ให้เชื่อมโยงและสื่อสารข้อมูลถึงกันได้ด้วยตัวเอง โดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ เมืองอัจฉริยะและการใช้ IoT จะกลายเป็นบรรทัดฐานในการปรับปรุงประสิทธิภาพ สร้างการเติบโต และพัฒนานวัตกรรมในทุกภูมิภาค

ที่ผ่านมา เอ็นทีที มีการควบรวมบริษัทต่างๆ ในเครือ ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ NTT Ltd. ปัจจุบัน  NTT Ltd. มีพนักงาน 40,000 คนจาก 31 แบรนด์ ซึ่งรวมทั้งบริษัท  NTT Communications บริษัท Dimension Data และบริษัท NTT Security เพื่อให้บริการลูกค้ากว่า 10,000 รายทั่วโลก

การใช้ข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมจากฐานลูกค้าทั่วโลก ทำให้เอ็นทีทีสามารถคาดการณ์อนาคตเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้ รายงานการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2020 ใน Future Disrupted : 2020 จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมเห็นทิศทางและแนวทางที่จำเป็นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2020

          “ที่ผ่านมา หลายอุตสาหกรรมมักพูดถึงเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งระบบคลาวด์ ข้อมูล เทคโนโลยีเอไอ และระบบความปลอดภัยในมุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปีหน้าสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป โดยเราจะเห็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์มีการประมวลผลอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ ที่มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น มีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม" Ettienne Reinecke กล่าว

Reinecke กล่าวต่อว่า ในปี 2020 เมืองและสังคมต่างๆ ทั่วโลกจะเริ่มเดินตามรอยการพัฒนาเมืองของลาสเวกัส ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบของเมืองอัจฉริยะที่มีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างภูมิภาค และสร้างการรับรู้สถานการณ์ต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีในรูปแบบวิดีโอและเสียงด้วยการใช้เทคโนโลยี IoT บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัย ลาสเวกัสได้พัฒนาเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อการอยู่อาศัย มีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ เพื่อไปสู่เป้าหมายของการมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ จำเป็นต้องอาศัยการผสมผสานเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ โดยเรามองว่าการพัฒนาเมืองในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีในปีหน้า

รายงานการคาดการณ์ Future Disrupted : 2020 จัดทำและรวบรวมขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของเอ็นทีที โดยได้ระบุแนวโน้มสำคัญใน 12 เดือนข้างหน้า รวมถึงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต และขั้นตอนต่างๆ ที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์ตลอดปี 2020

แม้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงที่ผ่านมากลับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้ากว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งชี้ให้เห็นชัดว่า เรายังไม่มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ช่วยแก้ปัญหาในสังคม ธุรกิจ หรือในชุมชน ฉะนั้นยังมีโอกาสอีกมากที่เราจะใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่างๆ เพื่อสนับสนุนการริเริ่มสร้างนวัตกรรมในหลากหลายสาขา เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต

เทคโนโลยีสำคัญที่เอ็นทีทีคาดว่าจะมีบทบาทในอนาคต ประกอบด้วย

  1. Digital Twining : เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองเสมือน โดยอาศัยข้อมูล (datapoints) ที่เพียงพอ เพื่อสร้างแบบจำลองที่มีรูปแบบพฤติกรรมและความเข้าใจใกล้เคียงกับต้นแบบจริงเพื่อให้ได้ผลแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
  2. การสร้างความไว้วางใจผ่านการโต้ตอบบนระบบดิจิตอล (Building trust through digital interactions) : เมื่อ AI ได้รับการพัฒนาขึ้น ธุรกิจสามารถปรับปรุงรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น จากเพียงการให้บริการเชิงธุรกรรมเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้างระบบที่สามารถดูแลลูกค้าเพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
  3. การสร้าง Phygital Space (Immersive, responsive ‘phygital’ spaces) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัล (Digital) และโลกกายภาพ (Physical) โดยอาศัยพื้นที่ทางกายภาพ เช่น ห้องประชุม สำนักงาน หรือร้านค้า ติดตั้งเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์ที่หลากหลาย
  4. อาคารอัจฉริยะ (Smart Buildings) ที่ใช้ IoT เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบายและยั่งยืนมากขึ้น โดยอาคารอัจฉริยะสามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับจำนวนผู้คนในอาคาร หรือปรับแสงสว่างให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาของวันโดยอัตโนมัติ
  5. Data Wallets เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลนั้นๆ จะอยู่ที่เจ้าของข้อมูลอย่างปลอดภัย โดยผู้อื่นไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้หากไม่ได้รับอนุญาต และหากเจ้าของข้อมูลถูกคุกคาม ข้อมูลนั้นจะถูกล็อคและไม่สามารถเข้าถึงได้

รายละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีในปี 2020 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ dedicated Future Disrupted page

บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส พร้อมปล่อยสินเชื่อวงเงิน 500-1,000 ล้านบาทให้ตัวแทน

ตอบโจทย์ชีวิตสำเร็จรูปของคนรุ่นใหม่ !!! โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) ผู้นำและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง พร้อมทาน สไตล์ญี่ปุ่น ขอเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพใหม่ล่าสุด ได้แก่ “โออิชิ อีทโตะ ราเมน (OISHI EATO RAMEN)” พร้อมเสิร์ฟความอร่อยของเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตอย่าง ราเมน ในรูปแบบราเมนผัดแห้งพร้อมทาน มีให้เลือกถึง 2 สูตร 2 รสชาติ ทั้งกลมกล่อม เข้มข้น ในสไตล์ญี่ปุ่นกับ โออิชิ อีทโตะ ราเม “ไก่เทอริยากิผัดซอสนาเบะ” และเผ็ดจัดจ้าน ในสไตล์ฟิวชันกับ โออิชิ อีทโตะ ราเมน “แฮมผัดซอสหม่าล่า” เหมาะสำหรับมื้อเร่งรีบของวันที่ต้องการความสะดวกและความอร่อยไปพร้อม ๆ กัน โดยวางจำหน่ายในราคาแพ็กละ 59 บาท ที่ เซเว่น อีเลฟเว่น  จำนวนกว่า 6,000 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมคลิกแฟนเพจโออิชิอีทโตะ : www.facebook.com/OishiEato

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ “สกิลเลน” (SkillLane) แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับคนทำงานคุณภาพมากกว่า 500 คอร์ส สอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและสถาบันชั้นนำจากประสบการณ์จริงกว่า 400 ท่าน มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลด 300 บาททันที พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER เมื่อสมัครคอร์สออนไลน์ผ่าน www.SkillLane.com ครบ 2,000 บาทต่อรายการ โดยระบุรหัสส่วนลด “KTCSKL300” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 – 31 มกราคม 2563

“SkillLane (สกิลเลน)” หรือ Digital Learning Platform ชั้นนำของไทย เป็นแพลตฟอร์มเพื่อให้คนทำงานเข้าถึงความรู้ที่เน้นการพัฒนาทักษะตามความต้องการ (on-demand) เพื่อเพิ่มพูนทักษะการทำงานและการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้เองตามใจแม้จะมีเวลาว่างเพียง 15 นาทีในแต่ละวัน ปัจจุบันมีคอร์สเรียนออนไลน์ครอบคลุมมากกว่า 15 หมวดหมู่ ทั้งหมวดการเงินการลงทุน  หมวดอสังหาริมทรัพย์ หมวดธุรกิจ  หมวดการตลาด  หมวดพัฒนาตนเอง  หมวดภาษา  หมวดคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงหมวดไลฟ์สไตล์ อัดแน่นด้วยอาจารย์ผู้สอนที่เชี่ยวชาญและสถาบันชั้นนำ อาทิ ลูกเกด-เมทินี / อาจารย์อดัม แบรดชอว์ / ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ / กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม / หยง-ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ / 2Morrow Group, SCBS, SCG, AIS The StartUp ฯลฯ

นอกจากนี้ สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซียังสามารถแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ากับยอดซื้อต่อรายการ และรับคะแนน KTC FOREVER สูงสุด X12 (คะแนนปกติ 1 เท่า + คะแนนพิเศษสูงสุด 11 เท่า) เพียงใช้จ่ายและลงทะเบียนรับสิทธิที่ www.ktc.co.th/shoponline ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 และวันที่ 12 ธันวาคม 2562 เท่านั้น

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชั่นออนไลน์อื่นๆ ของเคทีซีได้ที่ www.ktc.co.th/shoponline แหล่งรวมโค้ดส่วนลดจากพันธมิตรออนไลน์ที่มากที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ http://bit.ly/2uPcS19  หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ #สุขสุดคุ้ม กับบัตรเคทีซี

ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม สำหรับกิจกรรมเสวนา Talk To Top Vol.1 : Go Green Together กับ ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา งานนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนและหน่วยงานที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสื่อมวลชนเดินทางมาร่วมงานคับคั่ง บรรยากาศของงานจัดในรูปแบบเป็นกันเอง การตกแต่งต่าง ๆ เน้นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ใช้พลาสติก

สำหรับงานในวันนั้น ท่านรัฐมนตรีวราวุธและทีมทำงานเดินทางมาในชุดลำลองสบายๆ กางเกงขาสั้น เสื้อโปโล เรียกความสนใจให้กับผู้มาร่วมงานพอสมควร เพราะไม่เคยเห็นท่านในลุคนี้มาก่อน โดยที่มาในการแต่งตัวสบายๆ นั้น คุณวราวุธให้เหตุผลว่า เพื่อสร้างความเป็นกันเองและสื่อถึงความเรียบง่ายให้กับผู้มาร่วมงาน โดยความตั้งใจของกิจกรรมครั้งนี้

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า  “อยากเอาตัวเองออกมาจากระบบราชการ แล้วมานั่งฟังความในใจของประชาชนที่แท้จริง ทั้งนี้ เพื่อหาจุดลงตัวในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตนเชื่อว่า ไม่มีทางที่เราจะรอบรู้และเข้าใจได้ทุกอย่าง โดยไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนจากทุกฝ่าย วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ตนได้มารับฟัง และพูดคุยกับเพื่อนบ้านของตนว่าเขาเห็นอะไร คิดอะไร และกำลังเจอกับปัญหาอะไรในทุกวัน เพื่อนำข้อเท็จจริงไปปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการทำงานใน กระทรวงฯ ต่อไป

และสิ่งสำคัญคือ เป็นโอกาสที่ให้เราทุกคนได้มาทำความรู้จัก พร้อมสร้างเครือข่ายของพลเมืองที่มีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อสังคมที่ใส่ใจในปัญหาสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การต่อยอดในการทำงานร่วมกันต่อไป เพราะตนเชื่อว่า การจะบรรลุเป้าหมายโดยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศสีเขียวได้นั้น จะต้องช่วยกันทั้งภาครัฐและภาคประชาชน เพราะตบมือข้างเดียวไม่มีวันดัง”

โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกและเลือกกรุงเทพฯ เป็นเมืองเริ่มต้น ถือเป็นกิจกรรมรูปแบบทดลองของตนในการพูดคุย จะมีการนำกระบวนการที่เรียกว่า Design Thinking เข้ามาเป็นกรอบในการพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งภายหลังเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียน ร่วมกิจกรรมผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจ Top Varawut ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา พบมีผู้สนใจร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างล้นหลามในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง จนต้องปิดลงทะเบียนก่อนกำหนดเพื่อจะได้ร่วมรับฟังความเห็นจากผู้เข้าร่วมกันอย่างทั่วถึง ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

"หลังจากจบกิจกรรมในวันนี้ผมจะนำปัญหาที่ได้รับฟังทั้งหมดไปทำ Solution Matching ต่อ วันนี้ผมให้อธิบดีจากกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาแฝงตัวนั่งฟังแบบเงียบๆ ด้วย แล้วเราจะได้ร่วมกันทำงานต่อได้อย่างตรงประเด็น เชื่อว่าต่อไปจะมีโอกาสได้จัดกิจกรรมในรูปแบบนี้อีกเรื่อยๆ เพราะผมเชื่อว่าประเด็นสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่คนไทยหลายๆคน กำลังตื่นตัวและให้ความสำคัญ และต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยกันแก้ไขปัญหามากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต กิจกรรมวันนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเพราะผู้ร่วมงานทุกคนก็รู้สึกดีที่เขาได้มีส่วนร่วม ร่วมกับการทำงานของภาครัฐ ผมอยากให้ทุกคนตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมเพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ จัดงานครั้งต่อไปอย่าลืมมาร่วมงานกันเยอะๆนะครับ” นายวราวุธ กล่าว

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 100 ปี ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ จัดงาน “AIA Centennial Run” กิจกรรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพและการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ ตอกย้ำคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นำโดยนายอัลเจอร์ ฟัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย ที่มาร่วมวิ่งไปพร้อมกับเหล่านักวิ่งสายแกร่งที่ข้ามผ่านความเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง (CI Survivors) จำนวน 100 คน พร้อมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้นกว่า 20,000 คน

โดยในงานยังมี AIA Ambassador ของประเทศไทย อาทิ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ AIA Vitality Ambassador, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ AIA Unit Linked Ambassador, และ บ๊อบ-ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ AIA Prestige Ambassador ร่วมสร้างปรากฏการณ์ส่งต่อความสุขและสุขภาพที่ดีแก่คนไทยทั่วประเทศ ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากการจัดกิจกรรมมอบให้กับ 10 องค์กรการกุศล เพื่อเป็นการตอบแทนสังคม

นายอัลเจอร์ ฟัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษอีกหนึ่งปีของกลุ่มบริษัทเอไอเอที่ได้ดำเนินธุรกิจครบรอบ 100 ปี ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบครั้งสำคัญนี้ แต่ละประเทศที่เอไอเอ ดำเนินธุรกิจอยู่รวม 18 ประเทศ ได้ร่วมทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบตลอดทั้งปีในธีม 100 สำหรับ เอไอเอ ประเทศไทย

เราได้จัดงาน AIA Centennial Run กิจกรรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพและการกุศลครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีของกลุ่มบริษัทเอไอเอแล้ว ยังเป็นการสานต่อกิจกรรม AIA Sharing A Life ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เอไอเอ ประเทศไทย ได้จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าพนักงาน ตัวแทน ลูกค้า รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันทำความดีเพื่อสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เอไอเอ ประเทศไทย จัดขึ้นทุกปี โดยความสำเร็จในครั้งนี้ เห็นได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม AIA Centennial Run ทั้งสิ้นกว่า 20,000 คน แสดงให้เห็นว่าคนไทยในปัจจุบันเล็งเห็นถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยรายได้ทั้งหมดจากการจัดกิจกรรมจะมอบให้แก่ 10 องค์กรการกุศล เพื่อช่วยสนับสนุนสังคมไทยของเราให้ดียิ่งขึ้นไป และภายในงานเอไอเอ ประเทศไทย ยังได้ส่งต่อไม้บาตองซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลอง 100 ปี ให้กับฮ่องกงซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเอไอเออีกด้วย”

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ขอขอบคุณประชาชนคนไทยกว่า 20,000 คนที่มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญในการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีกลุ่มบริษัทเอไอเอ รวมถึงพันธมิตรอันหลากหลายที่มาร่วมทำความดีตอบแทนสังคมในงาน AIA Centennial Run ซึ่งเอไอเอ ยังคงมุ่งยกระดับทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับพัฒนาสังคมในแต่ละประเทศที่เอไอเอ ดำเนินธุรกิจอยู่ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ดังคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ร่วมงาน “มหกรรมการเงิน Money Expo เชียงใหม่”

วิทยาลัยดุสิตธานี หนึ่งในสถาบันการศึกษาเอกชนชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมบริการของประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งในระดับชาติและระดับสากล นำโดย ดร.อรรถเวทย์  พฤกษ์สถาพร รักษาการอธิการบดี “ร่วมลงนามบันทึกข้อความตกลงความร่วมมือเชิงวิชาการ กับ ดร.เขมสิริ ประภามนตรีพงศ์ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนประภามนตรี 2 โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อร่วมมือกันพัฒนาทางวิชาการของทั้งสองสถาบันในด้านต่าง ๆ ณ ห้องประชุม บัวสวรรค์ โรงเรียนประภามนตรี 2 

ด้วยธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม และการให้บริการในแขนงต่าง ๆ ซึ่งสร้างผลประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านให้กับประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเป็นแหล่งสร้างรายได้ของประเทศไทย รวมถึงสร้างอาชีพให้คนไทยอย่างมากมาย การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้กับผู้สำเร็จการศึกษาหรือบุคลากรจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทั้งสองสถาบันให้ความสำคัญ จึงได้เกิดการประสานความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น

ซึ่งครอบคลุมไปถึงในด้านการส่งเสริม สนับสนุน เสนอแนะ และให้คำปรึกษาทางด้านจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน การส่งเสริมกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น การศึกษาดูงาน การเปิดโอกาสในการฝึกปฏิบัติการร่วมกัน การจัดกิจกรรมวิชาการของนักเรียน และยังรวมไปถึงด้านการจัดโปรแกรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการจัดเสริมประสบการณ์รายวิชาโรงเรียนร่วมกับวิทยาลัย เป็นต้น

โดยในการลงนามบันทึกข้อความตกลงความร่วมมือเชิงวิชาการระหว่างวิทยาลัยดุสิตธานีและโรงเรียนประภามนตรี 2 ในครั้งนี้ ยังมีผู้บริหารของทั้งสองสถาบันเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน และยังรวมไปถึงผู้ปกครอง และนักเรียนที่สนใจทางด้านอุตสาหกรรมบริการ

X

Right Click

No right click